Liverpool 2018-2019 ผมชอบอยู่จุดหนึ่ง "แช่งแทบทุกนัด แต่ไม่มีวี่แววว่าจะพลาด"
อารมณ์มันเหมือนสมัยผีชุดที่ได้ทริปเปิลแชมป์ปี 98-99 คือมีจุดเด่นที่ แพ้ยากแพ้เย็น ทำท่าจะแพ้ จะเสมอ แต่คัมแบ็กกลับมาได้
และยังมีส่วนผสมของผีปี 2007-2008 ที่เหนียวสุดๆ เกมรุกอาจจะไม่ได้สนุกมาก แต่เกมรับแน่นปึ้ก
แล้วที่สำคัญคือ หงส์ชุดนี้โกยแต้มถล่มทลายได้ นี่ถ้าไม่มีแมนซิตี้ปีนี้ขวาง พวกเขาจะเป็นหนึ่งในทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกที่แกร่งสุดๆทีมหนึ่ง แพ้แค่นัดเดียว แต่พลาดแชมป์ลีก คือโคตรซวย ส่วนซิตี้ ก็สุดยอดเหลือเกิน
ปีนี้อีกจุดที่ชอบคือ สเปอร์ส มาไกลมาก น่าจะเป็นทีมแรกในรอบหลายสิบปีที่เข้าชิงแชมป์บอลยุโรปได้ ทั้งที่ไม่ได้ซื้อนักเตะเลย เข้าชิงครั้งแรกได้ขนาดนี้ก็เยี่ยมแล้ว ไม่แปลกที่จะแพ้ อนาคตน่าจะทำได้อีก
แมนยูอาจจะต้องใช้เวลาบ่มทีมอีกนาน ถึงจะกลับมาเล่นและปั้นทีมยุคใหม่ที่มีนักเตะใจสู้แบบนี้ได้ คิดไปแล้วก็ต้องชื่นชม จอห์น เฮนรี่ ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Money Ball ที่แบรดพิทท์แสดง ก็เขานี่แหละที่เป็นประธานทีมเบสบอล Redsox (แก้ไข จำผิด) ซึ่งได้ใช้สูตรแบบใหม่ในการดราฟนักกีฬาเข้าทีม โดยการค้นหาสิ่งที่เรียกว่า Value ของนักกีฬาคนนั้นจากสถิติและข้อมูลทางคณิตศาสตร์ กับศักยภาพแฝงของผู้เล่นโดยดูจากผลงานในสนาม มากกว่าการอิงกับชื่อเสียงและค่าตัวที่ปรากฏ ทำให้ทีมสร้างประวัติศาสตร์ได้ หนังเรื่องนี้สนุกมากเพราะเขียนบทจากหนังสือและสารคดีที่อิงจากเรื่องจริง และได้มือเขียนบทที่ผมชอบมากอย่างอารอน ซอว์กิ้นมาเขียนให้ ทำให้หนังเต็มไปด้วยบทพูดฉลาดๆเชือดเฉือนอารมณ์กันทั้งเรื่อง ซึ่งทีมแมวมองและสตาฟฟ์ของหงส์ชุดนี้ ก็ดูจะได้แนวทางการหานักเตะจากสูตรนี้แหละ สูตรที่ว่านี้ยังเป็นแนวทางเดียวกับที่ทีมงาของเลสเตอร์เคยใช้ในปีก่อนหน้าที่ทีมจะคว้าแชมป์ด้วย ทำให้ได้นักเตะแบบ วาร์ดี้ มาเรส ก็องเต้ มาเข้าทีมในตอนนั้น แถมยังค้นพบพวกแมกไกว แมดดิสัน ได้ด้วย
ตอนแรกคิดว่า ค่าตัวในการซื้อตัวไดค์ คือเรื่องเวอร์เกิน แต่ตอนนี้ขอเปลี่ยนความคิดเลย นี่เป็นความฉลาดในการเสี่ยงและการลงทุนที่โคตรคุ้ม เช่นเดียวกับอลิซอน รวมถึงการได้พวกโรเบิร์ตสันมาจากทีมตกชั้นด้วย
ปีหน้าบอลพรีเมียร์ลีก น่าจะคาดเดาไม่ได้ ถึงเป๊ปจะเก่งฉกาจที่ทำซิตี้ได้ขนาดนี้ แต่ผมไม่คิดว่า ปีหน้ารูปการณ์จะเหมือนปีนี้ ก็ได้แต่รอดูว่า ผีแดงจะกลับสังเวียนกลุ่มลุ้นแชมป์ได้เมื่อไหร่ หลังจากหลุดวงโคจรมา 6 ปีเต็มแล้วตั้งแต่เฟอร์กี้เลิกคุม
เอาเป็นว่า ขอแสดงความยินดีกับแชมป์ UCL สมัยที่ 6 ของหงส์แดง กลายเป็นทีมอันดับที่ 3 ในยุโรปที่ครองแชมป์ถ้วยใหญ่ได้มากที่สุด รองจากแค่รีลมาดริดและมิลาน ส่วนแชมป์ลีก ถ้ายังเล่นได้แบบนี้เรื่อยๆ ระบบทีมขนาดทีม ยังไงไม่นานนี้ก็ต้องได้สักสมัยอยู่แล้วครับ ถ้าคล็อปป์ไม่ถอดใจย้ายทีมไปก่อน
Liverpool 2018-2019 หนึ่งในทีมชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของหงส์แดงและของพรีเมียร์ลีก
อารมณ์มันเหมือนสมัยผีชุดที่ได้ทริปเปิลแชมป์ปี 98-99 คือมีจุดเด่นที่ แพ้ยากแพ้เย็น ทำท่าจะแพ้ จะเสมอ แต่คัมแบ็กกลับมาได้
และยังมีส่วนผสมของผีปี 2007-2008 ที่เหนียวสุดๆ เกมรุกอาจจะไม่ได้สนุกมาก แต่เกมรับแน่นปึ้ก
แล้วที่สำคัญคือ หงส์ชุดนี้โกยแต้มถล่มทลายได้ นี่ถ้าไม่มีแมนซิตี้ปีนี้ขวาง พวกเขาจะเป็นหนึ่งในทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกที่แกร่งสุดๆทีมหนึ่ง แพ้แค่นัดเดียว แต่พลาดแชมป์ลีก คือโคตรซวย ส่วนซิตี้ ก็สุดยอดเหลือเกิน
ปีนี้อีกจุดที่ชอบคือ สเปอร์ส มาไกลมาก น่าจะเป็นทีมแรกในรอบหลายสิบปีที่เข้าชิงแชมป์บอลยุโรปได้ ทั้งที่ไม่ได้ซื้อนักเตะเลย เข้าชิงครั้งแรกได้ขนาดนี้ก็เยี่ยมแล้ว ไม่แปลกที่จะแพ้ อนาคตน่าจะทำได้อีก
แมนยูอาจจะต้องใช้เวลาบ่มทีมอีกนาน ถึงจะกลับมาเล่นและปั้นทีมยุคใหม่ที่มีนักเตะใจสู้แบบนี้ได้ คิดไปแล้วก็ต้องชื่นชม จอห์น เฮนรี่ ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Money Ball ที่แบรดพิทท์แสดง ก็เขานี่แหละที่เป็นประธานทีมเบสบอล Redsox (แก้ไข จำผิด) ซึ่งได้ใช้สูตรแบบใหม่ในการดราฟนักกีฬาเข้าทีม โดยการค้นหาสิ่งที่เรียกว่า Value ของนักกีฬาคนนั้นจากสถิติและข้อมูลทางคณิตศาสตร์ กับศักยภาพแฝงของผู้เล่นโดยดูจากผลงานในสนาม มากกว่าการอิงกับชื่อเสียงและค่าตัวที่ปรากฏ ทำให้ทีมสร้างประวัติศาสตร์ได้ หนังเรื่องนี้สนุกมากเพราะเขียนบทจากหนังสือและสารคดีที่อิงจากเรื่องจริง และได้มือเขียนบทที่ผมชอบมากอย่างอารอน ซอว์กิ้นมาเขียนให้ ทำให้หนังเต็มไปด้วยบทพูดฉลาดๆเชือดเฉือนอารมณ์กันทั้งเรื่อง ซึ่งทีมแมวมองและสตาฟฟ์ของหงส์ชุดนี้ ก็ดูจะได้แนวทางการหานักเตะจากสูตรนี้แหละ สูตรที่ว่านี้ยังเป็นแนวทางเดียวกับที่ทีมงาของเลสเตอร์เคยใช้ในปีก่อนหน้าที่ทีมจะคว้าแชมป์ด้วย ทำให้ได้นักเตะแบบ วาร์ดี้ มาเรส ก็องเต้ มาเข้าทีมในตอนนั้น แถมยังค้นพบพวกแมกไกว แมดดิสัน ได้ด้วย
ตอนแรกคิดว่า ค่าตัวในการซื้อตัวไดค์ คือเรื่องเวอร์เกิน แต่ตอนนี้ขอเปลี่ยนความคิดเลย นี่เป็นความฉลาดในการเสี่ยงและการลงทุนที่โคตรคุ้ม เช่นเดียวกับอลิซอน รวมถึงการได้พวกโรเบิร์ตสันมาจากทีมตกชั้นด้วย
ปีหน้าบอลพรีเมียร์ลีก น่าจะคาดเดาไม่ได้ ถึงเป๊ปจะเก่งฉกาจที่ทำซิตี้ได้ขนาดนี้ แต่ผมไม่คิดว่า ปีหน้ารูปการณ์จะเหมือนปีนี้ ก็ได้แต่รอดูว่า ผีแดงจะกลับสังเวียนกลุ่มลุ้นแชมป์ได้เมื่อไหร่ หลังจากหลุดวงโคจรมา 6 ปีเต็มแล้วตั้งแต่เฟอร์กี้เลิกคุม
เอาเป็นว่า ขอแสดงความยินดีกับแชมป์ UCL สมัยที่ 6 ของหงส์แดง กลายเป็นทีมอันดับที่ 3 ในยุโรปที่ครองแชมป์ถ้วยใหญ่ได้มากที่สุด รองจากแค่รีลมาดริดและมิลาน ส่วนแชมป์ลีก ถ้ายังเล่นได้แบบนี้เรื่อยๆ ระบบทีมขนาดทีม ยังไงไม่นานนี้ก็ต้องได้สักสมัยอยู่แล้วครับ ถ้าคล็อปป์ไม่ถอดใจย้ายทีมไปก่อน