[CR] แชร์ประสบการณ์และแพลน "เที่ยวยุโรปครั้งแรกในชีวิต” [Part 2] - ฝรั่งเศส (Paris-Reims-Strasbourg)

กระทู้นี้ จะเป็นการแบ่งปันการท่องเที่ยว “ยุโรป “ ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่ได้ไปเหยียบทวีปยุโรป ในชีวิตของพวกเรา 
ซึ่งมันไม่ยากเลย เราเชื่อว่า ทุกๆคนสามารถไปได้!!

📍หลายๆคน คงมีความฝันที่จะได้ไปท่องเที่ยวที่ยุโรป สักครั้งในชีวิต เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ แต่ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี.. 
ลองติดตามที่กระทู้ของเราได้เลย 😊
**กระทู้นี้จะขอแบ่งเป็น 4 พาร์ทนะคะ
[Part 1] -  การเตรียมตัว-วางแผนการเที่ยว >>> https://pantip.com/topic/38996547
[Part1.1] - วิธีรับมือกับโจรยุโรป >>> https://pantip.com/topic/38999759
[Part 2] -  ฝรั่งเศส แชร์ประสบการณ์และสรุปค่าใช้จ่าย >>> https://pantip.com/topic/39017395
[Part 3] -  สวิสเซอร์แลนด์ แชร์ประสบการณ์และสรุปค่าใช้จ่าย
[Part 4] -  อิตาลี แชร์ประสบการณ์และสรุปค่าใช้จ่าย

📍ค่าใช้จ่าย/คน
วันที่ 1 -Paris
• ค่าโรงแรม IBIS Paris Avenue dltalie 13 eme = 1,900 บาท
• ค่ารถบัสเข้าเมือง = 420 บาท
• ค่าตั๋วรถไฟ Navigo Pass = 1,000 บาท
• ค่าขึ้นประตูชัย = 500 บาท

วันที่ 2-Paris
• ค่าโรงแรม IBIS Paris Avenue dltalie 13 eme = 1,900 บาท
• ค่าเช้า Louvre Museum = 600 บาท
• ค่าเข้า Opera = 400 บาท

วันที่ 3-Disneyland
• ค่าโรงแรม Relais Spa Chessy Residence (Recommend) = 1,550 บาท
• ค่าเข้า Disneyland 1 day 2 park = 2,300 บาท

วันที่ 4-Reims
• ค่าโรงแรม Hotel Crystal Reims Centre = 1,550 บาท
• ค่ารถไฟ TGV เดินทางไป Reims = 700 บาท

วันที่ 5-Strasbourg
• ค่าโรงแรม IBIS Styles Strasbourg Gate Hotel = 1,500 บาท
• ค่ารถไฟ TGV เดินทางไป Strasbourg = 1,000 บาท

💸รวมค่าใช้จ่าย(ฝรั่งเศส) 5วัน5คืน = 14,420 บาท/คน

Paris

Reims

Strasbourg

Day 1 - Paris

เมือง Paris วันที่ 1 

หลังจากที่พวกเราเดินจากอันยาวนานจากประเทศไทย ในที่สุดก็มาถึงเมืองน้ำหอมและหอไอเฟล 

โบสถ์แห่งเมืองปารีส Norte Dame de Paris เป็นสถานที่ๆสวยและคนเยอะมากๆด้วยเช่นกัน เสียดายที่ผมไม่ได้เข้าเพราะคนเยอะ เลยตัดสินใจดูและถ่ายรูปอยู่ด้านนอก ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้กำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมเนื่องจากปัญหาเพลิงไหม้

หอไอเฟล Eiffel Tower เชื่อว่าหลายๆคนต้องได้เห็นรูปผ่านตามาแล้วแน่ๆ ซึ่งของจริงที่ผมได้เห็นมันสูง และสวยมากๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องระวังมากๆ คือบริเวณนี้เป็นที่ชุมนุมของเหล่าแก๊งมิจฉาชีพเลยครับ สำหรับใครที่หามุมถ่ายรูปไม่มีคนก็ลองตามพิกัดของเราได้นะครับ อยู่ใกล้ๆกับสะพานหน้าหอไอเฟลเลยครับ

“The Centre Pompidou”สำหรับใครที่ชอบงานศิลปะไอเดียเจ๋งๆ ที่แห่งนี้อาจจะตอบโจทย์ของคุณครับ นอกจากตัวอาคารที่เจ๋งแล้ว ภายในยังมีนิทรรศการงานศิลปะ หมุนเวียนมาจัดแสดงให้เราชมด้วยครับ แต่ต้องเสียเงินซื้อตั๋วเข้าไปดูนะครับ

“Galeries Lafayette”ห้างที่มีโดมสุดเก๋ให้เราถ่ายรูป และยังมีดาดฟ้าให้เราสามารถส่องหอไอเฟลในอีกมุมนึงของเมืองได้ครับ

“Arc de Triomphe” ประตูชัย 

ไฮไลท์สุดท้ายของวัน หลังจากเดินเที่ยวมาทั้งวันในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตก ผมก็เลือกที่จะขึ้นประตูชัยเพื่อชมวิวของเมืองปารีส ทั้งตอนกลางวันจนตะวันตกดิน โดยประตูชัยจะมีบัตรให้เลือกสองแบบครับ คือแบบบันไดกับลิฟต์ ซึ่งแน่นอนผมเลือกขึ้นบันไดเนื่องจากถูกกว่าและไม่ต้องไปต่อคิวขึ้นครับ แถมยังได้รูปบันไดวนมาฝากเพื่อนๆอีกด้วย

ภาพถ่ายจากข้างบน “Arc de Triomphe”ประตูชัย


Day 2 - Paris
เมือง Paris วันที่ 2 

“Musee du Louvre “

วันนี้เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุด เพราะว่าจะได้ไป!!! ลูฟวร์นั่นเองงงง ซึ่งความฝันของผมก็คือได้เห็นมัมมี่

ใช่แล้วมัมมี่จากอียิปต์ แต่ต้องมาดูที่ฝรั่งเศส ฮ่าๆ 
ในที่สุดก็ได้เห็นทั้งมัมมี่ โมนาลิซ่า และของโบราณทั้งหลายจากทั่วทุกมุมโลก หากใครมีเวลาก็แนะนำให้อยู่ที่นี่ซักวันนึง เนื่องจากมันใหญ่มากกกกก

“Opera De Paris” 

เรามาต่อกันที่โรงละคร ซึ่งเป็นโรงละครที่ใช้จัดแสดงกันจริงๆมากตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ข้างในสวยและหรูหรามากๆ 
...ในสมัยก่อนก็มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่มีสิทธ์เข้ามาชมละคร หากใครมีเวลาก็แวะมาชื่นชมได้ครับบบ

“Opera De Paris” 

บนชั้น2ของโรงละคร ก็มีจัดแสดงรูปภาพต่างๆด้วย
และยังมีระเบียงที่มองลงไปเห็นถนนด้านล่าง..

เป็นมุมที่สวยแถมยังได้เห็นผู้คนเดินไปมาด้วยครับ

“Montmartre”

มงมาร์ต ในตอนแรกผมลังเลที่จะมา เนื่องจากได้ยินว่าเป็นย่านที่ค่อนข้างน่ากลัวเพราะมีโจรเยอะ แต่พอมาถึงนอกจากความสวยงามของโบสถ์ และบรรยากาศที่ดีมากๆ ก็ไม่เจออะไรครับ จะเจอก็แต่เด็กขายเบียร์ที่บวกกำไรเยอะนิดหน่อยไว้ให้นักท่องเที่ยวจิบเบียร์ชมความงานของเมือง ฟินกันไปเลยครับ 

*** หากใครจะมาแนะนำให้ระวังกระเป๋าและเงินเอาไว้ซักนิดครับ

Day 3 - Disneyland
“Disneyland Paris”
วันที่3 พวกเราใช้เวลาทั้งวันในสวนสนุก..
วันนี้ภรรยาแฮปปี้สุดๆ 😂

มัวแต่วิ่งเล่นเครื่องเล่น จนไม่ได้ถ่ายรูป
จะมีก็แต่ปราสาทเนี่ยแหละที่ได้หยุดถ่าย


Day 4 - Reims

“เมือง Reims”

วันที่ 4 หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการท่องเที่ยวในเมืองใหญ่อย่างปารีส เมืองใกล้ปารีสที่น่ารักมากๆ เมืองหนึ่งที่อยู่ในใจของผมตั้งแต่วันนั้นที่ไปถึงก็คือ Reims 

Reims เป็นเมืองเก่าแก่ที่กษัตริย์ของฝรั่งเศสต้องมาสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง มีโบสถ์ที่เป็นจุดเด่นก็คือ "Cathédrale Notre Dame de Reims" อีกเรื่องเด่นของที่นี่ก็คือการทำไวน์นั่นเองครับ

Cathédrale Notre Dame de Reims ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมมาถึงขอบอกเลยว่าในโบสถ์มีคนแค่ 3-4 คน ไม่ต้องซื้อบัตรค่าเข้าใดๆเลย เป็นโบสถ์จริงๆ พอเข้าไปอยู่แล้วรู้สึกตัวเองเล็กแค่นิดเดียว มันทำให้ผมเกิดความคิดเลื่อมใส และรู้สึกว่านี่สินะที่ทำให้คนสมัยก่อน รู้สึกเย็นใจเมื่อได้เข้าโบส ไม่เหมือนกันโบสถ์ที่ Cathédrale Notre Dame de Paris ที่คนเยอะมากๆๆๆ จนเราซึมซับอารมย์อะไรแบบนี้ไม่ได้เลย โดยโบสถ์แห่งนี้แท้จริงแล้วเคยถล่มลงมาแล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และในภายหลังได้มีความร่วมมือของชาวบ้านและนักบุญในการเก็บรวบรวมเศษอิฐทุกก้อนใช้ในการบูรณะซ่อมแซมให้กลับมาเป็นดังเดิม

การเดินทางในเมือง เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ทำให้สามารถเดินได้ทั่วถึงทั้งเมือง แต่หากใครอยากจะทดลองใช้บริการรถรางก็มีให้ลองนะครับ 

อีกหนึ่งความประทับใจนั่นคือเมือง Reims เป็นเมืองเล็กๆทำให้อากาศค่อนข้างบริสุทธิ์ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การพักผ่อน เพราะตอนที่เราคุยตกลงกันในการจัดทริป ต้องมีหนักมีเบา 3 วันที่ผ่านมาจัดหนักทั้งเดินเที่ยวในปารีส ทั้งดิสนีแลนด์ วันนี้เราจึงเลือกให้เมือง Reims นี่แหละเป็นเมืองพักกายของเราให้พร้อมรับมือกับทริปที่เหลือนั่นเอง..

Cathédrale Notre Dame de Reims

Cathédrale Notre Dame de Reims ตอนพลบค่ำก็สวยไปอีกแบบเลย


Day 5 - Strasbourg

“เมือง Strasbourg “

วันที่ 5 วันนี้เราจะเดินทางจาก Reims มาสู่ Strasbourg ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมและประเพณี ใกล้เคียงกับเยอรมันเพราะว่ามีภูมิประเทศที่อยู่ติดกับเยอรมันและเคยถูกปกครองโดยเยอรมัน เมืองนี้มีจุดเด่นก็คือบ้านเรือนที่น่ารักกุ๊กกิ๊ก สไตร์ฝรั่งเศสผสมเยอรมัน 

สำหรับการเดินทางในเมือง เช่นเดียวกัน เมืองนี้ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่กว่า Reims แต่เราก็สามารถเดินเที่ยวได้ทั่วทั้งเมืองเลย

หมู่บ้านกุ๊กกิ๊กน่ารัก บรรยากาศก็ดีมากๆเลยครับ

โบสถ์ "Notre-dame de Strasbourg" 

มีจุดเด่นนั่นก็คือ เป็นโบสที่มีความสูงมากที่สุดในโลกในยุคกลาง รวมถึงยอดวิหารที่มีเพียงด้านเดียว เพราะเกิดปัญหาในระหว่างก่อสร้าง โบสแห่งนี้ยังสามารถขึ้นไปด้านบนของโบสถ์ได้ โดยการซื้อบัตรด้านข้างโบสถ์ 

แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า ทางเดินเป็นบันไดวนหิน ใครที่อยากจะขึ้นอาจจะต้องเตรียมความพร้อมร่างกายซักนิด..
ชื่อสินค้า:   ฝรั่งเศส - สวิส- อิตาลี
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่