Dabbe: Curse of the Jinn (2013)
"อาถรรพณ์วิญญาณหลอน"
"นี่คือหนังที่ทำให้รู้สึกกลัวที่สุดหลังจาก The Wailing (2016) ... และที่สำคัญ มันได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง!!"
***
- วันนี้ขอมาแนะนำหนังบน Netflix นะครับ ในหมวดของหนังสยองขวัญ ที่เป็นงานในเฟรนไชส์เรื่องที่ 4 ในชุด #Dabbe จากประเทศตุรกี
- หนังใช้ชื่อใน #netflix ว่า "#อาถรรพณ์วิญญาณหลอน" โดยมีชื่อในภาษาตุรกีว่า Dabbe: Cin Çarpmasi ส่วนชื่อภาษาอังกฤษมี 2 ชื่อครับ คือ Dabbe: The Possession กับ Dabbe: Curse of the Jinn ซึ่งฟี่ชอบชื่อหลังมากกว่า เพราะค่อนข้างตรงตัวดี
- อย่างที่ทราบกันครับว่า ในความเชื่อของชาวมุสลิม ไม่มีผี เนื่องจากไม่มีเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด แต่วิญญาณร้ายของพวกเขาจะมาในรูปแบบของปีศาจร้ายที่เรียกว่า "ญิน หรือ Jinn" ซึ่งก็คือ ตัวแทนผีร้ายในหนังเรื่องนี้ครับ
- หนังเล่าเรื่องราวของ Ebru คุณหมอสาว ที่กำลังทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการรักษาโรคจิตเภท ในความเชื่อของชาวบ้านที่มักจะไปพึ่งกับหมอผีคอยปัดเป่าไล่วิญญาณร้าย
ด้วยความไม่เชื่อเป็นทุนเดิม บวกกับความต้องการเนื้อหามาทำรายงาน และลึก ๆ ก็คือ ต้องการช่วยเหลือคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งก็คือเพื่อนรักสมัยเด็กของเธอ
เธอจึงท้าทายหมอผีชื่อดังรายหนึ่ง ให้ลองมาขับไล่วิญญาณร้ายจากตัวเพื่อนของเธอ ที่ในคืนก่อนวันแต่งงาน กลับคลุ้มคลั่งราวกับถูกญินสิงสู่ จนฆาตกรรมว่าที่สามีตายอย่างสยดสยอง ... แม้ทางการแพทย์จะลงความเห็นว่า หล่อนน่าจะป่วยด้วยโรคจิตเภท แต่ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม อาการก็ไม่ดีขึ้น ... และ Ebru จึงต้องการพิสูจน์ด้วยเคสนี้ว่า ไสยศาสตร์ไม่มีจริง พร้อม ๆ กับกระชากหน้ากากหมอผีว่าคือจอมลวงโลก
แต่กลายเป็นว่า ... นี่กลับเป็นการรนหาเรื่อง ที่จะทำให้คุณหมอสาว จดจำไปชั่วชีวิต

- หนังได้รับการนำเสนอว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งหนังก็ไม่ได้บอกว่า ความจริงมันคือส่วนไหนบ้าง แต่ก็ช่วยเพิ่มความน่าขนลุกให้ตัวหนังได้มากทีเดียวครับ
- ผู้กำกับ Hasan Karacadag ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบเล่าเรื่องผ่านแคม กล้องวิดีโอที่คุณหมอในเรื่องใช้ในการเก็บภาพเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งยิ่งพองานภาพมันดิบ ๆ บวกกับคำว่า "สร้างจากเรื่องจริง" มันก็ยิ่งเพิ่มอรรถรสให้กับหนังขึ้นไปอี๊ก
- ต้องบอกว่า หนังเป็นโทนที่ถ้าใครชอบหนังสยองขวัญ หนังผีแบบ Conjuring ตุ้งแช่ ผีมีอิทธิฤทธิ์ X-Men หรือความโฉ่งฉ่างมาก ๆ อาจจะไม่ชอบนะครับ
- Dabbe4 มาในโทนของงานที่เน้นความเรียล ผ่านมุมมองและสายตาของตัวละคร ดำเนินเรื่องช้า ๆ เนิบ ๆ เหมือนนั่งดูงานสารคดี แต่ก็ค่อย ๆ เฉลยปม ผสมกับขยี้เรื่องราวใส่ผู้ชมหนักขึ้นเรื่อย ๆ
- ด้วยงานภาพที่ดิบ บวกกับโลเคชั่นที่แปลกตา มันทำให้ทุกอย่างดูหลอนไปหมด มันไม่มีอะไรน่าไว้วางใจเลยสักอย่าง และการที่ตัวร้ายของเรื่องมันคือ ญิน ที่คนไทยส่วนใหญ่อาจไม่ได้คุ้นเคย มันยิ่งทำให้เรื่องราวมันดูดำมืด ดูเดาอะไรยาก และเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความพิศวงที่น่าติดตาม คล้าย ๆ เป็นงานสืบสวนสอบสวนทางวิญญาณที่สนุกมากเรื่องหนึ่ง
- เรียกได้ว่า เป็นงานเปิดโลกมากกกกกกกกก เพราะฟี่เองก็ไม่รู้มาก่อนแหล่ะว่า ในความเชื่อของมุสลิม มันมีเรื่องของคุณไสย มนต์ดำอะไรทำนองนี้ด้วย
- ที่พีคไปกว่านั้นคือ Plot Twist ส่งท้ายที่หนักหน่วง จบเหมือนโดนปาหินใส่หน้า .... มันหนักอึ้งไปหมด และก็ทำให้เกิด after shock ต่อหนังได้รุนแรงมากจริง ๆ ครับ

- และแม้จะผ่านมาเกือบสองคืนที่ได้ดูแล้ว แต่ภาพของหนังก็ยังไม่ลบไปจากหัวฟี่ได้เลย ความหลอน ความชวนขนหัวลุกบางอย่างมันยังหลอกหลอนอยู่ในความคิดแบบที่ยากจะสลัดหลุดได้หมดจด
- ปกติฟี่เป็นคนชอบดูหนังผีมาก แต่ไม่ค่อยกลัว หาหนังผีที่ดูแล้วกลัวน้อยเรื่องมากครับ เรื่องสุดท้ายที่พอจะกลัว ๆ อยู่บ้างก็ต้องย้อนไป The Wailing ของเกาหลีใต้ ซึ่งก็ปาไป 2 ปีกว่าแล้ว จนกระทั่งมาเจอเรื่องนี้นี่แหล่ะครับ
- เอาเป็นว่า ใครมี netflix ชอบงานสยอง และอยากดูอะไรผี ๆ แบบเปิดโลก แต่น่ากลัว
"ห้ามพลาดครับ"
ปล.
ติดตามรีวิวและอินเนอร์จากหนังอื่น ๆ ของฟี่ ผู้เขียนได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/CinemaParadiso.by.Golffy/
>>Netflix Review<< ชวนดู "อาถรรพณ์วิญญาณหลอน" Dabbe4 หนังสยองตุรกีที่หลอนจนขนลุก
***
- วันนี้ขอมาแนะนำหนังบน Netflix นะครับ ในหมวดของหนังสยองขวัญ ที่เป็นงานในเฟรนไชส์เรื่องที่ 4 ในชุด #Dabbe จากประเทศตุรกี
- หนังใช้ชื่อใน #netflix ว่า "#อาถรรพณ์วิญญาณหลอน" โดยมีชื่อในภาษาตุรกีว่า Dabbe: Cin Çarpmasi ส่วนชื่อภาษาอังกฤษมี 2 ชื่อครับ คือ Dabbe: The Possession กับ Dabbe: Curse of the Jinn ซึ่งฟี่ชอบชื่อหลังมากกว่า เพราะค่อนข้างตรงตัวดี
- อย่างที่ทราบกันครับว่า ในความเชื่อของชาวมุสลิม ไม่มีผี เนื่องจากไม่มีเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด แต่วิญญาณร้ายของพวกเขาจะมาในรูปแบบของปีศาจร้ายที่เรียกว่า "ญิน หรือ Jinn" ซึ่งก็คือ ตัวแทนผีร้ายในหนังเรื่องนี้ครับ
- หนังเล่าเรื่องราวของ Ebru คุณหมอสาว ที่กำลังทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการรักษาโรคจิตเภท ในความเชื่อของชาวบ้านที่มักจะไปพึ่งกับหมอผีคอยปัดเป่าไล่วิญญาณร้าย
ด้วยความไม่เชื่อเป็นทุนเดิม บวกกับความต้องการเนื้อหามาทำรายงาน และลึก ๆ ก็คือ ต้องการช่วยเหลือคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งก็คือเพื่อนรักสมัยเด็กของเธอ
เธอจึงท้าทายหมอผีชื่อดังรายหนึ่ง ให้ลองมาขับไล่วิญญาณร้ายจากตัวเพื่อนของเธอ ที่ในคืนก่อนวันแต่งงาน กลับคลุ้มคลั่งราวกับถูกญินสิงสู่ จนฆาตกรรมว่าที่สามีตายอย่างสยดสยอง ... แม้ทางการแพทย์จะลงความเห็นว่า หล่อนน่าจะป่วยด้วยโรคจิตเภท แต่ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม อาการก็ไม่ดีขึ้น ... และ Ebru จึงต้องการพิสูจน์ด้วยเคสนี้ว่า ไสยศาสตร์ไม่มีจริง พร้อม ๆ กับกระชากหน้ากากหมอผีว่าคือจอมลวงโลก
แต่กลายเป็นว่า ... นี่กลับเป็นการรนหาเรื่อง ที่จะทำให้คุณหมอสาว จดจำไปชั่วชีวิต
- หนังได้รับการนำเสนอว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งหนังก็ไม่ได้บอกว่า ความจริงมันคือส่วนไหนบ้าง แต่ก็ช่วยเพิ่มความน่าขนลุกให้ตัวหนังได้มากทีเดียวครับ
- ผู้กำกับ Hasan Karacadag ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบเล่าเรื่องผ่านแคม กล้องวิดีโอที่คุณหมอในเรื่องใช้ในการเก็บภาพเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งยิ่งพองานภาพมันดิบ ๆ บวกกับคำว่า "สร้างจากเรื่องจริง" มันก็ยิ่งเพิ่มอรรถรสให้กับหนังขึ้นไปอี๊ก
- ต้องบอกว่า หนังเป็นโทนที่ถ้าใครชอบหนังสยองขวัญ หนังผีแบบ Conjuring ตุ้งแช่ ผีมีอิทธิฤทธิ์ X-Men หรือความโฉ่งฉ่างมาก ๆ อาจจะไม่ชอบนะครับ
- Dabbe4 มาในโทนของงานที่เน้นความเรียล ผ่านมุมมองและสายตาของตัวละคร ดำเนินเรื่องช้า ๆ เนิบ ๆ เหมือนนั่งดูงานสารคดี แต่ก็ค่อย ๆ เฉลยปม ผสมกับขยี้เรื่องราวใส่ผู้ชมหนักขึ้นเรื่อย ๆ
- ด้วยงานภาพที่ดิบ บวกกับโลเคชั่นที่แปลกตา มันทำให้ทุกอย่างดูหลอนไปหมด มันไม่มีอะไรน่าไว้วางใจเลยสักอย่าง และการที่ตัวร้ายของเรื่องมันคือ ญิน ที่คนไทยส่วนใหญ่อาจไม่ได้คุ้นเคย มันยิ่งทำให้เรื่องราวมันดูดำมืด ดูเดาอะไรยาก และเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความพิศวงที่น่าติดตาม คล้าย ๆ เป็นงานสืบสวนสอบสวนทางวิญญาณที่สนุกมากเรื่องหนึ่ง
- เรียกได้ว่า เป็นงานเปิดโลกมากกกกกกกกก เพราะฟี่เองก็ไม่รู้มาก่อนแหล่ะว่า ในความเชื่อของมุสลิม มันมีเรื่องของคุณไสย มนต์ดำอะไรทำนองนี้ด้วย
- ที่พีคไปกว่านั้นคือ Plot Twist ส่งท้ายที่หนักหน่วง จบเหมือนโดนปาหินใส่หน้า .... มันหนักอึ้งไปหมด และก็ทำให้เกิด after shock ต่อหนังได้รุนแรงมากจริง ๆ ครับ
- และแม้จะผ่านมาเกือบสองคืนที่ได้ดูแล้ว แต่ภาพของหนังก็ยังไม่ลบไปจากหัวฟี่ได้เลย ความหลอน ความชวนขนหัวลุกบางอย่างมันยังหลอกหลอนอยู่ในความคิดแบบที่ยากจะสลัดหลุดได้หมดจด
- ปกติฟี่เป็นคนชอบดูหนังผีมาก แต่ไม่ค่อยกลัว หาหนังผีที่ดูแล้วกลัวน้อยเรื่องมากครับ เรื่องสุดท้ายที่พอจะกลัว ๆ อยู่บ้างก็ต้องย้อนไป The Wailing ของเกาหลีใต้ ซึ่งก็ปาไป 2 ปีกว่าแล้ว จนกระทั่งมาเจอเรื่องนี้นี่แหล่ะครับ
- เอาเป็นว่า ใครมี netflix ชอบงานสยอง และอยากดูอะไรผี ๆ แบบเปิดโลก แต่น่ากลัว
"ห้ามพลาดครับ"