กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ถ้าผมtagผิด หรือทำอะไรไม่ถูกต้อง ต้องขอโทษด้วยนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า น้องผมคบกับผู้ชายคนหนึ่งมาเกือบ 7 ปี คบกันตั้งแต่ผู้ชายเรียนวิศวะอยู่ปี 1 น้องผมอยู่ ม.6 จนน้องผมเข้ามหาวิทยาลัย ก็เลือกไปเรียนใก้ลๆกัน อยู่มาวันหนึ่งทะเลาะกัน น้องผมร้องไห้จนหายใจไม่ออกจนต้องเรียกรถกู้ชีพ ผู้ชายโทรมาขอโทษแม่ผม และบอกว่าจะไม่ทำให้น้องผมเสียน้ำตาอีก หลังจากนั้น เขาพาน้องผมไปบ้านเขาแนะนำให้ทุกคนรู้จักว่าเป็นแฟน พ่อแม่ผู้ชายดีมากครับ แต่พี่สาวของผู้ชายใช้คำว่าน้องชายเขา " หิ้วผู้หญิงมา "
อ่อ !! ลืมบอกครับ ว่าตอนที่น้องผมทะเลาะกับแฟน ก็เพราะผู้ชายไปคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง น้องผมบังเอิญเห็นในเฟส น้องผมเลยถามผู้หญิงคนนั้นไปว่าเป็นอะไรกันกับผู้ชาย เขาบอกให้ไปถามผู้ชายดู แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เฟสไปบอกพี่สาวของผู้ชายว่าน้องผมพูดจาไม่ดีกับเขาทั้งที่เขาอายุมากกว่า ซึ่งน้องผมถามไปแค่นั้น ไม่ได้พูดไม่ดีด้วยเลย น้องผมถามเพราะถ้าเขาเป็นแฟนกัน น้องผมจะไม่คบ ( เพราะแม่ผมสอนว่า อย่าให้แม้แต่เงาของหัวแม่เท้าเรา ไปทับบนเงาของหัวแม่เท้าผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้ว เพราะแฟนเขาจะไม่สบายใจเสียใจ ซึ่งผู้หญิงที่เสียใจก็เป็นผู้หญิงเหมือนลูก และพ่อแม่เขาก็จะเสียใจเวลาที่ลูกเขาเสียใจ เหมือนกับแม่ที่ต้องเสียใจถ้าลูกเสียใจ ) และเมื่อผู้หญิงคนนั้นเฟสไปบอกพี่สาวผู้ชาย พี่สาวเขาก็ไปบอกพ่อกับแม่ผู้ชายและบอกผู้ชาย ผู้ชายโทรมาว่าน้องสาวว่าไปพูดไม่ดีไปดูถูกผู้หญิงคนนั้นเขา น้องสาวผมบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เขาไม่เชื่อน้องผมเสียใจมากจนหายใจไม่ได้ น้องผมไม่เคยดูถูกใครเพื่อนในห้องที่จนปลูกบ้านด้วยสังกะสี ไม่มีใครคบ แต่น้องผมคบ ที่บ้านเพื่อนไม่มีเงินซื้อข้าว เพราะแม่ไม่ได้ออกไปทำงาน น้องผมเอาเงินที่เก็บไว้ให้หมดเลยบอกเอาไว้ซื้อข้าว จนผู้ชายรู้เรื่องเหล่านี้จากแม่ผมถึงได้ขอโทษแม่และน้องผม และนี่คือสาเหตุที่พี่สาวผู้ชายไม่ค่อยชอบน้องผม ทั้งๆที่น้องผมไม่ได้ทำอะไรเลย
พอไปบ้านเขาถึงได้รู้ว่าพี่เขาทำอะไรหลายอย่างที่ทำให้พ่อแม่ของเขาเสียใจ และแสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อน้องสาวผม แต่น้องผมก็ไม่ใส่ใจ ที่บ้านผมพอที่จะมีสตางค์ แต่บ้านผู้ชายไม่ค่อยมีเท่าไร เวลามีก็กินด้วยกัน เวลาอดมาม่าถ้วยเดียวก็กินด้วยกันมาแล้ว เวลาเรียนถ้าเป็นวิชาภาษาอังกฤษน้องผมจะช่วยเกือบทุกครั้ง ตอนผู้ชายจะจบยืมnotebookน้องผมไปใช้ในการทำโปรเจค เขาทำโปรเจคไม่มีเวลาให้ น้องผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจ พอเขาเรียนจบได้เป็นวิศวกรของบริษัทหนึ่ง ต้องไปอบรมที่ชลบุรี น้องผมอยู่ปีสุดท้ายก็ต้องทำรายงานขอจบเหมือนกัน ต่างก็ไม่มีเวลา เขาโทรมาฟ้องแม่ผม โทรไปด่าน้องผม จนในวันที่เขารับปริญญา น้องผมยอมไม่ควิชในวิชาหนึ่ง เพื่อมางานรับปริญญาของเขา น้องผมเพียงแค่อยากให้เขาสบายใจว่าน้องผมไม่มีใคร อยากเห็นเขามีความสุขในวันสำคัญของเขา เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้น้องผมจบช้าไป 1 ปี ผมถามน้องว่าเสียใจไหม เขาบอกไม่เสียใจเขาเรียนเร็วกว่าอายุ เขาโอเค
หลังจากนั้นผู้ชายมาคุยกับแม่กับตาเรื่องน้องผม ว่ารักและจะดูแลน้องและจะแต่งานด้วย วันนี้ที่มาคือมาเจรจาขอไว้ก่อน เพราะไม่มีเงินพอที่จะหมั้นหรือแต่ง เพราะต้องช่วยที่บ้านชำระหนี้ที่กู้มา โดยที่ตัวผู้ชายเป็นคนพูดเองกับแม่กับตา ต่อหน้าพ่อแม่ พี่สาวของผู้ชาย ยังถ่ายรูปไว้เลยครับ ต่อมาตาไม่สบายเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ผู้ชายก็มาหาตาอีกบอกตาว่าไม่ต้องเป็นห่วงะดูแลแม่กับน้องเอง หลังจากนั้นตาเริ่มไม่รู้เรื่องจำใครไม่ได้ มองว่าแม่กับน้องเป็นโจร บางครั้งจะเอามีดฟัน บางครั้งจะเอาชะแลงฟาด ทำให้น้องผมต้องช่วยแม่เฝ้าตา แม้แต่รับปริญญาของตัวเองก็ไม่ได้ไปเข้ารับพระราชทาน ต้องไปรับที่มหาวิทยาลัยเอง เพราะต้องช่วยเฝ้าตา หลังจากตาแย่ลงต้องส่งเข้าโรงพยาบาล น้องผมเฝ้าตาทุกวันทุกคืนแม่ไปเปลี่ยนให้น้องกลับมานอนบ้านบ้างในเวลาที่ว่างจากทำงาน น้องดูแลตาได้ดีมากทั้งหมอและพยาบาลทุกคนชม เพราะตาไม่มีแผลกดทับเลย ในช่วงนี้มีหมอท่านหนึ่งมาสนใจน้องผม เพราะเห็นถึงความมีน้ำใจและความกตัญญู น้องผมได้ตอบหมอไปว่ามีแฟนแล้ว คุณหมอก็ไม่ได้มาวุ่นวายกับน้องผมอีก ตอนดูคุณตาน้องผมต้องกิน นอน อยู่ที่เตียงคุณตาไม่ได้ไปไหน ทำให้อ้วนขึ้น พอคุณตาเสียครอบครัวแฟนน้องก็มางาน ตอนลอยอังคารผู้ชายก็ลงมาทำหน้าที่ส่งตา น้องผมยังไม่ทำงานอยู่เป็นเพื่อนแม่ให้แม่สบายใจ พาแม่ไปกินของอร่อยที่นู้นที่นี่ น้ำหนักเลยไม่ลงง่ายทั้งๆที่ออกกำลัง จนแม่พอจะเริ่มทำใจได้ก็ให้น้องไปทำงาน น้องผมขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพอยู่ไม่ห่างจากผู้ชายเท่าไร แต่กลับไม่ค่อยได้เจอกัน ตอนสงกรานต์ที่ผ่านมาน้องกลับมาเยี่ยมแม่กับผู้ชาย ก็ยังคุยกับแม่ว่าจะแต่งงานตอน 30 น้องผม 28 บอกแม่ผมว่าไม่ต้องห่วงน้องผมรักน้อง แต่หลังจากกลับไปไม่นาน ผู้ชายก็เปลี่ยนไปทะเลาะกับน้องบ่อยขึ้น จนน้องทะเลาะกับแม่จนแม่เข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นน้องเอาฟันที่เหลือจากการเผาของตามาขอ ว่าถ้าผู้ชายมีผู้หญิงคนอื่น ขอให้แม่รู้แม่เห็นด้วยตัวแม่เอง แม่จะได้เชื่อ หลังจากที่น้องขอ วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ที่ 19 พฤกษภาคมที่ผ่านมา แม่ก็รู้ความจริงในตอนบ่าย แม่บอกน้องผม ที่จริงวันนั้นเขาจะมาหาน้องผม แต่น้องผมบอกไม่ต้องมาเพื่อนจะมานอนด้วย แต่ความจริงน้องกลัวว่าถ้ามาแล้วน้องควบคุมใจไม่ได้จะฆ่าเขาตายเสียเปล่าๆ น้องเลยโทรกลับไปถามเขาว่ามีอะไรจะบอกหรือเปล่า เขาเลยรู้ว่าแม่บอกแล้วเขาถึงยอมรับ ตอนแรกแม่จะให้เขาแต่งงาน เขาไม่ยอมแต่ง โทรบอกน้องผมว่าขอโทษแต่ไม่ขอแต่ง น้องผมขอเบอร์โทรผู้หญฺิง ผู้ชายไม่ให้แต่ประชุมสายแทน แม่บอกน้องว่าประชุมให้แม่ด้วย น้องก็ประชุม ตอนแรกที่คุยเขานึกว่ามีกันแค่ 3 คน น้องผมก็นึกว่ามี 4 คน แต่จริงๆที่อยู่ข้างแม่หลายคนมาก เราทุกคนได้ยินที่คุยกัน เพราะแม่เปิดลำโพง
น้องผมถามผู้หญิงคนนั้นไปว่า ไม่รู้หรอว่าผู้ชายมีแฟนแล้ว เขาบอกรู้แต่ก็ทำเขาชอบเลยเข้าหาตลอด เขาบอกน้องผมพูดกับเขาดี เขาเลยพูดดีด้วย ถ้าน้องผมพูดกับเขาไม่ดี เขาก็พูดไม่ดี เท่านั้นล่ะแม่ผมเบรคแตกพูดใส่ทันที ว่า หนูที่บ้านหนูไม่สอนหรือคะ ว่าถ้าผู้ชายมีแฟนอยู่แล้วห้ามไปยุ่งแม้แต่เงาหัวแม่เท้าก็ห้ามซ้อนทับ เขาตอบแม่ผมว่าเขานับถือศาสนาพุทธ แม่ผมเลยถามว่าไม่รู้จักศีลข้อ 3 หรือ ผู้ชายบอกเขาผิดเองให้ว่าเขา ผู้หญิงก็บอกว่าเธอผิดเองอย่าว่าผู้ชาย แม่ผมเลยบอกไม่ต้องเถียงกันผิดทั้งคู่ แม่ผมบอกว่าถภ้ารู้ว่าผิดขอโทษกลับตัวแก้ไฃให้ถูกเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ผมได้ยินคำขอโทษแบบขอไปทีจากผู้ชาย แต่ไม่ได้ยินคำขอโทษจากผู้หญิงเลย แม่ผมถามผู้หญิงว่าทำงานที่ไหน เธอบอกว่าขายเสื่อผ้าที่ตลาดนัดรันเวย์ แม่ผมถามว่าเจอกันที่ไหน เธอบอกว่าเจอกันที่ร้านเหล้านั่งชิว แม่ผมถามว่าผู้หญิงเริ่มก่อนใช่ไหมเหมือนที่บอก เธอบอกว่าใช่เพราะนั่งโต๊ะใก้ลกัน แล้วเพื่อนของผู้ชายก็เชียร์ แม่ผมถามซ้ำว่าในเมื่อรู้ว่าผู้ชายเขามีแฟนแล้วไปยุ่งอีกทำไม เขาไม่ตอบ แม่ผมถามรู้ไหมว่าผู้ชายมีหนี้สินที่ต้องจ่ายเขาบอกรู้ ต่อให้ผู้ชายเหลือแต่ตัวก็จะเอา แม่ผมก็เลยบอกว่าคนเราต่างจากสัตว์ตรงที่มนุษย์มีสติใช้ยั้งคิด รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรควรอะไรไม่ควร แต่ถ้าไม่มีสติแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์
ผู้ชายบอกน้องผมว่าชอบผู้หญิงคนนั้นตรงดูแลตัวเองดี โดยที่เขาไม่เห็นน้องผมมาเป็นเดือน ตอนที่เขาไม่เห็นน้องผมไปฟิตเนสควบคุมอาหาร เขาถามน้องผมว่าลดไปกี่กิโลน้องผมบอก กิโลเดียว เขาว่าน้องผมว่าลดอะไรได้แค่กิโลเดียว เขาได้ฟังจากปากน้องผมนะไม่ได้เห็นด้วยตา 55555
อ่อ!!!! ตอนเขาจะเลิกกับน้องผม เขาปรึกษากับพี่สาวเขาซึ่งไม่ชอบน้องผม พี่เขายุให้น้องเขาเลิกกับน้องผม โพสต์เฟสเหน็บน้องผมด้วย แต่ผมแค็บหน้าจอไม่ทันลบไปเสียก่อน กล้าโพสต์แต่ไม่กล้าเก็บไว้ แล้วโพสต์เหน็บให้ตัดใจให้หาตัวเลือกใหม่ โดยวิธีการ อ่อย ครับ พอดีผมใส่ภาพไม่ได้ ไม่งั้นจะได้เห็น เป็นพี่โตกว่าน้อง 5 ปี แต่ไม่มีสมองคิดเลยว่าจะพูดจะเตือนจะให้คำแนะนำน้องยังไงไม่มีสมองคิดเลย
ตอนนี้น้องสาวผมคุยกับหมอคนนั้นอยู่ครับ ครอบครัวผมไม่เอาเขาแล้วครับผู้ชายคนนี้และที่ผมเล่ามาทั้งหมดผมแค่อยากจะถามว่า
1. น้องผมผิดหรอครับที่น้ำหนักขึ้นเพราะเฝ้าตากับอยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วยความกตัญญู
2. ทำไมสมัยนี้ผู้หญิงสมัยนี้ชอบแย่งเอาของคนอื่นครับ
3. แล้วสองคนนั้นเขาไม่สำนึกว่าที่ทำอยู่ผิดหรือถูกเลยหรือครับ
4. เพื่อนที่ยุยงสนับสนุนไม่ละอายเลยหรือไงครับว่าทำร้ายใครบ้าง
5. ผมโกรธที่สุดคือผู้หญิง เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจมาก
6. ผมโกรธมากที่คำขอโทษของผู้ชายไม่มีแม้แต่ความจริงใจและสำนึกผิด
7. คำขอโทษจากผู้หญิงไม่เคยได้ยิน และน้ำเสียงที่เธอพูดกับแม่และน้องผมเหมือนไม่ผิดไม่สะทกสะท้าน
8. ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณๆ ๆๆๆ แล้วจะทำยังไง
ความรัก 7 ปี เสียไปเพราะผู้หญิงชอบแย่งที่รู้จักไม่ถึงเดือน
เรื่องมีอยู่ว่า น้องผมคบกับผู้ชายคนหนึ่งมาเกือบ 7 ปี คบกันตั้งแต่ผู้ชายเรียนวิศวะอยู่ปี 1 น้องผมอยู่ ม.6 จนน้องผมเข้ามหาวิทยาลัย ก็เลือกไปเรียนใก้ลๆกัน อยู่มาวันหนึ่งทะเลาะกัน น้องผมร้องไห้จนหายใจไม่ออกจนต้องเรียกรถกู้ชีพ ผู้ชายโทรมาขอโทษแม่ผม และบอกว่าจะไม่ทำให้น้องผมเสียน้ำตาอีก หลังจากนั้น เขาพาน้องผมไปบ้านเขาแนะนำให้ทุกคนรู้จักว่าเป็นแฟน พ่อแม่ผู้ชายดีมากครับ แต่พี่สาวของผู้ชายใช้คำว่าน้องชายเขา " หิ้วผู้หญิงมา "
อ่อ !! ลืมบอกครับ ว่าตอนที่น้องผมทะเลาะกับแฟน ก็เพราะผู้ชายไปคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง น้องผมบังเอิญเห็นในเฟส น้องผมเลยถามผู้หญิงคนนั้นไปว่าเป็นอะไรกันกับผู้ชาย เขาบอกให้ไปถามผู้ชายดู แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เฟสไปบอกพี่สาวของผู้ชายว่าน้องผมพูดจาไม่ดีกับเขาทั้งที่เขาอายุมากกว่า ซึ่งน้องผมถามไปแค่นั้น ไม่ได้พูดไม่ดีด้วยเลย น้องผมถามเพราะถ้าเขาเป็นแฟนกัน น้องผมจะไม่คบ ( เพราะแม่ผมสอนว่า อย่าให้แม้แต่เงาของหัวแม่เท้าเรา ไปทับบนเงาของหัวแม่เท้าผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้ว เพราะแฟนเขาจะไม่สบายใจเสียใจ ซึ่งผู้หญิงที่เสียใจก็เป็นผู้หญิงเหมือนลูก และพ่อแม่เขาก็จะเสียใจเวลาที่ลูกเขาเสียใจ เหมือนกับแม่ที่ต้องเสียใจถ้าลูกเสียใจ ) และเมื่อผู้หญิงคนนั้นเฟสไปบอกพี่สาวผู้ชาย พี่สาวเขาก็ไปบอกพ่อกับแม่ผู้ชายและบอกผู้ชาย ผู้ชายโทรมาว่าน้องสาวว่าไปพูดไม่ดีไปดูถูกผู้หญิงคนนั้นเขา น้องสาวผมบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เขาไม่เชื่อน้องผมเสียใจมากจนหายใจไม่ได้ น้องผมไม่เคยดูถูกใครเพื่อนในห้องที่จนปลูกบ้านด้วยสังกะสี ไม่มีใครคบ แต่น้องผมคบ ที่บ้านเพื่อนไม่มีเงินซื้อข้าว เพราะแม่ไม่ได้ออกไปทำงาน น้องผมเอาเงินที่เก็บไว้ให้หมดเลยบอกเอาไว้ซื้อข้าว จนผู้ชายรู้เรื่องเหล่านี้จากแม่ผมถึงได้ขอโทษแม่และน้องผม และนี่คือสาเหตุที่พี่สาวผู้ชายไม่ค่อยชอบน้องผม ทั้งๆที่น้องผมไม่ได้ทำอะไรเลย
พอไปบ้านเขาถึงได้รู้ว่าพี่เขาทำอะไรหลายอย่างที่ทำให้พ่อแม่ของเขาเสียใจ และแสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อน้องสาวผม แต่น้องผมก็ไม่ใส่ใจ ที่บ้านผมพอที่จะมีสตางค์ แต่บ้านผู้ชายไม่ค่อยมีเท่าไร เวลามีก็กินด้วยกัน เวลาอดมาม่าถ้วยเดียวก็กินด้วยกันมาแล้ว เวลาเรียนถ้าเป็นวิชาภาษาอังกฤษน้องผมจะช่วยเกือบทุกครั้ง ตอนผู้ชายจะจบยืมnotebookน้องผมไปใช้ในการทำโปรเจค เขาทำโปรเจคไม่มีเวลาให้ น้องผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจ พอเขาเรียนจบได้เป็นวิศวกรของบริษัทหนึ่ง ต้องไปอบรมที่ชลบุรี น้องผมอยู่ปีสุดท้ายก็ต้องทำรายงานขอจบเหมือนกัน ต่างก็ไม่มีเวลา เขาโทรมาฟ้องแม่ผม โทรไปด่าน้องผม จนในวันที่เขารับปริญญา น้องผมยอมไม่ควิชในวิชาหนึ่ง เพื่อมางานรับปริญญาของเขา น้องผมเพียงแค่อยากให้เขาสบายใจว่าน้องผมไม่มีใคร อยากเห็นเขามีความสุขในวันสำคัญของเขา เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้น้องผมจบช้าไป 1 ปี ผมถามน้องว่าเสียใจไหม เขาบอกไม่เสียใจเขาเรียนเร็วกว่าอายุ เขาโอเค
หลังจากนั้นผู้ชายมาคุยกับแม่กับตาเรื่องน้องผม ว่ารักและจะดูแลน้องและจะแต่งานด้วย วันนี้ที่มาคือมาเจรจาขอไว้ก่อน เพราะไม่มีเงินพอที่จะหมั้นหรือแต่ง เพราะต้องช่วยที่บ้านชำระหนี้ที่กู้มา โดยที่ตัวผู้ชายเป็นคนพูดเองกับแม่กับตา ต่อหน้าพ่อแม่ พี่สาวของผู้ชาย ยังถ่ายรูปไว้เลยครับ ต่อมาตาไม่สบายเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ผู้ชายก็มาหาตาอีกบอกตาว่าไม่ต้องเป็นห่วงะดูแลแม่กับน้องเอง หลังจากนั้นตาเริ่มไม่รู้เรื่องจำใครไม่ได้ มองว่าแม่กับน้องเป็นโจร บางครั้งจะเอามีดฟัน บางครั้งจะเอาชะแลงฟาด ทำให้น้องผมต้องช่วยแม่เฝ้าตา แม้แต่รับปริญญาของตัวเองก็ไม่ได้ไปเข้ารับพระราชทาน ต้องไปรับที่มหาวิทยาลัยเอง เพราะต้องช่วยเฝ้าตา หลังจากตาแย่ลงต้องส่งเข้าโรงพยาบาล น้องผมเฝ้าตาทุกวันทุกคืนแม่ไปเปลี่ยนให้น้องกลับมานอนบ้านบ้างในเวลาที่ว่างจากทำงาน น้องดูแลตาได้ดีมากทั้งหมอและพยาบาลทุกคนชม เพราะตาไม่มีแผลกดทับเลย ในช่วงนี้มีหมอท่านหนึ่งมาสนใจน้องผม เพราะเห็นถึงความมีน้ำใจและความกตัญญู น้องผมได้ตอบหมอไปว่ามีแฟนแล้ว คุณหมอก็ไม่ได้มาวุ่นวายกับน้องผมอีก ตอนดูคุณตาน้องผมต้องกิน นอน อยู่ที่เตียงคุณตาไม่ได้ไปไหน ทำให้อ้วนขึ้น พอคุณตาเสียครอบครัวแฟนน้องก็มางาน ตอนลอยอังคารผู้ชายก็ลงมาทำหน้าที่ส่งตา น้องผมยังไม่ทำงานอยู่เป็นเพื่อนแม่ให้แม่สบายใจ พาแม่ไปกินของอร่อยที่นู้นที่นี่ น้ำหนักเลยไม่ลงง่ายทั้งๆที่ออกกำลัง จนแม่พอจะเริ่มทำใจได้ก็ให้น้องไปทำงาน น้องผมขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพอยู่ไม่ห่างจากผู้ชายเท่าไร แต่กลับไม่ค่อยได้เจอกัน ตอนสงกรานต์ที่ผ่านมาน้องกลับมาเยี่ยมแม่กับผู้ชาย ก็ยังคุยกับแม่ว่าจะแต่งงานตอน 30 น้องผม 28 บอกแม่ผมว่าไม่ต้องห่วงน้องผมรักน้อง แต่หลังจากกลับไปไม่นาน ผู้ชายก็เปลี่ยนไปทะเลาะกับน้องบ่อยขึ้น จนน้องทะเลาะกับแม่จนแม่เข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นน้องเอาฟันที่เหลือจากการเผาของตามาขอ ว่าถ้าผู้ชายมีผู้หญิงคนอื่น ขอให้แม่รู้แม่เห็นด้วยตัวแม่เอง แม่จะได้เชื่อ หลังจากที่น้องขอ วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ที่ 19 พฤกษภาคมที่ผ่านมา แม่ก็รู้ความจริงในตอนบ่าย แม่บอกน้องผม ที่จริงวันนั้นเขาจะมาหาน้องผม แต่น้องผมบอกไม่ต้องมาเพื่อนจะมานอนด้วย แต่ความจริงน้องกลัวว่าถ้ามาแล้วน้องควบคุมใจไม่ได้จะฆ่าเขาตายเสียเปล่าๆ น้องเลยโทรกลับไปถามเขาว่ามีอะไรจะบอกหรือเปล่า เขาเลยรู้ว่าแม่บอกแล้วเขาถึงยอมรับ ตอนแรกแม่จะให้เขาแต่งงาน เขาไม่ยอมแต่ง โทรบอกน้องผมว่าขอโทษแต่ไม่ขอแต่ง น้องผมขอเบอร์โทรผู้หญฺิง ผู้ชายไม่ให้แต่ประชุมสายแทน แม่บอกน้องว่าประชุมให้แม่ด้วย น้องก็ประชุม ตอนแรกที่คุยเขานึกว่ามีกันแค่ 3 คน น้องผมก็นึกว่ามี 4 คน แต่จริงๆที่อยู่ข้างแม่หลายคนมาก เราทุกคนได้ยินที่คุยกัน เพราะแม่เปิดลำโพง
น้องผมถามผู้หญิงคนนั้นไปว่า ไม่รู้หรอว่าผู้ชายมีแฟนแล้ว เขาบอกรู้แต่ก็ทำเขาชอบเลยเข้าหาตลอด เขาบอกน้องผมพูดกับเขาดี เขาเลยพูดดีด้วย ถ้าน้องผมพูดกับเขาไม่ดี เขาก็พูดไม่ดี เท่านั้นล่ะแม่ผมเบรคแตกพูดใส่ทันที ว่า หนูที่บ้านหนูไม่สอนหรือคะ ว่าถ้าผู้ชายมีแฟนอยู่แล้วห้ามไปยุ่งแม้แต่เงาหัวแม่เท้าก็ห้ามซ้อนทับ เขาตอบแม่ผมว่าเขานับถือศาสนาพุทธ แม่ผมเลยถามว่าไม่รู้จักศีลข้อ 3 หรือ ผู้ชายบอกเขาผิดเองให้ว่าเขา ผู้หญิงก็บอกว่าเธอผิดเองอย่าว่าผู้ชาย แม่ผมเลยบอกไม่ต้องเถียงกันผิดทั้งคู่ แม่ผมบอกว่าถภ้ารู้ว่าผิดขอโทษกลับตัวแก้ไฃให้ถูกเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ผมได้ยินคำขอโทษแบบขอไปทีจากผู้ชาย แต่ไม่ได้ยินคำขอโทษจากผู้หญิงเลย แม่ผมถามผู้หญิงว่าทำงานที่ไหน เธอบอกว่าขายเสื่อผ้าที่ตลาดนัดรันเวย์ แม่ผมถามว่าเจอกันที่ไหน เธอบอกว่าเจอกันที่ร้านเหล้านั่งชิว แม่ผมถามว่าผู้หญิงเริ่มก่อนใช่ไหมเหมือนที่บอก เธอบอกว่าใช่เพราะนั่งโต๊ะใก้ลกัน แล้วเพื่อนของผู้ชายก็เชียร์ แม่ผมถามซ้ำว่าในเมื่อรู้ว่าผู้ชายเขามีแฟนแล้วไปยุ่งอีกทำไม เขาไม่ตอบ แม่ผมถามรู้ไหมว่าผู้ชายมีหนี้สินที่ต้องจ่ายเขาบอกรู้ ต่อให้ผู้ชายเหลือแต่ตัวก็จะเอา แม่ผมก็เลยบอกว่าคนเราต่างจากสัตว์ตรงที่มนุษย์มีสติใช้ยั้งคิด รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรควรอะไรไม่ควร แต่ถ้าไม่มีสติแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์
ผู้ชายบอกน้องผมว่าชอบผู้หญิงคนนั้นตรงดูแลตัวเองดี โดยที่เขาไม่เห็นน้องผมมาเป็นเดือน ตอนที่เขาไม่เห็นน้องผมไปฟิตเนสควบคุมอาหาร เขาถามน้องผมว่าลดไปกี่กิโลน้องผมบอก กิโลเดียว เขาว่าน้องผมว่าลดอะไรได้แค่กิโลเดียว เขาได้ฟังจากปากน้องผมนะไม่ได้เห็นด้วยตา 55555
อ่อ!!!! ตอนเขาจะเลิกกับน้องผม เขาปรึกษากับพี่สาวเขาซึ่งไม่ชอบน้องผม พี่เขายุให้น้องเขาเลิกกับน้องผม โพสต์เฟสเหน็บน้องผมด้วย แต่ผมแค็บหน้าจอไม่ทันลบไปเสียก่อน กล้าโพสต์แต่ไม่กล้าเก็บไว้ แล้วโพสต์เหน็บให้ตัดใจให้หาตัวเลือกใหม่ โดยวิธีการ อ่อย ครับ พอดีผมใส่ภาพไม่ได้ ไม่งั้นจะได้เห็น เป็นพี่โตกว่าน้อง 5 ปี แต่ไม่มีสมองคิดเลยว่าจะพูดจะเตือนจะให้คำแนะนำน้องยังไงไม่มีสมองคิดเลย
ตอนนี้น้องสาวผมคุยกับหมอคนนั้นอยู่ครับ ครอบครัวผมไม่เอาเขาแล้วครับผู้ชายคนนี้และที่ผมเล่ามาทั้งหมดผมแค่อยากจะถามว่า
1. น้องผมผิดหรอครับที่น้ำหนักขึ้นเพราะเฝ้าตากับอยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วยความกตัญญู
2. ทำไมสมัยนี้ผู้หญิงสมัยนี้ชอบแย่งเอาของคนอื่นครับ
3. แล้วสองคนนั้นเขาไม่สำนึกว่าที่ทำอยู่ผิดหรือถูกเลยหรือครับ
4. เพื่อนที่ยุยงสนับสนุนไม่ละอายเลยหรือไงครับว่าทำร้ายใครบ้าง
5. ผมโกรธที่สุดคือผู้หญิง เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจมาก
6. ผมโกรธมากที่คำขอโทษของผู้ชายไม่มีแม้แต่ความจริงใจและสำนึกผิด
7. คำขอโทษจากผู้หญิงไม่เคยได้ยิน และน้ำเสียงที่เธอพูดกับแม่และน้องผมเหมือนไม่ผิดไม่สะทกสะท้าน
8. ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณๆ ๆๆๆ แล้วจะทำยังไง