ฟิลิปปินส์ เซบู ขอหรูๆ กินอยู่ เอาสบาย 4 วัน 3 คืน .... มันไม่จริงงงง

#คุณหลอกดาว “ขอไปชิลๆนะทริปนี้ ทำงานเหนื่อยกันมามาก ... ตังก็มีกันทุกคน”

พวกเราเริ่มทริปด้วยคำนี้ค่ะ แต่...

นี่มันคือทริปที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตนึงของเตยเลย!!!  

เป็นทริปที่ไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะถ้ามีเวลา ต้องนอน!!!

…. แค่มีชีวิตกลับมา ก็ถือว่ากำไรแล้ว


วันแรก : มะนิลา

วันที่สอง : เช้าบินไปเซบู

วันที่สาม  :  ว่ายน้ำกับฉลามวาฬ ( + canyoneering ที่  Kawasan falls...อันนี้เดี๋ยวค่อยตัดสินใจ)

วันที่สี่  :  บินกลับตอนค่ำ เดี๋ยวค่อยว่ากัน

..........................................................................................................................

Q:
- เห็นฉลามวาฬจริงมั้ย?
- เที่ยวยากรึป่าว?
- ควรจะบินตรงเซบู หรือ จะแวะมะนิลาดีมั้ย?
- อาหารการกิน กินได้มั้ย?
- ใช้ตังเยอะมั้ย?

..........................................................................................................................

START 

ทริปนี้เริ่มด้วยจากการที่เรามีเพื่อนคนนึงต้องไปทำงานที่ฟิลิปปินส์เป็นเวลา 92 วันค่ะ
https://www.facebook.com/92daysbymm/
(ตามไปที่เพจนี้ได้เลย)

เราก็เลยชวนเพื่อนอีกคนที่เคยมีประวัติกันจากการไปเที่ยวเลห์ด้วยกันว่า ไปมั้ย? 
(เพื่อนคนนี้เคยตกลงไปเลห์ด้วยอย่างง่ายๆ เพราะคิดว่าเลห์คือเกาะๆหนึ่งทางใต้ของประเทศไทย)
และแอมก็ตกลงทันทีเช่นเดิม
https://pantip.com/topic/36986186 (อันนี้ที่ไปเที่ยว เลห์ อินเดีย ค่ะ)

condition ของเราคือ ไปเที่ยวได้แค่จันทร์ถึงศุกร์ค่ะ
เตยก็เลยส่งเวลาให้แอมเลือกทั้งหมด 4 ช่วง

ซึ่งแอมก็เลือก...อาทิตย์หน้า!!!!!

แต่อย่างหนึ่งที่เตยคิดคือ ไปกัน 2 คน  มันให้ความรู้สึกยังไม่ค่อยปลอดภัย และเตยกับแอมน่าจะขี้เกียจกันมากๆ อาจจะถึงขั้นแทบจะไม่ออกจากโรงแรมกันเลยทีเดียว.... เตยก็เลยไลน์ไปหา ‘วาว’ 

เตย :  “ไปฟิลิปปินส์กัน”

วาว  :  “เมื่อไหร่”

เตย  :  “27 - 30 พ.ค. อาทิตย์หน้า”

วาว  :  “ไปทำรัยวะ”

เตย  :  “ยังไม่ได้แพลน”

วาว  :  “อ่อ ได้ โอเคเข้าใจละ”

เอาอีกแล้ววววว!!! เรามีเวลาไม่ถึง 10 วันในการเตรียมทริปกับบุคลากรคุณภาพค่ะ

ทริปนี้เราจะเริ่มด้วยการไปมะนิลาค่ะ เพราะจุดมุ่งหมายเราคือ “มาหาเพื่อน”

เตยจัดการจองตั๋วเครื่องบิน ทั้งหมด 3 ไฟลท์ค่ะ

BKK - Manila      (Cebu Pacific Airlines) (4,500 B with 20 kg bag)

Manila - Cebu    (Cebu Pacific Airlines) (2,800 B with 20 kg bag)

Cebu - BKK        (Philippines Airlines) (7,500 B with free 25 kg bag)

ซึ่งหลักการในการจองตั๋วคราวนี้ เราขอสารภาพอย่างหน้าไม่อายจริงๆ ว่าจองแบบราคาเท่าไหร่ก็ไปค่ะ ขอแค่เวลาดี หรือ มีไฟลท์ตามวันที่ต้องการแค่นั้นแหละ (หลังจากทริปจบ เพื่อนถามว่า ทำไมถึงจองเวลานี้อ่ะ....เราก็คิดว่าเลือกเวลาดีแล้วนะ...ก็เลยกลับไปย้อนดู .... อ่อออ ไม่ได้เลือกหรอก มีไฟลท์ไหนมาถึงตามวันที่ต้องการ ก็ต้องจองมา ไม่ได้เลือก)

Cebu pacific Airlines เป็นสายการบิน low cost แต่.....ที่นั่งดีมากกกกกก คือ เตยเป็นคนอ้วนค่ะ (เพราะฉะนั้นเวลาเก้าอี้ กว้าง ยาว แคบ เราจะเซนซิทีฟมาก) ที่นั่งกว้าง เผลอๆกว้างกว่าพวกสายการบินแขกอีก และสายเข็มขัดก็ยาวมาก  (แต่รูปนี้เป็นไฟลท์ภายในประเทศ จากมะนิลาไปเซบูค่ะ)

...เสียแต่ไฟลท์ manila-cebu ดีเลย์ แบบ! ดีเลย์โดยที่ให้ผู้โดยสารนั่งอยู่ในเครื่องเฉยๆ 2 ชั่วโมง ประมาณว่าอุตส่าห์ตื่นเช้ามาขึ้นเครื่อง ... โอเค ง่วงนัก หลับไปเลย 4 ชั่วโมงในเครื่อง!!! ใช้เวลาในเครื่องนานกว่าบินจากกรุงเทพมาปินส์ซะอีก

Philppines Airlines เป็น full service ค่ะ โหลดน้ำหนักฟรี 25 กก. มีอาหารทานบนเครื่อง - ส่วนที่นั่ง สำหรับคนอ้วนอย่างเรา มันเท่าเครื่องเจ้าป้ากล้วยไม้สีม่วงของเรา คือ แคบ เข่าสั้น อึดอัดไม่มีจอ แต่ก็มาตรฐานสำหรับคนไซส์มาตรฐานอะค่ะ (เรามันอ้วนเอง TT)

วันแรกที่มะนิลา

มาถึงก็ซื้อซิมเปลี่ยนกันก่อนค่ะ ออกมาจากตมโซนนอก ก็เจอบูทขายเต็มเลย
,(รูปภาพ : ค่อนข้างเหมือนใต้ทางด่วนบ้านเรามาก)

วันแรกเรามาถึงมะนิลากันประมาณสิบโมงครึ่งค่ะ ผ่านตม.รับกระเป๋า ก็ประมาณ 11 โมง

เราก็เรียก GRAB  ค่ะ (เพื่อนให้คำแนะนำมาว่า มาถึงให้เรียกแกร็บอย่างเดียวเลย แท็กซี่ปินส์นี่โหดมาก เมืองไทยนี่จิ๊บๆเลย ปล. GRAB ที่นี่ถูกกฎหมายค่ะ)
เราขึ้นทางด่วนกันมาเลย เพราะที่นี่รถติดมาก ติดพร่ำเพรื่อไม่แบ่งแยกเวลาเลย ค่าทางด่วนแค่ 20 เปโซค่ะ

(ณ วันที่ไป เงิน 1 เปโซ = 0.62 บาท // ค่าทางด่วน = 12.4 บาทค่ะ)

วิวบนทางด่วนนี่คือมองไปนี่ถ้าตื่นขึ้นมาเบลอๆจะนึกว่าอยู่เหนือทางด่วนพระรามสี่-คลองเตย
คือ เหมือนเมืองไทยมาก คือ ดูไม่มีระเบียบเหมือนกันเลย
(แต่ถ้าเทียบ ที่นี่ผังเมืองแย่กว่าบ้านเราเยอะเหมือนกันค่ะ การจัดระเบียบ และ การจราจร หนักกว่าบ้านเราอีก)

เราพักกันที่ Somerset Millenium Makati  (เพราะเพื่อนเราพักที่นี่)

จองผ่าน agoda มา แล้วขอสเปเชี่ยลออเดอร์เป็น twin beds 2 เตียง เป็น Bedroom Deluxe เพราะในเว็บเหลือแต่แบบนี้ แต่ว่ามาที่โรงแรมแล้วเค้าบอกว่าห้องประเภทนี้ มีแต่ king bed เตียงเดียว ถ้าจะเปลี่ยนเป็น 2 เตียง ต้อง down grade ห้องลง เราก็บอกว่าอย่างงี้ไม่ได้อ่ะ ... ไปๆมาๆ พนักงานก็น่ารักมาก เสนอให้ว่า เดี๋ยวเค้าเสริมเตียงเสริมให้ละกัน // ห้องคือใหญ่มาก ห้องนอนใหญ่ + ห้องนั่งเล่น + ห้องครัว + ห้องน้ำ ในราคา 3,400 บาท //  ทำเลก็ถือว่าดีนะ ใกล้ Green Belt ห้างใหญ่มากในโซน makati ของ manila 

พอเช็คอินกันเสร็จ เราก็เดินประมาณ 5 นาที ไปที่ Green Belt ห้างใหญ่ของที่นี่ เพื่อไปหาอะไรกินกันค่ะ

Green Belt เป็นห้างใหญ่ใน Makati ค่ะ คือมี 5 ห้างต่อกันเลย อยากซื้ออะไร กินอะไรมีหมดค่ะ ที่เดียวครบทุกอย่าง ... ร้านชานมไข่มุกที่กำลังเป็นประเด็นที่ทำเป็นรูปพระพุทธเจ้าก็อยู่ในนี้ค่ะ เราไปยืนถ่ายรูปร้านเค้า คนในร้านก็ทำหน้ากลัวๆกันใหญ่เลย เพราะเห็นเพื่อนบอกว่า ทางสถานทูตเราก็ส่งเรื่องไปคุยกับเค้าอยู่เหมือนกัน


ที่จริงก็อยากลองซื้อมาชิมนะ แต่ตอนนั้นคืออิ่มมากกก

 (ในมะนิลา จะแบ่งเป็นโซนใหญ่ 2  โซนค่ะ คือ 1. Makati  2. BGC ซึ่ง makati จะออกเป็นแนวเมืองเดิมค่ะ มีหน่วยราชการอยู่ฝั่งนี้ ส่วน BGC จะเป็นเมืองใหม่ พวกตึกสูง โรงแรมหรู)


หลังจากหาอะไรทานมื้อกลางวันกันเสร็จ พวกเราก็ตัดสินใจไปเที่ยวย่าน Intramuros กันค่ะ (ถ้าวาวไม่ได้มาด้วย เตยกับแอมก็คงนอนขี้เกียจกันแน่เลย เพราะว่าฝนก็ตก อากาศก็ไม่ค่อยอำนวย  5555555555 ไฟลท์ขามาเราคือ  05.40-10.20 เพราะฉะนั้นเราต้องถึงสุวรรณภูมิกันตอนตีสามกว่า แล้วพวกเราปกติก็นอนกัน ตีหนึ่ง ตีสอง ... มันก็เลยเหมือนไม่ได้นอนกันสักเท่าไหร่เลยจ้าาาา)

(การโดยสารของคนท้องถิ่นที่นี่เป็นรถ Jeep ที่หน้าตาและขนาดกึ่งสองแถวและรถบรรทุกเล็กค่ะ ... คนอัดแน่นแบบยิ่งกว่าสองแถวรถแดง ส่วนการตกแต่งก็แว้นๆคูลแบบรถบรรทุกบ้านเรา)

........................................................................................................

Intramuros - เป็นโซนดูเก่าๆค่ะ มีสถานที่ประวัติศาสตร์ ส่วนมากมีเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง

เรียกรถไปประมาณชั่วโมงนึงค่ะ

พอลงจากรถ ก็มีคนขับสามล้อเข้ามาจู่โจมเลยยยย 30 นาที 450 เปโซ แต่พวกนางมีความอยากทำงานมาก เราก็เลยต่อราคากันนิดหน่อย ได้มา 300 แต่ย้ำว่าเราขอ  30  นาทีพอนะ


สามล้อถีบ แยกคนละคันไปเลย คันขับสามล้อก็รับหน้าที่เป็นไกด์ไปด้วยค่ะ บรรยายตลอดทาง ว่าอันนี้คืออะไร เรื่องราวเป็นมายังงัย พอแวะลงตามสถานที่ เค้าก็จะตามลงไปบรรยายให้ด้วย


“ตามภาษาเสปน 

Intra แปลว่า  ด้านใน

Muros แปลว่า กำแพง

Intramuros  คือ ภายในกำแพง” 


เป็นลักษณะเหมือนเป็นกำแพงเมืองค่ะ ภายในก็มีสถานที่สำคัญ รูปปั้น โบสถ์ สวน มหาลัย

ทหารอเมริกันเคยมาหลบตรงนี้นะ ทหารญี่ปุ่น ...​บลาๆๆๆ // สาระขอป้ายหน้าค่าาาาาาาาาาา  ><

พวกเราก็แวะ สวน ดูรูปปั้น แวะคุก ชมเนิน ไหว้โบสถ์ และ ตามหา Taho ที่เพื่อนแนะนำว่าต้องได้กินค่ะ เป็นขนมพื้นที่ของคนที่นี่ คนปั่นสามล้อบอกว่านี่คือแหล่งพลังงานชั้นดีเลย ... ดูจากรูปแล้วเรารู้สึกว่ามันเหมือน “เต้าฮวย” บ้านเรา “แกต้องกินแบบของข้างถนนนะ เซเว่นก็มี แต่มันไม่อร่อยเท่า อังข้างถนนจะนิ่ม จนดูดด้วยหลอดได้เลย”


นางก็ปั่นวนหาทาโฮให้พวกเรา นี่คิดว่าปั่นไปปั่นมาสัก 20 นาทีได้ ... ไม่เจอค่ะ

คนปั่นสามล้อบอกว่า “มันเป็นขนมคนจีนที่เอามาเผยแพร่ตั้งแค่สมัยโบราณ ยูจะไปฝั่ง china town อยู่แล้วนิ ไปลองหาทานเอาฝั่งนู้นดูละกัน”

แล้วนางก็พาพวกเราไปส่งแถวหน้า intramuros แล้วชี้บอกว่าให้เดินไปทางนู้น นั่นแหละไชน่าทาวน์

โอเค เห็นนางปั่นเหนื่อยมาก เพราะเตยตัวหนัก 55555  แถมตั้งใจบรรยายดี ตอนผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ก็ตกลงกับพวกนางไปรอบนึงแล้ว ว่าโอเค ชั่วโมงนึงก็ได้ ไม่ต้องบ่น ... เตยก็เลยเห็นว่าผ่านมาชั่วโมงครึ่งกว่าๆ ก็เลยควักเตรียมเงินไว้ 3,000 เปโซ สำหรับ 3 คน .... แต่!!! “โนว โนว โนว ดิสอิส 2 ชั่วโมง ... ยูต้องจ่าย 3,600” ณ ตอนนั้นมันเกือบ 2 ชั่วโมงจริงๆ TT เป็นการเที่ยว intramuros ที่แพงจริงๆค่ะ ... เค้าถึงว่า ถ้ามาเที่ยวแล้วไม่เสียค่าโง่เลย ก็ยังไม่ถือว่าไปเที่ยว เนอะะะ (ปลอบใจตัวเอง)


แล้ว เตย วาว แอม ก็เดินข้ามสะพานกันไปฝั่งไชน่าทาวน์ค่ะ ได้วิวประตูจีนกันมาเล็กน้อย ก็เห็นว่า เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว พวกเรานัดเพื่อน 18.30 ไว้ว่าจะไปทานมื้อเย็นกันแถว BGC เมืองใหม่ เพราะฉะนั้นต้องกลับละ ฝนก็เริ่มกลับมาตกอีกครั้งด้วย ก็เรียกแกร็บค่ะ 


คู้ณณณณผู้ชมค่ะ 17.30 น. ฝนตก รถติด ไม่ได้มีเฉพาะกรุงเทพเมืองฟ้าอมรค่ะ ลา มะนิลา ขึ้นต้นเป็นมะนิซ้อนพอแตกใบเอ้ยยย! ก็สภาพแย่กว่าเมืองไทยอีกค่ะ จากตรงที่เราเรียกรถไปถึง  BGC เป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร Navigator บอกว่า 2  ชั่วโมง!!!!!!! ยังดีว่าเพื่อนก็บอกว่างานยังไม่เลิกเหมือนกัน ยังไม่รู้จะเลิกกี่โมง


หลังจากหลับก็แล้ว แวะฉี่ก็แล้ว ชวนคนขับคุยก็แล้ว พวกเราก็ถึงที่จุดหมายตอนเกือบ  2ทุ่มมมมมมมม


To Be Con....
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่