[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในภาพคือต้นมะม่วงพันปี ที่เห็นเป็นส่วนของกิ่ง ส่วนลำต้นและสมบัติน่าจะถูกตะกอนทับถมลึกลงไปมากกว่า 10-20 เมตร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
ฟ้าแตง เดิมเป็นคน เมื่อตายแล้วเกิดเป็นเจ้าที่เฝ้าสมบัติเรือล่ม (ปัจจุบันคือบริเวณวัดคลองมะม่วงเตี้ย)
บัดนี้มาเกิดเป็นคนแล้ว
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาเรื่องราว ของชีวิตหลังตาย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป
มีข้อมูลและข้อสังเกตที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะประเด็นเจ้าที่เจ้าทางตาม
ความเชื่อและศาสนาของคนไทยเดิม ซึ่ง
จขกท.จะทะยอยนำเสนอต่อไปครับ
ข้อสังเกต:
1. เป็นกรณีระลึกชาติได้ของคนที่ตายแล้ว1000ปี แต่โดยทั่วไปมักไม่เกิน 5 ปี
2. เป็นเจ้าที่เฝ้าสมบัติ
3. ตอนเป็นผีเคยฆ่าคน
4. ตายแล้วอยู่ด้วยกันทั้งพ่อแม่ลูกได้
5. วันพระ มีผีมาขอส่วนบุญ
6. ไสยศาสตร์มีจริง น้ำมนต์มีผลต่อผีจริง
7. ผีสามารถต่อรองยื่นข้อเสนอได้
8. ปกติผีพูดกับคนโดยตรงยาก แสดงออกโดยให้คนเดาเอาว่าต้องการอะไร เช่นทำให้เจ็บป่วยแปลกๆ แต่กลับมีกำลังมาก สามารถสร้างลมแรง เข้าสิงคนและพูดบอกความต้องการได้เมื่ออยู่ในที่ๆ ของตน (กรณีนี้คือศาลเจ้าที่) แสดงว่าพลังของผีขึ้นกับระยะทางและสิ่งแวดล้อม
9. ข้าทาสบริวารที่ตายพร้อมกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน (คิดว่าเป็นเพราะไม่ห่วงสมบัติซึ่งไม่ใช่ของตน จึงไม่กลายเป็นผีเฝ้าสมบัติ)
10.มีเทวดาหรือเจ้าที่คุ้มครองบ้านจริง
11. ผีหรือเจ้าที่นั้นส่วนใหญ่น่าสงสารมากกว่าน่ากลัว หากไม่ไปลบหลู่ทำร้าย(ก็มีความรู้สึกมีจิตใจยินดีเมื่อชมโกรธเมื่อถูกดูหมิ่นเหมือนคน) ส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ลำบาก ไม่สามารถสร้างอาหารหรือที่อยู่เองได้ ต้องทำบุญให้จึงจะสุขสบายขึ้น
12. ผีให้มาขุดสมบัติตอนกลางคืน แสดงว่าผีชอบกลางคืน ที่มืดๆ เช่น ถ้ำ เดาว่าเกี่ยวกับแสงแดดมีคลื่นบางอย่างที่ผีไม่ชอบ ในถ้ำและตอนกลางคืน คลื่นจากดวงอาทิตย์ถูกแผ่นดินโลกบังไว้
13. ความรู้สามารถส่งผ่านข้ามชาติได้ ถ้าระลึกได้
14. เมื่อ 1000 ปีก่อน คนไทยแถบนครสวรรค์พูดภาษาเขมร หรือเป็นคนเขมร
15. กรณีนี้อาจเป็นการเกิดแบบสวมร่าง ถ้าผู้เขียนไม่จำสับสน เพราะเด็กหญิงส้ม เกิดก่อนวันที่กระรอกหนีไปซ่อนในโพรงต้นไม้ อันเป็นวันที่ฟ้าแตงบอกว่ามาเกิด (ตย.การเกิดแบบสวมร่าง
https://sites.google.com/site/thaireincarnation/haunted-possessed )
16. ผียังมีโลภโกรธหลง ยังชอบกิน ชอบบันเทิง(กรณีนี้ชอบดูลิเก)
17. ผีเรียนรู้ได้ ฟ้าแตงและแม่เดิมพูดเขมร พันปีผ่านไป ฟังภาษาไทยออก แต่แม่ยังพูดไทยไม่ได้ (น่าจะสอนให้เจริญสติ มีคุณธรรมจนเปลี่ยนภพภูมิได้ ้เหมือนที่มีบันทึกในพระไตรปิฏกที่สอนเทวดาบรรลุธรรม)
18. ผีแต่งชุดโบราณเพราะเป็นผีโบราณ ผีปัจจุบันก็แต่งชุดปัจจุบัน
19. แม่น้ำที่ไหลผ่านไหลเชี่ยว น่าจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาปัจจุบันแม่น้ำเปลี่ยนทิศย้ายตำแหน่งห่างออกมา
20. ผีขี้ตกใจ? จึงทำให้คนไม่ค่อยพบเจอผี? จากคำพูด
“พ่อรออยู่ที่นี่ก่อนนะ พ่อเข้าไปด้วยไม่ได้เดี๋ยวแม่หนูตกใจ
21. กรรมที่ผีฆ่าคน กรณีนี้ยังไม่ส่งผล ยังมาเกิดเป็นคสได้ คงเพราะกรรมยังมาไม่ถึง บุญเก่ายังดี
กรณีทำดีไปเกิดที่เลวแต่ทำบาปไปเกิดที่ดี
มีคำอธิบายไว้ในพระไตรปิฏกว่า
กรรมดียังส่งผลอยู่ แรงกว่าบาป
-----------
มีคติคือ: เมื่อจะตายให้มีสติปล่อยวาง
จะได้ไม่ต้องกลายเป็นผีเฝ้าบ้าน เฝ้าสมบัติ
จึงต้องฝึกให้มีสติปล่อยวาง
การปล่อยวาง
https://m.pantip.com/topic/37487612
กลไกการหลุดพ้น
https://m.pantip.com/topic/37823238
....
ฯลฯ
+++++++++++++++
ฟ้าแตง:
ปัจจุบันชาติ
ชื่อ-นามสกุล : นางสุรางคนา วันที
ชื่อเล่น : ส้ม
วันเดือนปีเกิด : ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔
ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : ๗๐/๑๔ หมู่ ๑ ตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
พี่น้องร่วมบิดามารดา : มี 4 คนคือ
1.พ.ต.ท.สุทธิพันธ์ วันที
2.พ.ต.อ.สุทธิศักดิ์ วันที
3.นางสุรางคนา วันที
4.ส.ต.ต.พีระพงษ์ วันที
อดีตชาติ
ชื่อ-นามสกุล : ฟ้าแตง
วันเดือนปีเกิด : -
ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : -
พี่น้องร่วมบิดามารดา : (เธอบอกว่าเธอมีน้องชายอีก ๑ คน ไม่ทราบชื่อ)
วันเดือนปีที่เสียชีวิต : เมื่อประมาณ ๑๐๐๐ กว่าปีที่แล้ว
สาเหตุที่เสียชีวิต : ประสบอุบัติเหตุเรือล่ม
สถานที่เสียชีวิต : กลางลำน้ำใหญ่ บริเวณสำนักสงฆ์คลองมะม่วงเตี้ยในปัจจุบัน
นางสุรางคนา วันที
ผู้จำอดีตชาติได้
สารบัญ:
1 ข้อมูลเบื้องต้น
2 กรณีของ นางสุรางคนา วันที
3 นางสุรางคนา วันที จำอดีตชาติได้
3.1 พาไปที่หมู่บ้านตะคร้อครั้งแรก
3.2 ความฝันบอกเหตุ
3.3 เคยไปนอนหลับใต้ต้นมะม่วง
3.4 ความทรงจำในขณะที่ยังเป็นวิญญาณ
3.5 ตัวประหลาดในโพรงไม้
3.6 พยายามทำให้ลืมอดีตชาติ
3.7 พาไปที่หมู่บ้านตะคร้อครั้งที่สอง
3.8 พาไปที่หมู่บ้านตะคร้อครั้งที่สาม
3.9 ความฝันประหลาด
3.10 นางเปลวคนใกล้ชิดพูดถึงเด็กหญิงสุรางคนา
3.11 ต้นมะม่วงพันปี
3.12 ภาพถ่ายติดวิญญาณ
ผู้ที่จำอดีตชาติได้รายนี้โดยปกติแล้วเธอไม่ใช่คนในหมู่บ้านของผู้เขียน แต่พ่อของเธอเคยเป็นครูใหญ่อยู่ที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ตัวของเธอเองก็เกิดในหมู่บ้านแต่เธอและครอบครัวได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไปตั้งแต่เธออายุได้ ๖ เดือน และเรื่องราวการจำอดีตชาติของเธอก็เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ผู้เขียนจึงได้นำเรื่องราวของเธอมานำเสนอในที่นี้ด้วย เธอผู้นี้มีชื่อว่า
นางสุรางคนา วันที เธอจำอดีตชาติได้ว่าเคยมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ ๑๐๐๐ ปีที่แล้ว
นางสุรางคนา วันที เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔ ที่บ้านพักครูโรงเรียนบ้านตะคร้อรัฐประชาชนูทิศ บิดาชื่อ นายพิพัฒน์ วันที ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓-๒๕๑๕ ท่านเคยเป็นครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนบ้านตะคร้อรัฐประชาชนูทิศ ขณะที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๒ ท่านมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มารดาชื่อ นางบุญนาค แสนดี ซึ่งได้แยกทางกับนายพิพัฒน์ไปนานแล้ว ขณะที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์ นางสุรางคนาอายุ ๒๗ ปี เธอพักอยู่ ที่บ้านเลขที่ ๗๐/๑๔ หมู่ ๑ ตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
เรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของ นางสุรางคนาหรือเด็กหญิงสุรางคนาในขณะนั้น เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่เธออายุได้ประมาณขวบกว่าๆเริ่มพูดได้ ตอนนั้นเด็กหญิงสุรางคนามักจะตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก บอกว่าจะกลับบ้านไปหาแม่ นางบุญนาคและนายพิพัฒน์ก็ช่วยกันปลอบว่า
“แม่อยู่นี่แล้วลูก บ้านเราก็อยู่ที่นี่ไงล่ะ” ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่จะปลอบอย่างไรเด็กหญิงสุรางคนาก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ ปากก็พูดว่า
“หนูจะกลับบ้าน หนูจะไปหาแม่ บ้านหนูอยู่ที่เขาแดง” นางบุญนาคและนายพิพัฒน์รู้สึกแปลกใจในคำพูดของบุตรสาวมาก เด็กหญิงสุรางคนาร้องไห้และพูดแบบนี้อยู่หลายวัน
เธอร้องไห้และพูดแบบนี้อยู่หลายวัน
อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนๆและลูกน้องของนายพิพัฒน์ ซึ่งตอนนั้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมวดการศึกษา อยู่ที่อำเภอไพศาลี ได้นัดกันมาสังสรรค์ที่บ้านพักของนายพิพัฒน์ วันนั้นนางบุญนาคได้เตรียมจัดข้าวปลาอาหารไว้คอยท่า และขณะที่นางบุญนาคกำลังเตรียมอาหารอยู่นั้น นางบุญนาคได้พูดรำพึงรำพันกับตัวเองขึ้นมาว่า
“จะเอาอะไรทำกับแกล้มเหล้าดีนะ” เด็กหญิงสุรางคนาได้ยินก็พูดขึ้นมาว่า
“แม่ไปเอาไก่บ้านหนูไหม บ้านหนูมีไก่เยอะเลย” นางบุญนาคได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความสงสัยว่า
“บ้านหนูที่ไหน” เด็กหญิงสุรางคนาตอบว่า
“บ้านหนูที่เขา..แดงไง” ตอนนั้นนางบุญนาครู้สึกกลัวไม่กล้าฟังบุตรสาวพูดจึงเอามือปิดปากไว้ จากนั้นก็อุ้มบุตรสาวไปที่บ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆกันเพราะเธอไม่กล้าอยู่ลำพังกับบุตรสาวสองคน นางบุญนาคเล่าเรื่องที่เด็กหญิงสุรางคนาพูดให้เพื่อนบ้านฟัง เพื่อนบ้านและนางบุญนาคช่วยกันซักถามเด็กหญิงสุรางคนา ซึ่งเด็กหญิงสุรางคนาก็ได้พูดให้ฟังว่า บ้านของเธออยู่ที่เขาแดง ที่บ้านของเธอมีไก่เยอะและบอกให้นางบุญนาคไปเอาไก่ที่บ้านของเธอ นางบุญนาคถามว่าเขาแดงอยู่ที่ไหน เด็กหญิงสุรางคนาก็ชี้มือไปทางหมู่บ้านตะคร้อ ตอนนั้นนางบุญนาคยังไม่ทราบว่าเขาแดงที่บุตรสาวพูดถึงนั้นอยู่ที่ไหน แต่ได้ทราบในภายหลังว่าเป็น “เขาหนองไม้แดง” ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านตะคร้อนั่นเอง
จากคำพูดและการแสดงออกของเด็กหญิงสุรางคนา ทำให้นางบุญนาคและเพื่อนบ้านสงสัยว่าเด็กหญิงสุรางคนาอาจจะจำอดีตชาติได้ เมื่อนายพิพัฒน์กลับมาจากที่ทำงานนางบุญนาคก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้นายพิพัฒน์ฟัง นายพิพัฒน์เองก็รู้สึกประหลาดใจและได้สอบถามบุตรสาวอีกครั้ง เด็กหญิงสุรางคณาก็พูดให้ฟังเหมือนเดิม และขอร้องให้นายพิพัฒน์พาเธอไปที่บ้านของเธอที่เขาแดง นายพิพัฒน์ถามว่า
“บ้านหนูไปทางไหนล่ะ พ่อไปไม่ถูก”เด็กหญิงสุรางคนาชี้มือไปทางหมู่บ้านตะคร้อและบอกว่า
“อยู่ทางโน้น หนูรู้จักเดี๋ยวหนูพาไป” ตอนนั้นนายพิพัฒน์และนางบุญนาคไม่ทราบว่าเขาแดงที่บุตรสาวพูดถึงนั้นอยู่ที่ไหน ...
พาไปที่หมู่บ้านตะคร้อครั้งแรก
นายพิพัฒน์เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นเด็กหญิงสุรางคนาร้องไห้ขอให้ตนพาไปที่บ้านในอดีตชาติของเธอบ่อยมาก จนกระทั่งตนอดสงสารไม่ได้จึงตัดสินใจพานั่งรถจักรยานยนต์ไปตามทางที่เธอบอก จนกระทั่งถึงที่หมู่บ้านตะคร้อ เมื่อถึงหมู่บ้านตะคร้อทีแรกตนคิดว่าบ้านที่เธอพูดถึงนั้น หมายถึงบ้านพักครูที่ตนและครอบครัวเคยอยู่เมื่อครั้งที่เคยเป็นครูใหญ่อยู่ที่นั่น จึงพาเด็กหญิงสุรางคนาไปที่บ้านพักครูแห่งนั่น เมื่อไปถึงที่บ้านพักครูเด็กหญิงสุรางคนาบอกกับตนว่า
“ไม่ใช่ที่นี่ บ้านหนูอยู่ทางโน้น”เธอพูดพร้อมกับชี้มือบอกทาง ตอนนั้นตนรู้สึกแปลกใจและอยากพิสูจน์ความจริง จึงบอกกับบุตรสาวว่า
“บ้านหนูอยู่ไหนล่ะ พ่อไปไม่ถูก” เด็กหญิงสุรางคนาบอกว่า
“เดี๋ยวหนูพาไป” เด็กหญิงสุรางคนามีท่าทางดีใจมาก ชี้บอกทางตนไปจนกระทั่งถึงบริเวณที่ชาวบ้านตะคร้อเรียกว่า “คลองมะม่วงเตี้ย”ซึ่งบริเวณนั้นมีต้นมะม่วงอายุหลายร้อยปีต้นหนึ่งขึ้นอยู่ริมคลอง อยู่ห่างจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ เมตร ในตอนนั้นบริเวณนั้นยังเป็นป่ารก ถ้าหากมองจากถนนใหญ่เข้าไปจะมองไม่เห็นต้นมะม่วงต้นนั้น....
-------
นายพิพัฒน์ วันที (บิดาในปัจจุบัน)
(ขณะดำรงค์ตำแหน่ง หัวหน้าการประถมศึกษา อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์)
--------
.....เมื่อไปถึงถนนใหญ่บริเวณนั้น เด็กหญิงสุรางคนาบอกกับตนว่า
“พ่อรออยู่ที่นี่ก่อนนะ พ่อเข้าไปด้วยไม่ได้เดี๋ยวแม่หนูตกใจ” เด็กหญิงสุรางคนาเดินตามทางเกวียนเข้าไปสักครู่ ก็ออกมาบอกกับตนว่า
“พ่อ..แม่หนูบอกว่า ให้พ่อเลือกเอาว่าจะเอาหนูหรือจะเอาสมบัติ ถ้าเอาสมบัติก็ให้มาเอาคนเดียวกลางคืนแต่หนูก็จะตาย แต่ถ้าจะเอาหนูไว้ก็ให้มาทำพิธีขอ และให้มาสร้างศาลสี่เสาให้ด้วย อันเก่ามันเล็กมีเสาเดียว”
...(อ่านต่อความเห็นที่ 1)...
++++++++++
ขออุทิศผลบุญให้วิญญานพ่อแม่และน้องชายของ ฟ้าแตงในอดีตที่สิงสถิตที่ศาลและต้นมะม่วงนั้น
ให้มีความสุข
ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูล ผู้รวบรวมข้อมูล
และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน
แนะนำ: งูเกิดเป็นคน
https://sites.google.com/site/thaireincarnation/thai-cases/prasiththi-wang-khotr-kaew/bngkch-phrhm-silp/chnay-chu-malay-wngs/bawlxy-saeng-wngs
ฟ้าแตง เจ้าที่พันปี มาเกิดแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
ฟ้าแตง เดิมเป็นคน เมื่อตายแล้วเกิดเป็นเจ้าที่เฝ้าสมบัติเรือล่ม (ปัจจุบันคือบริเวณวัดคลองมะม่วงเตี้ย)
บัดนี้มาเกิดเป็นคนแล้ว
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาเรื่องราว ของชีวิตหลังตาย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป
มีข้อมูลและข้อสังเกตที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะประเด็นเจ้าที่เจ้าทางตาม
ความเชื่อและศาสนาของคนไทยเดิม ซึ่ง
จขกท.จะทะยอยนำเสนอต่อไปครับ
ข้อสังเกต:
1. เป็นกรณีระลึกชาติได้ของคนที่ตายแล้ว1000ปี แต่โดยทั่วไปมักไม่เกิน 5 ปี
2. เป็นเจ้าที่เฝ้าสมบัติ
3. ตอนเป็นผีเคยฆ่าคน
4. ตายแล้วอยู่ด้วยกันทั้งพ่อแม่ลูกได้
5. วันพระ มีผีมาขอส่วนบุญ
6. ไสยศาสตร์มีจริง น้ำมนต์มีผลต่อผีจริง
7. ผีสามารถต่อรองยื่นข้อเสนอได้
8. ปกติผีพูดกับคนโดยตรงยาก แสดงออกโดยให้คนเดาเอาว่าต้องการอะไร เช่นทำให้เจ็บป่วยแปลกๆ แต่กลับมีกำลังมาก สามารถสร้างลมแรง เข้าสิงคนและพูดบอกความต้องการได้เมื่ออยู่ในที่ๆ ของตน (กรณีนี้คือศาลเจ้าที่) แสดงว่าพลังของผีขึ้นกับระยะทางและสิ่งแวดล้อม
9. ข้าทาสบริวารที่ตายพร้อมกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน (คิดว่าเป็นเพราะไม่ห่วงสมบัติซึ่งไม่ใช่ของตน จึงไม่กลายเป็นผีเฝ้าสมบัติ)
10.มีเทวดาหรือเจ้าที่คุ้มครองบ้านจริง
11. ผีหรือเจ้าที่นั้นส่วนใหญ่น่าสงสารมากกว่าน่ากลัว หากไม่ไปลบหลู่ทำร้าย(ก็มีความรู้สึกมีจิตใจยินดีเมื่อชมโกรธเมื่อถูกดูหมิ่นเหมือนคน) ส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ลำบาก ไม่สามารถสร้างอาหารหรือที่อยู่เองได้ ต้องทำบุญให้จึงจะสุขสบายขึ้น
12. ผีให้มาขุดสมบัติตอนกลางคืน แสดงว่าผีชอบกลางคืน ที่มืดๆ เช่น ถ้ำ เดาว่าเกี่ยวกับแสงแดดมีคลื่นบางอย่างที่ผีไม่ชอบ ในถ้ำและตอนกลางคืน คลื่นจากดวงอาทิตย์ถูกแผ่นดินโลกบังไว้
13. ความรู้สามารถส่งผ่านข้ามชาติได้ ถ้าระลึกได้
14. เมื่อ 1000 ปีก่อน คนไทยแถบนครสวรรค์พูดภาษาเขมร หรือเป็นคนเขมร
15. กรณีนี้อาจเป็นการเกิดแบบสวมร่าง ถ้าผู้เขียนไม่จำสับสน เพราะเด็กหญิงส้ม เกิดก่อนวันที่กระรอกหนีไปซ่อนในโพรงต้นไม้ อันเป็นวันที่ฟ้าแตงบอกว่ามาเกิด (ตย.การเกิดแบบสวมร่าง https://sites.google.com/site/thaireincarnation/haunted-possessed )
16. ผียังมีโลภโกรธหลง ยังชอบกิน ชอบบันเทิง(กรณีนี้ชอบดูลิเก)
17. ผีเรียนรู้ได้ ฟ้าแตงและแม่เดิมพูดเขมร พันปีผ่านไป ฟังภาษาไทยออก แต่แม่ยังพูดไทยไม่ได้ (น่าจะสอนให้เจริญสติ มีคุณธรรมจนเปลี่ยนภพภูมิได้ ้เหมือนที่มีบันทึกในพระไตรปิฏกที่สอนเทวดาบรรลุธรรม)
18. ผีแต่งชุดโบราณเพราะเป็นผีโบราณ ผีปัจจุบันก็แต่งชุดปัจจุบัน
19. แม่น้ำที่ไหลผ่านไหลเชี่ยว น่าจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาปัจจุบันแม่น้ำเปลี่ยนทิศย้ายตำแหน่งห่างออกมา
20. ผีขี้ตกใจ? จึงทำให้คนไม่ค่อยพบเจอผี? จากคำพูด
“พ่อรออยู่ที่นี่ก่อนนะ พ่อเข้าไปด้วยไม่ได้เดี๋ยวแม่หนูตกใจ
21. กรรมที่ผีฆ่าคน กรณีนี้ยังไม่ส่งผล ยังมาเกิดเป็นคสได้ คงเพราะกรรมยังมาไม่ถึง บุญเก่ายังดี
กรณีทำดีไปเกิดที่เลวแต่ทำบาปไปเกิดที่ดี
มีคำอธิบายไว้ในพระไตรปิฏกว่า
กรรมดียังส่งผลอยู่ แรงกว่าบาป
-----------
มีคติคือ: เมื่อจะตายให้มีสติปล่อยวาง
จะได้ไม่ต้องกลายเป็นผีเฝ้าบ้าน เฝ้าสมบัติ
จึงต้องฝึกให้มีสติปล่อยวาง
การปล่อยวาง
https://m.pantip.com/topic/37487612
กลไกการหลุดพ้น
https://m.pantip.com/topic/37823238
....
ฯลฯ
+++++++++++++++
ฟ้าแตง:
ปัจจุบันชาติ
ชื่อ-นามสกุล : นางสุรางคนา วันที
ชื่อเล่น : ส้ม
วันเดือนปีเกิด : ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔
ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : ๗๐/๑๔ หมู่ ๑ ตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
พี่น้องร่วมบิดามารดา : มี 4 คนคือ
1.พ.ต.ท.สุทธิพันธ์ วันที
2.พ.ต.อ.สุทธิศักดิ์ วันที
3.นางสุรางคนา วันที
4.ส.ต.ต.พีระพงษ์ วันที
อดีตชาติ
ชื่อ-นามสกุล : ฟ้าแตง
วันเดือนปีเกิด : -
ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : -
พี่น้องร่วมบิดามารดา : (เธอบอกว่าเธอมีน้องชายอีก ๑ คน ไม่ทราบชื่อ)
วันเดือนปีที่เสียชีวิต : เมื่อประมาณ ๑๐๐๐ กว่าปีที่แล้ว
สาเหตุที่เสียชีวิต : ประสบอุบัติเหตุเรือล่ม
สถานที่เสียชีวิต : กลางลำน้ำใหญ่ บริเวณสำนักสงฆ์คลองมะม่วงเตี้ยในปัจจุบัน
นางสุรางคนา วันที
ผู้จำอดีตชาติได้
สารบัญ:
1 ข้อมูลเบื้องต้น
2 กรณีของ นางสุรางคนา วันที
3 นางสุรางคนา วันที จำอดีตชาติได้
3.1 พาไปที่หมู่บ้านตะคร้อครั้งแรก
3.2 ความฝันบอกเหตุ
3.3 เคยไปนอนหลับใต้ต้นมะม่วง
3.4 ความทรงจำในขณะที่ยังเป็นวิญญาณ
3.5 ตัวประหลาดในโพรงไม้
3.6 พยายามทำให้ลืมอดีตชาติ
3.7 พาไปที่หมู่บ้านตะคร้อครั้งที่สอง
3.8 พาไปที่หมู่บ้านตะคร้อครั้งที่สาม
3.9 ความฝันประหลาด
3.10 นางเปลวคนใกล้ชิดพูดถึงเด็กหญิงสุรางคนา
3.11 ต้นมะม่วงพันปี
3.12 ภาพถ่ายติดวิญญาณ
ผู้ที่จำอดีตชาติได้รายนี้โดยปกติแล้วเธอไม่ใช่คนในหมู่บ้านของผู้เขียน แต่พ่อของเธอเคยเป็นครูใหญ่อยู่ที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ตัวของเธอเองก็เกิดในหมู่บ้านแต่เธอและครอบครัวได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไปตั้งแต่เธออายุได้ ๖ เดือน และเรื่องราวการจำอดีตชาติของเธอก็เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ผู้เขียนจึงได้นำเรื่องราวของเธอมานำเสนอในที่นี้ด้วย เธอผู้นี้มีชื่อว่า นางสุรางคนา วันที เธอจำอดีตชาติได้ว่าเคยมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ ๑๐๐๐ ปีที่แล้ว
นางสุรางคนา วันที เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔ ที่บ้านพักครูโรงเรียนบ้านตะคร้อรัฐประชาชนูทิศ บิดาชื่อ นายพิพัฒน์ วันที ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓-๒๕๑๕ ท่านเคยเป็นครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนบ้านตะคร้อรัฐประชาชนูทิศ ขณะที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๒ ท่านมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มารดาชื่อ นางบุญนาค แสนดี ซึ่งได้แยกทางกับนายพิพัฒน์ไปนานแล้ว ขณะที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์ นางสุรางคนาอายุ ๒๗ ปี เธอพักอยู่ ที่บ้านเลขที่ ๗๐/๑๔ หมู่ ๑ ตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
เรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของ นางสุรางคนาหรือเด็กหญิงสุรางคนาในขณะนั้น เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่เธออายุได้ประมาณขวบกว่าๆเริ่มพูดได้ ตอนนั้นเด็กหญิงสุรางคนามักจะตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก บอกว่าจะกลับบ้านไปหาแม่ นางบุญนาคและนายพิพัฒน์ก็ช่วยกันปลอบว่า “แม่อยู่นี่แล้วลูก บ้านเราก็อยู่ที่นี่ไงล่ะ” ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่จะปลอบอย่างไรเด็กหญิงสุรางคนาก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ ปากก็พูดว่า “หนูจะกลับบ้าน หนูจะไปหาแม่ บ้านหนูอยู่ที่เขาแดง” นางบุญนาคและนายพิพัฒน์รู้สึกแปลกใจในคำพูดของบุตรสาวมาก เด็กหญิงสุรางคนาร้องไห้และพูดแบบนี้อยู่หลายวัน
เธอร้องไห้และพูดแบบนี้อยู่หลายวัน
อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนๆและลูกน้องของนายพิพัฒน์ ซึ่งตอนนั้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมวดการศึกษา อยู่ที่อำเภอไพศาลี ได้นัดกันมาสังสรรค์ที่บ้านพักของนายพิพัฒน์ วันนั้นนางบุญนาคได้เตรียมจัดข้าวปลาอาหารไว้คอยท่า และขณะที่นางบุญนาคกำลังเตรียมอาหารอยู่นั้น นางบุญนาคได้พูดรำพึงรำพันกับตัวเองขึ้นมาว่า “จะเอาอะไรทำกับแกล้มเหล้าดีนะ” เด็กหญิงสุรางคนาได้ยินก็พูดขึ้นมาว่า “แม่ไปเอาไก่บ้านหนูไหม บ้านหนูมีไก่เยอะเลย” นางบุญนาคได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความสงสัยว่า “บ้านหนูที่ไหน” เด็กหญิงสุรางคนาตอบว่า “บ้านหนูที่เขา..แดงไง” ตอนนั้นนางบุญนาครู้สึกกลัวไม่กล้าฟังบุตรสาวพูดจึงเอามือปิดปากไว้ จากนั้นก็อุ้มบุตรสาวไปที่บ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆกันเพราะเธอไม่กล้าอยู่ลำพังกับบุตรสาวสองคน นางบุญนาคเล่าเรื่องที่เด็กหญิงสุรางคนาพูดให้เพื่อนบ้านฟัง เพื่อนบ้านและนางบุญนาคช่วยกันซักถามเด็กหญิงสุรางคนา ซึ่งเด็กหญิงสุรางคนาก็ได้พูดให้ฟังว่า บ้านของเธออยู่ที่เขาแดง ที่บ้านของเธอมีไก่เยอะและบอกให้นางบุญนาคไปเอาไก่ที่บ้านของเธอ นางบุญนาคถามว่าเขาแดงอยู่ที่ไหน เด็กหญิงสุรางคนาก็ชี้มือไปทางหมู่บ้านตะคร้อ ตอนนั้นนางบุญนาคยังไม่ทราบว่าเขาแดงที่บุตรสาวพูดถึงนั้นอยู่ที่ไหน แต่ได้ทราบในภายหลังว่าเป็น “เขาหนองไม้แดง” ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านตะคร้อนั่นเอง
จากคำพูดและการแสดงออกของเด็กหญิงสุรางคนา ทำให้นางบุญนาคและเพื่อนบ้านสงสัยว่าเด็กหญิงสุรางคนาอาจจะจำอดีตชาติได้ เมื่อนายพิพัฒน์กลับมาจากที่ทำงานนางบุญนาคก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้นายพิพัฒน์ฟัง นายพิพัฒน์เองก็รู้สึกประหลาดใจและได้สอบถามบุตรสาวอีกครั้ง เด็กหญิงสุรางคณาก็พูดให้ฟังเหมือนเดิม และขอร้องให้นายพิพัฒน์พาเธอไปที่บ้านของเธอที่เขาแดง นายพิพัฒน์ถามว่า “บ้านหนูไปทางไหนล่ะ พ่อไปไม่ถูก”เด็กหญิงสุรางคนาชี้มือไปทางหมู่บ้านตะคร้อและบอกว่า “อยู่ทางโน้น หนูรู้จักเดี๋ยวหนูพาไป” ตอนนั้นนายพิพัฒน์และนางบุญนาคไม่ทราบว่าเขาแดงที่บุตรสาวพูดถึงนั้นอยู่ที่ไหน ...
พาไปที่หมู่บ้านตะคร้อครั้งแรก
นายพิพัฒน์เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นเด็กหญิงสุรางคนาร้องไห้ขอให้ตนพาไปที่บ้านในอดีตชาติของเธอบ่อยมาก จนกระทั่งตนอดสงสารไม่ได้จึงตัดสินใจพานั่งรถจักรยานยนต์ไปตามทางที่เธอบอก จนกระทั่งถึงที่หมู่บ้านตะคร้อ เมื่อถึงหมู่บ้านตะคร้อทีแรกตนคิดว่าบ้านที่เธอพูดถึงนั้น หมายถึงบ้านพักครูที่ตนและครอบครัวเคยอยู่เมื่อครั้งที่เคยเป็นครูใหญ่อยู่ที่นั่น จึงพาเด็กหญิงสุรางคนาไปที่บ้านพักครูแห่งนั่น เมื่อไปถึงที่บ้านพักครูเด็กหญิงสุรางคนาบอกกับตนว่า “ไม่ใช่ที่นี่ บ้านหนูอยู่ทางโน้น”เธอพูดพร้อมกับชี้มือบอกทาง ตอนนั้นตนรู้สึกแปลกใจและอยากพิสูจน์ความจริง จึงบอกกับบุตรสาวว่า “บ้านหนูอยู่ไหนล่ะ พ่อไปไม่ถูก” เด็กหญิงสุรางคนาบอกว่า “เดี๋ยวหนูพาไป” เด็กหญิงสุรางคนามีท่าทางดีใจมาก ชี้บอกทางตนไปจนกระทั่งถึงบริเวณที่ชาวบ้านตะคร้อเรียกว่า “คลองมะม่วงเตี้ย”ซึ่งบริเวณนั้นมีต้นมะม่วงอายุหลายร้อยปีต้นหนึ่งขึ้นอยู่ริมคลอง อยู่ห่างจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ เมตร ในตอนนั้นบริเวณนั้นยังเป็นป่ารก ถ้าหากมองจากถนนใหญ่เข้าไปจะมองไม่เห็นต้นมะม่วงต้นนั้น....
-------
นายพิพัฒน์ วันที (บิดาในปัจจุบัน)
(ขณะดำรงค์ตำแหน่ง หัวหน้าการประถมศึกษา อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์)
--------
.....เมื่อไปถึงถนนใหญ่บริเวณนั้น เด็กหญิงสุรางคนาบอกกับตนว่า “พ่อรออยู่ที่นี่ก่อนนะ พ่อเข้าไปด้วยไม่ได้เดี๋ยวแม่หนูตกใจ” เด็กหญิงสุรางคนาเดินตามทางเกวียนเข้าไปสักครู่ ก็ออกมาบอกกับตนว่า “พ่อ..แม่หนูบอกว่า ให้พ่อเลือกเอาว่าจะเอาหนูหรือจะเอาสมบัติ ถ้าเอาสมบัติก็ให้มาเอาคนเดียวกลางคืนแต่หนูก็จะตาย แต่ถ้าจะเอาหนูไว้ก็ให้มาทำพิธีขอ และให้มาสร้างศาลสี่เสาให้ด้วย อันเก่ามันเล็กมีเสาเดียว”
...(อ่านต่อความเห็นที่ 1)...
++++++++++
ขออุทิศผลบุญให้วิญญานพ่อแม่และน้องชายของ ฟ้าแตงในอดีตที่สิงสถิตที่ศาลและต้นมะม่วงนั้น
ให้มีความสุข
ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูล ผู้รวบรวมข้อมูล
และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน
แนะนำ: งูเกิดเป็นคน
https://sites.google.com/site/thaireincarnation/thai-cases/prasiththi-wang-khotr-kaew/bngkch-phrhm-silp/chnay-chu-malay-wngs/bawlxy-saeng-wngs