มีเรื่องกลุ้มใจค่ะเราคบกับแฟนชาวต่างชาติมา4 ปีเราอายุ27 แฟน28
เค้าขอเราแต่งงานแต่แม่เรียกสินสอด1ล้านบาทโดยให้เหตุผลว่าอนาคตไม่แน่นอน
หากวันใดวันหนึ่งเกิดเลิกกันขึ้นมาแล้วเรามีลูกกับเค้าไปแล้ว เงินนี้จะช่วยเป็นทุนให้เราใช้เลี้ยงลูกได้ไม่ลำบาก
แต่ถ้าเราสองคนไปกันรอดเงินนี้แม่จะคืนให้เป็นเงินของหลาน เรารู้ว่าแม่ห่วงเราและแม่จะไม่เอาเงินไปใช้เองแน่ๆ
แต่ความคิดเราเงินล้านนึงมันมากเกินไป แฟนเราเค้าก็ไม่ได้รวยเราไม่มีหน้าไปบอกเค้าด้วยซ้ำว่าแม่เรียกล้านนึง
เงินมากมายขนาดนั้นเป็นเราเองยังไม่โอเคเลย ถ้าเราเป็นผู้ชายเราคงรู้สึกเหมือนโดนปล้น
ดีแค่ไหนที่เค้าเข้าใจวัฒนธรรมของเราและโอเคเท่าที่เค้าจะให้ได้(เค้าบอกสามแสนกับทองสิบบาทเค้าโอเคให้ได้แค่นี้จริงๆ)
แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าต้องล้านนึงเท่านั้น เราไม่อยากให้เค้าคิดว่าเราเป็นนักขุดทองหนักใจมากๆค่ะ ข้างนึงก็แม่ข้างนึงก็แฟน
แฟนเราเป็นprogramer ลาออกจากงานประจำปล่อยอพาร์ตเมนต์ที่ต่างประเทศให้คนเช่า
แล้วมาเช่าคอโดอยู่เมืองไทยเพื่อจะได้เจอเราอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
ตอนนี้ก็เป็นfreelance รายได้ไม่ได้แน่นอนแต่ถ้าเราแต่งงานกันเราจะย้ายไปอยู่บ้านเค้าไปหางานทำที่นู้น
แล้วเค้าจะได้กลับไปทำงานประจำ เอาจริงๆเราไม่เคยถามเค้าหรอกว่าเค้าเงินเดือนเท่าไหร่
มีเงินเก็บเท่าไหร่เพราะเราไม่เคยคิดจะเอาเงินเค้าที่ผ่านมาตลอดสี่ปีเค้าดูแลเราดีมาตลอด ไม่มีเรื่องผู้หญิงมาให้เราลำบากใจ
ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่รักเรามาก ส่วนเราเองเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์เงินเดือนหมื่นปลายๆ มีเงินเก็บอยู่แสนนิดๆ
ทางบ้านเราฐานะค่อนข้างดี และเราไม่ได้คิดว่าแม่เรียกเงินเยอะเพราะหน้าตาทางสังคมหรือคิดจะขายลูกกินแต่เพราะห่วงอนาคตเรา
เราพยามอธิบายให้แม่เจ้าใจในความรักของเราสองคนว่าเค้าดีกับเราแค่ไหนในวันที่เราแย่ แม่ก็เข้าใจนะแม่ก็มองว่าแฟนเราเป็นคนดีรักเรา
แต่แม่บอกมันไม่เกี่ยวกัน เราพยามพูดขอให้แม่ลดค่าสินสอดลงแต่แม่ก็ไม่ยอมต้องล้านนึงเท่านั้น
ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องมาขอ จะไปอยู่ด้วยกันก็ได้ แต่แม่จะไม่รับเป็นลูกเขย
แถมบอกอีกว่าถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับหนีตามกันไปไม่เห็นแก่หน้าพ่อหน้าแม่
เรานี่แบบไม่รู้จะทำยังไงเลยเงินเราก็ไม่พอที่จะไปช่วยแฟนออกสินสอดให้แม่ เห้อ
เพื่อนๆมีความเห็นยังไงกันบ้างเราควรทำยังไงดีคะ
คิดยังไงกับสินสอด หนึ่งล้านบาท
เค้าขอเราแต่งงานแต่แม่เรียกสินสอด1ล้านบาทโดยให้เหตุผลว่าอนาคตไม่แน่นอน
หากวันใดวันหนึ่งเกิดเลิกกันขึ้นมาแล้วเรามีลูกกับเค้าไปแล้ว เงินนี้จะช่วยเป็นทุนให้เราใช้เลี้ยงลูกได้ไม่ลำบาก
แต่ถ้าเราสองคนไปกันรอดเงินนี้แม่จะคืนให้เป็นเงินของหลาน เรารู้ว่าแม่ห่วงเราและแม่จะไม่เอาเงินไปใช้เองแน่ๆ
แต่ความคิดเราเงินล้านนึงมันมากเกินไป แฟนเราเค้าก็ไม่ได้รวยเราไม่มีหน้าไปบอกเค้าด้วยซ้ำว่าแม่เรียกล้านนึง
เงินมากมายขนาดนั้นเป็นเราเองยังไม่โอเคเลย ถ้าเราเป็นผู้ชายเราคงรู้สึกเหมือนโดนปล้น
ดีแค่ไหนที่เค้าเข้าใจวัฒนธรรมของเราและโอเคเท่าที่เค้าจะให้ได้(เค้าบอกสามแสนกับทองสิบบาทเค้าโอเคให้ได้แค่นี้จริงๆ)
แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าต้องล้านนึงเท่านั้น เราไม่อยากให้เค้าคิดว่าเราเป็นนักขุดทองหนักใจมากๆค่ะ ข้างนึงก็แม่ข้างนึงก็แฟน
แฟนเราเป็นprogramer ลาออกจากงานประจำปล่อยอพาร์ตเมนต์ที่ต่างประเทศให้คนเช่า
แล้วมาเช่าคอโดอยู่เมืองไทยเพื่อจะได้เจอเราอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
ตอนนี้ก็เป็นfreelance รายได้ไม่ได้แน่นอนแต่ถ้าเราแต่งงานกันเราจะย้ายไปอยู่บ้านเค้าไปหางานทำที่นู้น
แล้วเค้าจะได้กลับไปทำงานประจำ เอาจริงๆเราไม่เคยถามเค้าหรอกว่าเค้าเงินเดือนเท่าไหร่
มีเงินเก็บเท่าไหร่เพราะเราไม่เคยคิดจะเอาเงินเค้าที่ผ่านมาตลอดสี่ปีเค้าดูแลเราดีมาตลอด ไม่มีเรื่องผู้หญิงมาให้เราลำบากใจ
ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่รักเรามาก ส่วนเราเองเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์เงินเดือนหมื่นปลายๆ มีเงินเก็บอยู่แสนนิดๆ
ทางบ้านเราฐานะค่อนข้างดี และเราไม่ได้คิดว่าแม่เรียกเงินเยอะเพราะหน้าตาทางสังคมหรือคิดจะขายลูกกินแต่เพราะห่วงอนาคตเรา
เราพยามอธิบายให้แม่เจ้าใจในความรักของเราสองคนว่าเค้าดีกับเราแค่ไหนในวันที่เราแย่ แม่ก็เข้าใจนะแม่ก็มองว่าแฟนเราเป็นคนดีรักเรา
แต่แม่บอกมันไม่เกี่ยวกัน เราพยามพูดขอให้แม่ลดค่าสินสอดลงแต่แม่ก็ไม่ยอมต้องล้านนึงเท่านั้น
ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องมาขอ จะไปอยู่ด้วยกันก็ได้ แต่แม่จะไม่รับเป็นลูกเขย
แถมบอกอีกว่าถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับหนีตามกันไปไม่เห็นแก่หน้าพ่อหน้าแม่
เรานี่แบบไม่รู้จะทำยังไงเลยเงินเราก็ไม่พอที่จะไปช่วยแฟนออกสินสอดให้แม่ เห้อ
เพื่อนๆมีความเห็นยังไงกันบ้างเราควรทำยังไงดีคะ