เยาวชน ยังติดเอดส์เพิ่มขึ้น เพราะความไว้ใจ

ปัญหาการติดเชื้อ  HIV และโรคติดต่ออื่นๆผ่านทางเพศสัมพันธ์ ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มเยาวชน ทั้งๆที่คนรุ่นใหม่เกือบ 100% มีความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อพวกนี้จากโรงเรียน จากสื่อต่างๆ แล้ว

คำถาม คือ ทำไม

ส่วนหนึ่งมาจาก ความไว้ใจ

น้อยคู่ หรือแทบจะไม่มีเลยที่ หนุ่มสาวเมื่อตกลงเป็นแฟน จะไปตรวจเลือดก่อนมีอะไรกัน ส่วนใหญ่มักให้เหตุผลว่า  เชื่อใจ  ไว้ใจ ไม่น่าจะมีอะไร   
ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ มันขัดต่อพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอน และพฤติกรรมการลองคบกัน อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง ในปัจจุบัน 

วัยรุ่นบางคน อายุ เพียง 18 ปี แต่เคยเปลี่ยนคู่นอนมาแล้ว มากกว่า 3 คน และไม่ได้ป้องกันทุกๆครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์  
เราลองมาดูกันโดยยกตัวอย่างเคส ซัก 1 เคส

นส. A  เคยมีแฟนมาสามคน  คือ นาย  B  C  D

นาย  B เคยมีแฟนมาแล้ว สองคน  คือ นส.  E   และ นส. F
นาย C  เคยมีแฟนมาแล้ว หนึ่งคน  คือ นส.  G
นาย D เคยมีแฟนมาแล้ว สองคน  คือ นส.  H และ นส. I

ตอนนี้เฉพาะฝั่ง  นส.A   มีตัวแปรเพิ่มขึ้นมา 5 คน  แล้วสมมติว่า นส. E  ถึง I  มีแฟนเก่า กันซักแค่คนละ 1 คน ตัวแปรความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ยิ่งหากเป็นคนหน้าตาดีๆ หล่อๆสวยๆ อาจมีตัวแปรที่เพิ่มมากกว่านี้

สิ่งที่อยากจะบอกคือ  เวลาเราจะคบใคร เราอาจรู้นิสัยแฟนเรา เชื่อใจแฟนเรา  แต่แฟนเก่า  แฟนของแฟนเก่า  และแฟนของแฟนของแฟนเก่าล่ะ เราเชื่อใจเขาได้แค่ไหน เราควรจะเอาชีวิตทั้งชีวิตเราไปเสี่ยงกับเขาไหม  

ข้อมูลทางการแพทย์ก็ระบุชัดว่า ถุงยางอนามัยก็ไม่ได้ป้องกันได้ 100 %  วิธีที่ดีที่สุดคือตรวจเลือด และตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อคบกันครับ 8 เดือน เพื่อป้องกันเชื่อแฝงตัว ที่เรียกว่า วินโว์พีเรียด  

เชื่อว่าบางคนอาจเคยโดนคู่รักพูดคำหวาน คำขอร้อง คำอ้อนวอน  พูดโน้มน้าว เพื่อให้ไม่ต้องป้องกัน และด้วยความรัก ความไว้ใจก็เลยยอม

หลายคนอาจคิดว่ากลัวเกินเหตุไปไหม บอกเลยว่าถ้ามันแลกกับชีวิตเราทั้งชีวิต มันไม่เรื่องมากเกินไปหรอกครับ

และเคสที่ผมยกตัวอย่างคร่าวๆนี้ มันคือเคสที่เกิดกับคนรู้จักของผมเอง

ผมอาจเขียนได้ไม่ดี ไม่เก่งนัก แต่อยากให้ช่วยแชร์กันไป เผื่อคนที่เรารักจะได้เข้าใจและป้องกันตนเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่