ท้องได้6เดือนกำลังตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะอึดอัดในเหตุผลทางธุรกิจผลประโยชน์ของพ่อเด็ก ให้เราอยู่อย่างไร้ตัวตน

สวัสดีค่ะ เราใช้งานเป็นครั้งแรก ปกติก็ไม่เคยเล่น หรือแทบไม่เคยอ่านบทความหรือกระทู้ของพันทิปมาก่อน จนเมื่อไม่นานมานี้ มีความคิดจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และบังเอินเจอบทความในนี้ เลยสมัครเข้ามาค่ะ  เราอายุ 27 กำลังจะเข้า 28 ตอนนี้ท้อง สิ้นเดือนนี้ครบ 6 เดือนค่ะ ขอเกริ่นไปก่อนหน้านี้สักระยะนึง เพื่อให้ทุกท่านที่อ่านได้เข้าใจสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่มากขึ้นค่ะ  แฟนเราอายุห่างกับเราประมาณ 15ปีค่ะ เขาแต่งงานแล้วก่อนมาเจอเรา แต่เขาไม่มีลูกด้วยกันนะคะ ตอนนี้สถานะเขาสองคนเลิกกันค่ะ แต่ไม่จดทะเบียนหย่าค่ะ เขาบอกเราว่าด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ตอนที่เรายังไม่ท้อง เราก็พยามเข้าใจ และอดทน ซึ่งจริงๆไม่เข้าใจค่ะ  ตลอดเวลาเราเงียบและไม่พูด เพราะทุกครั้งที่พูดคุยเรื่องนี้ เขาจะยกเหตุผลเรื่องธุรกิจขึ้นมาทุกครั้ง เท่าที่เรารู้คือเขาสองคนเป็นหุ้นส่วนกันค่ะ โดยมีเพื่อนของฝ่ายญเป็นหุ้นด้วย เท่าที่ทราบนะคะ ในตอนแรกเขาบอกว่า ต้องปิดเรื่องหย่า เพราะจะทำให้หุ้นส่วนคนอื่นที่ลงทุนด้วยไม่เชื่อถือ และถอนหุ้น และจะมีผลทำให้ธุรกิจเขาสะดุดและติดขัด เพราะตอนนี้ขาดทุนอยู่ ถ้าเขาสองคนหย่ากัน จะทำให้ธุรกิจล้ม เขาถามเรากลับว่า เราอยากให้เขาล้มใช่ไหม อยากให้เขาพังเหลือแต่ตัวใช่ไหม พอพูดแบบนี้ เราก็อึ้งนะคะ  เพราะเราไม่ใช่คนที่อยากเห็นเขาล้มหรือพังอะไร  ขณะเดียวกัน เรายังช่วยและซัพพอตเขาในเรื่องงานเต็มที่ เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้าเครื่องมือแพทย์ค่ะ ส่วนเรามีความรู้เรื่องการนำเข้า การขึ้นทะเบียนขออนุญาตกับอย.ได้ และสินค้าที่เขานำเข้ามาได้ก็เราเป็นคนทำให้  เราก็อึ้งนะคะ ว่าสิ่งที่เราทำนั่นมันหมายถึงเราอยากให้เขาพังจริงๆหรอ เหมือนเขามองไม่เห็นสิ่งที่เราทำ ทุกครั้งเราเสียใจมาก แต่เราก็ทนเก็บไว้ กลายเป็นว่าเราต้องอยู่ไปแบบนี้เรื่อยๆ เพราะสถานะทางสังคมเขา ในทำนองว่า ถ้าเปิดตัวเรา แล้วหย่า จะมีผลต่อสังคมของเขา งานของเขา ญาติพี่น้องเขาก็ไม่ยอมรับเรา ตลอดเวลา เราคบแบบเงียบๆค่ะ พ่อแม่เรารู้ แต่เราก้พูดให้พ่อแม่เราสบายใจตลอดว่าเขาเลิกกันนะ แต่เรื่องงานต้องทำด้วยกัน ในส่วนเรื่องยิบย่อยไม่ได้บอกค่ะ พ่อเราเป็นราชการเกษียณ พ่อกับแม่ค่อนข้างเป็นคนซีเรียส เรื่องความสัมพันธ์ชีวิตคู่ เราเลยไม่ได้บอกอะไรมาก เพื่อนที่สนิท เพื่อนที่ทำงาน รับรู้ค่ะ ว่าเราสองคนคบกัน แต่เรื่องไม่หย่าอันนี้ไม่ได้บอกใครค่ะ เราเลยอยู่แบบมีความอึดอัดแบบนี้มาตลอด มันไม่มีความสุขจริงๆค่ะ ทุกครั้งที่อยู่กับเรา แล้วมีใครโทรมา เขาจะบอกให้เราเงียบ เวลาเราโทรหาเขา เขาจะรับบ้างไม่รับบ้าง รับช้า บางครั้งก็ไม่ได้รับ แล้วบอกเราว่าไม่ได้ยิน  หรือถ้ารับ การสนทนาก็จะไม่เหมือนที่อยู่กันสองคนค่ะ เสียงจะแข็ง แล้วก็จะอือๆเออๆ ใส่เรา ในที่นี้ไม่ได้ต้องการให้มาใส่คำหวานที่รักขาหรืออะไรนะคะ แค่พูดปกติ เขายังต้องเปลี่ยนเสียง ถ้าอยู่คนเดียวคุยกับเราปกติ ถ้ามีคนอื่นจะเสียงจะเหมือนเราเป็นลุกจ้างหรือลูกน้องเราไปเลย เราทะเลาะจนเราเลิกทะเลาะ ในที่นี้คือเรา เลิกโทรไปตอนเขาทำงานเลยค่ะ นอกจากฉุกเฉิน เราถึงจะโทร เพราะเราไม่อยากรู้สึกแย่ต่อเขา ทั้งทีเราเกรงใจเขามากเวลาโทรหาเขา และส่วนใหญ่ที่โทรเป็นเรื่องงานของเขาที่เราทำให้ค่ะ เราทำให้เขาฟรีนะคะ ไม่ได้เรียกร้องหรือเขาต้องจ่ายค่าแรงอะไรเลย ตลอดเวลามันมีเรื่องเล็กน้อยมากมายเกิดขึ้น กลายเป็นปัญหาสะสม เช่น เขาต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เช่นไปต่างจังหวัดด้วยกัน ไปทำเรื่องเอกสารด้วยกัน ไปนู้นมานี่ด้วยกัน โดยเขาจะบอกว่าเป็นเรื่องงานกับเราเสมอ ทุกครั้งที่เขาอยู่ด้วยกัน เขาก็จะหายเงียบ ไม่มีการติดต่ออะไร ส่วนตัวเราไม่ใช่คนจิกเลยค่ะ เราก็ไม่โทร ไม่ตาม ไม่อะไรทั้งนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราสบายใจเลย เราอยู่บนความระแวงมาตลอด ที่ระแวงเพราะมีสาเหตุมาจาก ครั้งนึงฝ่ายญเคยคุยกับเราต่อหน้า เราเข้าไปไหว้เคารพเขาแล้วได้คุยกัน เขาบอกว่าเขาอยู่กันแบบเพื่อนมานานแล้ว เขายืนยันว่าเขาเลิกกันแล้ว แต่เขาขอทำงานด้วยกัน เวลาผ่านไป เรารู้สึกแปลกๆ เพราะแฟนเราขอกลับไปนอนที่บ้านฝ่ายญ เราเลยไปแอบค้นไลน์ เราเจอว่าเขาคุยกันเรื่องเรา ในทำนองเหมือนกับว่า ฝ่ายญอยู่ๆก็ทำใจไม่ได้ อยู่ก็ไม่อยากเลิก อยากให้แฟนเรามาเลิกกับเรา บอกว่าถ้าไม่เลิกกับเรา เขาจะไม่ทำงานจะอะไรแล้ว ในส่วนของข้อความฝั่งแฟนเรา ไม่มีข้อความอะไรที่ร้ายแรง แต่เราคิดว่าเขาเป็นคนไม่ถนัดพิมเพราะอายุสายตา เขาคงเลือกโทรคุยหรือคุยกันต่อหน้ามากกว่าเพราะเขาได้เจอกันทุกวัน โดยที่เราอาจไม่รู้ เราเลยตัดสินใจพูด และพูดในทำนองว่า เรารู้นะว่าคุณสองคนตกลงจะเลิกกับเรา คือเป็นในเชิงว่าแฟนเราพูดกับเขาว่าอาจจะขอเวลาแล้วจะมาเลิกกับเรา เพราะในไลน์ฝ่ายญทำนองว่าให้เวลาแฟนเราแล้วนะ ปรากฏว่า เป็นแบบนั้นค่ะ แฟนเรายอมรับว่า มีการตกลงกันว่าเดี๋ยวจะมาเลิกกับเรา แต่ขอเวลาหน่อย เราเสียใจมากค่ะ เราถามว่า ตกลงแล้วคุณโกหกใคร หรือโกหกทั้งคน เขาบอกว่า เขาโกหกฝ่ายนู้น เราเสียใจและตัดสินใจว่าเราคงเลิกกับเขาดีกว่า เพราะเราระแวงไปแล้ว แต่สุดท้ายเราก็แพ้ใจตัวเองค่ะ เขาทำดี เขาขอโทษ เราก็ใจอ่อน ยกโทษให้ แต่มันอยู่ด้วยความระแวงค่ะ ฝ่ายญทางนู้นก็เริ่มมาอะไรๆกับเรา เช่นแอดไลน์มาหาเรา ส่งเมล์มาหาเรา ตั้งดิสไลน์เป็นรูปคู่เขาสองคน ให้เราเห็น เราเครียดค่ะ ช่วงนั้นเราแทบเป็นบ้า เพราะไม่มีที่ระบายคุยกับใครก็ไม่ได้ ทุกครั้งที่เราพยามพูดกับแฟนเราเพื่อให้เจอทางออก เขาจะเงียบ ไม่พูด และบอกว่าเขาทำอะไรไม่ได้ แล้วบอกว่าให้เราอยู่กันแบบ 3 คนได้ไหม เรากินข้าวก็ร้องไห้ อาบน้ำก็รองไห้ นอนก็ร้องไห้ ไปทำงานก็แอบเข้าห้องน้ำเพื่อร้องไห้ เราอยู่แบบนั้นครึ่งปี เราพยามหนี แต่เพราะตอนนั้นยังอยู่ที่ทำงานเดียวกัน ทำให้เราหนีเขาไปไม่พ้น ห้องที่เราอยู่เขามีกุญแจเขาออก จะกลับบ้านก็ไม่ได้เพราะต้องทำงาน (บ้านพ่อแม่ไม่ได้อยู่กทม) เราดำดิ่งกับความเครียด และความคิดเองไปจนเตลิด จนพยามฆ่าตัวตายหลายครั้ง หนักสุดคือเรากินยาแล้วไปล้างท้องได้ทัน ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว รู้แต่ว่าอยากหลุดออกจากความทรมานนี้ไปให้เร็วที่สุด เราก็ถามเขานะคะ ว่าก่อนที่คุณจะมาถามเรา ฝ่ายนู้น เขายอมจะอยู่3คนหรอ แฟนเราก็ตอบว่าก็ไม่เหมือนกัน เรางงกับการจัดการของเขามาก เขาเอาแต่เงียบ และปล่อยให้วันเวลาผ่านไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เราทุกข์ใจมาก ด้วยความที่เราเด็กกว่าเขาเยอะมาก มันเลยกลายเป็นเหตุผลของเราสู้เขาไม่ได้ เขาจะมองว่าเราเด็ก และสิ่งที่เราบอกหรือพูดกับเขา คือการเถียง จนเวลาผ่านมาเรารู้ตัวว่าท้อง เราป้องกันนะคะ(กินยาคุมแบบประจำ) เราก็งงและตกใจค่ะ ตอนนั้นเขาไปต่างจังหวัด เราอยู่คนเดียว ตั้งสติ ตอนนั้นเรารู้แล้วว่า เราอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว เรามีลุกแล้ว เราปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพจมทุกข์แบบนั้นโดยเอาลูกมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยไม่ได้ แต่เราใช้เวลาคิดค่อนข้างนานค่ะ เพราะเรากังวลทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อน สังคมของเรา การใช้ชีวิตของเรา การเงินและภาระที่เรามีอยู่ จนสองเดือนก็คิดว่า จะไม่แคร์อะไรเรื่องสังคมจะทนเอา คิดว่าทนได้ พ่อแม่เราก็ตัดสินใจโทรไปบอกเขา พ่อเราโกรธค่ะ และจะโทรไปหาแฟนเรา เราตัดสินใจบอกพ่อเรื่องฝ่ายนู้นไม่หย่า และเราจะเลิกกับแฟน เราห้ามพ่อไม่ให้ไปยุ่งหรือโทรไปอะไรกับแฟนเรา ปล่อยเขาไป เรื่องเงินเราคิดว่าเราทนอายในที่ทำงานแต่มีงานมีเงิน เราก้น่าจะรอด น่าจะสู้ไหว พอคิดได้แบบนั้น เราก็บอกเลิกเขาขอร้องให้เขาออกไปหาที่อยู่อื่น หรือกับไปอยู่กับฝ่ายนู้นสะ เพราะเราบอกว่า เราทนไม่ไหว เราอยากอยู่คนเดียว อยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ให้เราอยู่ที่ห้องนี้คนเดียว เพราะเราจะได้ไปทำงานสะดวกเดินทางง่าย ช่วงนั้นเราบอกว่า ถ้าเขาไม่ไป เราก้ต้องไปหาที่อยู่อื่นเอง เขาเลยยอมคืนกุณแจห้องให้เราแล้วไป ช่วงนั้น เขาคอยส่งข้อความมาหาเรา ถ่ายรูปมาให้เราดูว่า เขานอนในรถนะ เราปิดเขาทุกช่องทาง เขาจะติดต่อเราได้แค่ทางเมล์ เพราะเมล์เรามีงานที่ทำค้างไว้ให้เขา ลืมบอกค่ะ เขาลาออกจากงานประจำมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วค่ะ ออกมาแล้วเปิดบริษัทเอง เราก็ช่วยงานเขาอย่างที่บอกไปตอนแรกค่ะ ตลอดเวลาช่วงท้อง3-4เดือนแรก เราแพ้ท้องหนักมาก งานก็ต้องไปทำ ทรมานมากค่ะ นอนร้องไห้ทุกวันสงสารลูก ขอโทษลูกทุกวัน ไปไหนทำอะไรลำบากมากเพราะแพ้ท้องจะหน้ามืดตลอดเวลา เรามีภาวะแท้งคุกคามด้วยตอนนั้นต้องไปฝากครรภ์เอง โดนเจาะเลือดฉีดยา ทั้งที่เป็นคนกลัวมาก ตอนนั้นโดดเดี่ยวมากค่ะ นอนร้องไห้จนหลับไปตื่นมาเวียนหัวลากสังขารตัวเองไปทำงานอยู่อย่างนั้น จนผ่านมาสักระยะนึง แฟนเราเขามาเคาะห้องค่ะ เขาขอเข้ามาคุยด้วย ตอนแรกก้ไม่ได้ยอม แต่เพราะเป็นคอนโด เสียงดังไม่ได้ เขาบอกเขาขอคุยแปปเดียวแล้วจะไป เราเลยให้เขาเข้ามา เขามาบอกเราว่า เขารู้แล้วนะว่าเราท้อง แล้วเขาก็บอกว่าเขาไปบอกฝ่ายนู้นแล้ว โดยตกลงว่าเลิกกันและหย่ากัน เขามาขอร้องให้เราไปสู้กับเขาได้ไหม ให้เรากับลูกไปอยู่เคียงข้างเขา เขาจะต้องทุ่มเททำงาน โดยที่อาจจะไม่มีหุ้นส่วนบางคน ภาระเขาจะหนักขึ้น และเป็นหนี้ก้อนโตกับธนาคารเพิ่มขึ้น เขาบอกว่า เขาจะจัดการเรื่องทุกอย่าง และจะรับผิดชอบเรา ขอให้เรากลับไปสู้กับเขา ไปช่วยงานเขาเต็มตัว เขาบอกว่า ฝ่ายนู้นยอมหย่าให้มาจัดการกับเราให้ถูกต้อง เพราะสงสารเรากับลูก แฟนเราบอกกับเราแบบนี้ เรากำลังจะใจอ่อนและเชื่อเขาค่ะ เพราะเขาบอกว่า หลังจากเรื่องเราเปิดเผย จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายในส่วนของหุ้นส่วน เพื่อนฝูง ญาต สังคมเขา เขาบอกว่าเป็นไปในแนวโน้มที่แย่ เขาขอให้เรากลับไปสู้ ไปช่วยเขา ตอนนั้น เราคิดว่าถ้าเราลำบากแต่เราสบายใจเราก็เต็มที่ เราก็สู้ไม่ถอย เราพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเขาอยู่แล้ว เขาไปหาพ่อกับแม่เรา แล้วบอกว่าจะจัดการอะไรยังไงบ้าง เราขอพ่อแม่เรา ว่าตอนนี้แฟนเรากำลังแย่ รอให้เราคลอดก่อนค่อยจัดงานแต่งได้ไหม เพราะเงินไปอยู่ที่ธุรกิจแล้ว และเรื่องหนี้สินที่มีด้วย เรื่องจดทะเบียน ใจเราคิดว่าเราจจะไม่จดถ้าเขาชัดเจนแล้ว แต่ไม่ได้พูดออกไป พ่อแม่เราเลยขอให้มาทำพิธีผูกข้อมือก่อนเราคลอด หลังคลอดก็ค่อยทำตามที่บอก ตอนนั้น เรา พ่อแม่เรา เชื่อเขาหมดใจ เห็นว่าทุกอย่างน่าจะจบแล้ว แฟนเราเสนอให้เราออกจากงานมาเพราะเราท้อง เขาบอกว่าเป็นห่วงเรา ให้ทำงานฟรีแลนซ์อยู่ที่ห้องเอา เรากลัวจะไม่มีเงินพอใช้ เพราะฟรีแลนซ์ไม่แน่นอน เราเลยไม่ยอมลาออก เขาเลยบอกว่าเขาจะช่วยจ่ายให้เราครึ่งนึงของเงินเดือนเก่า แล้วให้เราหาจากฟรีแลนซ์เพิ่มเอา ค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่น กิน ค่าหมอ ค่าห้อง เขาจะเป็นคนจ่าย พ่อแม่เราเห็นเรามีภาวะเสี่ยงแท้งเลยเห็นด้วย เขาขอร้องให้เราออกจากงานจะได้ช่วยงานเขาได้เต้มที่แล้วไปต้องลำบากอุ้มท้องไปทำงาน  สุดท้ายเราลาออกค่ะ สักระยะเขาก็มาบอกกับเราใหม่ว่า ฝ่ายนู้นขอไม่หย่า ขอทำธุรกิจเพื่อพ่อแม่เขา เขาบอกว่าทางพฤติกรรมเลิกกัน แต่ทางนิตินัยเขาจะไม่เซ้นต์หย่า จนกว่าธุรกิจจะดี แฟนเรามาบอกเราแบบนี้ และขอให้เรายอมรับ ให้เราเข้าใจ เรางงกับเหตุผลของเขาสองคน เขาเล่นอะไรกัน เราถามว่า สรุปจะให้เราอยู่แบบนี้ท้องโตไปแบบนี้เรื่อยๆจนกว่าธุรกิจจะดี แล้วเรื่องหย่าไม่หย่า เขาก็ยังทำงานด้วยกันได้อยู่ไม่ใช่หรอ เพราะเราไม่ได้ห้ามเลยว่าห้ามทำงานกันเด็ดขาด เราขอแค่ความชัดเจนเท่านั้น เราบอกว่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จะให้เราอยู่แบบล่องลอยไปแบบนี้หรอ เขาก็บอกว่างั้นขอ 3 ปีจะหย่า งานแต่งช่วยกันเก็บเงินพร้อมเมื่อไหร่ก็แต่งเลย เราทะเลาะกับพ่อแม่เรา ว่าเรายอมเขามากเกินไป ทำอะไรไม่ให้เกียรติเขา ไม่บอกเขา ว่าเราโง่ ลาออกมา เลี้ยงตัวเองก็ไม่พอ แถมยอมเขาทุกอย่าง ถึงขั้นคิดไปว่า เขาสองคนอาจจะไม่ได้เลิกกัน แต่มาหลอกเราอีก พ่อแม่เราเขาก็เหมือนโดนตบหน้า เขาว่าแฟนเราไม่มีสัจจะ พ่อให้เราเลิกแล้วกัลบไปอยู่บ้าน วังวนความเครียดกลับมาอีกครั้ง เราบอกกับแฟนเรา ว่าพ่อแม่เราว่าแบบนี้ เขาก็โมโหใส่เรา ว่า ก็คุยกันแล้วไม่ใช่หรอ ก็ตกลงกันแล้วจะอะไรอีก เราบอกว่าพ่อแม่เราว่างี้ แล้วเขาไม่ยอม เขาก็ตะโกนใส่เราว่า เออ ไม่ยอมก็ไม่ต้องยอม เราเลยคิดว่าเราคงต้องถอยมาจริงๆแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ เราไม่มีเงินเก็บ งานก้ออกมาแล้ว เราจะเอาตัวรอดยังไงโดยไม่ต้องพึ่งเขา เครียด และท้อมากค่ะ แต่ใจอยากสู้ แต่มันผ่านไปไม่ได้สักทีค่ะ YY
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ผู้ชายโกหกซ้ำซาก คุณดูไม่ออกไม่เป็นไร แต่ไม่ควรให้เขาเอาต่อ ไม่รักไม่ไว้เกียรติตัวเองเลย รู้ว่าเขายังไม่หย่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจจนเลยเถิด เพราะนี่ไง พลาดท้อง กรรมไม่ได้อยู่ที่คุณคนเดียว ตกไปถึงลูก สร้างกรรมเพิ่มหนักเข้าไปอีก

นี่อ่านจบแล้วสงสารพ่อแม่คุณมาก ถ้าเรามีลูกสาวที่ทั้งไม่ฉลาดทั้งไม่รักตัวเองไม่มีศักดิ์ศรีแบบนี้ เราคงเสียใจมาก แต่ด้วยความเป็นพ่อแม่ ลูกพลาดมาก็ต้องช่วยเหลือ

ทางออกคือ กลับไปอยู่บ้าน ให้พ่อแม่ช่วยเป็นไม่กันหมาค่ะ ขอร้องอ้อนวอนให้พ่อแม่ช่วยดูแลคุณจนกว่าจะคลอด พอรลอดแล้วก็หางานทำ กราบเท้าให้ท่านช่วยเลี้ยงลูกให้คุณ ก้มหน้าหาเงินเป็นค่าดูแลลูกไปค่ะ

ส่วนผู้ชาย คนเลวๆแบบนี้ อย่าเอามาข้องเกี่ยวเป็นอะไรๆด้วยจะเจริญกับชีวิตมากกว่าค่ะ แล้วก็คราวหน้าถ้าจะมีแฟน ก็ช่วยฉลาดรอบคอบรักตัวเองมากกว่านี้ค่ะ ไม่สงสารตัวเอง ก็สงสารพ่อแม่และลูกที่จะเกิดมาด้วยเถอะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 6
อ่านจบนะ คุณเลิกเถอะ ทั้งโดนหลอกให้เป็นเมียน้อย ทั้งโดนหลอกให้ช่วยงาน

ถึงคุณไม่เลิกตอนนี้ท้ายสุดคุณก็ต้องเลิก บอกตรงๆว่าผู้ชาย here จริง ถ้าไม่ here จริงไม่กล้ากลับกลอกกับพ่อแม่คุณแบบนี้

อีกเรื่องที่น่าสงสัยคือ เมียเขารวมหัวกันหลอกคุณหรือเปล่า อันนี้อ่านแล้วยังไม่แน่ใจแต่มีความเป็นไปได้
ความคิดเห็นที่ 3
ยาวมาก น่าจะอ่านได้ครึ่งนึง สรุปง่ายๆนะครับ คุณก็แค่เมียน้อยเขาเท่านั้นเอง การที่เขาไม่หย่า ไม่เปิดเผยคุณ เพราะเขาไม่ได้ให้เกียรติอะไรคุณมากมาย บางทีเขาอาจตกลงกับเมียเขา ว่าขอมีเมียน้อยแบบเป็นตัวเป็นตนมาช่วยงานเขาฟรีๆก็ได้

มีผู้หญิงหลายคนนะครับ ที่รักและเทิดทูนผู้ชายจนยอมได้ทุกอย่าง ขออย่างเดียวแค่อย่าจากไปไหนก็พอ อยากมีใครมี อยากทำอะไรทำ แค่ให้อยู่ในสายตาและไม่ไปจากเขาก็พอ

คุณพลาดแล้วละครับ ที่คบกับคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ ออกมายืนให้ได้ด้วยขาของตัวเอง แล้วอย่ากลับไปพัวพันกับคนแบบนั้นอีกเลย เขาไม่ได้แคร์คุณ เพราะเขาไม่ได้ให้สถานะที่แท้จริงกับคุณ คุณน่าจะเป็นคนเก่งอยู่ เลี้ยงตัวเองเลี้ยงลูกคนเดียวยังดีกว่า อยู่ในวังวนแบบนั้น
ความคิดเห็นที่ 54
รักอย่างเดียวไม่พอนะคะ ต้องใช้สมองด้วย
อยากพูดแรงกว่านี้ แต่เห็นแก่เด็กในท้อง
ผู้ชายไม่ได้รักคุณเลย เค้าแค่หลอกคุณแค่นั้น หลอกฟัน หลอกใช้งาน ฟรีๆซะด้วย ดีไม่ดีลูกในท้องคุณผู้ชายก็ไม่เซ็นต์รับรองบุตรด้วย และคุณก็พลาดตั้งแต่ลาออกจากงานประจำแล้ว อายุยังน้อยยังมีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ค่ะ ผู้ชายเชี้ยๆปล่อยมันไปเหอะ ไม่มีอะไรน่าเสียดาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่