มีใครคิดแบบผมไหมว่า เจสัน บอร์น ดูเก่งและมีไหวพริบ มันสมอง ดีกว่า จอห์น วิค (เทียบจากเหตุการณ์ในหนัง)

 จอห์น ดูทำอะไรโง่ๆ เดินมาตรงๆ ทื่อๆ มือถือปืน บุกเดี่ยวลุยถล่มรังพวกตัวร้ายแบบไม่ได้มีการวางแผนใดๆเลย อาศัยแรงแค้นกับความบ้านะห่ำของตัวแกขับเคลื่อนอย่างเดียว ดูแล้วแกก็มาสายบู๊ล้างผลาญไม่ผิดกับแรมโบ้ หลายทั้งที่มีเหตุการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องให้จำเป็นต้องเข้าปะทะแบบซึ่งๆหน้า แต่แกก็ต้องโผล่หน้าไปบู๊ระห่ำตลอด

 ผิดกับ บอร์น ที่ทำอะไรมักระมัดระวังตัวตลอด มีการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆรอบข้างได้ดีกว่า อาศัยความช่างสังเกตุ ไหวพริบ เห็นได้ชัดฉากช่วยนักข่าวในสถานีรถไฟในภาคสาม แกสังเกตุรู้จุดบอดและมุมกล้องวงจรไฟ เดินกลมกลืนปะปนกับฝูงชน ดูเนียน ซีไอเอทั้งองค์กรยังจับตัวแกไม่ได้เลย

 จอห์น วิค นี่เน้นเข้าปะทะไม่มีการวางแผน ระบบแบบแผนใดๆเลย เอาแต่ความบ้าเลือด สะใจอย่างเดียว ซึ่งหลายครั้งที่แกพลาดโดนยิง โดนแทง โดนกระทืบ เพราะ แกใจร้อนรีบตัดสินใจปุปปัปไป อย่างภาคแรก ตอนที่แกบุกไปเผาทรัพย์สินของวิโก้ แล้วออกมาดักจู่โจมพวกวิโก้ เล่นยิงกัน บู๊สนั่นจอ แต่ไม่ได้เตรียมแผนไว้ หาทางหนีทีรอด แต่อย่างใด คือ เดินหน้าลุย โดยไม่ได้คิดต่อว่าจะทำยังไงต่อ ทำให้ฉากนั้นสุดท้ายแกก็สุดหนึ่งในลูกน้องวิโก้ขับรถชน สลบไป ถูกจับ

 ผิดกับบอร์น อย่างสิ้นเชิง ที่ไม่เคยทำอะไรแบบที่จอห์น ทำ มีการคิดวางแผน รอบคอบตลอด ไม่เคยพลาดถูกพวกซีไอเอจับได้เลย มีทางหนีทีไล่ดีตลอด ถึงบางทีก็หนีการไล่ล่ามาจนมุม แต่แกก็พลิกสถานการณ์หนีรอดมาได้ตลอด เช่น ฉากในภาคสอง ที่ตำรวจวิ่งไล่จับแก บอร์นแกไปยืนดูเวลาที่รถไฟออกเดินทาง เตะถ่วงเวลาด้วยการ รีบวิ่งข้ามรถไฟไปลงสะพานใต้ท้องเรือ ล่อพวกตำรวจแห่กันไปส่องไฟหาตัวแกที่เรือ ส่วนแกก็แอบปีนสะพานกลับมาขึ้นรถไฟหนีไปทัน คือ ระดับมันสมองต่างชั้นกันมาก

 ในหนังชุด จอห์น วิค ทั้งสามภาค ไม่เคยเห็นมีฉากที่โชว์กึ๋น ไหวพริบของจอห์นแม้แต่ครั้งเดียว มีให้เห็นแต่ความดุดัน โหด ระห่ำของพี่แกอย่างเดียว เน้นเอามัน ยิงกัน ฆ่ากันท่าเดียว ซึ่งบางทีตัวคนเขียนบทน่าจะเขียนบทให้ตัวละครนี้ มีความคิดอะไรที่ดีกว่าการบุกไปถล่มแกงค์นักฆ่าอย่างเดียว ไม่ใช่เดินดุ๋ยๆไปไล่ฆ่าเขาอย่างเดียว ทำให้พลาดได้มาก ถึงจะเป็นถือขนาดนักฆ่าระดับพระกาฬ ก็เถอะ ทำงานรับจ้างฆ่าคนมาเยอะ ประสบการณ์สูง น่าจะมีความรอบคอบ มีการวางแผน เตรียมงานมากกว่านี้

 ใครเคยดูเรื่อง The Mechanic ทั้งสองภาคที่ เจสัน สเตแธม แสดง คือ เรื่องนั้นพระเอกก็เป็นนักฆ่าแต่จะวางแผนฆ่าเป้าหมายแบบดูเป็นอุบัติเหตุและแบบแผนงานที่แกทำ ดูเมคเซ้นและเป็นไปได้ทุกงาน ถึงภาคสองของหนังจะดูเน้นบู๊ระห่ำเยอะช่วงท้ายเรื่อง แต่พระเอกก็ยังโชว์กึ๋นวางแผนเยอะ ไม่ใช่เอาแต่บู๊สาดกระสุนแบบแรมโบ้อย่างเดียว ระดับมันสมอง ความคิด ความรอบคอบของพระเอกเรื่อง The Mechanic นี่น้องๆ เจสัน บอร์น เลยครับ

 เหตุการณ์ในจอห์น วิคภาคสาม แกถูกสภานักฆ่าสูงสุดตัดหางปล่อยวัด ถูกตั้งค่าหัวสูงถึง 14 ล้านดอลล่าร์ รู้ทั้งรู้ว่าถูกนักฆ่าทั่วเมืองนิวยอร์ค ตามล่า แต่แกก็ยังคงเป็นจอห์นคนเดิม ไม่มีการปลอมตัว เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ทำตัวเนียนกับฝูงชน แกก็ยังเดินมาเท่ๆ แบบจอห์น วิค ใครเห็นตั้งแต่ไกลก็รู้ว่านี่คือ จอห์น วิค 

 ผิดกับบอร์นที่เวลาต้องมาเปิดเผยตัวในสาธารณะชนแกรู้จักการแต่งกายเดินเนียนแบบคนปกติทั่วไป ดูกลมกลืน หลายภาคพวกซีไอเอล่อแกออกมา ส่งมือสังหารพวกสไนเปอร์ไปเก็บ แต่ไร้วี่แววของแก ยิ่งภาคล่าสุดแกโชว์ความเจ๋งไปอีก ฉากที่แกไปเค้นความจริงจาก มาคัลม์ สมิธ ที่ลอนดอน แกนัดสมิธไปเจอที่ชั้นล่างตึก ตรงมุมที่คนเดินสัญจรตามท้องถนน แต่แกรู้ดีว่าต้องมีพวกซีไอเอดักซุ่มแกอยู่ แกเลยแอบงัดเข้าไปตั้งเวลากับโทรศัพท์ทำสัญญาณไฟไหม้ของตึกบริเวณนั้นส่งเสียง ทำให้ผู้คนแตกตื่นหนีลงจากตึกมากุตัวอยู่นอกตึก เป็นจุดที่สมิธยืนพอดี แกอาศัยจังหวะคนออกมารวมตัวกันนอกตึก ใช้ปืนจี้เอาตัวสมิธไป พวกซีไอเอยังคงโง่ถึงมีเทคโนโลยีทันสมัยก็ยังสู้สมองและไหวพริบ
ของบอร์นไม่ได้เช่นเคย

 ขนาดหนังที่เป็นต้นแบบให้เรื่อง จอห์น วิค อย่างหนังชุด Die Hard ที่นำแสดงโดย บรูซ วิลลิส ในบทนายตำรวจนักสืบ จอห์น แม็คเคลน ถึงแกจะมาสายบู๊หนัก บู๊เยอะ ระห่ำไม่แพ้ตัวจอห์น วิค แต่ในหนังทั้งสี่ภาค (ไม่นับภาคห้า) แกก็ยังมีการโชว์กึ๋นของแกอยู่เยอะ มีการคิดแก้ไขปัญหา บู๊ด้วยใช้สมองควบคู่ไปด้วย อย่างเหตุการณ์ในภาคแรก ที่แกเอาศพลูกน้องตัวร้ายคนหนึ่งที่แกฆ่ามานั่งกับเกาอี้ แล้วใช้เลือดเขียนเสื้อว่า "ตอนนี้ฉันมีปืนกลมือแล้ว" แล้วกดลิฟต์ไปชั้นที่ตัวร้ายกับพวกอยู่ พอพวกตัวร้ายมาเจอศพแลพข้อความเข้า ก็พูดชื่อและสถานะข้อมูลต่างๆออกมา ขณะที่ตัวจอห์นแกแอบฟังและจดข้อมูลของพวกตัวร้ายอยู่บนหลังคาลิฟต์ ทำให้รู้ชื่อของแต่ละคนและจำนวนคนร้าย หรือ ฉากที่ตัวร้ายมาเจอแกต่อหน้าต่อตา แต่ต่างฝ่ายต่างทำเป็นเนียนไม่รู้จักกัน แล้วจอห์นแกให้ปืนพกไม่มีลูกกับตัวร้ายลองใจดู สุดท้ายตัวร้ายมันก็เผยตัวมาลั่นไกปืน แต่กระสุนไม่มี คือ จอห์น แกไม่ได้มีการวางแผนล้ำเลิศอะไรขนาด บอร์น แต่ก็ยังโชว์กึ๋น ไหวพริบ มากกว่าตัว จอห์น วิค

 จอห์น วิค เน้นการใช้ปืน ใช้ปืนเก่งดูโปร มืออาชีพ ใช้ปืนได้หลากหลายชนิด สับเปลี่ยนกระสุนดูคล่องแคล่ว เก่งการใช้ปืนมาก ตรงนี้ในหนังแสดงให้เห็นชัดตั้งแต่ภาคแรก แต่ผมว่าในฉากต่อสู้ระยะประชิดมือเปล่า แกก็ดูต่อสู้ดุดัน แข็งแรง และหนักแน่นดี แต่ผมว่าเรื่องต่อสู้มือเปล่าแกยังสู้บอร์นไม่ได้ บอร์นมีความรวดเร็ว พริ้วไหวกว่า แถมบอร์นเน้นการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่าจอห์นที่เน้นใช้ปืนเป็นหลัก หนังจอห์น วิค ภาคสาม เริ่มจะให้แกมีฉากต่อสู้มือเปล่ามากขึ้น แต่หลายฉากดูไม่เนียน รอจังหวะกันมากไป ยิ่งฉากที่ต้องสู้กับนักแสดงสองคนจากเรื่อง The Raid ดูแปลกๆ รอๆจังหวะกันไงไม่รู้ ถ้าเป็นเจสัน บอร์นไปสู้กับสองคนนี้คงจะมันและดูธรรมชาติกว่า

 ภาคล่าสุดที่จอห์นใช้หนังสือฆ่าคน ผมมองว่าไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไร เพราะก่อนหน้านั้น เรื่อง The Equalizer ภาคแรกก็ทำให้เห็นแล้ว ในฉากที่พระเอกอยู่ในร้านอาหาร รวมถึงหนังเจสัน บอร์นภาคสาม ก็เห็นบอร์นหยิบหนังสือมาใช้สู้ ถึงจะไม่ได้ใช้ฆ่าคนก็ตาม

 ในหนังชุด เจสัน บอร์น มีเหตุการณ์มากมายที่แสดงออกถึงความฉลาดรอลคอบของตัวพระเอก ผิดกับเรื่องจอห์น วิค ดูเอามันอย่างเดียว ตัวเอกของเรื่องเน้นแต่ฆ่าคน ไม่โชว์ถึงกึ๋นความเป็นยอดนักฆ่าประสบการณ์สูงเลย
 
 ปล. ตัวนักแสดงที่สวมบทบาท จอห์น วิค อย่าง คีอานู รีฟส์ ผมชอบแกมาหลากหลายผลงานนะ ตั้งแต่เรื่อง Point Break, Speed เป็นต้นมา แต่เรื่องนี้ดูเอามันบันเทิงได้ระดับนึง แต่โดยรวมก็ไม่ได้ชอบตัวหนังหรือตัวละครของ จอห์น วิค มาก ที่ดูเพราะความเป็นคีอานูเลยจริงๆ ผมชอบผลงานเก่าๆของแกมากกว่า ขนาดหนังแนวโรแมนติกที่แกแสดงผมก็ชอบนะเรื่อง Sweet November กับ The Lake House ว่าแต่ก็อยากดู The Matrix 4, Constantine 2 รวมถึง Speed 3 นะ ถ้ามีก็จะตามดู ชอบมากกว่าเรื่อง John Wick เยอะเลย แต่เรื่อง John Wick ของแกผมยังชอบมากกว่าเรื่อง The Man Of Tai Chi ที่แกกำกับและแสดงเองนะ เรื่องนั้นดูแล้วอยากจะร้องไห้ไม่หนุกเลย เห็นแกสนใจอยากแสดงบท วูลฟเวอรีน ด้วยนะแต่ผมว่าอย่าเลย บทนี้ต้อง ฮิวจ์ แจ็คแมน แสดงคนเดียวติดภาพแกในบทนี้ไปแล้ว แถมแกแสดงได้ดีมากๆด้วย คีอานูไปเป็น จอห์น วิค ต่ออะดีแล้ว ไม่งั้นงงแน่นอน จอห์น วิคในร่างโลแกน สับสนเลยแฟนหนัง 555 (มีข่าวลือว่าแกจะไปโผล่แจมในหนังฟาสภาคแยก Hobbs & Shaw ก็ต้องรอดูครับ) รวมถึงปีหน้าแกก็มีหนังแสดงเรื่อง Bill & Ted 3 อีกด้วย ห่างหายจากภาคสองนานเป็น 20 ปีกว่าจะสร้างภาคสาม เป็นอีกหนึ่งหนังดังของคีอานูยุคต้นปี 90 สมัยตอนแกเป็นวัยรุ่น

 ส่วนแมตต์ เดม่อน พ่อเจสัน บอร์นของเราหลังไปติดดาวอังคารในเรื่อง The Martian ไปย่อส่วนเป็นมนุษย์จิ๋วในเรื่อง Downsizing ก็จะมีหนังใหม่เกี่ยวกับวงการนักแข่งรถเข้าฉายอยู่ กันยายน ปีนี้ แสดงคู่กับอดีตพระเอกเรื่องแบทแมน The Dark Knight ไตรภาค อย่าง คริสเตียน เบล ที่ปีที่แล้วแกเพิ่งคว้ารางวัลออสการ์ตัวที่สองมาจากเรื่อง Vice แกห่างหายไปจากโปรเจ็กต์หนังใหญ่มานานจะกลับมาในหนังเรื่องนี้ครับ Ford V Ferrei ผลงานจากผู้กำกับเรื่อง Logan 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่