อาณาจักรไอที ตอนที่ 4 เลิกตีกรอบพนักงานซะที … From CIO กากๆ
กล่องความคิดเก่าๆ
ในสมัยก่อน เมื่อเรายังเด็กๆ เราใส่ชุดนักเรียน ตาม ที่โรงเรียนกำหนด มาให้เราใส่ ผมใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีน้ำเงิน ทุกวัน จะมีบางวัน ที่ สลับไปใส่ ชุดพละ และชุดลูกเสือ วันไหน ผมใส่ชุดพละ ผมจะมีความรู้สึกที่ว่า มันสบายกว่า ใส่ชุดนักเรียน เพราะ ตอนกลางวัน ผมชอบเตะบอล เหงื่อไหลตลอดเวลา ผมต้องการ ใส่เสื้อผ้า ที่ไม่เก็บเหงื่อ หลังจากเรียนจบ
ผม ได้ทำงานหลายๆที่ บางที่ ก็มีชุดฟอร์มให้พนักงาน บางที่ก็ไม่มี ผมเริ่มต้นทำงาน แบบไม่ต้องใส่ชุดฟอร์มของพนักงาน มาประมาณ 13 ปี จนกระทั่งบริษัทเดิมที่ผมทำงานปิดกิจการไป เลยต้องไปสมัครงาน อีกที่หนึ่ง แต่ที่นี่ ต้องใส่ชุดฟอร์ม สวมสูท ผูกเนคไท แรกๆ ผมก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่ก็ดูสวยดี ผมใส่ได้ 1 อาทิตย์ ผมรู้สึกว่า มันโคตรร้อนเลย ซึ่ง ผมคิดว่า ถ้าใส่สูททำงาน ควรอยู่ในห้องแอร์ ไม่ใช่อยู่ในที่ที่ไม่มีแอร์ ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน อากาศร้อน บางวัน ร้อนถึง 40 องศา ซึ่ง ถ้าคุณสวมสูท ผูกไทด์ อยู่ในอุณหภูมิขนาดนั้น ข้างในเหงื่อไหลเป็นทาง ยาวไปถึงง่ามตูด สิ่งที่คุณทำ หลังจากร้อนขนาดนั้น คุณจะต้องรีบเข้าห้องแอร์
เพื่อไม่ให้คุณรู้สึกทรมานจากความร้อน ผม เข้าห้องทำงานได้ เมื่อไหร่ ผมจะรีบถอดสูทออกทันที ผมใส่ได้ไม่ถึง 5 นาทีครับ จากความรู้สึกตอนแรกที่คิดว่า มันเท่ มันสวย มันดูดี แต่ ผมรู้สึกว่า สิ่งที่เรากำลังสร้างภาพว่าดูดี มันกำลังทำให้ผมรู้สึกทรมาน เสื้อสูท เสื้อข้างใน กางเกง เปียกไปด้วยเหงื่อ พนักงาน ทั้งหมด นั่งรวมกัน เวลาประชุม จะได้กลิ่นเหงื่อ ผสมกลิ่นอับ ยิ่งถ้าวันไหน เป็นช่วงหน้าฝน ตากเสื้อสูทไม่แห้ง มันก็จะมีกลิ่นอย่างรุนแรง ประชุมไป ก็นั่งดมเหงื่อพนักงานกันเอง เสียสุขภาพจิตครับ ผมใส่เสื้อสูท อยู่ 1 ปี สิ่งที่ได้รับคือ ข้างหลังผม เป็นจุดแดงๆเหมือนแพ้เหงื่อ ผมก็พยายามถอด เพื่อไม่ให้เหงื่อไหล แต่ ก็จะถูกตำหนิจาก ผู้บริหาร ว่า ควรจะใส่เสื้อสูท ตลอดเวลา เพราะมันเป็นกฎระเบียบ
ห้ามถอดสูท ผมคิดว่า อ้าวเฮ้ย ทำไม ถึงต้องบังคับกันขนาดนี้ กลายเป็นว่า การสร้างภาพ ที่ดูดี โดยไม่คำนึงถึง สุขภาพของพนักงาน เป็นเรื่องสำคัญ บอกตรงๆ รับไม่ได้ งานที่ผมทำ เป็นงานด้านไอที ต้องคอยตรวจเช็คอุปกรณ์เครือข่าย ยกคอมพิวเตอร์ที่เสีย มาซ่อม และอื่นๆอีกมากมาย การใส่สูททำงาน ไม่ตอบโจทย์เลยครับ มันทำให้ เสื้อผ้าที่ใส่แขนยาวอยู่ตลอดเวลา จะปีนป่ายจะไขน๊อต จะยกของ ดูเกะกะไปหมด แต่ดูเหมือนไม่มีทางเลือกครับ ผมต้องใส่สูท ทำงานแบบนั้นแหละ มีครั้งนึง ผมต้องใส่สูทไปซ่อมโถส้วม ที่มีน้ำไหลมาตลอดเวลา
ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับงานของไอที แต่ บริษัท ก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วจะได้ยินคำพูด ที่กรอกใส่หูพนักงานทุกวันว่า อยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยเหลือกัน ต้องดูแล ถึงแม้มันจะไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองก็ตาม ผมคิดว่า มันก็จริงครับ ถ้าช่วยเหลือเพียงเล็กๆน้อยๆ แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันก็เลยกลายเป็นหน้าที่ครับ ส้วมเสียไฟเสีย ตามไอทีไปซ่อม แล้วจะมี พนักงานประจำอาคารไว้ทำไม
ผมเคยถามผู้บริหาร ว่า ทำไมต้องใส่สูทครับ ผมขอใส่เป็นชุดธรรมดาได้ไหมเพราะว่าทำงานถนัดกว่า คำตอบที่ได้คือ ไม่ได้ครับมันเป็นกฎระเบียบ ถ้าผมให้คุณใส่คนเดียว คนอื่นเขาก็อยากใส่แบบคุณบ้าง อ้าว แสดงว่า ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ไม่อยากใส่สูตรมีอีกหลายคนที่ไม่ อยากใส่สูท แต่ก็ต้องใส่สูท ทำงาน ถึงตอนนี้ ผมคิดว่า ถ้าผมร้อน ผมก็จะถอดครับผมไม่ใส่ จะโดนตำหนิหรือโดนทำโทษก็ไม่เป็นไร เพราะว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผมทนทำงานอยู่ประมาณ 5 ปีครับ สิ่งที่ผมรู้สึกหลังจากออกจากที่ทำงาน มีความรู้สึกว่า เหมือนหลุดพ้นออกจากคุก อันแสนทรมาน
เพราะฉะนั้น เวลาไปสมัครงานที่ไหน คำแรกที่ผมจะถามคือ คุณต้องสวมสูททำงานหรือไม่ ถ้าต้องสวมสูททำงาน ต่อให้งานนั้นดีแค่ไหน ผมก็ไม่อยากทำครับ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ผมมักจะถูกยัดเยียดความคิดที่ว่า การแต่งกายที่ดี คือบุคลิกภาพที่ดีคนที่เขามองมา ก็จะดูว่าดี ส่งผลให้องค์กรดูดี สรุปคือ สร้างภาพองค์กร ผ่านพนักงาน ผมคิดว่า มันไม่ค่อยแฟร์ครับ ผมคิดว่าองค์กรที่ดี ไม่จำเป็นต้องสวมสูท มันอยู่ที่ ข้างในของ แต่ละคนมากกว่า ถ้ามันดี มันก็จะสะท้อนความคิด การพูดการกระทำออกมาดี โดยที่ไม่ต้องมามีใครบอกว่า มันดีนะ
ผมเล่าเรื่องนี้ ให้น้องชายฟัง ซึ่งน้องชาย ของผม ทำงานอยู่กับบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นผมถามว่า ทำไมไม่มีชุดฟอร์มให้ใส่ เขาบอกว่าก็บริษัทมันดูโอเคอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องสร้างภาพ คำพูดนี้ มันทำให้ผม เจ็บจี๊ด ขึ้นมาทันที แล้วผมก็คิดว่าเออ มันก็จริง หลังจากที่ผมออกมาจากบริษัทเดิม งานที่ผมทำส่วนใหญ่ บริษัทจะไม่บังคับการแต่งกาย เพราะเข้าใจ ว่า ไอที ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ไม่ชอบถูกบังคับ
ปัจจุบัน ผมได้ทำงานอยู่ที่บริษัท ที่ไม่บังคับการแต่งกาย ฟรีสไตล์ทุกอย่าง จะใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืด หรือแม้กระทั่ง กางเกงขาสั้น ก็สามารถทำงานได้ครับ งานไม่เสีย เอาเป็นว่า 90% แต่งกายฟรีสไตล์ ยกเว้น พนักงานขาย ที่จะแต่งตัวดูดี ฟรีสไตล์เหมือนกันครับ แต่เหมือนหลุดออกมาจากแคตตาล็อกเลย ไม่มีแบบฟอร์ม ไม่ต้องสร้างภาพ ที่ผม เล่าประสบการณ์ ไม่ใช่หมายความว่า การใส่แบบฟอร์มไม่ดีนะครับ มันขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ องค์กรนั้นๆ ว่า จะเป็นอย่างไร แต่โดยส่วนตัว ผมมองว่า ถ้าไม่ยัดเยียดกล่องความคิดเก่าๆ ตีกรอบพนักงาน บังคับการแต่งกาย มันจะดีกว่าครับ โฟกัสที่งาน มากกว่าโฟกัสที่การแต่งกาย
CIO กากไ
อาณาจักรไอที ตอนที่ 4 เลิกตีกรอบพนักงานซะที … From CIO กากๆ
กล่องความคิดเก่าๆ
ในสมัยก่อน เมื่อเรายังเด็กๆ เราใส่ชุดนักเรียน ตาม ที่โรงเรียนกำหนด มาให้เราใส่ ผมใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีน้ำเงิน ทุกวัน จะมีบางวัน ที่ สลับไปใส่ ชุดพละ และชุดลูกเสือ วันไหน ผมใส่ชุดพละ ผมจะมีความรู้สึกที่ว่า มันสบายกว่า ใส่ชุดนักเรียน เพราะ ตอนกลางวัน ผมชอบเตะบอล เหงื่อไหลตลอดเวลา ผมต้องการ ใส่เสื้อผ้า ที่ไม่เก็บเหงื่อ หลังจากเรียนจบ
ผม ได้ทำงานหลายๆที่ บางที่ ก็มีชุดฟอร์มให้พนักงาน บางที่ก็ไม่มี ผมเริ่มต้นทำงาน แบบไม่ต้องใส่ชุดฟอร์มของพนักงาน มาประมาณ 13 ปี จนกระทั่งบริษัทเดิมที่ผมทำงานปิดกิจการไป เลยต้องไปสมัครงาน อีกที่หนึ่ง แต่ที่นี่ ต้องใส่ชุดฟอร์ม สวมสูท ผูกเนคไท แรกๆ ผมก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่ก็ดูสวยดี ผมใส่ได้ 1 อาทิตย์ ผมรู้สึกว่า มันโคตรร้อนเลย ซึ่ง ผมคิดว่า ถ้าใส่สูททำงาน ควรอยู่ในห้องแอร์ ไม่ใช่อยู่ในที่ที่ไม่มีแอร์ ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน อากาศร้อน บางวัน ร้อนถึง 40 องศา ซึ่ง ถ้าคุณสวมสูท ผูกไทด์ อยู่ในอุณหภูมิขนาดนั้น ข้างในเหงื่อไหลเป็นทาง ยาวไปถึงง่ามตูด สิ่งที่คุณทำ หลังจากร้อนขนาดนั้น คุณจะต้องรีบเข้าห้องแอร์
เพื่อไม่ให้คุณรู้สึกทรมานจากความร้อน ผม เข้าห้องทำงานได้ เมื่อไหร่ ผมจะรีบถอดสูทออกทันที ผมใส่ได้ไม่ถึง 5 นาทีครับ จากความรู้สึกตอนแรกที่คิดว่า มันเท่ มันสวย มันดูดี แต่ ผมรู้สึกว่า สิ่งที่เรากำลังสร้างภาพว่าดูดี มันกำลังทำให้ผมรู้สึกทรมาน เสื้อสูท เสื้อข้างใน กางเกง เปียกไปด้วยเหงื่อ พนักงาน ทั้งหมด นั่งรวมกัน เวลาประชุม จะได้กลิ่นเหงื่อ ผสมกลิ่นอับ ยิ่งถ้าวันไหน เป็นช่วงหน้าฝน ตากเสื้อสูทไม่แห้ง มันก็จะมีกลิ่นอย่างรุนแรง ประชุมไป ก็นั่งดมเหงื่อพนักงานกันเอง เสียสุขภาพจิตครับ ผมใส่เสื้อสูท อยู่ 1 ปี สิ่งที่ได้รับคือ ข้างหลังผม เป็นจุดแดงๆเหมือนแพ้เหงื่อ ผมก็พยายามถอด เพื่อไม่ให้เหงื่อไหล แต่ ก็จะถูกตำหนิจาก ผู้บริหาร ว่า ควรจะใส่เสื้อสูท ตลอดเวลา เพราะมันเป็นกฎระเบียบ
ห้ามถอดสูท ผมคิดว่า อ้าวเฮ้ย ทำไม ถึงต้องบังคับกันขนาดนี้ กลายเป็นว่า การสร้างภาพ ที่ดูดี โดยไม่คำนึงถึง สุขภาพของพนักงาน เป็นเรื่องสำคัญ บอกตรงๆ รับไม่ได้ งานที่ผมทำ เป็นงานด้านไอที ต้องคอยตรวจเช็คอุปกรณ์เครือข่าย ยกคอมพิวเตอร์ที่เสีย มาซ่อม และอื่นๆอีกมากมาย การใส่สูททำงาน ไม่ตอบโจทย์เลยครับ มันทำให้ เสื้อผ้าที่ใส่แขนยาวอยู่ตลอดเวลา จะปีนป่ายจะไขน๊อต จะยกของ ดูเกะกะไปหมด แต่ดูเหมือนไม่มีทางเลือกครับ ผมต้องใส่สูท ทำงานแบบนั้นแหละ มีครั้งนึง ผมต้องใส่สูทไปซ่อมโถส้วม ที่มีน้ำไหลมาตลอดเวลา
ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับงานของไอที แต่ บริษัท ก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วจะได้ยินคำพูด ที่กรอกใส่หูพนักงานทุกวันว่า อยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยเหลือกัน ต้องดูแล ถึงแม้มันจะไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองก็ตาม ผมคิดว่า มันก็จริงครับ ถ้าช่วยเหลือเพียงเล็กๆน้อยๆ แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันก็เลยกลายเป็นหน้าที่ครับ ส้วมเสียไฟเสีย ตามไอทีไปซ่อม แล้วจะมี พนักงานประจำอาคารไว้ทำไม
ผมเคยถามผู้บริหาร ว่า ทำไมต้องใส่สูทครับ ผมขอใส่เป็นชุดธรรมดาได้ไหมเพราะว่าทำงานถนัดกว่า คำตอบที่ได้คือ ไม่ได้ครับมันเป็นกฎระเบียบ ถ้าผมให้คุณใส่คนเดียว คนอื่นเขาก็อยากใส่แบบคุณบ้าง อ้าว แสดงว่า ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ไม่อยากใส่สูตรมีอีกหลายคนที่ไม่ อยากใส่สูท แต่ก็ต้องใส่สูท ทำงาน ถึงตอนนี้ ผมคิดว่า ถ้าผมร้อน ผมก็จะถอดครับผมไม่ใส่ จะโดนตำหนิหรือโดนทำโทษก็ไม่เป็นไร เพราะว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผมทนทำงานอยู่ประมาณ 5 ปีครับ สิ่งที่ผมรู้สึกหลังจากออกจากที่ทำงาน มีความรู้สึกว่า เหมือนหลุดพ้นออกจากคุก อันแสนทรมาน
เพราะฉะนั้น เวลาไปสมัครงานที่ไหน คำแรกที่ผมจะถามคือ คุณต้องสวมสูททำงานหรือไม่ ถ้าต้องสวมสูททำงาน ต่อให้งานนั้นดีแค่ไหน ผมก็ไม่อยากทำครับ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ผมมักจะถูกยัดเยียดความคิดที่ว่า การแต่งกายที่ดี คือบุคลิกภาพที่ดีคนที่เขามองมา ก็จะดูว่าดี ส่งผลให้องค์กรดูดี สรุปคือ สร้างภาพองค์กร ผ่านพนักงาน ผมคิดว่า มันไม่ค่อยแฟร์ครับ ผมคิดว่าองค์กรที่ดี ไม่จำเป็นต้องสวมสูท มันอยู่ที่ ข้างในของ แต่ละคนมากกว่า ถ้ามันดี มันก็จะสะท้อนความคิด การพูดการกระทำออกมาดี โดยที่ไม่ต้องมามีใครบอกว่า มันดีนะ
ผมเล่าเรื่องนี้ ให้น้องชายฟัง ซึ่งน้องชาย ของผม ทำงานอยู่กับบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นผมถามว่า ทำไมไม่มีชุดฟอร์มให้ใส่ เขาบอกว่าก็บริษัทมันดูโอเคอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องสร้างภาพ คำพูดนี้ มันทำให้ผม เจ็บจี๊ด ขึ้นมาทันที แล้วผมก็คิดว่าเออ มันก็จริง หลังจากที่ผมออกมาจากบริษัทเดิม งานที่ผมทำส่วนใหญ่ บริษัทจะไม่บังคับการแต่งกาย เพราะเข้าใจ ว่า ไอที ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ไม่ชอบถูกบังคับ
ปัจจุบัน ผมได้ทำงานอยู่ที่บริษัท ที่ไม่บังคับการแต่งกาย ฟรีสไตล์ทุกอย่าง จะใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืด หรือแม้กระทั่ง กางเกงขาสั้น ก็สามารถทำงานได้ครับ งานไม่เสีย เอาเป็นว่า 90% แต่งกายฟรีสไตล์ ยกเว้น พนักงานขาย ที่จะแต่งตัวดูดี ฟรีสไตล์เหมือนกันครับ แต่เหมือนหลุดออกมาจากแคตตาล็อกเลย ไม่มีแบบฟอร์ม ไม่ต้องสร้างภาพ ที่ผม เล่าประสบการณ์ ไม่ใช่หมายความว่า การใส่แบบฟอร์มไม่ดีนะครับ มันขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ องค์กรนั้นๆ ว่า จะเป็นอย่างไร แต่โดยส่วนตัว ผมมองว่า ถ้าไม่ยัดเยียดกล่องความคิดเก่าๆ ตีกรอบพนักงาน บังคับการแต่งกาย มันจะดีกว่าครับ โฟกัสที่งาน มากกว่าโฟกัสที่การแต่งกาย
CIO กากไ