สว.ระส่ำ! จ่อยื่นอัยการสูงสุด ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ล้มการสรรหา สมาชิกวุฒิสภา
https://www.khaosod.co.th/politics/news_2628335
สว.ระส่ำ! “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” จ่อยื่นอัยการสูงสุด ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ล้มการสรรหา สมาชิกวุฒิสภา
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นาย
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับการสรรหา ส.ว. 194 คน ส่อว่าจะเป็นโมฆะและทำให้การเลือกนายกฯ เป็นโมฆะหรือไม่นั้น หากพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้ว่า เข้าข่ายมีมูลและเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีหลายประเด็นสำคัญที่ยังไม่ได้กล่าวถึง โดยเฉพาะช่องทางการยื่นร้องไปยังอัยการสูงสุด ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49
ทั้งนี้ การเลือก ส.ว.194 คนโดยคณะกรรมการสรรหา ส.ว. หากพิจารณาเทียบเคียงกับการเลือก ส.ว.50 คน โดย กกต.จะเห็นได้ว่ามีสองมาตรฐานอย่างชัดเจน ทั้งที่การเลือกดังกล่าวมาจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 เหมือนกัน การเลือก ส.ว.50 คนมีการประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา มีการออกระเบียบ
กกต.มีการลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นการทำตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดบังคับไว้ แต่การเลือก ส.ว.194 คน กลับไม่มีการกระทำเช่นนั้น มีการปกปิดรายชื่อกรรมการสรรหา ไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ และกรรมการบางคนยังออกมาแถแบบข้างๆ คูๆ ว่าเป็นเรื่องภายใน ประชาชนไม่เกี่ยวอีกด้วย
นาย
เรืองไกร กล่าวอีกว่า เรื่องนี้อาจเข้าลักษณะเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ไม่เห็นหัวประชาชน จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาตามมายังไม่จบสิ้น หากพิจารณาโดยรวมตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะเห็นอีกช่องทางหนึ่งคือการใช้สิทธิตามมาตรา 49 เพื่อให้อัยการสูงสุด ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือก ส.ว.194 คนชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ตนจะไปยื่นหนังสือถึง อสส.ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ราชการอาคารเอ
‘ศรีสุวรรณ’ จ่อนำ ส.ส.หลุดเก้าอี้ไทรักธรรมยื่น ป.ป.ช.สอบ กกต.นับคะแนนไม่ชอบด้วยกม.
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1543173
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน นาย
ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “
ศรีสุวรรณ จรรยา” ว่า สมาคมฯได้รับการร้องเรียนจากพรรคไทรักธรรม ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ ส.ส.หนึ่งเดียวของพรรคไทรักธรรมหลุดจากตำแหน่งไปอย่างมีพิรุธ โดยที่พรรคไทรักธรรมได้ไปยื่นคำร้องคัดค้านต่อ กกต.แล้วถึง 7 รอบ แต่ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดนั้น
ล่าสุดเลขาธิการ กกต.ได้ตอบหนังสือมายังพรรคไทรักธรรมยอมรับว่า เหตุดังกล่าวเป็นเพราะคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งบางแห่ง ไม่ได้นำผลคะแนนที่ออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร มารวมผลคะแนนด้วย ซึ่งการยอมรับดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อผลการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม และผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ระบุว่าเป็นผลคะแนนมาจาก 349 เขตเลือกตั้ง ซึ่งขัดต่อ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ในหมวดที่ว่าด้วย
“การนับคะแนนและการรวมคะแนน”
โดย ม.123 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า
“เมื่อรวบรวมผลการนับคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น รวมทั้งคะแนนที่ได้จากการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งและคะแนนที่ได้จากการลงคะแนนเลือกตั้ง นอกราชอาณาจักรแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งประกาศผลการนับคะแนน ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และคะแนนที่ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด แล้วรายงานผลการนับคะแนนต่อผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดและคณะกรรมการโดยเร็ว” ดังนั้นการนำผลคะแนนก่อนวันเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร มารวมผลคะแนนใหม่แล้วประกาศในวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การกระทำดังกล่าว เมื่อนับรวมคะแนนของทุกพรรคการเมืองที่มีการเลือกตั้งซ่อมในเขต 8 จ.เชียงใหม่ ให้ครบ 100% จำนวน 350 เขต มีข้อพิรุธขึ้นมาทันทีว่า ทำไมมีบางพรรคการเมืองมีจำนวนคะแนนเพิ่มขึ้นถึงอย่างผิดสังเกตอย่างไร้เหตุผลถึง 9,894 คะแนน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการคิดคำนวณคะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อขึ้นมาทันที ทำให้ ส.ส.พรรคไทรักธรรม หลุดจากตำแหน่งไปและมี ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเสียบแทนอย่างน่าสงสัย และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนทั่วประเทศ
ดังนั้นข้ออ้างของเลขาธิการ กกต.ย่อมเป็นการยอมรับในผลของการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตาม ม.123 พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. 2561 อันหมายถึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหมายความรวมถึงคณะกรรมการ กกต.ทั้ง 7 คนที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวต้องเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ด้วย และให้เสนอศาลเพื่อสั่งให้การประกาศผลการเลือกตั้งวันที่ 28 พฤษภาคม เป็น
“โมฆะ” ต่อไป ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมฯและพลพรรคไทรักธรรมจึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนกล่าวโทษ กกต. และเลขาธิการ กกต.ต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิดตามกฎหมายต่อไป ในวันพุธที่ 19 มิถุนายน เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ถนนสนามบินน้ำ นนทบุรี นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1325179280940214&id=285420741582745&__xts__%5B0%5D=68.ARBfCjmGvd-4tPrFqcZJX1E4z-sqcX8krCD1vRb3w6vychDAhAiHIlvym5lsJpLW6hVIE6DSJQLLHmWCEdYV0_DmI9cCBKE7qczgAyexsi2_daGnLktbn3L0AE9pKpt5ML5EUxpgbTZLtHFbWucgIlLchLre4MrQ9rDz0siEFcAp454iou5Px0M98pw9FYNDuTXPzyjE39sPETFjOeEz8zxJdSyVcrtFD8W_I-IdyU_32cfJYkbsxQN-6pvjFiij9h3Em6NYZwkL9IJ_nyxQEbzbzS4Qf3psXNPwvlHQ0VdGMhIm7ie7lkGfK1B6Nrvezecagu6sEhrmnYkcjofvUHI1Ww&__tn__=-R
JJNY : จ่อยื่นอสส.ร้องศาลรธน.ล้มการสรรหาสว./ศรีสุวรรณยื่น ป.ป.ช.สอบ กกต.นับคะแนนไม่ชอบ/อ.นิด้าชี้เห็นชื่อโผครม.ใหม่แล้ว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_2628335
ทั้งนี้ การเลือก ส.ว.194 คนโดยคณะกรรมการสรรหา ส.ว. หากพิจารณาเทียบเคียงกับการเลือก ส.ว.50 คน โดย กกต.จะเห็นได้ว่ามีสองมาตรฐานอย่างชัดเจน ทั้งที่การเลือกดังกล่าวมาจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 เหมือนกัน การเลือก ส.ว.50 คนมีการประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา มีการออกระเบียบ
กกต.มีการลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นการทำตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดบังคับไว้ แต่การเลือก ส.ว.194 คน กลับไม่มีการกระทำเช่นนั้น มีการปกปิดรายชื่อกรรมการสรรหา ไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ และกรรมการบางคนยังออกมาแถแบบข้างๆ คูๆ ว่าเป็นเรื่องภายใน ประชาชนไม่เกี่ยวอีกด้วย
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า เรื่องนี้อาจเข้าลักษณะเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ไม่เห็นหัวประชาชน จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาตามมายังไม่จบสิ้น หากพิจารณาโดยรวมตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะเห็นอีกช่องทางหนึ่งคือการใช้สิทธิตามมาตรา 49 เพื่อให้อัยการสูงสุด ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือก ส.ว.194 คนชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ตนจะไปยื่นหนังสือถึง อสส.ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ราชการอาคารเอ
‘ศรีสุวรรณ’ จ่อนำ ส.ส.หลุดเก้าอี้ไทรักธรรมยื่น ป.ป.ช.สอบ กกต.นับคะแนนไม่ชอบด้วยกม.
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1543173
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “ศรีสุวรรณ จรรยา” ว่า สมาคมฯได้รับการร้องเรียนจากพรรคไทรักธรรม ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ ส.ส.หนึ่งเดียวของพรรคไทรักธรรมหลุดจากตำแหน่งไปอย่างมีพิรุธ โดยที่พรรคไทรักธรรมได้ไปยื่นคำร้องคัดค้านต่อ กกต.แล้วถึง 7 รอบ แต่ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดนั้น
ล่าสุดเลขาธิการ กกต.ได้ตอบหนังสือมายังพรรคไทรักธรรมยอมรับว่า เหตุดังกล่าวเป็นเพราะคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งบางแห่ง ไม่ได้นำผลคะแนนที่ออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร มารวมผลคะแนนด้วย ซึ่งการยอมรับดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อผลการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม และผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ระบุว่าเป็นผลคะแนนมาจาก 349 เขตเลือกตั้ง ซึ่งขัดต่อ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ในหมวดที่ว่าด้วย “การนับคะแนนและการรวมคะแนน”
โดย ม.123 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “เมื่อรวบรวมผลการนับคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น รวมทั้งคะแนนที่ได้จากการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งและคะแนนที่ได้จากการลงคะแนนเลือกตั้ง นอกราชอาณาจักรแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งประกาศผลการนับคะแนน ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และคะแนนที่ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด แล้วรายงานผลการนับคะแนนต่อผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดและคณะกรรมการโดยเร็ว” ดังนั้นการนำผลคะแนนก่อนวันเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร มารวมผลคะแนนใหม่แล้วประกาศในวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การกระทำดังกล่าว เมื่อนับรวมคะแนนของทุกพรรคการเมืองที่มีการเลือกตั้งซ่อมในเขต 8 จ.เชียงใหม่ ให้ครบ 100% จำนวน 350 เขต มีข้อพิรุธขึ้นมาทันทีว่า ทำไมมีบางพรรคการเมืองมีจำนวนคะแนนเพิ่มขึ้นถึงอย่างผิดสังเกตอย่างไร้เหตุผลถึง 9,894 คะแนน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการคิดคำนวณคะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อขึ้นมาทันที ทำให้ ส.ส.พรรคไทรักธรรม หลุดจากตำแหน่งไปและมี ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเสียบแทนอย่างน่าสงสัย และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนทั่วประเทศ
ดังนั้นข้ออ้างของเลขาธิการ กกต.ย่อมเป็นการยอมรับในผลของการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตาม ม.123 พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. 2561 อันหมายถึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหมายความรวมถึงคณะกรรมการ กกต.ทั้ง 7 คนที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวต้องเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ด้วย และให้เสนอศาลเพื่อสั่งให้การประกาศผลการเลือกตั้งวันที่ 28 พฤษภาคม เป็น “โมฆะ” ต่อไป ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมฯและพลพรรคไทรักธรรมจึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนกล่าวโทษ กกต. และเลขาธิการ กกต.ต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิดตามกฎหมายต่อไป ในวันพุธที่ 19 มิถุนายน เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ถนนสนามบินน้ำ นนทบุรี นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1325179280940214&id=285420741582745&__xts__%5B0%5D=68.ARBfCjmGvd-4tPrFqcZJX1E4z-sqcX8krCD1vRb3w6vychDAhAiHIlvym5lsJpLW6hVIE6DSJQLLHmWCEdYV0_DmI9cCBKE7qczgAyexsi2_daGnLktbn3L0AE9pKpt5ML5EUxpgbTZLtHFbWucgIlLchLre4MrQ9rDz0siEFcAp454iou5Px0M98pw9FYNDuTXPzyjE39sPETFjOeEz8zxJdSyVcrtFD8W_I-IdyU_32cfJYkbsxQN-6pvjFiij9h3Em6NYZwkL9IJ_nyxQEbzbzS4Qf3psXNPwvlHQ0VdGMhIm7ie7lkGfK1B6Nrvezecagu6sEhrmnYkcjofvUHI1Ww&__tn__=-R