ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยค่ะ ว่าคิดอยุ่นานมากกว่าจะมาตั้งกระทู้นี้ เราเคยเห็นบุคคลในสังคมฆ่าตัวตายด้วยเหตุผลต่างๆนานๆ หนักบ้าง เบาบ้าง
เราก็ไม่รู้ว่าปัญหาเรามันหนักหนามั้ย สำหรับเราแล้วเราต้องใช้ความพยายามที่จะมีชีวิตอยุ่ต่อไปให้พ้นไปในแต่ละวันโดยให้คิดถึงความตายน้อยที่สุด
เราเป็นลูกคนโตของบ้าน โดยที่ตอนนี้เราทำงานกิจการที่บ้าน โดยเรามีหน้าที่ทำทุกอย่าง แอดมิน ประสานงาน จัดซื้อ เช็คสต็อค ควบคุมงานช่าง เอกสาร วางบิล ต่างๆ รวมถึงจัดส่งสินค้าในเวลากลางคืน ยังไม่รวมวิ่งแก้งานที่มีความผิดพลาด โดยงานที่เราทำรายละเอียดงานเยอะมาก เรามีความตั้งใจในการทำงานและพยายามทำให้ถึงที่สุด เราเริ่มทำงานเช้าสุด 7.30 น. เรากลับบ้านดึกสุดโดยประมาณ ตี 3 เราทำงานวนลูปอย่างนี้มา 3-4 ปี ทุกๆครั้งที่เกิดความผิดพลาดจากตัวเราเอง เราจะหาวิธีแก้ไขและหาวิธีการทำงานที่ดีขึ้น แต่เหมือนว่าแม้จะพยายามมากแค่ไหน มันก็ยังคงดีไม่พอที่จะทำให้ใครพึงพอใจได้
การทำงานกับครอบครัวเรารู้สึกมันเป็นเรื่องที่แยาที่สุดใจชีวิตเรา เพราะเมื่อมีปัญหาเรื่องงาน มันจะลามไปเป็นเรื่องส่วนตัวทันที มันเลยทำให้สถานการณ์ต่างๆมันแย่ลง เรามองเห็นหายะของคำว่าครอบครัวอยุ่ริปรี่ ครอบคัวเราทะเลาะกัยบ่อยมากเริ่มมาจากเรื่องงาน และ จบลงด้วยเรื่องตรอบครัว มันเป็นมาอย่างนี้ตลอดที่ผ่านมา เมื่อเราเห็นอย่างนั้นเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อลดเเรงปะทะเรื่องงาน ทำอะไรให้เร็วขึ้น แก้ปัญหางานให้จบง่ายที่สุด ปัญหาเล็กน้อยๆไม่เคยปล่อยให้ไปรบกวนท่าน เพราะอย่างงานเวลางานมีปัญหา ทุกคนจะวิ่งมาหาเราเหมือนเราเป็นทุกอย่างของทุกคน เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยมาก
เราเริ่มรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิตเลย 20กว่าชั่วโมงอยุ่กับงาน และปัญหาต่างๆนานา เราเครียดมาก และเริ่มเครียดขึ้นทุกวันทุกเวลาทุกวินาที
ในวันไหนที่เป็นวันที่แย่มากๆสำหรับเรา เราจะเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ เราเริ่มรู้ตัวเองว่าเราร้องไห้หนักขึ้นๆและมันหนักและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อระบายความผิดของเรา เวลาผ่านไปเราว่าการร้องไห้ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกผิดลดลง เราเริ่มทำร้ายตัวเอง โดยเลือกส่วนร่างการที่คนอื่นไม่เห็น เพื่อเวลาที่สงบลงแล้วสามารถออกไปนั่งทำงานต่อได้ โดยไม่ต้องให้ใครสนใจ นานวันเราเริ่มกระทำหนักขึ้นๆ เริ่มจากการกัดลิ้นตัวเอง จนวันนึงโคนลิ้นเเหว่งไป ใช้กรรไกรกรีดตามร่างกายตัวเองในส่วนใต้ร่มผ้า บางครั้งก้อใช้ดินสอแทงตามลำตัว เริ่มเอาเชือกรัดคอตัวเองให้แน่นอนที่สุดเพื่อให้คัวเองร็สึกเจ็บมากพอ เเต่ไม่สามารถให้ตัวเองตายได้ เราอนุญาติให้ตัวเองเจ็บได้ แต่ไม่สามารถอนุญาติให้ตัวเองตามได้ เพราะยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ ต้องรับผิดชอบ มากสุดเราคงทำได้เท่านี้
เรารู้สึกตัวเองเป็นจุดดำของครอบครัว ครอบครัวที่หลายคนมองเข้ามาแล้วเห็นว่าเป็นครอบครัวที่โอเคร ลูกช่วยพ่อแม่ทำงาน ครอบครัวอบอุ่นสมบรูณ์ดี
นั่นคงเป็นแค่ภายนอก เท่านั้น เราแยกตัวออกมาอยุ่คนเดวที่คอนโด เพราะไม่สามารถอยุ่กับครอบครัวที่บ้านได้ เพราะป๋า(พ่อเลี้ยง แต่เรารักเหมือนพ่อ)เป็นคนเจ้าระเบียบ และกฏเกณเยอะ เรารู้ว่าเค้าหวังดี แต่เรารู้สึกอึดอัด เราเหนื่อยกับงานมาแล้วบางครั้งเราอยากผ่านคลายบ้าง ถ้าเราอยุ่บ้านเดียวกันเรารุ้ตัวเองเลยว่าสักวันเราจะกลายเป็นผีเฝ้าบ้าน บางครั้งเรารุ้สึกว่าจะมีเงินเยอะทำไมในเมื่อชีวิตจริงๆหาความสุขจริงๆไม่ได้เลย จะมีบ้านหลังใหญ่ทำไมในเมื่ออยุ่กันเเค่ไม่กี่คน มีเพื่อให้คนภายนอกมองดูดีเท่านั้นหรือ ทำเหมือนครอบครัวอบอุ่นรักกันดี สุดท้ายก็ทะเลาะมีปัญหากันทุกวัน เราเบื่อเเละเหนื่อยกับชีวิตที่เป็นอยุ่อย่างบอกไม่ถูก เราโดนตั้งให้เป็นความหวังของบ้าน ต้องทำงาน ต้องเก่ง ต้องดี ต่อไปต้องดูแลน้อง โดยมีคำว่า สร้างทุกอย่างไว้ให้แล้ว ไม่เอาหรอ ทำแค่นี้ไม่ได้หรอ จะต้องพาครอบครัวฉิบหสยใช่มั้ย ถึงจะพอใจเรา เรารุ้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนในครอบครัว ครอบครัวไปเที่ยว ตปท . เราอยุ่ทำงานในช่วงสงกราน ตั้งแต่เราทำงานมา เราไม่เคยมีวันหยุดเลย วันอาทิตย์เราก่ยังทำงาน วันหยุดเทศกาลก้อยังต้องทำงาน ความสุขในชีวิตเราคือแมว และการได้ช่วยเหลือแมว
เรามีแฟนนะ คบกันมา 5 ปี เราขอบคุณเขาที่ทนอยุ่และคอยดูแลเรามาตลอด เราไม่มีเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน และพ่อแม่เราก็ไม่ชอบเเฟนเรา อาจจะเป็นเหตุผลของผู้ใหญ่ในมุมมองของผู้ใหญ่แฟนเราอาจดี เพราะไม่ได้ทำงานบริษัท ดูเหมือนลอยไปลอยมา เพราะแฟนเราจับรถขาย เวลาว่างค่อนข้างเยอะมาก เยอะจนเขาเองก็เบื่อที่เราไม่มีเวลาเลย เเละนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา สำหรับเรา เเฟนเราไม่รวย ใช้ชีวิตคนเดียว มีแม่สูงอายุอยุ่ ตจว. ที่มีน้องสาวคอยดูเเล
พ่อแม่เราตั้งแง่กัยเเฟนเรามาก ไม่เอา ไม่รับ โดยพ่อแม่เราจะพูดใส่เราเสมอว่าไม่เคยเห็นหัวพวกท่านบ้างเลย บอกเลยนะคะว่าเราไม่ได้อยุ่ด้วยกัน แต่อาจจะมี1-2วันใน 1 เดือนที่เราพอมีเวลา แฟนเราก็จะมาหาบ้างที่คอนโด และห้องตรงข้ามก็คือเพื่อนพ่อ เรารู้มันอาจจะดูไม่เหมาะสม แต่เราแค่อยากมีเวลา นั่งดูหนัง กินขนมด้วยกันบ้าง เราอายุ 30 แล้ว เราไม่เคยทำอะไรผิดพลาดให้พ่อแม่ต้องลำบาก ถ้าเทียบก้อบน้องสาวที่อยุ่ในเรือนจำเป็นเวลา 28 ปี ตามศาลตัดสิน แต่สุดท้ายแล้วเราก็ยังดูแย่ที่สุด เราก็คงยังไม่ดี จนวันหนึ่งเราเคยคิดจะเลิกกับแฟนเพราะ 1.ตัดปัญหาพ่อเเม่ 2.เราไม่อยากเห็นแกตัวให้เค้ามาอยุ่กับเราแบบนี้ แทนที่จะได้คนที่เขาใช้ชีวิตได้ด้วยจริง
เราวางแผนคิดทบทวนไว้ว่าเราจะพยายามทำงานให้มันดีและหาคนมาแทนเราได้ เเละรอเวลา 4 ปี ที่น้องสาวจะออกมาจากเรือนจำ เราจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย เก็บเงินพอที่จะจัดงานตัวเองได้ เลือกที่อยุ่ของตัวเองได้ เมื่อวันนั้นมาถึงเราคงได้อยุ่ใจโลกของเรา เรารู้ว่ามัน บาป มันไม่ดี มันดูเลว แต่เราหวังความสงบเท่านั้น ณ.ตอนนี้เรายังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะอยุ่หรือจากไป เราคงได้แต่ทรมานตัวเองอย่างนี้ต่อไป
อยู่ต่อไม่ไหว อยากจะตายก็คงไม่ได้ เราควรทำยังไงต่อไป ?
เราก็ไม่รู้ว่าปัญหาเรามันหนักหนามั้ย สำหรับเราแล้วเราต้องใช้ความพยายามที่จะมีชีวิตอยุ่ต่อไปให้พ้นไปในแต่ละวันโดยให้คิดถึงความตายน้อยที่สุด
เราเป็นลูกคนโตของบ้าน โดยที่ตอนนี้เราทำงานกิจการที่บ้าน โดยเรามีหน้าที่ทำทุกอย่าง แอดมิน ประสานงาน จัดซื้อ เช็คสต็อค ควบคุมงานช่าง เอกสาร วางบิล ต่างๆ รวมถึงจัดส่งสินค้าในเวลากลางคืน ยังไม่รวมวิ่งแก้งานที่มีความผิดพลาด โดยงานที่เราทำรายละเอียดงานเยอะมาก เรามีความตั้งใจในการทำงานและพยายามทำให้ถึงที่สุด เราเริ่มทำงานเช้าสุด 7.30 น. เรากลับบ้านดึกสุดโดยประมาณ ตี 3 เราทำงานวนลูปอย่างนี้มา 3-4 ปี ทุกๆครั้งที่เกิดความผิดพลาดจากตัวเราเอง เราจะหาวิธีแก้ไขและหาวิธีการทำงานที่ดีขึ้น แต่เหมือนว่าแม้จะพยายามมากแค่ไหน มันก็ยังคงดีไม่พอที่จะทำให้ใครพึงพอใจได้
การทำงานกับครอบครัวเรารู้สึกมันเป็นเรื่องที่แยาที่สุดใจชีวิตเรา เพราะเมื่อมีปัญหาเรื่องงาน มันจะลามไปเป็นเรื่องส่วนตัวทันที มันเลยทำให้สถานการณ์ต่างๆมันแย่ลง เรามองเห็นหายะของคำว่าครอบครัวอยุ่ริปรี่ ครอบคัวเราทะเลาะกัยบ่อยมากเริ่มมาจากเรื่องงาน และ จบลงด้วยเรื่องตรอบครัว มันเป็นมาอย่างนี้ตลอดที่ผ่านมา เมื่อเราเห็นอย่างนั้นเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อลดเเรงปะทะเรื่องงาน ทำอะไรให้เร็วขึ้น แก้ปัญหางานให้จบง่ายที่สุด ปัญหาเล็กน้อยๆไม่เคยปล่อยให้ไปรบกวนท่าน เพราะอย่างงานเวลางานมีปัญหา ทุกคนจะวิ่งมาหาเราเหมือนเราเป็นทุกอย่างของทุกคน เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยมาก
เราเริ่มรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิตเลย 20กว่าชั่วโมงอยุ่กับงาน และปัญหาต่างๆนานา เราเครียดมาก และเริ่มเครียดขึ้นทุกวันทุกเวลาทุกวินาที
ในวันไหนที่เป็นวันที่แย่มากๆสำหรับเรา เราจะเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ เราเริ่มรู้ตัวเองว่าเราร้องไห้หนักขึ้นๆและมันหนักและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อระบายความผิดของเรา เวลาผ่านไปเราว่าการร้องไห้ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกผิดลดลง เราเริ่มทำร้ายตัวเอง โดยเลือกส่วนร่างการที่คนอื่นไม่เห็น เพื่อเวลาที่สงบลงแล้วสามารถออกไปนั่งทำงานต่อได้ โดยไม่ต้องให้ใครสนใจ นานวันเราเริ่มกระทำหนักขึ้นๆ เริ่มจากการกัดลิ้นตัวเอง จนวันนึงโคนลิ้นเเหว่งไป ใช้กรรไกรกรีดตามร่างกายตัวเองในส่วนใต้ร่มผ้า บางครั้งก้อใช้ดินสอแทงตามลำตัว เริ่มเอาเชือกรัดคอตัวเองให้แน่นอนที่สุดเพื่อให้คัวเองร็สึกเจ็บมากพอ เเต่ไม่สามารถให้ตัวเองตายได้ เราอนุญาติให้ตัวเองเจ็บได้ แต่ไม่สามารถอนุญาติให้ตัวเองตามได้ เพราะยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ ต้องรับผิดชอบ มากสุดเราคงทำได้เท่านี้
เรารู้สึกตัวเองเป็นจุดดำของครอบครัว ครอบครัวที่หลายคนมองเข้ามาแล้วเห็นว่าเป็นครอบครัวที่โอเคร ลูกช่วยพ่อแม่ทำงาน ครอบครัวอบอุ่นสมบรูณ์ดี
นั่นคงเป็นแค่ภายนอก เท่านั้น เราแยกตัวออกมาอยุ่คนเดวที่คอนโด เพราะไม่สามารถอยุ่กับครอบครัวที่บ้านได้ เพราะป๋า(พ่อเลี้ยง แต่เรารักเหมือนพ่อ)เป็นคนเจ้าระเบียบ และกฏเกณเยอะ เรารู้ว่าเค้าหวังดี แต่เรารู้สึกอึดอัด เราเหนื่อยกับงานมาแล้วบางครั้งเราอยากผ่านคลายบ้าง ถ้าเราอยุ่บ้านเดียวกันเรารุ้ตัวเองเลยว่าสักวันเราจะกลายเป็นผีเฝ้าบ้าน บางครั้งเรารุ้สึกว่าจะมีเงินเยอะทำไมในเมื่อชีวิตจริงๆหาความสุขจริงๆไม่ได้เลย จะมีบ้านหลังใหญ่ทำไมในเมื่ออยุ่กันเเค่ไม่กี่คน มีเพื่อให้คนภายนอกมองดูดีเท่านั้นหรือ ทำเหมือนครอบครัวอบอุ่นรักกันดี สุดท้ายก็ทะเลาะมีปัญหากันทุกวัน เราเบื่อเเละเหนื่อยกับชีวิตที่เป็นอยุ่อย่างบอกไม่ถูก เราโดนตั้งให้เป็นความหวังของบ้าน ต้องทำงาน ต้องเก่ง ต้องดี ต่อไปต้องดูแลน้อง โดยมีคำว่า สร้างทุกอย่างไว้ให้แล้ว ไม่เอาหรอ ทำแค่นี้ไม่ได้หรอ จะต้องพาครอบครัวฉิบหสยใช่มั้ย ถึงจะพอใจเรา เรารุ้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนในครอบครัว ครอบครัวไปเที่ยว ตปท . เราอยุ่ทำงานในช่วงสงกราน ตั้งแต่เราทำงานมา เราไม่เคยมีวันหยุดเลย วันอาทิตย์เราก่ยังทำงาน วันหยุดเทศกาลก้อยังต้องทำงาน ความสุขในชีวิตเราคือแมว และการได้ช่วยเหลือแมว
เรามีแฟนนะ คบกันมา 5 ปี เราขอบคุณเขาที่ทนอยุ่และคอยดูแลเรามาตลอด เราไม่มีเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน และพ่อแม่เราก็ไม่ชอบเเฟนเรา อาจจะเป็นเหตุผลของผู้ใหญ่ในมุมมองของผู้ใหญ่แฟนเราอาจดี เพราะไม่ได้ทำงานบริษัท ดูเหมือนลอยไปลอยมา เพราะแฟนเราจับรถขาย เวลาว่างค่อนข้างเยอะมาก เยอะจนเขาเองก็เบื่อที่เราไม่มีเวลาเลย เเละนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา สำหรับเรา เเฟนเราไม่รวย ใช้ชีวิตคนเดียว มีแม่สูงอายุอยุ่ ตจว. ที่มีน้องสาวคอยดูเเล
พ่อแม่เราตั้งแง่กัยเเฟนเรามาก ไม่เอา ไม่รับ โดยพ่อแม่เราจะพูดใส่เราเสมอว่าไม่เคยเห็นหัวพวกท่านบ้างเลย บอกเลยนะคะว่าเราไม่ได้อยุ่ด้วยกัน แต่อาจจะมี1-2วันใน 1 เดือนที่เราพอมีเวลา แฟนเราก็จะมาหาบ้างที่คอนโด และห้องตรงข้ามก็คือเพื่อนพ่อ เรารู้มันอาจจะดูไม่เหมาะสม แต่เราแค่อยากมีเวลา นั่งดูหนัง กินขนมด้วยกันบ้าง เราอายุ 30 แล้ว เราไม่เคยทำอะไรผิดพลาดให้พ่อแม่ต้องลำบาก ถ้าเทียบก้อบน้องสาวที่อยุ่ในเรือนจำเป็นเวลา 28 ปี ตามศาลตัดสิน แต่สุดท้ายแล้วเราก็ยังดูแย่ที่สุด เราก็คงยังไม่ดี จนวันหนึ่งเราเคยคิดจะเลิกกับแฟนเพราะ 1.ตัดปัญหาพ่อเเม่ 2.เราไม่อยากเห็นแกตัวให้เค้ามาอยุ่กับเราแบบนี้ แทนที่จะได้คนที่เขาใช้ชีวิตได้ด้วยจริง
เราวางแผนคิดทบทวนไว้ว่าเราจะพยายามทำงานให้มันดีและหาคนมาแทนเราได้ เเละรอเวลา 4 ปี ที่น้องสาวจะออกมาจากเรือนจำ เราจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย เก็บเงินพอที่จะจัดงานตัวเองได้ เลือกที่อยุ่ของตัวเองได้ เมื่อวันนั้นมาถึงเราคงได้อยุ่ใจโลกของเรา เรารู้ว่ามัน บาป มันไม่ดี มันดูเลว แต่เราหวังความสงบเท่านั้น ณ.ตอนนี้เรายังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะอยุ่หรือจากไป เราคงได้แต่ทรมานตัวเองอย่างนี้ต่อไป