คราวนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวประเทศเยอรมันกันค่ะ พาไปในสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนไทยไปกันนะคะ หรือไม่ก็ไม่ค่อยมีรีวิวออกมาให้เห็นสักเท่าไหร่ แต่เราคิดว่ามันน่าไปนะ เลยอยากจะนำมาแบ่งปันกันค่ะ และเนื่องจากว่าประเทศเยอรมันมีคนรีวิวเรื่องการขอวีซ่า การเดินทาง เอาไว้แล้วมากมาย เราจึงขอข้ามในส่วนนั้นไปนะคะ
อาจจะไม่ละเอียดนักเรื่องการเดินทาง แต่ก็คงพอให้เห็นเป็นไอเดียว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในเมืองต่างๆของเยอรมันกันบ้าง คงจะพอเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่เคยไป หรือว่าเคยไปแล้วแต่ไปแบบผ่านๆไม่ได้เจาะลึกอะไรแบบนั้น เผื่อมีโอกาสไปตามเก็บเพิ่มเติม
... ขอออกตัวก่อนเลยนะคะว่า ภาพอาจจะไม่คมชัดและสวยมากนัก เพราะว่านี่คือการเล่าเรื่องราวย้อนหลังในสมัยที่ตัวเองยังไม่ได้ซื้อกล้องเป็นเรื่องเป็นราว แหะๆ ก็เลยจะเป็นภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือและกล้องจิ๋วก๊อกแก๊กตัวนึง
ทริปนี้เป็นทริปหนีลูกไปเที่ยวค่ะ อิอิ เราไปทั้งหมดประมาณสองอาทิตย์ในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งก็กำลังเข้าหน้าร้อน แต่ก็ไม่ได้ร้อนนะคะ หนาวซะด้วยซ้ำ บางวันก็มีฝนตกเบาๆแบบลุยไปได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีเสื้อกันหนาวและร่มพกไปไหนมาไหนด้วยเสมอ สำหรับการเดินทางนั้น เราไม่ได้มีการเช่ารถขับแต่อย่างใด ยานพาหนะที่ใช้ก็จะเป็นรถไฟ และขาสองข้างของเราค่ะ อ้อ! มีเครื่องบินภายในประเทศด้วยค่ะ
โดยเริ่มบินจากกรุงเทพไป Munich แวะนอนที่ Munich หนึ่งคืน จากนั้นก็นั่งรถไฟไป Füssen พักสองคืน แล้วก็นั่งรถไฟกลับมาที่ Munich จากนั้นต่อด้วยเครื่องบินไปลง Berlin พักอยู่ที่เมืองนี้หลายวันค่ะ หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟไป Dresden พักที่นี่สองคืน เสร็จแล้วก็นั่งรถไฟต่อไปอีกยัง Bad Schandau พักอีกสองคืน จากนั้นจึงนั่งรถไฟกลับจาก Bad Schandau มา Berlin อีกครั้ง อยู่ต่อที่ Berlin อีกสองสามวันค่ะ แล้วจึงค่อยบินกลับจาก Berlin เข้ามา Munich และสุดท้ายบินต่อจาก Munich กลับมากรุงเทพค่ะ
เที่ยวเยอรมันครั้งนี้ เราโชคดีมีเจ้าถิ่นพาเที่ยวค่ะ ก็เลยจะ unseen หน่อยๆ มาดูรายการกันก่อนเลยว่าเราจะพาไปไหนบ้างนะคะ (ไล่เรียงไปจากเมืองแรกที่ไปถึงจนวันสุดท้าย)
1)Munich: เราแค่ผ่านไปเพื่อที่จะไป Füssen จึงไม่มีการเล่าถึงอะไรมากนัก
2)Füssen: ตัวเมือง Füssen, ปราสาท Neushwanstein และ trekking trail ที่ Alpsee Lake, Museum of Fussen ที่ St. Mang’s Abbey, ปราสาท Hohes และ Kalvarienberg (trekking trail ในเมือง Füssen)
3)Berlin: ตัวเมือง Berlin, Buddy Bears, Pergamon Museum, Deutches Technikmuseum, Berlin Zoo, โชว์ที่ Friedrichstadt-Palast, Brandenburg Gate, Holocaust: The Memorial to the Murdered Jews of Europe, Berlin Dome และ Tegel
4)Potsdam: พระราชวัง Sanssouci
5)Dresden: ตัวเมือง Dresden, Museum ต่างๆในปราสาท Residenzschloss, พระราชวัง Zwinger
6) Bad Schandau: ตัวเมือง Bad Schandau, trekking trail ไปยัง Kuhstall และ Schrammsteine, trekking trail ไปยัง Bastei Bridge, ป้อมปราสาท Konigstein Fortress
..............................................................................................
Chapter 1: München (Munich)
เมื่อเครื่องลงถึง Munich เราก็ไป check in ที่โรงแรม Novotel Munchen Airport กันค่ะ โรงแรมอยู่ใกล้สนามบินซึ่งก็สะดวกดี เพราะว่าเราไม่ได้ใช้เวลามากนักกับเมืองนี้
เหตุผลที่เราบินลง Munich แทนที่จะเป็น Frankfurt ก็เพราะว่าเราจะนั่งรถไฟจากที่นี่ไปเมือง Fussen กันต่อค่ะ ... เมือง Munich เป็นเมืองหลวงของรัฐ Bavaria หรือ Bayern … หลังจาก check in เรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถไฟเข้าไปชมในเมืองกันสักนิดค่ะ
เรานั่งมาลงที่สถานี Marienplatz เพื่อเดินชมจตุรัสมาเรียน พลัทซ์ (Marienplatz) สถานที่ซึ่งเหมือนจะเป็น landmark ของ Munich ในบริเวณจตุรัสประกอบไปด้วย ศาลากลางเก่า และหอคอย Rathaus - Glockenspiel ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่ซึ่งตุ๊กตาจะออกมาเริงระบำกัน
ในช่วงฤดูร้อนจะมีการโชว์ระบำตุ๊กตาในช่วงเวลา 11am, 12pm และ 5pm แต่ในช่วงฤดูหนาวเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์จะไม่มีการแสดงในช่วงเย็น สถานที่นี้ถูกออกแบบและตกแต่งในสไตล์ Gothic (โกธิค) ลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมแบบ Gothic ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือการใช้โค้งแหลม เพดานสัน และ ค้ำยันแบบปีก
เมื่อเราไปถึงก็โชคดีว่าใกล้ 11 โมงพอดี จึงยืนรอไม่นานนัก เสียงระฆังก็ตีกันกึกก้องบอกเวลา 11 นาฬิกา และเหล่าบรรดาตุ๊กตาก็โผล่หน้ากันออกมาเต้นระบำ คนยืนดูกันเพียบเลยค่า ไม่นานนัก พอตุ๊กตากลับเข้าบ้านไป เราก็เลยหาอะไรทานเป็นมื้อเที่ยงที่นี่กันซะเลย มีร้านน่านั่งเยอะแยะเลยค่ะ
ใกล้ๆกับ Marienplatz มีรูปปั้นหมูป่าตัวหนึ่งนั่งอยู่ “Sitting wild boar” มีธรรมเนียมของคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้ว่า ถ้ามาจับเขี้ยวของเจ้าหมูป่าตัวนี้แล้วจะโชคดี เราก็เลยจับซะหน่อยค่ะ บริเวณนี้มันก็เลยจะลื่นๆหน่อยเพราะมีคนจับเยอะ 555 หมูป่าตัวนี้นั่งอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 และด้านหลังของเจ้าหมูป่าตัวนี้ จะมีปลาดุกอีกตัว ซึ่งก็มีคำเล่าขานกันมาว่าถ้าไปจับแล้วจะมีสุขภาพดี
หลังจากได้รับความโชคดีและสุขภาพดีกันไปแล้ว เราก็มายัง ตลาด Viktualienmarkt เป็นตลาดกลางแจ้ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Marienplatz ค่ะ เป็นตลาดที่น่าเดินมากๆ ทั้งของสด ทั้งขนมหวาน จัดวางกันสวยงาม เหมือนจัดแข่งกันประมาณนั้น
ถึงแม้ว่าเราไม่ได้ซื้ออะไรที่ตลาดนี้ แค่เดินชมก็เพลินแสนเพลินละค่ะ เห็นของสดที่นี่แล้ว แทบอยากอยู่ apartment แถวนี้สักคืนสองคืน แล้วซื้ออะไรมาทำกินกัน ปกติก็ไม่ใช่คนชอบทำอาหารนะคะ แต่เห็นแล้วมันทำให้เกิดความอยากทำขนาดนั้นเลยอ่ะค่ะ อ้อ! ตลาดนี้เขาปิดวันอาทิตย์นะจ้ะ
เช้าวันรุ่งขึ้น เราไปทานมื้อเช้าที่สถานีรถไฟ Munich Hbf ... อาหารเช้าแบบชาวมิวนิคของแท้ต้องเป็นแบบนี้ค่ะ ... ไส้กรอกอร่อยสุดๆ pretzel ก็อร่อยไม่แพ้กัน ไม่แข็งโป๊กเป๊กเหมือนที่ขายในเมืองไทย
วิธีการกินไส้กรอกของคนที่นี่ก็คือ เขาจะลอกเปลือกบางๆของมันออกค่ะ แล้วกินแต่ข้างใน(น้ำที่แช่ไส้กรอกมา มันเป็นเพียงน้ำที่ไว้แช่นะคะ ไม่ใช่ซุป เพราะฉะนั้นไม่ต้องซดค่ะ เกือบไปเหมือนกัน 555)
แม้กระทั่ง magnet ของเมือง Munich ยังทำเป็นสัญลักษณ์ ไส้กรอกขาว กับ pretzel เลย ... เชื่อรึยังคะว่ามา Munich ต้องกินเจ้าสิ่งนี้ค่ะ ^^
แล้วเราก็ออกเดินทางจากสถานี Munich Hbf ไปยังสถานี Fussen
เวลาสองชั่วโมงบนรถไฟนี้ มองแล้วช่างเพลินตาดีจริงๆ
ตั้งแต่ออกนอกเมือง Munich มาได้ไม่นาน ก็จะเป็นวิวแบบนี้ไปตลอดเส้นทางเลยค่ะ
[CR] Germany … เที่ยวเยอรมันแบบ Unseen ไปกับ GenX
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้