[SR] ::: รีวิว -- บัลลังก์เมฆ The Musical 2019 | เหมือนฝันเลือนราง เคว้งคว้างลอยไป

#บัลลังก์เมฆTheMusical2019
เหมือนฝันเลือนราง เคว้งคว้างลอยไป
-----
***หมายเหตุ – บันทึกนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วน เหมาะสำหรับผู้สนใจที่รู้เรื่องราวของ “บัลลังก์เมฆ” อยู่แล้ว / หรือผู้ที่ไม่กลัวการสปอยล์เหตุการณ์สำคัญของเรื่อง
-----
การกลับมาของบัลลังก์เมฆ ในรูปแบบละครเวที The Musical 2019 จะเรียกว่ารีสเตจก็กระไรอยู่ เพราะด้วยท่วงทำนอง ลีลาการเล่าเรื่อง รูปแบบการนำเสนอ รวมทั้งสารสำคัญบางอย่าง ต่างจากฉบับละครเวทีปี 2544 หรือปี 2550 อยู่หลายส่วนด้วยกัน, ซึ่งนี่ทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ยิ่งน่าสนใจ ต่างจากเรื่องก่อนๆ ของค่ายนี้ ที่นำมารีสเตจแต่ไม่ได้แก้ไขอะไรมาก 
-----
หลากหลายบริบท หลากหลายเรื่องราว หลากหลายรสที่ถูกปรับปรุงในบัลลังก์เมฆ The Musical 2019 มีความทันสมัย และเข้ากับผู้คนในยุค 2019 ได้เป็นอย่างดี การที่รัชดาลัยหยิบบทประพันธ์ที่เคยทำละครเวทีมาก่อน นำมาปรับปรุงในครั้งนี้ จึงไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าจำเจ ตรงกันข้ามกัน ชั่วขณะที่ทุกตัวละครกำลังโลดแล่นอยู่บนเวที มีหลายฉาก หลายตอนมากที่เราต้องร้อง “ว้าว”, ร้องทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร
-----
“บัลลังก์เมฆ” คือเรื่องราวที่หลายคนรู้จักกันดี ว่าด้วยการใช้ชีวิตในวัยสาวที่พลั้งพลาดของ “ปานรุ้ง” ทำให้เธอมีสามีถึงสามคน และเมื่อเธอมีลูกสี่คน ด้วยความที่ไม่ต้องการให้ลูกผิดพลาดอย่างที่เธอเคยพลาด การเลี้ยงดูลูกของปานรุ้งจึงเลี้ยงดูจากความรู้สึก ความต้องการของตัวเอง มิได้เกิดจากการเข้าใจลูกอย่างแท้จริง ด้วยรักลูกโดยที่ไม่เข้าใจลูก ด้วยความต่างกันระหว่างวัย ทำให้เกิดเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าสลด
-----บัลลังก์เมฆฉบับละครเวทีปี 2019 นี้ เป็นเรื่องราวของปานรุ้งก็จริง แต่ผู้เล่าเรื่องเป็นหลักมิใช่ปานรุ้ง ทว่ากลับเป็นลูกทั้งสี่คนของเธอ ที่เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้คนดูได้รับรู้ สลับกับความรู้สึกนึกคิดของปานรุ้ง และเสียงเม้าท์มอยของเหล่าหมู่มวล 
-----
รอบที่เราไปดูเป็นรอบพรีวิว เรามองว่ายังมีปัญหาเรื่องระบบเสียงอยู่ ซึ่งอยากให้ทีมงานแก้ไขให้ดีในรอบต่อๆ ไป เพราะเพลงหลายเพลงฟังยากมาก (โดยเฉพาะเพลงที่หมู่มวลร้องพร้อมกัน คราวนี้ฟังยากยิ่งกว่าเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยดูของค่ายนี้อีก) หลายตอน (โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ขององก์ 1 ฟังยากจนเราจำต้องปล่อยผ่านไป)
-----
ช่วงแรกที่เป็นพาร์ตปานรุ้งยังสาว ดำเนินเรื่องไวมาก (เกินไป) จนมันไม่สมู้ท ด้วยความเร่งรีบให้ถึงพาร์ตรุ่นลูกไวๆ กลายเป็นว่าช่วงปานรุ้งตอนสาว หลายเหตุการณ์ใช้การเล่าเรื่องแบบอวัจนภาษา (ผ่านการกระทำของตัวละคร) เร็วมากจนบางทีเรายังตามไม่ทัน ถ้าปรับให้ช้ากว่านี้จะไหลลื่นกว่าเดิมมากๆ แอบเสียดายมี้ตู่-นันทิดา ที่ออกน้อยมากๆ ออกน้อยจนเรารู้สึกว่าถ้าจะให้แอร์ไทม์นายแม่ #คมขวัญ น้อยขนาดนี้ เอาหมู่มวลมาเล่นยังได้, อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความน้อยนิดของบทนายแม่คมขวัญนั้น มี้ตู่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเข้าอกเข้าใจตัวละคร เป็นความน้อยนิดที่ทรงพลังมาก
-----
เพลงหลายเพลงมีการแต่งใหม่ ตีความใหม่ ไม่ว่าจะเพลงรักของแม่ ที่กลายเป็นเพลงหลักอีกเพลงของบัลลังก์เมฆ 2019 เลย / เพลงที่ปกรณ์กับวิรินทร์จีบกันตอนฝนพรำ (พรำ พรำ) / แต่เพลงแต่งใหม่ที่เราชอบเป็นพิเศษคือเพลงสัญญา (ที่ร้องว่า สัญญา จะสัญญา...) รู้สึกว่าทำนองของเพลงนี้เพราะและมีพลังมากๆ ทำให้เห็นถึงความหมายมั่น ความคาดหวังของปานรุ้ง ต่อสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ คาดหวังในทุกอย่างเป็นไปดังปรารถนา เป็นเพลงที่ทำให้ความหวังของปานรุ้งมีพลัง ก่อนจะพังภินท์ไปในพริบตากับเพลงเดียวดายและเพลงบัลลังก์เมฆ
-----
เครื่องแต่งกาย ฉาก โปรดักชันต่างๆ ทำได้ดีมาก ตื่นตาตระการใจพอสมควรเลยละ ที่ชอบเป็นพิเศษคือฉากโต๊ะกินข้าว ที่จัดโต๊ะเหมือน ภาพ The Last Supper แล้วภาพนี้ก็มาเป็นโปสเตอร์ละครเวทีด้วย ดูแปลก แต่เก๋ และเข้ากับโทนเรื่องมาก
-----
เราเคยดูบัลลังก์เมฆ ฉบับละครเวทีแค่ตอนที่รัชดาลัยนำมาเล่าแบบสั้นๆ ใน Ladies of the stage รวมทั้งฉบับละครโทรทัศน์ปี 2557 ที่อ้อม พิยดาแสดงนำ จำได้ว่าโทนเรื่องค่อนข้างตึงเครียด ยิ่งพาร์ตรุ่นลูกยิ่งเต็มไปด้วยสภาวะกดดันของตัวละคร แต่พอในเวอร์ชัน 2019 นี้ เราชอบที่ปรับการเล่าเรื่องให้มันเบาลง ไม่เข้มข้นจนกดดัน หรือหนักหน่วงเหมือนเดิม เป็นการเล่าเรื่องที่เข้ากับคนดูในยุค 2019 ไม่ว่าคุณจะเรียกตัวเองว่าคนรุ่นเก่าหรือคนรุ่นใหม่ก็เถอะ เราว่าการเล่าเรื่องแบบนี้มันทรงพลังและทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วม มากกว่าการดึงดราม่าขั้นสุดตลอดทั้งเรื่องเสียอีก
-----
ถ้าเปรียบเรื่องราวของปานรุ้งในบัลลังก์เมฆเข้มข้นดั่งกาแฟ บัลลังก์เมฆฉบับที่ผ่านมาก็เป็นกาแฟดำรสขมเข้มข้น แต่เวอร์ชั่นปี 2019 นี้คือลาเต้ ที่ไม่ได้มีแค่ความขม แต่มันมีความหวาน มีนุ่มนวล ความละมุนผสม ลาเต้แก้วนี้รสชาติกลมกล่อม ด้วยความรัก ความสัมพันธ์ของเหล่า 4 พี่น้อง ที่ดูรักกัน สนิทสนม หยอกเอินกัน (เราชอบตอน 4 พี่น้องหยอกล้อกันผ่านเพลงแร๊ปมาก) จนทำให้ชั่วขณะนั้นมันเป็นจังหวะที่ไม่ดำดิ่งกับความเศร้า การสร้างตัวละครให้ตลก เล่นใหญ่ กวนอารมณ์ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับคนดู รวมทั้งการหยอดความหวาน ความโรแมนติกลงไปในหลายคู่
-----
แต่กาแฟอย่างไรก็เป็นกาแฟ ลาเต้ในยุค 2019 แก้วนี้ก็ยังคงความเข้มข้นของกาแฟอยู่ ท้ายสุดแล้วผู้ชมก็รับสารจากบัลลังก์เมฆ 2019 ที่ทีมงาน นักแสดง คนเขียนบทต้องการสื่อได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเปลี่ยนจังหวะการเล่าเรื่องใหม่ แต่แก่นเรื่องแต่เดิมที่ทรงพลังก็ไม่ได้ลดน้อยหรือหายไป
-----
จากนี้ไปจะเป็นการบอกเล่าถึงตัวละครสำคัญในเรื่อง
-----
  
#ปานรุ้ง
แพท สุธาสินี ก็คือเจ้าแม่ละครเวที คือผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อเล่นละครเวทีอย่างแท้จริง เพียงแค่เปล่งเสียงร้องออกมาประโยคแรก ก็สะกดคนดูอย่างเราได้อย่างอยู่หมัด แต่ช่วงที่เป็นบทพูดธรรมดา อาจดูตะกุกตะกัก แปลกๆ หรือประดักประเดิดไปบ้าง เข้าใจว่าห่างหายจากการเล่นละครไปนาน อย่างไรก็ตาม ในความเป็นแม่ของปานรุ้ง, แพท สุธาสินีถ่ายทอดความรู้สึก ถ่ายทอดหัวใจของตัวละครตัวนี้ออกมาได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกรักลูก—ทุกๆ คำที่แม่พร่ำสอน เปรียบเหมือนพรจากใจ / ความรู้สึกอ้างว้าง—เหนื่อยล้าเหลือเกิน มันเหมือนเดินมาเดียวดาย ฯลฯ 
-----
#ชูนาม
ทัช ณ ตะกั่วทุ่งคือผู้ชายกวนตีนคนหนึ่งเลย!!! เป็นชูนามที่ยียวนกวนบาทามาก แต่การดีไซน์คาแรคเตอร์ชูนามให้ออกมาสไตล์ทัช ทำให้เราไม่รู้สึกเกลียดตัวละครตัวนี้เลย ออกแนวหมั่นไส้ อยากตื้บมากกว่า เป็นชูนามที่เพลย์บอย ปลิ้นปล้อน เจ้าเล่ห์ และรักสบาย จนคิดแต่จะหนีปัญหาท่าเดียว ดูไม่มีอะไรดีเลย แต่ชูนามฉบับทัชก็ทะเล้นได้น่าเอ็นดูมาก (เป็นคนประเภท เออ ถ้าคุยเล่นๆ ก็สนุก เรียกเสียงหัวเราะได้ชั่วคราว แต่อย่าเข้าไปคลุกคลีกับคนแบบนี้นะ ไม่งั้นละต่อให้คิดบวกแค่ไหนก็หายนะ)
-----
#เกื้อ
ชาย ชาตโยดม คือเอกอุด้านการแสดงบทดราม่า เขาเป็นนักแสดงนำคนเดียวที่ไม่ใช่นักร้อง แต่ชายทำหน้าที่นักแสดงได้ดีมาก บทร้องเพลงหาลูกชายก็ไม่ได้แย่ มันคือเสียงร้องที่สั่นเครือ เสียงร้องของผู้ชายที่กำลังอดทนต่อความสูญเสีย และเมื่อมันมาจุดที่ทนไม่ไหว เกื้อก็ร้องไห้ออกมาผ่านบทเพลง และไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้คนในโรงละครต้องพลอยเสียน้ำตาตามตัวละครตัวนี้
-----
#วาสุเทพ
จิ๊บ วสุ กับบทบาทสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับปานรุ้งอย่างยาวนานที่สุด ถ้าปานรุ้งเป็นไฟ วาสุเทพก็เป็นน้ำที่คอยดับไฟอารมณ์ในใจภรรยาตลอด บทเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่ความกล้าออกมาห้าม กล้ายับยั้งปานรุ้ง (แม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม) ก็ทำให้วาสุเทพเป็นน้ำใสที่ไม่ได้จืดชืด แต่กลับโดดเด่นขึ้นมา และช่วงสุดท้ายของชีวิตตัวละครตัวนี้ จิ๊บ วสุก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี ช่วงชีวิตที่ต้องจบลงโดยจมไปกับสายธารแห่งความตรอมใจ คลื่นซัดแห่งบ่วงกรรมที่ร้อยรัดเขา ปานรุ้ง กติยา และผ้าขาวทั้งสองผืนอย่างโดมกับปานวาด
-----

(ต่อ คอมเม้นที่ 1 )
ชื่อสินค้า:   บัลลังก์เมฆ The Musical 2019
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่