ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าเป็นกระทู้แรกของผม ซึ่งข้อมูลอาจจะไม่ได้ครบและละเอียดเท่าที่ควร แต่จะพยายามนำเสนอข้อมูลเท่าที่รู้ออกมาให้ได้มากที่สุดครับ คราวหน้าจะพยายามปรับปรุงให้ข้อมูลครบกว่านี้ครับ
เริ่มเลยนะครับ ผมเดินทางในช่วงวันที่ 1-6 พฤษภาคม 2562 เอาง่ายๆ หนีงานไปเที่ยวเลยครับ เนื่องจากครั้งนี้ไปกับเพื่อนสมัยมัธยมอีก 1 คนที่เพิ่งอกหักมา ก็เลยเน้นที่ดื่ม และไปแบบลุยๆมากกว่า การเที่ยวเกาะช้างคราวนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของผม ซึ่งการเที่ยวในครั้งนี้ใช้งบค่อนข้างต่ำ เพราะครั้งนี้จะเน้นพักผ่อนแบบชิวๆ ไม่ได้ไปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆเท่าไหร่ อาจจะเป็นอีกมุมนึงในการเที่ยวเกาะช้างนะครับ รวมถึงผมแอบรู้ทริกในการเที่ยวที่นี่แล้ว ใครมีแพลนที่จะไป ลองเข้ามาอ่านไปพร้อมๆกันเลยครับ
สรุปคร่าวๆ
จำนวนวัน
6 วัน
การเดินทาง
เริ่มต้นที่ข้าวสาร
- รถบัส
- เรือ
- มอเตอร์ไซค์
ที่พัก
- บ้านของเพื่อนที่รู้จักกัน
----------------------------------------------------
DAY 1
จาก ถนนข้าวสาร - เกาะช้าง - โลลีบีช
เที่ยวครั้งนี้ผมไม่ได้จองล่วงหน้า ก็เลยเน้นสะดวกง่ายๆ และไม่อยากเอารถไป เพราะยังไม่ได้มีจุดหมายที่แน่นอนเท่าไหร่ และคิดว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์บนเกาะขับด้วย จะได้ไม่ต้องมาพะวงค์เรื่องรถยนต์ ก็เลยเลือกนั่งรถบัส จาก ถ.ข้าวสาร ไปยังท่าเรือเซนเตอร์พ้อย ในราคา 500 บาท ราคานี้รวมค่าข้ามเรือแล้ว สะดวกกว่านั่งรถทัวร์เจ้าต่างๆกว่าเยอะครับ ทีเดียวครบเลย โดยออกจากถนนข้าวสาร เวลา 8.00 น. ถึงเวลา 14.00 น. ใช้เวลาทั้งหมด 6 ชั่วโมง จะถึงเกาะช้างเลยครับ
ก่อนถึงเกาะ ผมเลือกจะที่ซื้อตั๋วรถตู้ ของบริษัทฯตจากฝั่งจ.ตราด จะอยู่แถวๆ ร้านขายอาหาร เพื่อนั่งรถตู้ ลงเรือข้ามมาฝั่งเกาะช้างเลยครับ โดยมีค่าใช้จ่าย 100 บาท/คน โดยปกติอยู่ที่ 200 บาทต่อคน ซึ่งผมไปกับเพื่อน 3 คนและรถว่างพอดีเลยต่อรองเค้ามาได้ในราคา 100 บาท ซึ่งการนั่งเรือไปยังเกาะปกติจะใช้เวลา 45 นาที และไปที่จุดหมายที่พัก ก็คือ โลลีบีช อีก 40 นาที แต่เวลาจะไม่แน่นอนนะครับ รถตู้จะแวะส่งผู้โดยสารตามที่พักตามหาดเรื่อยๆเลยครับ
อีกทางนึง หากไม่ซื้อตั๋วจากฝั่ง จังหวัดตราด พอถึงท่าเรือที่เกาะแล้ว ก็สามารถนั่งรถ Taxi ที่ฝั่งเพื่อไปยังที่พักหรือหาดต่างๆได้เลย หรือจะเช่ามอเตอร์ไซค์จากตรงนี้ก็สะดวกครับ
พอมาถึงที่พัก ซึ่งที่พักของผม คือ บ้านของเพื่อนที่รู้จักกันอยู่แถวโลลีบีช ผมจึงประหยัดค่าที่พักได้ แต่แถวๆโลลีบีชก็มีที่พักราคาไม่แพงเยอะครับตั้งแต่ราคา 200 – 700 บาท ถ้าเป็นแก๊งมากับเพื่อนผู้ชายก็ง่ายดีครับ เก็บของเสร็จแล้วก็เดินมาเช่ารถมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าปากซอยข้างๆที่พัก ซึ่งเป็นร้านที่เคยมาเช่าตอนมาเกาะช้างครั้งแรกเมื่อปี 2561 ครับ ดีใจที่ครั้งนี้มาเค้าก็จำผมได้ ผมจึงได้ราคาพิเศษ ปกติจะอยู่ที่ 150-200 บาทต่อวัน แต่ผมได้ในราคา 500 บาทต่อ 6 วัน ลองต่อลองดูนะครับ ถ้าขอเช่า 6 วัน เปรียบเทียบกันหลายๆเจ้าครับ พอได้มอเตอร์ไซค์แล้วก็พักผ่อนอยู่แถวนี้เลยครับ ไม่ได้ทำอะไรมาก ร่างกายต้องการทะเล ก็จะนอนเล่น คนไม่เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง และก็สะอาดครับ
----------------------------------------------------
DAY 2
โลลีบีช
วันต่อมา ตื่นมาก็บ่ายแล้ว ก็เลยขับไปที่ ไวท์แซน หรือหาดทรายขาว ซึ่งทรายขาวจริงๆ ก็สวยดีครับ แนะนำให้ลองไปกันนะครับ พอนั่งกินลมชมวิวสักพัก ผมก็กลับมาที่โลลีบีชเพื่อหาร้านนั่งชิว ร้านที่ไปก็คือ Banana Leaf นั่งเพลินๆ ฟังเพลงชิวๆ จิบเบียร์เบาๆ ราคาเบียร์ขวดเล็กก็ประมาณ 70 บาทครับ ถ้าเป็นค็อกเทลก็เริ่มประมาณ 140 -170 บาทต่อแก้วครับผม
ตกกลางคืนพอกรึ่มๆได้ที่ ผมก็หาข้าวกินครับ เลยมาเจอร้านกุ้งกะทะย่านไก่แบ้แห่งเดียวบนเกาะเลยก็ว่าได้ซึ่งคนเยอะมาก มีทั้งอาหารทะเล กุ้ง หอย ปูปลาหมึก เนื้อ หมู ไก่ ครบเซ็ทเรื่องปิ้งย่างเลยครับ รสชาติรวมๆก็พอใช้ได้ ไม่ได้หวือหวา มันเป็นบุฟเฟ่เลยมีราคาหัวละ 235 ไม่รวมเครื่องดื่มโค้กหนึ่งขวดใหญ่ก็ 50 บาทและครับ ส่วนเตาย่างจะคิดเพิ่ม 89 บาทครับ
----------------------------------------------------
DAY 3
เที่ยวชมเกาะ – แวะจุดชมวิว
กินอิ่มนอนหลับสนิทไปแล้วเมื่อคืน เช้าวันที่ 3 เลยตระเวณรอบเกาะ แวะจุดชมวิวต่างๆ เพื่อพักเครื่องกันหน่อย (ขอบอกเลยว่าใครขับรถไม่แข็งทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จะลำบากหน่อยครับ ทางโหดมาก) แค่ขับรถรอบเกาะก็เหนื่อยและครับ แถมร้อนแบบร้อนมากๆเลยครับ เลยเหนื่อยกับไปนอนที่พักและนั่งจิบเบียร์ดีกว่า ก็ชิวๆกันไปกับคืนวันที่ 3
----------------------------------------------------
DAY 4
บางเบ้า
วันที่ 4 แล้วเวลาผ่านไปเร็วมากเลยครับ จุดมุ่งหมายวันนี้คือบางเบ้า จริงๆที่บางเบ้ามีที่เที่ยวหลายที่ครับ ทั้งตลาดบางเบ้า หรือหมู่บ้านชาวประมง แต่ตามเคยครับ ผมชินที่จะดื่มด่ำบรรยากาศการนั่งริมทะเลชิวๆ เลยเลือกที่จะแวะร้าน Djembe house ซึ่งบรรยากาศดีมากเว่อพร้อมดนตรีชิวๆเช่นเคย ราคาเครื่องดื่มก็พอๆกันกับที่ Banana Leaf แหละครับ เบียร์ 70 ขวดเล็ก ค็อกเทล 140-170 บาทต่อแก้ว แต่บรรยากาศคุ้มราคา แล้วผมก็ขับรถกลับมาที่โลลีบีชเพื่อกลับที่พักครับ
----------------------------------------------------
DAY 5
น้ำตก – หาดไก่แบ้
เช้าวันรุ่งขึ้นผมว่าจะไปเที่ยวน้ำตกสักหน่อย ผมขับรถไปทางไก่แบ้ และตรงขึ้นไปเรื่อยๆ ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันคือบนถนนอะไร ใช้เวลาเดินทางจากโลลีบีชประมาณ 20 นาทีครับ ซึ่งตอนแรกว่าจะไปเล่นที่ น้ำตกธารมะยม พอเข้าไปปิดเพราะน้ำแห้ง เลยขับย้อนกลับมาน้ำตกคลองนนทรี น้ำก็แห้งมากเหมือนกันครับ เหตุเพราะว่า ผมดันไปเที่ยวในหน้าร้อน เลยต้องเจอชะตากรรมของน้ำที่แห้งเหือดไปตามระเบียบ ถ้าจะให้ดีไปตอนหน้าฝนดีกว่าครับ น้ำเต็มแน่นอน พอน้ำตกไม่มีเลยมีแค่ทางเลือกเดียวที่ผมจะได้เล่นน้ำก็คือการเล่นน้ำทะเลครับ ผมจึงแวะเล่นที่หาดไก่แบ้ หาดสวยไม่มีหิน คลื่นก็ไม่ค่อยแรง เหมาะแก่การเล่นน้ำชิวๆมากครับ
----------------------------------------------------
DAY 6
วันเดินทางกลับ
วันสุดท้ายเป็นวันกลับ ซึ่งผมได้จองตั๋วกลับไว้แล้วจากบริษัทบุญสิริเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรอบกลับของผมคือบ่ายสองโมงครึ่ง เพราะฉะนั้นผมต้องมาขึ้นเรือให้ทันตอนเที่ยง และนั่งรถบัสต่อ รายละเอียดตามภาพเลยครับ ผมตื่นมาประมาณ 8 โมง โดยมาหากาแฟกินในครัว และทอดไข่เจียวง่ายๆ เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองในวันกลับ หลังจากนั้นได้เวลาออกเดินทางกลับกันแล้ว ผมเลือกที่จะยืนรอรถ Taxi ซึ่งจะมาชั่วโมงละคันเท่านั้นต้องกะเวลาเดินทางดีๆ เพราะไม่งั้นตกเรือแน่ๆ ผมออกมายืนรอ Taxi ตอน 10 โมงพอดี และได้ถึงท่าเรือประมาณ 11 โมง ก็ข้ามฝั่งได้เลย ไปถึงฝั่งตราดก็ประมาณ เที่ยงแล้วครับ ผมจึงหาข้าวกิน ผมจำได้ว่าสั่งกระเพราเนื้อไข่ดาว ราคาอยู่ที่ 60 บาท หลังจากนั้นก็รอขึ้นรถทัวร์ตอนบ่ายสองโมงครึ่ง และมาถึงข้าวสารประมาณ 4 ทุ่มโดยสวัสดิภาพ
หากเพื่อนๆคนไหนอยากไปบอกเลยหน้าฝนคือดีสุด น้ำดีอากาศดี แต่ติดอย่างเดียวขับรถระมัดระวังนะครับ เพราะอุบัติเหตุที่เกาะมีไม่เว้นแต่ละวัน และอีกอย่างจริงๆผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเลยมีรูปน้อยและไม่ค่อยได้ออกไปไหน แต่ก็อยากมารีวิวเพราะอยากให้การท่องเที่ยวไทยมันดีขึ้น มีอีกหลายเกาะหลายที่ที่สวยและน่าไปนะครับ โชคดีกับทริปของคุณครับ
เที่ยวเกาะช้าง 6 วัน ในงบ 5,000 บาท ตามประสาสายชิว ดื่มเบียร์เคล้าเสียงคลื่น
เริ่มเลยนะครับ ผมเดินทางในช่วงวันที่ 1-6 พฤษภาคม 2562 เอาง่ายๆ หนีงานไปเที่ยวเลยครับ เนื่องจากครั้งนี้ไปกับเพื่อนสมัยมัธยมอีก 1 คนที่เพิ่งอกหักมา ก็เลยเน้นที่ดื่ม และไปแบบลุยๆมากกว่า การเที่ยวเกาะช้างคราวนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของผม ซึ่งการเที่ยวในครั้งนี้ใช้งบค่อนข้างต่ำ เพราะครั้งนี้จะเน้นพักผ่อนแบบชิวๆ ไม่ได้ไปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆเท่าไหร่ อาจจะเป็นอีกมุมนึงในการเที่ยวเกาะช้างนะครับ รวมถึงผมแอบรู้ทริกในการเที่ยวที่นี่แล้ว ใครมีแพลนที่จะไป ลองเข้ามาอ่านไปพร้อมๆกันเลยครับ
สรุปคร่าวๆ
จำนวนวัน
6 วัน
การเดินทาง
เริ่มต้นที่ข้าวสาร
- รถบัส
- เรือ
- มอเตอร์ไซค์
ที่พัก
- บ้านของเพื่อนที่รู้จักกัน
----------------------------------------------------
DAY 1
จาก ถนนข้าวสาร - เกาะช้าง - โลลีบีช
เที่ยวครั้งนี้ผมไม่ได้จองล่วงหน้า ก็เลยเน้นสะดวกง่ายๆ และไม่อยากเอารถไป เพราะยังไม่ได้มีจุดหมายที่แน่นอนเท่าไหร่ และคิดว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์บนเกาะขับด้วย จะได้ไม่ต้องมาพะวงค์เรื่องรถยนต์ ก็เลยเลือกนั่งรถบัส จาก ถ.ข้าวสาร ไปยังท่าเรือเซนเตอร์พ้อย ในราคา 500 บาท ราคานี้รวมค่าข้ามเรือแล้ว สะดวกกว่านั่งรถทัวร์เจ้าต่างๆกว่าเยอะครับ ทีเดียวครบเลย โดยออกจากถนนข้าวสาร เวลา 8.00 น. ถึงเวลา 14.00 น. ใช้เวลาทั้งหมด 6 ชั่วโมง จะถึงเกาะช้างเลยครับ
ก่อนถึงเกาะ ผมเลือกจะที่ซื้อตั๋วรถตู้ ของบริษัทฯตจากฝั่งจ.ตราด จะอยู่แถวๆ ร้านขายอาหาร เพื่อนั่งรถตู้ ลงเรือข้ามมาฝั่งเกาะช้างเลยครับ โดยมีค่าใช้จ่าย 100 บาท/คน โดยปกติอยู่ที่ 200 บาทต่อคน ซึ่งผมไปกับเพื่อน 3 คนและรถว่างพอดีเลยต่อรองเค้ามาได้ในราคา 100 บาท ซึ่งการนั่งเรือไปยังเกาะปกติจะใช้เวลา 45 นาที และไปที่จุดหมายที่พัก ก็คือ โลลีบีช อีก 40 นาที แต่เวลาจะไม่แน่นอนนะครับ รถตู้จะแวะส่งผู้โดยสารตามที่พักตามหาดเรื่อยๆเลยครับ
อีกทางนึง หากไม่ซื้อตั๋วจากฝั่ง จังหวัดตราด พอถึงท่าเรือที่เกาะแล้ว ก็สามารถนั่งรถ Taxi ที่ฝั่งเพื่อไปยังที่พักหรือหาดต่างๆได้เลย หรือจะเช่ามอเตอร์ไซค์จากตรงนี้ก็สะดวกครับ
พอมาถึงที่พัก ซึ่งที่พักของผม คือ บ้านของเพื่อนที่รู้จักกันอยู่แถวโลลีบีช ผมจึงประหยัดค่าที่พักได้ แต่แถวๆโลลีบีชก็มีที่พักราคาไม่แพงเยอะครับตั้งแต่ราคา 200 – 700 บาท ถ้าเป็นแก๊งมากับเพื่อนผู้ชายก็ง่ายดีครับ เก็บของเสร็จแล้วก็เดินมาเช่ารถมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าปากซอยข้างๆที่พัก ซึ่งเป็นร้านที่เคยมาเช่าตอนมาเกาะช้างครั้งแรกเมื่อปี 2561 ครับ ดีใจที่ครั้งนี้มาเค้าก็จำผมได้ ผมจึงได้ราคาพิเศษ ปกติจะอยู่ที่ 150-200 บาทต่อวัน แต่ผมได้ในราคา 500 บาทต่อ 6 วัน ลองต่อลองดูนะครับ ถ้าขอเช่า 6 วัน เปรียบเทียบกันหลายๆเจ้าครับ พอได้มอเตอร์ไซค์แล้วก็พักผ่อนอยู่แถวนี้เลยครับ ไม่ได้ทำอะไรมาก ร่างกายต้องการทะเล ก็จะนอนเล่น คนไม่เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง และก็สะอาดครับ
DAY 2
โลลีบีช
วันต่อมา ตื่นมาก็บ่ายแล้ว ก็เลยขับไปที่ ไวท์แซน หรือหาดทรายขาว ซึ่งทรายขาวจริงๆ ก็สวยดีครับ แนะนำให้ลองไปกันนะครับ พอนั่งกินลมชมวิวสักพัก ผมก็กลับมาที่โลลีบีชเพื่อหาร้านนั่งชิว ร้านที่ไปก็คือ Banana Leaf นั่งเพลินๆ ฟังเพลงชิวๆ จิบเบียร์เบาๆ ราคาเบียร์ขวดเล็กก็ประมาณ 70 บาทครับ ถ้าเป็นค็อกเทลก็เริ่มประมาณ 140 -170 บาทต่อแก้วครับผม
ตกกลางคืนพอกรึ่มๆได้ที่ ผมก็หาข้าวกินครับ เลยมาเจอร้านกุ้งกะทะย่านไก่แบ้แห่งเดียวบนเกาะเลยก็ว่าได้ซึ่งคนเยอะมาก มีทั้งอาหารทะเล กุ้ง หอย ปูปลาหมึก เนื้อ หมู ไก่ ครบเซ็ทเรื่องปิ้งย่างเลยครับ รสชาติรวมๆก็พอใช้ได้ ไม่ได้หวือหวา มันเป็นบุฟเฟ่เลยมีราคาหัวละ 235 ไม่รวมเครื่องดื่มโค้กหนึ่งขวดใหญ่ก็ 50 บาทและครับ ส่วนเตาย่างจะคิดเพิ่ม 89 บาทครับ
----------------------------------------------------
DAY 3
เที่ยวชมเกาะ – แวะจุดชมวิว
กินอิ่มนอนหลับสนิทไปแล้วเมื่อคืน เช้าวันที่ 3 เลยตระเวณรอบเกาะ แวะจุดชมวิวต่างๆ เพื่อพักเครื่องกันหน่อย (ขอบอกเลยว่าใครขับรถไม่แข็งทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จะลำบากหน่อยครับ ทางโหดมาก) แค่ขับรถรอบเกาะก็เหนื่อยและครับ แถมร้อนแบบร้อนมากๆเลยครับ เลยเหนื่อยกับไปนอนที่พักและนั่งจิบเบียร์ดีกว่า ก็ชิวๆกันไปกับคืนวันที่ 3
----------------------------------------------------
DAY 4
บางเบ้า
วันที่ 4 แล้วเวลาผ่านไปเร็วมากเลยครับ จุดมุ่งหมายวันนี้คือบางเบ้า จริงๆที่บางเบ้ามีที่เที่ยวหลายที่ครับ ทั้งตลาดบางเบ้า หรือหมู่บ้านชาวประมง แต่ตามเคยครับ ผมชินที่จะดื่มด่ำบรรยากาศการนั่งริมทะเลชิวๆ เลยเลือกที่จะแวะร้าน Djembe house ซึ่งบรรยากาศดีมากเว่อพร้อมดนตรีชิวๆเช่นเคย ราคาเครื่องดื่มก็พอๆกันกับที่ Banana Leaf แหละครับ เบียร์ 70 ขวดเล็ก ค็อกเทล 140-170 บาทต่อแก้ว แต่บรรยากาศคุ้มราคา แล้วผมก็ขับรถกลับมาที่โลลีบีชเพื่อกลับที่พักครับ
----------------------------------------------------
DAY 5
น้ำตก – หาดไก่แบ้
เช้าวันรุ่งขึ้นผมว่าจะไปเที่ยวน้ำตกสักหน่อย ผมขับรถไปทางไก่แบ้ และตรงขึ้นไปเรื่อยๆ ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันคือบนถนนอะไร ใช้เวลาเดินทางจากโลลีบีชประมาณ 20 นาทีครับ ซึ่งตอนแรกว่าจะไปเล่นที่ น้ำตกธารมะยม พอเข้าไปปิดเพราะน้ำแห้ง เลยขับย้อนกลับมาน้ำตกคลองนนทรี น้ำก็แห้งมากเหมือนกันครับ เหตุเพราะว่า ผมดันไปเที่ยวในหน้าร้อน เลยต้องเจอชะตากรรมของน้ำที่แห้งเหือดไปตามระเบียบ ถ้าจะให้ดีไปตอนหน้าฝนดีกว่าครับ น้ำเต็มแน่นอน พอน้ำตกไม่มีเลยมีแค่ทางเลือกเดียวที่ผมจะได้เล่นน้ำก็คือการเล่นน้ำทะเลครับ ผมจึงแวะเล่นที่หาดไก่แบ้ หาดสวยไม่มีหิน คลื่นก็ไม่ค่อยแรง เหมาะแก่การเล่นน้ำชิวๆมากครับ
DAY 6
วันเดินทางกลับ
วันสุดท้ายเป็นวันกลับ ซึ่งผมได้จองตั๋วกลับไว้แล้วจากบริษัทบุญสิริเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรอบกลับของผมคือบ่ายสองโมงครึ่ง เพราะฉะนั้นผมต้องมาขึ้นเรือให้ทันตอนเที่ยง และนั่งรถบัสต่อ รายละเอียดตามภาพเลยครับ ผมตื่นมาประมาณ 8 โมง โดยมาหากาแฟกินในครัว และทอดไข่เจียวง่ายๆ เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองในวันกลับ หลังจากนั้นได้เวลาออกเดินทางกลับกันแล้ว ผมเลือกที่จะยืนรอรถ Taxi ซึ่งจะมาชั่วโมงละคันเท่านั้นต้องกะเวลาเดินทางดีๆ เพราะไม่งั้นตกเรือแน่ๆ ผมออกมายืนรอ Taxi ตอน 10 โมงพอดี และได้ถึงท่าเรือประมาณ 11 โมง ก็ข้ามฝั่งได้เลย ไปถึงฝั่งตราดก็ประมาณ เที่ยงแล้วครับ ผมจึงหาข้าวกิน ผมจำได้ว่าสั่งกระเพราเนื้อไข่ดาว ราคาอยู่ที่ 60 บาท หลังจากนั้นก็รอขึ้นรถทัวร์ตอนบ่ายสองโมงครึ่ง และมาถึงข้าวสารประมาณ 4 ทุ่มโดยสวัสดิภาพ
หากเพื่อนๆคนไหนอยากไปบอกเลยหน้าฝนคือดีสุด น้ำดีอากาศดี แต่ติดอย่างเดียวขับรถระมัดระวังนะครับ เพราะอุบัติเหตุที่เกาะมีไม่เว้นแต่ละวัน และอีกอย่างจริงๆผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเลยมีรูปน้อยและไม่ค่อยได้ออกไปไหน แต่ก็อยากมารีวิวเพราะอยากให้การท่องเที่ยวไทยมันดีขึ้น มีอีกหลายเกาะหลายที่ที่สวยและน่าไปนะครับ โชคดีกับทริปของคุณครับ