สวัสดีชาวพันทิปทุกคนจ้า เรามาในนาม "หู" จากเพจ EARBUDD ใน Facebook
https://www.facebook.com/earbudd/" rel="nofollow" >][
https://www.facebook.com/earbudd/]
.
หลังจากที่หูสิงอยู่ในเฟสบุ๊คมาซักพัก วันนี้ขอเอางานเขียนมาลงในพันทิปให้ทุกคนได้อ่านกันบ้าง แล้วหูขอเริ่มจากการเอารีวิวอัลบั้มจากท่านเทพ Carly Rae Jepsen ควีนแห่ง pop cult แห่งยุคมาให้อ่านกัน เริ่มกันเลยยยย
.
.
ชื่อของ Carly Rae Jepsen กลายเป็นศิลปินที่ทุกคนรู้จักในนามของเจ้าของ “Call Me Maybe” ซิงเกิ้ลยอดฮิตจากปี 2012 ที่ทำให้ชื่อของเธอกลายเป็นหนึ่งในพ็อพสตาร์รุ่งโรจน์ในขณะนั้น
.
แต่หลังจาก “Call Me Maybe” และอัลบั้ม Kiss (2012) กราฟความสำเร็จในแง่ยอดขายของคาร์ลี่กลับพุ่งดิ่งลงเหว งานเพลงต่าง ๆ หลังจากซิงเกิ้ลนั้นกลับกลายเป็นหายนะทางด้านยอดขาย และทำให้ตัวศิลปินสาวถูกตราหน้าว่าเป็นแค่ one-hit wonder ไปเลย
.
แต่ถึงแม้ว่าการประสบความสำเร็จด้านยอดขายของคาร์ลี่จะพังทลาย อีกฝั่งของผู้เสพดนตรีกลับยกให้ท่านแม่เจ็บเส้นกลายเป็นศิลปินที่มีผลงานสายพ็อพที่ทำเพลงออกมาได้ดีที่สุดในยุคของเราเลย
.
หลังจาก E•MO•TION (2015) ถูกปล่อยออกมา คาร์ลี่ถูกยกให้เป็นขวัญใจนักวิจารณ์จากหลากหลายสำนัก พร้อมกันตำแหน่งของ Queen of pop cult ที่หมู่นักฟังเพลงสายอินดี้และกลุ่ม LGBTQ ต่างยกให้เธอเป็นเหมือนราชินีที่ทำเพลงได้อย่างน่าประทับใจและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ
.
หูเป็นอีกหนึ่งนักฟังที่หลงรัก E•MO•TION อย่างถอนตัวไม่ขึ้นหลังจากแค่ฟังอัลบั้มนี้ไปไม่แค่กี่รอบ (ณ ขณะนั้น) และรอที่จะได้เขียนรีวิวยกย่องอัลบั้มนี้มาตลอด และเมื่อเวลาที่เหมาะสมมันมาถึงแล้วกับช่วงนี้ที่ Dedicated งานชุดที่สี่จากท่านเทพได้ปล่อยออกมาแล้ว หูเลยอยากเขียนรีวิวแบบใหม่ออกมาได้ทุกคนได้อ่านกัน
.
ซึ่งนั่นคือการเขียนรีวิวแบบท้าชนแทร็คต่อแทร็คจากทั้งสองอัลบั้มที่ถือว่าดีโคตรในระดับที่ไล่เรี่ยกัน และยากต่อการตัดสินใจว่าอันไหนดีกว่า รู้เลยว่าต้องเขียนยาวมากแน่ ๆ และขอขอบคุณทุกคนไว้ตรงนี้ก่อนเลยที่กดมาอ่านกัน
.
ขอเริ่มกล่าวคร่าว ๆ ถึงภาพรวมทั้งสองอัลบั้มก่อน เริ่มจาก E•MO•TION ที่เป็นการเติบโตออกจากซาวน์ bubblegum pop หวานเยิ้มใน Kiss มาเน้นที่ความเป็นซาวน์สังเคราะห์แบบ synthpop ผสมผสานกับ electropop ให้ออกมาเป็นงานพ็อพที่มีความดาร์กเบา ๆ ให้อารมณ์เหมือนฟังเพลงในความมืดแต่มีแสงจากดิสโก้บอลสาดแสงมากมาย ในขณะที่ Dedicated เป็นการเปลี่ยนซาวน์มาพึ่งความ disco ที่ให้ mood and tone สว่างสดใสมากขึ้น เหมาะกับการฟังขณะขับรถหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงวันที่อากาศสดใส
.
เพลงทั้งหมดของคาร์ลี่มักวนเวียนอยู่กับเรื่องราวของความรักตั้งแต่จุดเริ่มที่สวยงามและจุดจบที่แสนเศร้า แต่เทคนิคในการเขียนเพลงกลับไม่ได้ทำธรรมดา ด้วยสกิลการเขียนที่มีชั้นเชิงบวกกับการได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ขั้นเทพมากมายทำให้เพลงของคาร์ลี่กลายเป็นเหมือน Bible of Pop Music ที่ศิลปินมากมายต่างใช้เป็นโมเดลในการทำเพลงของตัวเอง
.
ทีนี้มาลองเทียบสองอัลบั้มนี้แบบแทร็คต่อแทร็คไปเลยดีกว่า เพราะว่าทั้งสองอัลบั้มต่างมีเพลงทั้งหมด 15 เพลงเท่ากันพอดี หูต้องกัดลิ้นตายกับการเลือกว่าเพลงไหนดีกว่าแน่ ๆ แต่ผลมวยเป็นยังไง ไปดูกัน (เพลงที่ชนะหูจะใส่มงไว้ข้างหน้านะ)
.
1. 👑 “Run Away with Me” VS “Julien”
มวยคู่แรกจาก opener ของทั้งสองอัลบั้มที่เพลงแรกเปิดมาด้วยเสียง saxophone สุด iconic ที่กลายเป็นมีมในอินเตอร์เนทไปช่วงนึงกับอีกเพลงที่คาร์ลี่ยกให้เป็นหัวใจของ Dedicated หูไม่ลังเลเลยแต่ผู้ชนะก็ต้องเป็น “Run Away with Me” อยู่แล้ว เพราะส่วนตัวที่หูอาจจะไม่ค่อยถูกกับเพลงดิสโก แต่ “Run Away with Me” ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดที่คาร์ลี่เคยทำออกมาเลย ด้วยดนตรีที่ละเมียดละไม ฟังแล้วรู้สึกแฮปปี้มาก
.
2. “E•MO•TION” VS 👑 “No Drug Like Me”
มงที่สองต้องยกให้ “No Drug Like Me” จริง ๆ เพราะ title track ของ E•MO•TION ที่แม้ว่าจะเพราะสุด ๆ แต่มันก็ยังไม่หลุดออกจากความเป็น bubblegum pop ใน Kiss ในขณะที่ “No Drug Like Me” กลับเป็นแทร็คที่ดาร์กที่สุดใน Dedicated ทั้งการใช้สัญลักษณ์ของการติดยามาเขียนเป็นเพลงรัก บวกกับซาวน์ดิสโกผสมกับซินท์ให้มันมีความดุดันทึม ๆ กับเลเยอร์ของซาวน์หลายชั้นที่ฟังสนุกมากกว่าแทร็คแรกเยอะ
.
3. “I Really Like You” VS 👑 “Now That I Found You”
มวยคู่สามกับแทร็คที่ถูกตัดมาให้เป็นซิงเกิ้ลโปรโมทอัลบั้ม ในขณะที่หูหลงรัก “I Really Like You” ตั้งแต่รอบแรกที่ฟังด้วยซาวน์ที่มีความร็อคเบา ๆ กับซาวน์สังเคราห์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แทรกมาตลอดเพลง แต่ก็คงต้องยกมงให้กับ “Now That I Found You” ที่เหนือกว่าใน production ของซาวน์จริง ๆ ซึ่งมันมีความซับซ้อนกว่าดูมีชั้นเชิงกว่า แถม “I Really Like You” ฟังไปฟังมาก็แอบเบื่อกับการซ้ำเนื้อร้องแค่ประโยคเดียวในท่อนฮุค
.
4. 👑 “Gimmie Love” VS “Want You in My Room”
ถึงแม้ว่าหูจะรักงานของ Jack Antonoff จาก Bleachers ผู้เป็นโปรดิวเซอร์ของ “Want You in My Room” มากแค่ไหนก็ตาม แต่คงไม่มีเพลงไหนของแม่เจ็บเส้นจะพีคไปมากกว่า “Gimmie Love” จริง ๆ เพราะด้วยความเป็น synthpop แบบเต็มสูบที่อัดแน่นด้วยเทคนิคมากมายที่เวลาใช้หูฟังฟังเพลงนี้จะสนุกและตื่นเต้นกับการจับซาวน์เล็ก ๆ ได้ตลอด แต่ไม่ได้แปลว่า “Want You in My Room” ไม่ดี เพราะเพลงนี้เป็นเหมือนการทดลองทำเพลง alternative pop ของคาร์ลี่ดูบ้าง แต่ก็อย่างที่บอก “Gimmie Love” คือที่สุดจริง ๆ
.
5. 👑 “All That” VS “Everything He Needs”
นั่งกัดฟันเลือกนานมากกับมวยคู่ที่ห้า แต่มงลง E•MO•TION อีกรอบจริง ๆ เพราะ “All That” หนึ่งในสองบัลลาร์ดของอัลบั้มที่ได้ Dev Hynes จาก Blood Orange มาช่วยทำให้ ซึ่งแน่นอนแค่ชื่อโปรดิวเซอร์ก็รู้แล้วว่าเพลงต้องเทพส่งขนาดไหน ในขณะที่ “Everything He Needs” ก็เป็นไม่กี่แทร็คจาก Dedicated ที่ฟังครั้งแรกก็ติดหูหนึบกับเสียงน่ารัก ๆ และความแบ๊วของเพลง แต่ก็นะ Dedicated มันขาดโมเม้นต์ช้า ๆ แพง ๆ แบบที่ “All That” สร้างให้ E•MO•TION อะ
.
6. 👑 “Boy Problems” VS “Happy Not Knowing”
มวยคู่นี้ผลตัดสินไม่ยากเลย ยังไง “Boy Problems” ก็ต้องได้ไปอยู่แล้ว เพราะ “Happy Not Knowing” มีความธรรมดา ฟังง่าย ไม่มีไรให้ตื่นเต้นเท่ากับ “Boy Problems” ที่มีความเป็นดิสโกพอ ๆ กัน แต่ด้วยการที่มีป้า Sia มาช่วยสร้างสีสันให้กับเนื้อร้องที่มีชั้นเชิงกว่า แทร็คนี้จึงชนะขาดรอยแบบไม่ต้องคิดมาก
.
7. 👑 “Making the Most of the Night" VS "I'll Be Your Girl"
คู่ที่เจ็ดนี้หูก็เลือกได้ไม่ยาก ยังไงก็ต้อง “Making the Most of the Night" อยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะเพียงแค่ Sia อีกครั้งที่ช่วยให้เพลงนี้มีความเหนือกว่า แต่ซาวน์ที่ดาร์กและหนักของเพลงทำให้แทร็คนี้ฟังแล้วเหมือนเล่น space coaster ที่ถูกเหวี่ยงไปมาในความมืด ในขณะที่ "I'll Be Your Girl" มีความเป็น pop rock ที่ผสมกับดิสโกฟังสบาย ๆ เหมือนกำลังไถหญ้าอยู่กลางสนามในวันแดดจ้า แต่ด้วยความเสพติดเพลงดาร์ก ๆ หูเลยต้องยกมงให้แทร็คแรกไป
.
8. 👑 “Your Type” VS “Too Much”
อยากร้องอ๊ากแรงมากตอนต้องตัดสินคู่นี้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลั้นกลืนฝืนทนยกมงให้เพลงอกหักคลาสสิคจาก E•MO•TION ไปจริง ๆ เพราะส่วนตัวที่ชอบ pop rock และ “Your Type” ก็มีความเป็น power pop ที่มีซาวน์แบบเพลงยุค ’90 และเนื้อเพลงที่ฟังแล้วร้องห่มร้องไห้เป็นสายเลือด แต่ “Too Much” ก็เป็นอีกไฮไลท์ของ Dedicated ที่ฟังแล้วได้กลิ่นของ “Passionfruit” จากหนุ่ม Drake ในความเป็น dancehall โจ๊ะ ๆ แต่ยังไงก็ทำใจยกมงให้เพลงนี้ไม่ได้จริง ๆ
.
9. “Let's Get Lost" VS 👑 "The Sound"
มงกลับมาลง Dedicated ซักทีกลับ “The Sound” ที่ไม่ใช่ cover ของ The 1975 แต่อย่างใด ซึ่งแค่อินโทรของเพลงนี้ขึ้นมาก็ชนะไปเลย กับเปียโนสวย ๆ ที่ตามด้วยบีทสังเคราะห์ ๆ เคาะเบา ๆ ก่อนหักมุมพาคนฟังหลุดไปแดนซ์ตึ้บ ๆ ในท่อนฮุค ทำให้เเพลงนี้มิติเพลงนี้มันซ้อน ๆ ๆ ฟังแล้วว้าวได้เรื่อย ๆ แต่ “Let’s Get Lost” ที่เป็นแทร็คโปรดของหูใน E•MO•TION มาก ๆ แต่ก็แพ้ไปเพราะชั้นเชิงดนตรีของซาวน์ synth มันไม่ถึง "The Sound" จริง ๆ
.
10. 👑 "LA Hallucinations" VS ”Automatically in Love"
เป็นมวยอีกคู่ที่เลือกยากมาก แต่สุดท้ายก็ขอให้ "LA Hallucinations" ไปเพราะความชอบส่วนตัวจริง ๆ แต่ถ้าแง่ดนตรีมันก็พอ ๆ กันทั้งสองเพลง แต่สื่อต่างประเทศกลับชมเพลง ”Automatically in Love" กว่านะ เพราะมิติของเพลงที่มีหลายชั้นกว่า แต่หูว่าบีทเพลงนี้มันแค่บีทเดียวทั้งเพลง แถมท่อนฮุคยังเอื่อยฟังแล้วไม่สนุกเท่า “LA Hallunications” อะ
.
11. 👑 “Warm Blood" VS “Feels Right”
“Warm Blood" เป็นหนึ่งเทพจาก E•MO•TION ทื่ทุกยกให้เป็นหนึ่งในพีคของอัลบั้มด้วยซาวน์อิเล็กทรอนิกส์ตึ้บ ๆ แบบ “Dancing on My Own” ของ Robyn ซึ่งหูก็ชอบ แต่ทำไมไม่รู้ว่าตอนฟัง “Feels Right” ถูกใจกว่า อาจเป็นเพราะ “Feels Right” ได้ Electric Guest มาช่วย duet ในเพลงทำให้เพลงเพราะมากขึ้น และจังหวะมันสดใสกว่าฟังเพลินกว่า ถือว่าเป็นคู่ที่เลือกยาก แต่ “Feels Right” ก็ชนะไปแค่แบบนิดเดียว
.
12. "When I Needed You" VS 👑 ”Right Words Wrong Time"
ความแปลกของ "When I Needed You" คือเพลงนี้น่าจะไปอยู่ใน Dedicated มากกว่าเพราะฟังดูแล้วเข้ากับเพลงอื่น ๆ มากกว่าเพลงใน E•MO•TION ซะอีก แต่มงอะหรอ ลง ”Right Words Wrong Time" จ้า เพราะแทร็คนี้มีความซับซ้อนด้านซาวน์ที่สะใจหูมาก ๆ กับทั้งเสียงดีดนิ้ว เสียงจึ้ก ๆ ๆ ของ high hats บวกกับเมโลดี้ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลย แต่ไม่ใช่ว่า "When I Needed You" ไม่ดีนะ
.
13. “Black Heart" VS 👑 "Real Love"
“Real Love” มีความเป็น “Run Away with Me” part 2 ในช่วงหลังท่อนฮุคที่มีการใส่ซาวน์ saxophone (มั้ง) มาเป็นท่อนเบรกให้เต้นได้ ในขณะที่ “Black Heart” เป็นแทร็คอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ซาวน์ 8-bit มาทำเป็นเหมือนวิดีโอเกมส์ที่ก็ดี แต่ไม่ได้โปรดอะไรมาก เอาจริง หูไม่ได้โปรดทั้งสองเพลงแต่ก็ต้องเลือก “Real Love” แหละ
.
14. "I Didn't Just Com

to Dance" VS 👑 “For Sure”
สารภาพเลยว่าเกลียด "I Didn't Just Com

to Dance" มาก เพราะดูเป็นเพลงที่ถอยหลังลงคลองมากที่สุดใน E•MO•TION ด้วยความเป็นแค่ EDM Pop ง่าย ๆ เหมือนเพลงจาก Calvin Harris ที่ทุกครั้งที่ฟังถึง หูกดผ่านตลอด มงเลยลงให้ “For Sure” ที่มีความเป็นเหมือนเพลงจากชนเผ่าด้วยกลองแบบตึก ๆ ๆ กับเสียงดาด๊าดาที่น่ารักและเนื้อร้องที่ติดหู และยังมีความซับซ้อนด้านดนตรีมากกว่าเยอะ
.
15. "Favourite Colour" VS 👑 “Party for One”
มาจบที่มวยของ closing tracks ที่ต้องยกให้ “Party for One” จริง ๆ ที่ Pitchfork เรียกว่าเป็นเหมือนซาวน์แทร็คที่ใช้เล่นตอน end credit ของหนังรอมคอม ซึ่งมันก็เหมือนจริง ๆ มันให้ความรู้สึกของบทสรุปความรักที่ไม่สำเร็จ และตัวเองนั่นแหละที่เราต้องรักมากที่สุด กับดนตรีที่ฟังสนุก มีชั้นเชิง มันดี ๆ ๆ แต่ไม่ใช่ว่า "Favourite Colour" บัลลาร์ดอีกชิ้นจาก E•MO•TION ไม่ดี แต่ก็มันแพ้ให้กับความสนุกของ “Party for One” จริง ๆ
.
Conclusion
นั่งเขียน ๆ มารู้เลยว่าต้องไม่มีคนอ่านแน่ เพราะมันยาวมากจริง ๆ แต่ถ้าใครอ่านจนถึงตรงนี้หูขอขอบคุณมากจริง ๆ ที่สนใจงานเขียนของหู แต่ก็สรุปไปได้ว่า E•MO•TION ชนะ Dedicated ไปอย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนน 8 ต่อ 7 ซึ่งถือว่าทั้งสองอัลบั้มก็มีดีไล่เลี่ยกันเลยแหละ คุณภาพมันอัดแน่นจริง ๆ จะให้เลือกมันก็ยาก หูเลยทำรีวิวแทร็คต่อแทร็คขึ้นมาเลยจะได้รู้ว่าใครดีกว่าใคร 555555 ซึ่งยังไง E•MO•TION ก็ยังเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่หูยกให้เป็นงานที่ดีที่สุดในชีวิต จะต้องติดโผของหูไปตลอดกาล
.
ยาวมากสำหรับงานเขียนแรกที่ลงในพันทิป 55555 แต่แค่หาคนที่เป็นแฟนคลับคาร์ลี่มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง ไหนใครชอบเพลงไหนอะไรยังไงมาคุยกันได้นะ แล้วหูขอฝากเพจ
https://www.facebook.com/earbudd/ ด้วยนะ ฝากไปกดไลค์และแชร์โพสกันด้วยนะ ขอบคุณมากกก
[Album Review] Carly Rae Jepsen: E•MO•TION (2015) VS Dedicated (2019) รีวิวท้าชนแทร็คต่อแทร็ค
.
หลังจากที่หูสิงอยู่ในเฟสบุ๊คมาซักพัก วันนี้ขอเอางานเขียนมาลงในพันทิปให้ทุกคนได้อ่านกันบ้าง แล้วหูขอเริ่มจากการเอารีวิวอัลบั้มจากท่านเทพ Carly Rae Jepsen ควีนแห่ง pop cult แห่งยุคมาให้อ่านกัน เริ่มกันเลยยยย
.
ชื่อของ Carly Rae Jepsen กลายเป็นศิลปินที่ทุกคนรู้จักในนามของเจ้าของ “Call Me Maybe” ซิงเกิ้ลยอดฮิตจากปี 2012 ที่ทำให้ชื่อของเธอกลายเป็นหนึ่งในพ็อพสตาร์รุ่งโรจน์ในขณะนั้น
.
แต่หลังจาก “Call Me Maybe” และอัลบั้ม Kiss (2012) กราฟความสำเร็จในแง่ยอดขายของคาร์ลี่กลับพุ่งดิ่งลงเหว งานเพลงต่าง ๆ หลังจากซิงเกิ้ลนั้นกลับกลายเป็นหายนะทางด้านยอดขาย และทำให้ตัวศิลปินสาวถูกตราหน้าว่าเป็นแค่ one-hit wonder ไปเลย
.
แต่ถึงแม้ว่าการประสบความสำเร็จด้านยอดขายของคาร์ลี่จะพังทลาย อีกฝั่งของผู้เสพดนตรีกลับยกให้ท่านแม่เจ็บเส้นกลายเป็นศิลปินที่มีผลงานสายพ็อพที่ทำเพลงออกมาได้ดีที่สุดในยุคของเราเลย
.
หลังจาก E•MO•TION (2015) ถูกปล่อยออกมา คาร์ลี่ถูกยกให้เป็นขวัญใจนักวิจารณ์จากหลากหลายสำนัก พร้อมกันตำแหน่งของ Queen of pop cult ที่หมู่นักฟังเพลงสายอินดี้และกลุ่ม LGBTQ ต่างยกให้เธอเป็นเหมือนราชินีที่ทำเพลงได้อย่างน่าประทับใจและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ
.
หูเป็นอีกหนึ่งนักฟังที่หลงรัก E•MO•TION อย่างถอนตัวไม่ขึ้นหลังจากแค่ฟังอัลบั้มนี้ไปไม่แค่กี่รอบ (ณ ขณะนั้น) และรอที่จะได้เขียนรีวิวยกย่องอัลบั้มนี้มาตลอด และเมื่อเวลาที่เหมาะสมมันมาถึงแล้วกับช่วงนี้ที่ Dedicated งานชุดที่สี่จากท่านเทพได้ปล่อยออกมาแล้ว หูเลยอยากเขียนรีวิวแบบใหม่ออกมาได้ทุกคนได้อ่านกัน
.
ซึ่งนั่นคือการเขียนรีวิวแบบท้าชนแทร็คต่อแทร็คจากทั้งสองอัลบั้มที่ถือว่าดีโคตรในระดับที่ไล่เรี่ยกัน และยากต่อการตัดสินใจว่าอันไหนดีกว่า รู้เลยว่าต้องเขียนยาวมากแน่ ๆ และขอขอบคุณทุกคนไว้ตรงนี้ก่อนเลยที่กดมาอ่านกัน
.
ขอเริ่มกล่าวคร่าว ๆ ถึงภาพรวมทั้งสองอัลบั้มก่อน เริ่มจาก E•MO•TION ที่เป็นการเติบโตออกจากซาวน์ bubblegum pop หวานเยิ้มใน Kiss มาเน้นที่ความเป็นซาวน์สังเคราะห์แบบ synthpop ผสมผสานกับ electropop ให้ออกมาเป็นงานพ็อพที่มีความดาร์กเบา ๆ ให้อารมณ์เหมือนฟังเพลงในความมืดแต่มีแสงจากดิสโก้บอลสาดแสงมากมาย ในขณะที่ Dedicated เป็นการเปลี่ยนซาวน์มาพึ่งความ disco ที่ให้ mood and tone สว่างสดใสมากขึ้น เหมาะกับการฟังขณะขับรถหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงวันที่อากาศสดใส
.
เพลงทั้งหมดของคาร์ลี่มักวนเวียนอยู่กับเรื่องราวของความรักตั้งแต่จุดเริ่มที่สวยงามและจุดจบที่แสนเศร้า แต่เทคนิคในการเขียนเพลงกลับไม่ได้ทำธรรมดา ด้วยสกิลการเขียนที่มีชั้นเชิงบวกกับการได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ขั้นเทพมากมายทำให้เพลงของคาร์ลี่กลายเป็นเหมือน Bible of Pop Music ที่ศิลปินมากมายต่างใช้เป็นโมเดลในการทำเพลงของตัวเอง
.
ทีนี้มาลองเทียบสองอัลบั้มนี้แบบแทร็คต่อแทร็คไปเลยดีกว่า เพราะว่าทั้งสองอัลบั้มต่างมีเพลงทั้งหมด 15 เพลงเท่ากันพอดี หูต้องกัดลิ้นตายกับการเลือกว่าเพลงไหนดีกว่าแน่ ๆ แต่ผลมวยเป็นยังไง ไปดูกัน (เพลงที่ชนะหูจะใส่มงไว้ข้างหน้านะ)
.
1. 👑 “Run Away with Me” VS “Julien”
มวยคู่แรกจาก opener ของทั้งสองอัลบั้มที่เพลงแรกเปิดมาด้วยเสียง saxophone สุด iconic ที่กลายเป็นมีมในอินเตอร์เนทไปช่วงนึงกับอีกเพลงที่คาร์ลี่ยกให้เป็นหัวใจของ Dedicated หูไม่ลังเลเลยแต่ผู้ชนะก็ต้องเป็น “Run Away with Me” อยู่แล้ว เพราะส่วนตัวที่หูอาจจะไม่ค่อยถูกกับเพลงดิสโก แต่ “Run Away with Me” ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดที่คาร์ลี่เคยทำออกมาเลย ด้วยดนตรีที่ละเมียดละไม ฟังแล้วรู้สึกแฮปปี้มาก
.
2. “E•MO•TION” VS 👑 “No Drug Like Me”
มงที่สองต้องยกให้ “No Drug Like Me” จริง ๆ เพราะ title track ของ E•MO•TION ที่แม้ว่าจะเพราะสุด ๆ แต่มันก็ยังไม่หลุดออกจากความเป็น bubblegum pop ใน Kiss ในขณะที่ “No Drug Like Me” กลับเป็นแทร็คที่ดาร์กที่สุดใน Dedicated ทั้งการใช้สัญลักษณ์ของการติดยามาเขียนเป็นเพลงรัก บวกกับซาวน์ดิสโกผสมกับซินท์ให้มันมีความดุดันทึม ๆ กับเลเยอร์ของซาวน์หลายชั้นที่ฟังสนุกมากกว่าแทร็คแรกเยอะ
.
3. “I Really Like You” VS 👑 “Now That I Found You”
มวยคู่สามกับแทร็คที่ถูกตัดมาให้เป็นซิงเกิ้ลโปรโมทอัลบั้ม ในขณะที่หูหลงรัก “I Really Like You” ตั้งแต่รอบแรกที่ฟังด้วยซาวน์ที่มีความร็อคเบา ๆ กับซาวน์สังเคราห์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แทรกมาตลอดเพลง แต่ก็คงต้องยกมงให้กับ “Now That I Found You” ที่เหนือกว่าใน production ของซาวน์จริง ๆ ซึ่งมันมีความซับซ้อนกว่าดูมีชั้นเชิงกว่า แถม “I Really Like You” ฟังไปฟังมาก็แอบเบื่อกับการซ้ำเนื้อร้องแค่ประโยคเดียวในท่อนฮุค
.
4. 👑 “Gimmie Love” VS “Want You in My Room”
ถึงแม้ว่าหูจะรักงานของ Jack Antonoff จาก Bleachers ผู้เป็นโปรดิวเซอร์ของ “Want You in My Room” มากแค่ไหนก็ตาม แต่คงไม่มีเพลงไหนของแม่เจ็บเส้นจะพีคไปมากกว่า “Gimmie Love” จริง ๆ เพราะด้วยความเป็น synthpop แบบเต็มสูบที่อัดแน่นด้วยเทคนิคมากมายที่เวลาใช้หูฟังฟังเพลงนี้จะสนุกและตื่นเต้นกับการจับซาวน์เล็ก ๆ ได้ตลอด แต่ไม่ได้แปลว่า “Want You in My Room” ไม่ดี เพราะเพลงนี้เป็นเหมือนการทดลองทำเพลง alternative pop ของคาร์ลี่ดูบ้าง แต่ก็อย่างที่บอก “Gimmie Love” คือที่สุดจริง ๆ
.
5. 👑 “All That” VS “Everything He Needs”
นั่งกัดฟันเลือกนานมากกับมวยคู่ที่ห้า แต่มงลง E•MO•TION อีกรอบจริง ๆ เพราะ “All That” หนึ่งในสองบัลลาร์ดของอัลบั้มที่ได้ Dev Hynes จาก Blood Orange มาช่วยทำให้ ซึ่งแน่นอนแค่ชื่อโปรดิวเซอร์ก็รู้แล้วว่าเพลงต้องเทพส่งขนาดไหน ในขณะที่ “Everything He Needs” ก็เป็นไม่กี่แทร็คจาก Dedicated ที่ฟังครั้งแรกก็ติดหูหนึบกับเสียงน่ารัก ๆ และความแบ๊วของเพลง แต่ก็นะ Dedicated มันขาดโมเม้นต์ช้า ๆ แพง ๆ แบบที่ “All That” สร้างให้ E•MO•TION อะ
.
6. 👑 “Boy Problems” VS “Happy Not Knowing”
มวยคู่นี้ผลตัดสินไม่ยากเลย ยังไง “Boy Problems” ก็ต้องได้ไปอยู่แล้ว เพราะ “Happy Not Knowing” มีความธรรมดา ฟังง่าย ไม่มีไรให้ตื่นเต้นเท่ากับ “Boy Problems” ที่มีความเป็นดิสโกพอ ๆ กัน แต่ด้วยการที่มีป้า Sia มาช่วยสร้างสีสันให้กับเนื้อร้องที่มีชั้นเชิงกว่า แทร็คนี้จึงชนะขาดรอยแบบไม่ต้องคิดมาก
.
7. 👑 “Making the Most of the Night" VS "I'll Be Your Girl"
คู่ที่เจ็ดนี้หูก็เลือกได้ไม่ยาก ยังไงก็ต้อง “Making the Most of the Night" อยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะเพียงแค่ Sia อีกครั้งที่ช่วยให้เพลงนี้มีความเหนือกว่า แต่ซาวน์ที่ดาร์กและหนักของเพลงทำให้แทร็คนี้ฟังแล้วเหมือนเล่น space coaster ที่ถูกเหวี่ยงไปมาในความมืด ในขณะที่ "I'll Be Your Girl" มีความเป็น pop rock ที่ผสมกับดิสโกฟังสบาย ๆ เหมือนกำลังไถหญ้าอยู่กลางสนามในวันแดดจ้า แต่ด้วยความเสพติดเพลงดาร์ก ๆ หูเลยต้องยกมงให้แทร็คแรกไป
.
8. 👑 “Your Type” VS “Too Much”
อยากร้องอ๊ากแรงมากตอนต้องตัดสินคู่นี้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลั้นกลืนฝืนทนยกมงให้เพลงอกหักคลาสสิคจาก E•MO•TION ไปจริง ๆ เพราะส่วนตัวที่ชอบ pop rock และ “Your Type” ก็มีความเป็น power pop ที่มีซาวน์แบบเพลงยุค ’90 และเนื้อเพลงที่ฟังแล้วร้องห่มร้องไห้เป็นสายเลือด แต่ “Too Much” ก็เป็นอีกไฮไลท์ของ Dedicated ที่ฟังแล้วได้กลิ่นของ “Passionfruit” จากหนุ่ม Drake ในความเป็น dancehall โจ๊ะ ๆ แต่ยังไงก็ทำใจยกมงให้เพลงนี้ไม่ได้จริง ๆ
.
9. “Let's Get Lost" VS 👑 "The Sound"
มงกลับมาลง Dedicated ซักทีกลับ “The Sound” ที่ไม่ใช่ cover ของ The 1975 แต่อย่างใด ซึ่งแค่อินโทรของเพลงนี้ขึ้นมาก็ชนะไปเลย กับเปียโนสวย ๆ ที่ตามด้วยบีทสังเคราะห์ ๆ เคาะเบา ๆ ก่อนหักมุมพาคนฟังหลุดไปแดนซ์ตึ้บ ๆ ในท่อนฮุค ทำให้เเพลงนี้มิติเพลงนี้มันซ้อน ๆ ๆ ฟังแล้วว้าวได้เรื่อย ๆ แต่ “Let’s Get Lost” ที่เป็นแทร็คโปรดของหูใน E•MO•TION มาก ๆ แต่ก็แพ้ไปเพราะชั้นเชิงดนตรีของซาวน์ synth มันไม่ถึง "The Sound" จริง ๆ
.
10. 👑 "LA Hallucinations" VS ”Automatically in Love"
เป็นมวยอีกคู่ที่เลือกยากมาก แต่สุดท้ายก็ขอให้ "LA Hallucinations" ไปเพราะความชอบส่วนตัวจริง ๆ แต่ถ้าแง่ดนตรีมันก็พอ ๆ กันทั้งสองเพลง แต่สื่อต่างประเทศกลับชมเพลง ”Automatically in Love" กว่านะ เพราะมิติของเพลงที่มีหลายชั้นกว่า แต่หูว่าบีทเพลงนี้มันแค่บีทเดียวทั้งเพลง แถมท่อนฮุคยังเอื่อยฟังแล้วไม่สนุกเท่า “LA Hallunications” อะ
.
11. 👑 “Warm Blood" VS “Feels Right”
“Warm Blood" เป็นหนึ่งเทพจาก E•MO•TION ทื่ทุกยกให้เป็นหนึ่งในพีคของอัลบั้มด้วยซาวน์อิเล็กทรอนิกส์ตึ้บ ๆ แบบ “Dancing on My Own” ของ Robyn ซึ่งหูก็ชอบ แต่ทำไมไม่รู้ว่าตอนฟัง “Feels Right” ถูกใจกว่า อาจเป็นเพราะ “Feels Right” ได้ Electric Guest มาช่วย duet ในเพลงทำให้เพลงเพราะมากขึ้น และจังหวะมันสดใสกว่าฟังเพลินกว่า ถือว่าเป็นคู่ที่เลือกยาก แต่ “Feels Right” ก็ชนะไปแค่แบบนิดเดียว
.
12. "When I Needed You" VS 👑 ”Right Words Wrong Time"
ความแปลกของ "When I Needed You" คือเพลงนี้น่าจะไปอยู่ใน Dedicated มากกว่าเพราะฟังดูแล้วเข้ากับเพลงอื่น ๆ มากกว่าเพลงใน E•MO•TION ซะอีก แต่มงอะหรอ ลง ”Right Words Wrong Time" จ้า เพราะแทร็คนี้มีความซับซ้อนด้านซาวน์ที่สะใจหูมาก ๆ กับทั้งเสียงดีดนิ้ว เสียงจึ้ก ๆ ๆ ของ high hats บวกกับเมโลดี้ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลย แต่ไม่ใช่ว่า "When I Needed You" ไม่ดีนะ
.
13. “Black Heart" VS 👑 "Real Love"
“Real Love” มีความเป็น “Run Away with Me” part 2 ในช่วงหลังท่อนฮุคที่มีการใส่ซาวน์ saxophone (มั้ง) มาเป็นท่อนเบรกให้เต้นได้ ในขณะที่ “Black Heart” เป็นแทร็คอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ซาวน์ 8-bit มาทำเป็นเหมือนวิดีโอเกมส์ที่ก็ดี แต่ไม่ได้โปรดอะไรมาก เอาจริง หูไม่ได้โปรดทั้งสองเพลงแต่ก็ต้องเลือก “Real Love” แหละ
.
14. "I Didn't Just Com
สารภาพเลยว่าเกลียด "I Didn't Just Com
.
15. "Favourite Colour" VS 👑 “Party for One”
มาจบที่มวยของ closing tracks ที่ต้องยกให้ “Party for One” จริง ๆ ที่ Pitchfork เรียกว่าเป็นเหมือนซาวน์แทร็คที่ใช้เล่นตอน end credit ของหนังรอมคอม ซึ่งมันก็เหมือนจริง ๆ มันให้ความรู้สึกของบทสรุปความรักที่ไม่สำเร็จ และตัวเองนั่นแหละที่เราต้องรักมากที่สุด กับดนตรีที่ฟังสนุก มีชั้นเชิง มันดี ๆ ๆ แต่ไม่ใช่ว่า "Favourite Colour" บัลลาร์ดอีกชิ้นจาก E•MO•TION ไม่ดี แต่ก็มันแพ้ให้กับความสนุกของ “Party for One” จริง ๆ
.
Conclusion
นั่งเขียน ๆ มารู้เลยว่าต้องไม่มีคนอ่านแน่ เพราะมันยาวมากจริง ๆ แต่ถ้าใครอ่านจนถึงตรงนี้หูขอขอบคุณมากจริง ๆ ที่สนใจงานเขียนของหู แต่ก็สรุปไปได้ว่า E•MO•TION ชนะ Dedicated ไปอย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนน 8 ต่อ 7 ซึ่งถือว่าทั้งสองอัลบั้มก็มีดีไล่เลี่ยกันเลยแหละ คุณภาพมันอัดแน่นจริง ๆ จะให้เลือกมันก็ยาก หูเลยทำรีวิวแทร็คต่อแทร็คขึ้นมาเลยจะได้รู้ว่าใครดีกว่าใคร 555555 ซึ่งยังไง E•MO•TION ก็ยังเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่หูยกให้เป็นงานที่ดีที่สุดในชีวิต จะต้องติดโผของหูไปตลอดกาล
.
ยาวมากสำหรับงานเขียนแรกที่ลงในพันทิป 55555 แต่แค่หาคนที่เป็นแฟนคลับคาร์ลี่มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง ไหนใครชอบเพลงไหนอะไรยังไงมาคุยกันได้นะ แล้วหูขอฝากเพจ https://www.facebook.com/earbudd/ ด้วยนะ ฝากไปกดไลค์และแชร์โพสกันด้วยนะ ขอบคุณมากกก