
เย็นวันนึงในวันทำงาน ของเดือนมิถุนาหน้าฝน หลังเซ็งๆ กับงานที่หนักมาตลอดหลายสิบปี ขากลับบ้านใช้เส้นทางรถไฟฟ้าหัวลำโพง อยากแวะไปที่ริเวอร์ซิตี้ ได้ไปเจอคุณแหม่ม ฝ่ายการตลาดของ ริเวอร์ซิตี้ เห็นว่ามีงานศิลป์มาโชว์ที่นี่ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ว่างมาดูสักที
เอานะก่อนจะเอาท์ บวกกับต้องแวะหาที่พักจากฝนที่กำลังโปรยปราย เมื่อคุณแหม่มถามว่า พี่อยากดูมั้ย จึงเป็นที่มาตามไปส่อง.................
หลังจากออกจากห้องแสดงงานFrom Monet to Kandinsky ที่ต้องบอกไว้เลยว่าตลอดความยาวประมาณ1ชั่วโมงนี้นับเป็น ช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง เพราะเราไม่ได้ดูงานแบบนี้มาก่อนเลยตลอด30 ปีที่ผ่านมา ด้วยชีวิตที่ทำงานในแวดวงธุรกิจและอีเว้นท์ที่มีความหลากหลายทั้งแฟชั่นและexhibition แม้จะมีงานอีเว้นท์ที่ใกล้เคียงนำเสนอผ่านมัลติมีเดียแสงสีเสียงมานับร้อยๆ งาน แต่ต้องบอกเลยว่า งานนี้มีความแตกต่างตรงตัวคอนเท้นต์ คือภาพผลงานของศิลปินดังระดับโลกที่หาดูยากมาก งานนี้ได้รวมผลงานเด็ดๆ มาไว้ทีเดียวกัน เรียกว่า ภาพระดับตำนานกันเลยทีเดียว ซึ่งหากจะต้องดูให้ครบก็ต้องจ่ายค่าเครื่องบินไปดูถึงยุโรป ดังนั้นการที่ภาพเหล่านี้มารวมกันที่นี่ มันจึงเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ แบบว่าคอนเท้นต์มันโดนอ่ะ เพราะงานแบบนี้สามารถเข้าถึงคนหลายกลุ่ม บางภาพทำให้เราย้อนกลับไปนึกถึงตอนเรียนในห้องมัธยม นึกถึงคำพูดของครูสอนศิลปะ ยามพูดถึงภาพวาดของแวนโก๊ห์ และโกแกง บางภาพเราเคยได้เห็นในรูปของตำราเรียนเป็นเฟรมภาพเล็กๆ เท่านั้น เมื่อมาเห็นในงานนี้อีกครั้ง จึงรู้สึกทึ่งและตื่นตาตื่นใจกับชิ้นงานนับร้อยนับพัน การนำภาพมานำเสนอผ่านจอขนาดใหญ่นี้แม้จะไม่ใช่ตัวภาพจริงๆ ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่ก็ช่วยให้เราได้สัมผัสความงดงามในอีกรูปแบบหนึ่งเมื่อเทียบกับการแขวนภาพวาดตามนิทรรศการภาพทั่วไป เพราะมีความทันสมัยไม่น่าเบื่อ ด้วยแสงสีเสียงแถมเพลงประกอบที่เข้ากันดี ทำให้ดูไปจนจบด้วยความเพลิดเพลินได้ไม่ยาก แม้แต่ภาพแอบสแตร็กที่เคย งง ๆๆ เมื่อได้เห็นอีกครั้งก็บอกกับตัวเองว่า "เฮ้ยมันสวยอ่ะ ทำไมสวยอย่างนี้ มันโอเลยอ่ะ" และงานนี้เราก็ได้ย้อนไปดูภาพวาดมนุษย์ต่างดาวที่อาจจะเป็นต้นแบบของอีทีในหนังฝรั่ง อันนี้ไม่รู้ว่าใช่มั้ยนะ เราเดาเอาเอง คิดว่าหลายคนคงรีวิวงานนี้ว่าน่าไปชม เราเองก็เห็นด้วย และเมื่อได้เข้าไปดู บวกกับสังเกตกลุ่มคนดูก็พบว่ามีหลายช่วงวัย ตั้งแต่วัยรุ่น วันเรียน วัยมหาลัย วัยทำงาน และวัยสว. หรือวัยคุณป้า คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า มาดูด้วยเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่า งานนี้ในวันธรรมดายังมีคนสนใจเข้ามาชมกันหนาตา ถามฝ่ายผู้จัดเห็นว่า ขายบัตรเข้าชมได้เกินคาด ที่ตั้งเป้าไว้ อยากจะวิเคราะห์ไว้ว่า หลังจากเข้าไปดูงานแล้ว ความเห็นส่วนตัว ตามที่จั่วหัวเลยว่า งานนี้มาได้เวลา คือมาถูกจังหวะพอดี เพราะเราเองรู้สึกว่า เราเองก็คิดถึงและโหยหางานที่มีความงามแบบดั้งเดิม และเมื่อกลับออกมาก็อดที่จะแวะอ่านประวัติศิลปินด้วยความคิดถึงไม่ได้ ศิลปินบางท่านมีประวัติที่น่าเศร้า และส่วนใหญ่มีอายุสั้น และเสียชีวิตไปในท่ามกลางโศกนาฎกรรม ถึงบรรทัดนี้ เราเองได้ตระหนักและเข้าใจมากขึ้นว่า คำคมที่ศิลปินเขียนบรรรยายนั้น เป็นคำคมที่มีความลึกซึ้งและสะท้อนความคิดความรู้สึกของเจ้าของงาน และยังเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งที่สัมผัสได้ยามเมื่อดูผลงานของแต่ละท่านอีกด้วย ภายใต้คำคมและภาพวาดนั้น ต่างมีชีวิตของเขาเองโลดแล่นอยู่ในภาพที่นำมาแสดง เมื่อภาพมีความรู้สึกร่าเริงสดใสของเจ้าของภาพ ก็ทำให้เราร่าเริงสดใสและมีความหวังตามไปด้วย พอภาพนั้นมีความรู้สึกเศร้าเราก็มองเห็นคราบน้ำตาและความเหงาของเขาเช่นเดียวกัน แม้ภาพเหล่านี้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายศตวรรษ แต่ภาพในห้องนี้ก็ยังทรงพลังเต็มเปี่ยม และตราตรึงอยู่ในหัวใจผู้ชมไม่เสื่อมคลาย
อยากไปดูบ้าง ซื้อบัตรได้ที่ www.zipeventapp.com
ในงานนี้มีร้านขายของที่ระลึกอยู่ใกล้ที่จัดแสดง และ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/RiverCityBangkok
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
klongsan5000 ขอขอบคุณ RiverCity ไว้ในโอกาสนี้ด้วย และ หากท่านใดอยากไปดูงานศิลปะนี้ซื้อบัตรได้ที่ www.zipeventapp.com
[SR] ตามไปส่องไม่น่าเชื่อว่าคนโหยหาความงามแบบดั้งเดิม ชวนกันไปดูงานอาร์ตระดับโลกในรอบ30ปี
หลังจากออกจากห้องแสดงงานFrom Monet to Kandinsky ที่ต้องบอกไว้เลยว่าตลอดความยาวประมาณ1ชั่วโมงนี้นับเป็น ช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง เพราะเราไม่ได้ดูงานแบบนี้มาก่อนเลยตลอด30 ปีที่ผ่านมา ด้วยชีวิตที่ทำงานในแวดวงธุรกิจและอีเว้นท์ที่มีความหลากหลายทั้งแฟชั่นและexhibition แม้จะมีงานอีเว้นท์ที่ใกล้เคียงนำเสนอผ่านมัลติมีเดียแสงสีเสียงมานับร้อยๆ งาน แต่ต้องบอกเลยว่า งานนี้มีความแตกต่างตรงตัวคอนเท้นต์ คือภาพผลงานของศิลปินดังระดับโลกที่หาดูยากมาก งานนี้ได้รวมผลงานเด็ดๆ มาไว้ทีเดียวกัน เรียกว่า ภาพระดับตำนานกันเลยทีเดียว ซึ่งหากจะต้องดูให้ครบก็ต้องจ่ายค่าเครื่องบินไปดูถึงยุโรป ดังนั้นการที่ภาพเหล่านี้มารวมกันที่นี่ มันจึงเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ แบบว่าคอนเท้นต์มันโดนอ่ะ เพราะงานแบบนี้สามารถเข้าถึงคนหลายกลุ่ม บางภาพทำให้เราย้อนกลับไปนึกถึงตอนเรียนในห้องมัธยม นึกถึงคำพูดของครูสอนศิลปะ ยามพูดถึงภาพวาดของแวนโก๊ห์ และโกแกง บางภาพเราเคยได้เห็นในรูปของตำราเรียนเป็นเฟรมภาพเล็กๆ เท่านั้น เมื่อมาเห็นในงานนี้อีกครั้ง จึงรู้สึกทึ่งและตื่นตาตื่นใจกับชิ้นงานนับร้อยนับพัน การนำภาพมานำเสนอผ่านจอขนาดใหญ่นี้แม้จะไม่ใช่ตัวภาพจริงๆ ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่ก็ช่วยให้เราได้สัมผัสความงดงามในอีกรูปแบบหนึ่งเมื่อเทียบกับการแขวนภาพวาดตามนิทรรศการภาพทั่วไป เพราะมีความทันสมัยไม่น่าเบื่อ ด้วยแสงสีเสียงแถมเพลงประกอบที่เข้ากันดี ทำให้ดูไปจนจบด้วยความเพลิดเพลินได้ไม่ยาก แม้แต่ภาพแอบสแตร็กที่เคย งง ๆๆ เมื่อได้เห็นอีกครั้งก็บอกกับตัวเองว่า "เฮ้ยมันสวยอ่ะ ทำไมสวยอย่างนี้ มันโอเลยอ่ะ" และงานนี้เราก็ได้ย้อนไปดูภาพวาดมนุษย์ต่างดาวที่อาจจะเป็นต้นแบบของอีทีในหนังฝรั่ง อันนี้ไม่รู้ว่าใช่มั้ยนะ เราเดาเอาเอง คิดว่าหลายคนคงรีวิวงานนี้ว่าน่าไปชม เราเองก็เห็นด้วย และเมื่อได้เข้าไปดู บวกกับสังเกตกลุ่มคนดูก็พบว่ามีหลายช่วงวัย ตั้งแต่วัยรุ่น วันเรียน วัยมหาลัย วัยทำงาน และวัยสว. หรือวัยคุณป้า คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า มาดูด้วยเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่า งานนี้ในวันธรรมดายังมีคนสนใจเข้ามาชมกันหนาตา ถามฝ่ายผู้จัดเห็นว่า ขายบัตรเข้าชมได้เกินคาด ที่ตั้งเป้าไว้ อยากจะวิเคราะห์ไว้ว่า หลังจากเข้าไปดูงานแล้ว ความเห็นส่วนตัว ตามที่จั่วหัวเลยว่า งานนี้มาได้เวลา คือมาถูกจังหวะพอดี เพราะเราเองรู้สึกว่า เราเองก็คิดถึงและโหยหางานที่มีความงามแบบดั้งเดิม และเมื่อกลับออกมาก็อดที่จะแวะอ่านประวัติศิลปินด้วยความคิดถึงไม่ได้ ศิลปินบางท่านมีประวัติที่น่าเศร้า และส่วนใหญ่มีอายุสั้น และเสียชีวิตไปในท่ามกลางโศกนาฎกรรม ถึงบรรทัดนี้ เราเองได้ตระหนักและเข้าใจมากขึ้นว่า คำคมที่ศิลปินเขียนบรรรยายนั้น เป็นคำคมที่มีความลึกซึ้งและสะท้อนความคิดความรู้สึกของเจ้าของงาน และยังเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งที่สัมผัสได้ยามเมื่อดูผลงานของแต่ละท่านอีกด้วย ภายใต้คำคมและภาพวาดนั้น ต่างมีชีวิตของเขาเองโลดแล่นอยู่ในภาพที่นำมาแสดง เมื่อภาพมีความรู้สึกร่าเริงสดใสของเจ้าของภาพ ก็ทำให้เราร่าเริงสดใสและมีความหวังตามไปด้วย พอภาพนั้นมีความรู้สึกเศร้าเราก็มองเห็นคราบน้ำตาและความเหงาของเขาเช่นเดียวกัน แม้ภาพเหล่านี้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายศตวรรษ แต่ภาพในห้องนี้ก็ยังทรงพลังเต็มเปี่ยม และตราตรึงอยู่ในหัวใจผู้ชมไม่เสื่อมคลาย
อยากไปดูบ้าง ซื้อบัตรได้ที่ www.zipeventapp.com
ในงานนี้มีร้านขายของที่ระลึกอยู่ใกล้ที่จัดแสดง และ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/RiverCityBangkok
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม