[แชร์ประสบการณ์] จดทะเบียนสมรสอย่างเดียว ไม่มีพิธี ไม่มีงานแต่ง ไม่มีสินสอด ไม่มีอะไรเลย

จริง ๆ อยากจะถอดล็อกอินมาตั้งกระทู้ แต่ไหน ๆ คนรอบข้างก็ทราบกันหมดแล้ว เลยปล่อยไปแบบนี้แหละค่า

โอเค เริ่ม!

ก่อนจะไปเรื่องจดทะเบียนสมรส ขอเล่า Background ของตัวเองคร่าว ๆ เพื่อให้ทุกท่านพิจารณาประกอบกันนะคะ ปัจจุบัน จขกท. อายุ 26 ปี เป็นทนายความ เคยทำงานอยู่ Law Firm 3 แห่ง ก่อนตัดสินใจออกมาเป็น Freelance เมื่อปลายปีที่แล้ว บ้าน จขกท. อยู่ปริมณฑลค่ะ ครอบครัวอาศัยกันอยู่แค่ 3 คนคือ คุณแม่ (เป็นแม่เลี่ยงเดี่ยวเลี้ยง จขกท. มาคนเดียวตั้งแต่ 4 ขวบ) คุณยาย และตัว จขกท. เอง ญาติๆทางฝั่งคุณยายอยู่ต่างจังหวัด และไม่ได้สนิทกันมากค่ะ ตั้งแต่ทำงาน จนถึงปัจจุบัน จขกท. จะกันเงินส่วนหนึ่งไว้ให้แม่ตลอดเพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายของแม่ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้าน (ให้แม่ตกเดือนละ 20,000 – 25,000 บาท) ปัจจุบันครอบครัวจึงมีความสุขตามอัตภาพ แม่ทำงานฝีมือเล็ก ๆ น้อย ๆ ขายแถวบ้าน ไม่มีหนี้สินมากมายนัก มีหนี้ผ่อนรถยนต์ และหนี้บัตรเครดิตนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น

นิสัยส่วนตัว จขกท. เป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบความวุ่นวาย ไปห้าง คือไปซื้อของใช้กับไปธนาคาร ชอบอยู่บ้าน ทำนู่นทำนี่ อ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อยเวลาไม่มีงาน

ด้วยความที่แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่ และจขกท.จึงสนิทกันมาก คุยกับแทบทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องแฟน เรื่อง จขกท. กับแฟน (ขออนุญาตเรียกแฟนค่ะ เรียกสามีรู้สึกเคอะเขิน) แม่ก็ทราบเรื่องมาตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว เนื่องจาก จขกท. และแฟนรู้จักกันมา 6 ปีกว่า ๆ เจอกันที่ศาลแห่งหนึ่ง แล้ว จขกท. ก็ชอบแฟนตั้งแต่แรกพบเลยล่ะค่ะ เก็บเรื่องของพี่เขามาเล่าให้แม่ฟังตั้งแต่ 6 ปีก่อนนู้น แต่  พอเริ่มโตขึ้นต่างคนต่างก็แยกย้ายไปมีทางเดินของตัวเอง เรื่องของพี่เขาก็เริ่มหายไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคิดถึงเรื่อย ๆ นะคะ ยังมีทางติดต่อกันได้อยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันเท่าไหร่ แค่ถามไถ่ว่าสุขสบายดีหรือไม่ นาน ๆ ทีค่ะ

แต่ไม่แน่ใจว่าเวรกรรม หรือพรหมลิขิตค่ะ ช่วงปีที่แล้วที่ จขกท. ทำงานอยู่ต่างประเทศ ก็มีโอกาสได้กลับมาคุยกันอีกครั้งหนึ่ง คุยไปคุยมาก็ตกลงปลงใจอยากใช้ชีวิตอยู่กับเขานี่แหละค่ะ และด้วยช่วงนั้นมีเหตุการณ์ที่ทำให้ จขกท. ต้องออกจากงานที่ทำ และกลับประเทศไทย เลยคุยกับแฟนว่าเรื่องของเราจะยังไงต่อไปดี แฟน จขกท. ก็ไปซื้อคอนโดแห่งหนึ่งไว้ค่ะ จขกท. เป็นคนตัดสินใจเร็ว เลยบอกแม่ว่าตกลงจะใช้ชีวิตอยู่กับคนนี้แล้วนะ

ตอนแรกแม่อึ้งไปนิดหนึ่ง และถามต่อว่าจะจัดงานรึเปล่า แต่ จขกท. ก็ตอบกลับไปทันทีว่าอาจจะแค่จดทะเบียนสมรส ไม่อยากจัดงานแต่งงาน เพราะไม่อยากคิดอะไรเยอะแยะ และวุ่นวาย แม่ก็ดูอึ้งไปอีกค่ะ แต่แม่ จขกท. เป็นคนน่ารักมาก คือมักจะเคารพการตัดสินใจของ จขกท. เสมอ  หลังจากนั้น แม่ก็ไม่ได้พูดถึงพิธีแต่งงาน หรือสินสอดเลยนะคะ แต่แม่เพียงอยากให้ทำบุญ อาจจะพากันไปไหว้พระ หรือเลี้ยงพระก็ได้ ตามที่เราสองคนสะดวก  

เมื่อตกลงได้อย่างนี้แล้ว แฟน จขกท. ไปคุยกับ แม่ จขกท. แค่ครั้งเดียวค่ะ เพราะเราได้บทสรุปกันอย่างรวดเร็วมาก ตอนแฟนไปคุยนี่แอบลุ้นมากว่าแม่จะเรียกอะไรเพิ่มเติมมั้ยนะ แต่ปรากฏว่าแม่บอกแค่ว่า “แล้วแต่ จขกท. และแฟน” จะทำยังไงก็ได้ค่ะ คุณยายของ จขกท. เองก็ไม่มีความเห็นอะไร

ด้วยความที่แม่ จขกท. มีเพื่อนเยอะ จขกท. ก็แอบกังวลใจว่าแม่จะเสียหน้ากับเพื่อนมั้ย เพราะ จขกท. เข้าใจบริบทของสังคมเรื่องการจัดงานแต่งงานเป็นอย่างดี จขกท. คุยประเด็นนี้กับแม่หลายครั้ง แต่แม่ก็ตอบกลับมาเสมอว่า “ถ้าจะจดทะเบียนสมรสอย่างเดียว ก็ให้ประกาศด้วยนะ คนอื่นเขาจะได้ทราบทั่วกัน” คุยไปคุยมาปรากฏว่าแม่คงขี้เกียจตอบคนอื่นน่ะค่ะ จขกท. เลยโพสลงเฟสบุ๊คของตัวเอง แล้วแท็กแม่ แบบนี้เลยค่ะ (เล่นง่ายมาก)  // ขออนุญาตเซ็นเซอร์ชื่อเพื่อความเป็นส่วนตัวนะคะ 


ส่วนที่บ้านแฟน ไม่มีปัญหาอะไรเลยเช่นกันค่ะ จขกท. ก็ไปมาหาสู่คุณแม่แฟนบ่อย ๆ พาท่านไปทานข้าวบ้าง ช็อปปิ้งบ้าง สนุกดีค่ะ

จขกท. คิดว่าการที่แม่ไม่ได้ว่าอะไรเลย เพราะพื้นฐานนิสัยของแม่ จขกท. เป็นคนน่ารักแบบนี้อยู่แล้ว และแม่เห็นว่า จขกท. เองก็สามารถดูแลตัวเอง รวมถึงดูแลแม่ และครอบครัวได้ไม่เคยขาด จึงเป็นเหตุผลให้แม่วางใจ และไม่มีปัญหาอะไรกับการตัดสินใจของ จขกท. ค่ะ 

จริง ๆ การทำแบบ จขกท. ในสังคมไทย อาจจะเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ หรือหลาย ๆ ท่านเห็นว่าไม่เหมาะสม ตัว จขกท. เองก็ได้รับฟังมาจากแม่ว่าญาติผู้ใหญ่บางท่านบอกว่า “สงสัยยายจะเสียหลานฟรี ๆ” แต่โชคดีของ จขกท. ค่ะที่ครอบครัวไม่เคยคิดมาก ยาย และแม่ฟังใครกระแนะกระแหนมาก็จะเฉยๆ ตราบใดที่เราเข้าใจกันดี คำพูดคนอื่นไม่มีผลกับครอบครัวเราค่ะ แม่บอกเสมอว่าลูกไม่ใช่สิ่งของ ตีมูลค่าไม่ได้หรอก ถ้าอยู่กันแล้วรักกัน เข้าใจกันดี แม่ก็ยินดีด้วยค่ะ (ตอนฟังแม่แอบน้ำตาไหล)

 
จขกท. เห็นหลายท่านมาตั้งกระทู้ว่ามีปัญหาเรื่องการจัดงานแต่งงานบ้าง สินสอดบ้าง หรือการกู้หนี้ยืมสินเพื่อจะมาแต่งงานบ้าง จนบางคู่เลิกรากันไปเลยก็มี จขกท. อ่านมาเยอะมากจนรู้ว่าตัวเองไม่ได้ต้องการจะมีปัญหาแบบนั้น และไม่สามารถรับปัญหาแบบนั้นได้ค่ะ 

ตอนนี้ จขกท. ก็มีความสุขตามอัตภาพ ยังคงรับงานจากลูกความหลาย ๆ ท่านที่กรุณาติดตามมาจนเจอ จขกท. จนได้ พอว่างจากงานก็ทำกับข้าว ขายของออนไลน์เล็กน้อย ทำงานบ้านไปเรื่อย และตอนนี้ก็วางแผนจะมีน้องแล้วล่ะค่ะ (วางแผนไว้ตั้งแต่วันที่จดทะเบียนสมรส แต่น้องไม่มาสักทีค่ะ)

กระทู้นี้อาจจะไม่ได้แชร์อะไรมากมายนัก เพราะเรื่องราวของ จขกท. มันแสนจะเรียบง่ายมาก ๆ เรียกได้ว่าไม่ได้มีอุปสรรคกวนใจใด ๆ เลยแหละค่ะ จุดประสงค์ของการตั้งกระทู้นี้เพียงแค่อยากแชร์อีกมุมมองหนึ่งของตัว จขกท. เองเท่านั้น อาจจะตรงกับความคิดของบางท่าน หรืออาจจะขัดแย้งกับหลาย ๆ ท่าน ยังไงก็พูดคุยกันได้นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่