ซาโมร่า, สเปน, 3 กรกฎาคม 2568 – วงการฟุตบอลต้องพบกับข่าวเศร้าและน่าตกใจ เมื่อ
ดิโอโก้ โชต้า กองหน้าคนสำคัญของสโมสรลิเวอร์พูล และทีมชาติโปรตุเกส
เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ บนทางหลวง A-52 ในจังหวัดซาโมร่า ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยมี
อันเดร โชต้า น้องชายวัย 26 ปี ซึ่งเป็นนักฟุตบอลเช่นกัน เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ด้วย
รายงานจากสื่อสเปน "มาร์กา" ระบุว่า รถของโชต้าเสียหลักตกถนนและเกิดไฟลุกไหม้ ทำให้หน่วยบริการฉุกเฉินในภูมิภาคกัสติยาและเลออนยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 2 รายในที่เกิดเหตุ ซึ่งต่อมาสื่อใหญ่อย่าง BBC, Liverpool Echo, Telegraph และ Fabrizio Romano ก็ได้ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของโชต้าเช่นกัน
เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไม่ถึงสองสัปดาห์
ข่าวเศร้าครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง
ไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากที่ โชต้า วัย 28 ปี เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับ รูต การ์โดโซ่ แฟนสาว ในเมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความยินดีจากเพื่อนนักเตะและแฟนบอลทั่วโลก การจากไปอย่างกะทันหันนี้สร้างความตกใจและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และแฟนบอลทั่วโลก
กำลังหลัก "หงส์แดง" และอนาคตที่ยังสดใส
ดิโอโก้ โชต้า ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลในปี 2020 และก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของ "หงส์แดง" อย่างรวดเร็ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับลิเวอร์พูล โชต้าลงสนามไปทั้งหมด 182 นัด ทำได้ 65 ประตู กับ 26 แอสซิสต์ และมีส่วนสำคัญในการช่วยทีมคว้าแชมป์หลายรายการ ได้แก่ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และคาราบาว คัพ 1 สมัย
สำหรับฤดูกาล 2024/25 ที่กำลังจะมาถึง โชต้ามีคิวลงสนามในเกมปรีซีซันนัดแรกที่ลิเวอร์พูลจะพบกับเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ แต่โชคร้ายที่เขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียก่อน
ในระดับทีมชาติ โชต้าลงสนามให้กับทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ไป 49 นัด ทำได้ 14 ประตู และยังเคยคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชันส์ ลีก 2 สมัย ในฤดูกาล 2018-19 และ 2024-25
ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากสโมสรลิเวอร์พูล แต่สื่อโปรตุเกสรายงานตรงกันถึงการเสียชีวิตของโชต้า และครอบครัวกำลังอยู่ในช่วงจัดการพิธีไว้อาลัย
การจากไปของดิโอโก้ โชต้า ในวัยเพียง 28 ปี ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลโลก นักเตะที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ความทุ่มเท และอนาคตที่ยังสดใส ได้จากไปก่อนวัยอันควร สร้างความอาลัยอย่างสุดซึ้งให้กับทุกคนที่รู้จักและติดตามผลงานของเขา
ที่มา
https://www.siamsport.co.th/football-international/premierleague/84800/
ที่มา
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premierleague/2868284
ที่มา
https://www.khaosod.co.th/sports/news_9833351
ช็อกวงการฟุตบอล! ดิโอโก้ โชต้า กองหน้า ลิเวอร์พูล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่สเปน พร้อมน้องชาย
รายงานจากสื่อสเปน "มาร์กา" ระบุว่า รถของโชต้าเสียหลักตกถนนและเกิดไฟลุกไหม้ ทำให้หน่วยบริการฉุกเฉินในภูมิภาคกัสติยาและเลออนยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 2 รายในที่เกิดเหตุ ซึ่งต่อมาสื่อใหญ่อย่าง BBC, Liverpool Echo, Telegraph และ Fabrizio Romano ก็ได้ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของโชต้าเช่นกัน
เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไม่ถึงสองสัปดาห์
ข่าวเศร้าครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง ไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากที่ โชต้า วัย 28 ปี เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับ รูต การ์โดโซ่ แฟนสาว ในเมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความยินดีจากเพื่อนนักเตะและแฟนบอลทั่วโลก การจากไปอย่างกะทันหันนี้สร้างความตกใจและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และแฟนบอลทั่วโลก
กำลังหลัก "หงส์แดง" และอนาคตที่ยังสดใส
ดิโอโก้ โชต้า ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลในปี 2020 และก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของ "หงส์แดง" อย่างรวดเร็ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับลิเวอร์พูล โชต้าลงสนามไปทั้งหมด 182 นัด ทำได้ 65 ประตู กับ 26 แอสซิสต์ และมีส่วนสำคัญในการช่วยทีมคว้าแชมป์หลายรายการ ได้แก่ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และคาราบาว คัพ 1 สมัย
สำหรับฤดูกาล 2024/25 ที่กำลังจะมาถึง โชต้ามีคิวลงสนามในเกมปรีซีซันนัดแรกที่ลิเวอร์พูลจะพบกับเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ แต่โชคร้ายที่เขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียก่อน
ในระดับทีมชาติ โชต้าลงสนามให้กับทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ไป 49 นัด ทำได้ 14 ประตู และยังเคยคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชันส์ ลีก 2 สมัย ในฤดูกาล 2018-19 และ 2024-25
ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากสโมสรลิเวอร์พูล แต่สื่อโปรตุเกสรายงานตรงกันถึงการเสียชีวิตของโชต้า และครอบครัวกำลังอยู่ในช่วงจัดการพิธีไว้อาลัย
การจากไปของดิโอโก้ โชต้า ในวัยเพียง 28 ปี ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลโลก นักเตะที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ความทุ่มเท และอนาคตที่ยังสดใส ได้จากไปก่อนวัยอันควร สร้างความอาลัยอย่างสุดซึ้งให้กับทุกคนที่รู้จักและติดตามผลงานของเขา
ที่มา https://www.siamsport.co.th/football-international/premierleague/84800/
ที่มา https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premierleague/2868284
ที่มา https://www.khaosod.co.th/sports/news_9833351