ความรักพังแล้วทิ้ง
ถ้าให้เลือกระหว่างเลิกกันหรือปรับตัวเข้าหากัน เลิกกันคงจะง่ายกว่า หลายคนคิดแบบนี้ เราเหมือนกัน
เราเลือกที่จะ ‘ทิ้ง’ แทนที่จะ ‘ซ่อม’ เพราะมันง่ายกว่า
เวลาเห็นคู่รักรุ่นปู่ย่า ที่รักกันดูแลกันเกินครึ่งชีวิตแล้วมันซึ้งเนอะ ทุกคนใฝ่ฝันอยากได้ความรักแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพยายามเท่าไหร่ ความรักยิ่งดูฉาบฉวย เปราะบาง คบง่ายเลิกง่าย คำว่ารักมันดูมีความหมายน้อยลงเรื่อยๆ พูดง่ายขึ้นเรื่อยๆ กลับคำได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ
ลองคิดดูดีๆก็ไม่แปลกเพราะเราอยู่ในยุคใช้แล้วทิ้ง พังก็ซื้อใหม่ เบื่อก็เปลี่ยน ตัวเลือกเยอะ ซื้อง่าย กดปุ๊บมาปั๊บ การซ่อมต้องรอ บางทีแพงกว่าซื้อใหม่อีก การซ่อมเลยเป็นทางเลือกท้ายๆ ขณะที่สมัยก่อนกว่าจะได้อะไรมามันก็ยาก ต้องเดินทางไปซื้อ เดินหา ราคาก็สูง ของพังเลยต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก
ความรักสมัยก่อนส่งจดหมาย โทรศัพท์สาธารณะ กว่าจะได้คุยกันแต่ละที ยากมาก เดี๋ยวนี้แชทๆ บล็อคๆ แอดใหม่ ง่ายมาก ตัวเลือกเพียบ คำพูดที่ว่า ’ไม่รู้จะทนทำไม หาใหม่ง่ายกว่า’ ‘เราเข้ากันไม่ได้’ ก็กลายเป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อยๆ
แต่เราลืมไปว่าไม่มีใครเข้ากันได้ 100% บนโลกใบนี้ และไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่จะไม่มีการกระทบกระทั่งสร้างรอยขูดขีดกันบ้าง แต่รอยขูดขีดคือสิ่งที่แสดงถึงความพยายามในการขยับตัวเข้าหากันนะ
ถ้าเรามองหาความรักที่สมบูรณ์แบบ แบบที่ไม่มีรอยขูดขีด ไม่บิ่นบ้าง เลอะบ้าง เราจะไม่มีวันหาเจอเลย ก็คงต้องพังแล้วทิ้ง หาใหม่ไปเรื่อยๆ ขนาดในละครยังไม่มีเลย มีไหมพระเอกนางเอกที่ปิ๊งปุ๊บ แต่งปั๊บ ไม่ทะเลาะ เข้าใจตั้งแต่คบกันจนตายจากกัน
เพราะความรัก คือ การที่คนสองคนที่ต่างกัน เติบโตไปด้วยกัน ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ ค่อยๆปรับตัว แม้เผลอสร้างรอยแผลให้กันบ้าง แต่ก็ยอมที่จะอยู่ เต็มใจที่จะช่วยซ่อมแซมกันไป
ฟังแล้วคงเบื่อ แต่ความไม่สมบูรณ์แบบ คือ สิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ปล.ช่วงนี้ตั้งกระทู้บ่อยไปหน่อยครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
เอาบทความดีๆมาฝากครับ ไว้เตือนสติตัวเองด้วย
ถ้าให้เลือกระหว่างเลิกกันหรือปรับตัวเข้าหากัน เลิกกันคงจะง่ายกว่า หลายคนคิดแบบนี้ เราเหมือนกัน
เราเลือกที่จะ ‘ทิ้ง’ แทนที่จะ ‘ซ่อม’ เพราะมันง่ายกว่า
เวลาเห็นคู่รักรุ่นปู่ย่า ที่รักกันดูแลกันเกินครึ่งชีวิตแล้วมันซึ้งเนอะ ทุกคนใฝ่ฝันอยากได้ความรักแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพยายามเท่าไหร่ ความรักยิ่งดูฉาบฉวย เปราะบาง คบง่ายเลิกง่าย คำว่ารักมันดูมีความหมายน้อยลงเรื่อยๆ พูดง่ายขึ้นเรื่อยๆ กลับคำได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ
ลองคิดดูดีๆก็ไม่แปลกเพราะเราอยู่ในยุคใช้แล้วทิ้ง พังก็ซื้อใหม่ เบื่อก็เปลี่ยน ตัวเลือกเยอะ ซื้อง่าย กดปุ๊บมาปั๊บ การซ่อมต้องรอ บางทีแพงกว่าซื้อใหม่อีก การซ่อมเลยเป็นทางเลือกท้ายๆ ขณะที่สมัยก่อนกว่าจะได้อะไรมามันก็ยาก ต้องเดินทางไปซื้อ เดินหา ราคาก็สูง ของพังเลยต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก
ความรักสมัยก่อนส่งจดหมาย โทรศัพท์สาธารณะ กว่าจะได้คุยกันแต่ละที ยากมาก เดี๋ยวนี้แชทๆ บล็อคๆ แอดใหม่ ง่ายมาก ตัวเลือกเพียบ คำพูดที่ว่า ’ไม่รู้จะทนทำไม หาใหม่ง่ายกว่า’ ‘เราเข้ากันไม่ได้’ ก็กลายเป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อยๆ
แต่เราลืมไปว่าไม่มีใครเข้ากันได้ 100% บนโลกใบนี้ และไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่จะไม่มีการกระทบกระทั่งสร้างรอยขูดขีดกันบ้าง แต่รอยขูดขีดคือสิ่งที่แสดงถึงความพยายามในการขยับตัวเข้าหากันนะ
ถ้าเรามองหาความรักที่สมบูรณ์แบบ แบบที่ไม่มีรอยขูดขีด ไม่บิ่นบ้าง เลอะบ้าง เราจะไม่มีวันหาเจอเลย ก็คงต้องพังแล้วทิ้ง หาใหม่ไปเรื่อยๆ ขนาดในละครยังไม่มีเลย มีไหมพระเอกนางเอกที่ปิ๊งปุ๊บ แต่งปั๊บ ไม่ทะเลาะ เข้าใจตั้งแต่คบกันจนตายจากกัน
เพราะความรัก คือ การที่คนสองคนที่ต่างกัน เติบโตไปด้วยกัน ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ ค่อยๆปรับตัว แม้เผลอสร้างรอยแผลให้กันบ้าง แต่ก็ยอมที่จะอยู่ เต็มใจที่จะช่วยซ่อมแซมกันไป
ฟังแล้วคงเบื่อ แต่ความไม่สมบูรณ์แบบ คือ สิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ปล.ช่วงนี้ตั้งกระทู้บ่อยไปหน่อยครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย