จุดธูปให้ถูกในคืนปลุกผี

สวัสดีครับวันนี้มีเรื่องผีจะมาเล่าก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ายังไม่เคยเล่านี่ครั้งแรกนะครับเอาเป็นว่าอยากแชร์ประสบการณ์เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์นะครับ 
มาเริ่มกันเลย!
               เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเมื่อตอนผมอยู่ปี2ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางฝั่งภาคเหนือซึ่งในทุกๆปีจะมีการจัดนิทรรศการหนึ่งขึ้นซึ่งหลายมหาวิทยาลัยก็จะจัดเหมือนกันนั่นคืองานลอยกระทงโดยการจัดลอยกระทงในมหาลัยเนี่ยมันจะต้องมีบู๊ตของคณะและชั้นปีต่างๆเช่นบู๊ตขายของสาวน้อยตกน้ำเป็นต้นโดยบู๊ตที่ผมได้ทำทั้งในปี1และปี2นั้นคือบ้านผีสิงบ้านผีสิงถูกคิดขึ้นเมื่อตอนผมอยู่ปี1 โดยฝ่ายองค์การนักศึกษาเพื่อหารายได้เข้าองค์การแต่พอมาปี2 ได้มีการปรับเปลี่ยนโดยมีคนรับช่วงต่อบ้านผีสิงนั้นคือสาขาของผมเองผมเป็นคนมีประสบการณ์ในการทำบ้านผีสิงกับเพื่อนๆในปีที่1จึงถูกให้มากำกับดูแลน้องๆในปีที่2 เรื่องมันจะเริ่มจากวันที่ไปยืมผ้าเพื่อมาทำเป็นที่กั้นสำหรับทางเดินโดยผ้าที่จะยืมมานั้นต้องเป็นผ้าสีดำสำหรับงานศพเท่านั้นเพื่อความขลัง555 จัดแจงยืมเสร็จสรรพเรียบร้อยได้เวลาเตรียมงานการทำซุ้มเป็นไปได้ดีจนถึงเวลาที่จะได้ทำการเปิดบ้านผีสิงเวลา19:19นาที(ต้องเอาฤกษ์เอายามเพื่อความสบายใจด้วยนะ)ซึ่งในระหว่างนี้เองพวกผมจะมีการจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางโดยการจุด9ดอกและบอกท่าน(ในขั้นตอนนี้ผมแอบไปข้างนอกเพราะข้างในร้อนมาก)เมื่อเปิดทำการได้ในคืนแรก(เทศกาลมี2วันครับ) น้องๆที่แต่งตัวเป็นผีแสตนบายรอในบ้านผีสิงเรียบร้อยไฟเสียงดนตรีพร้อมก็เปิดบ้านผีสิงได้โดยมีผมและเพื่อนอีก1คนเป็นสตาฟในกรณีเกิดเหตุขึ้นในบ้านผีสิงการกำกับดูแลเป็นไปได้ด้วยดี2ชมผ่านไปผมเลยเลื่อจึงเดินออกไปสูดอากาศข้างนอกจู่ๆก็มีข่าวลือแปลกๆเข้าหูมาจากคนที่เข้าไปในบ้านผีสิงเกี่ยวกับเจอของจริงอะไรทำนองนี้ผมก็ยังคิดว่าคนที่เข้าไปเพ้อเจ้อเพราะในนั้นมันมืดจนเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นคือระหว่างที่ผมอยู่ข้างนอกตอนนั้นผมอยู่ตรงเต๊นประตูทางออกลองนึกภาพว่าเอาเต๊นงานวัดมาต่อกัน4หลังแบบคดเคี้ยวไปมาเต๊นแรกคือทางเข้าเต้นที่4คือทางออกโดยมีผ้าดำคลุมทั้งหมด(ผ้าดำจากงานศพนั่นละ) แต่เต๊นสุดท้ายเนี่ยมันมืดกว่าปกติเพื่อผ้าดำดันร่วงลงมาปิดทางออกเลยมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเอาผ้าคลุมดำออกผมจึงถามว่า 
“เอาผ้าขึ้นทำไมมืดๆก้ดีอยู่แล้ว”
“อ่าวก้เดี๋ยวมันมืดเกินไม่มีคนเห็นน้องคนที่นั่งเก้าอี้พอดี”
ผมเงียบไปสักพักเพราะรู้ว่าเก้าอี้ตัวสุดท้ายในเต๊นนั้นไม่มีใครนั่งตรงนั้นเพราเต๊นสุดท้ายเป็นเพียงเต๊นเปล่ามีแค่เก้าอี้ไว้นั่งพักแค่ตัวเดียว
“เห้ยเป็นไปไม่ได้! ไม่มีใครมานั่งมันเป็นเก้าอี้ของพวกกู55”
“ก็เห็นน้องคนนั้นนั่งอยู่ไงอ่าวหายไปไหนละ” มันเดินไปกะจะเปิดให้ผมดู
“ตาฝาดไปแหละโถ่” ผมจึงเริ่มแปลกใจแต่ยังไม่พูดอะไรมากและเดินกลับไปในซุ้มครึ่งชม. ผ่านไปเพื่อนอีกคนเดินเข้ามาทางประตูทางออกเพื่อจะขอยืมโทรศัพท์ผมเลยถามไปว่า
“รู้ได้ไงว่ากูอยู่ไหน”
“น้องบอกมา”
“น้องไหนวะ”
“เออน่ะกูไปละเดะเอามาคืน”
“เออ!”
สักพักมันก้เอาโทรศัพท์มาคืนละมันก้เดินออกไปทางเดิมผมก้ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะคิดว่าน้องผีปลอมคงบอกมันแหละแต่สงสัยอย่างว่าทำไมมันถึงไม่บอกว่าเป็นใครทั้งๆที่มันก็รู้จักน้องทุกคนจนจบคืนแรกผ่านพ้นไปด้วยดีถึงเวลาที่ต้องมาคุยฟีตแบคกันเพื่อประเมินว่าจะจัดคืนที่สองในรูปแบบไหนจนสรุปมาได้ว่าต้องเพิ่มเครื่องเล่นและซ่อมแซมบางส่วนที่ชำรุดจนคุยไปคุยมาเริ่มเปิดประเด็นเรื่องผีเพราะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่สงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้นจึงมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน 
“สงสัยอยู่พอดีน้องคนไหนที่บอกว่ากูอยู่ไหนวะ”
“อ่อน้องคนนั้นน่ะนะเค้าไม่ได้แต่งหน้าหว่ะแต่มีเลือดไหลออกมาจากตากะหัว! กูเลยรู้ว่ายิ้มไม่ใช่คน! แต่กูกลัวกลัวไงเลยไม่บอกและน้องเค้าก็ชี้ว่าอยู่ตรงนั้น“
“ห้ะ!!”
“ใช่ๆน้องที่เหนตรงเก้าอี้ก้คนเดียวกันเลยก็นึกอยู่ทำไมเห็นหน้าละขนลุกแปลกๆ”
“เห้ยมันจะเป็นไปได้ไงปีที่แล้วก็จัดที่เดิมไม่เห็นเจอไรเลย”
“เอาเป็นว่ารอดูคืนที่สองละกันไม่รู้ยังไง”
จบคืนแรกไว้เดี๋ยวมาต่อคืนที่สอง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่