จขกท อายุ 30 กลางๆ ค่ะ ที่บ้านมีเชื้อจีน ตั้งแต่มีแฟนตอนมหาลัย ถ้าคบจริงจังเราก็พามาที่บ้านให้พ่อแม่ได้เห็น ได้รู้จัก ดีกว่าไปแอบคบกัน
ตอนมีแฟนแม่เราก็ชอบแอบไปดูดวง ว่าเรากะแฟนคนนี้จะสมหวังกันมั้ย ซึ่งบอกเลยว่า เลิกทุกราย 55 อาจจะไม่เกี่ยวกับการดูดวงหรอกค่ะ
คงไม่ใช่คู่แท้กันมากกว่า ก่อนจะเลิกกับแฟนคนล่าสุด เราโสดอยู่ 2 ปี น้องสาวพ่อก็แนะนำผู้ชายคนนึง อายุเท่ากันกะเราให้รู้จัก
คือแรกๆ เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย น้องสาวเราไปหารูปเราเอาไปให้ฝั่งผู้ชาย คืออาจจะไปตรงสเปคเค้ารึป่าว ไม่แน่ใจค่ะ แต่เค้าให้รูปเค้ากลับมา
พร้อมเขียนชื่อและเบอร์โทรมา เรามารู้ทีหลังคือแม่เราหลุดปากมา แล้วมันก็มีวันนั้นจริงๆ วันที่ผู้ชายมาบ้านเรา เพื่อมาแนะนำให้รู้จักอย่าง
เป็นทางการ
ความรู้สึกตอนนั้นบอกตรงๆ คือตื่นเต้นค่ะ ก็คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเค้าจะเป็นยังไง พอเค้ามาถึง ก็โอเคในระดับนึง แล้วมารู้ว่าจบมหาลัยเดียวกัน
แต่คนละคณะ ทำธุรกิจส่วนตัวของที่บ้าน วันนั้นเราก็แลกเบอร์กัน คุยกันมา 3 เดือน เค้าเร่งรัดเราให้มาเจอแม่เค้า ซึ่งถามว่าตอนนั้นคบกันรึป่าว
ก็ยังไม่ได้คบค่ะ มีไปทานข้าวกันบ้าง แต่เราก็ยังไม่รู้สึกอะไร พอเราปฏิเสธที่เจอแม่เค้าประมาณ 3 ครั้ง เค้าบอกเราว่าเหมือนเค้าพยายามอยู่ฝ่ายเดียว
เราก็แบบเราผิดเหรอ ที่เราไม่ไปเจอแม่เค้า เพราะเราไม่ว่าง เราทำงาน สุดท้ายเราก็เลิกคุยกัน ล่าสุดเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาก็รู้มาว่าเค้าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว
55 ซึ่งเราก็ยินดีไปกะเค้าด้วย
จนมาถึงวันนี้ ตอนนี้ ความหวังดีของแม่เรากลับมาอีกครั้ง จุดเริ่มต้นคือตาเราเสีย แม่ก็ไปเจอเพื่อนเก่า พอได้มีการสนทนากัน ก็มีเพื่อนแม่แนะนำ
ลูกชายเพื่อนยังโสดอยู่ ซึ่งแกก็บอกว่าเค้าเป็นคนดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แต่ก็ไม่สมหวังในความรัก แม่เค้าก็บอกว่าลูกสาวช้านก็โสด จึงเป็นเหตุที่ทางผู้ใหญ่จะแนะนำให้เราสองคนรู้จักกัน แต่ผู้ชายเค้าทำงานต่างประเทศ จึงยังไม่ได้รู้จักกันค่ะ
เราเข้าใจนะว่าแม่เราก็คงเป็นห่วง อยากให้เราแต่งออก มีสามี มีลูกดูแลเราตอนแก่ แต่สมัยก่อนกะสมัยนี้มันเปลี่ยนไปเยอะมาก ไอประโยคที่ว่า
แต่งๆไปเดี๋ยวก็รักกันเองแหละ มันก็อาจจะใช้ได้ แต่คงเป็น 1 ในล้านมั้งคะ ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือแม่เรากะเพื่อนแม่ ให้เราพามาดูหมอ เพื่อที่จะดูว่าดวงเรากะเค้าเป็นคู่กันรึป่าว เฮ้อ เรานี่แบบ มาถึงจุดๆนี้ได้ไงเนี่ยยยยยยย นี่เรานั่งอดทนเพราะความหวังดีของแม่ล้วนๆ แต่ถ้าเราจะชอบหรือไม่ชอบใคร เราก็บอกแม่ตรงๆ ไม่เคยต้องฝืนรักใคร แต่จะบอกเหตุผลแม่และคุยกันดีดี เราเคยพูดประโยคนึงไปว่า ถ้าเราแต่งงานไปแล้วเราไม่มีความสุข แม่จะมีความสุขเหรอ?
ประโยคนี้ทำให้แม่เราหยุดถามเรื่องแฟนไปหลายปีเลยนะคะ แต่ตอนนี้มันไม่ได้ผลแล้วววววว ><
หลังจากนี้ เราจะใช้ประโยคไหนบอกแม่เราดีคะเนี่ย
ปล.รักม๊าเสมอ แต่หนูขอเลือกแฟนเองได้มั้ยคะ? ><“
ประสบการณ์การดูตัวค่ะ >_<
ตอนมีแฟนแม่เราก็ชอบแอบไปดูดวง ว่าเรากะแฟนคนนี้จะสมหวังกันมั้ย ซึ่งบอกเลยว่า เลิกทุกราย 55 อาจจะไม่เกี่ยวกับการดูดวงหรอกค่ะ
คงไม่ใช่คู่แท้กันมากกว่า ก่อนจะเลิกกับแฟนคนล่าสุด เราโสดอยู่ 2 ปี น้องสาวพ่อก็แนะนำผู้ชายคนนึง อายุเท่ากันกะเราให้รู้จัก
คือแรกๆ เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย น้องสาวเราไปหารูปเราเอาไปให้ฝั่งผู้ชาย คืออาจจะไปตรงสเปคเค้ารึป่าว ไม่แน่ใจค่ะ แต่เค้าให้รูปเค้ากลับมา
พร้อมเขียนชื่อและเบอร์โทรมา เรามารู้ทีหลังคือแม่เราหลุดปากมา แล้วมันก็มีวันนั้นจริงๆ วันที่ผู้ชายมาบ้านเรา เพื่อมาแนะนำให้รู้จักอย่าง
เป็นทางการ
ความรู้สึกตอนนั้นบอกตรงๆ คือตื่นเต้นค่ะ ก็คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเค้าจะเป็นยังไง พอเค้ามาถึง ก็โอเคในระดับนึง แล้วมารู้ว่าจบมหาลัยเดียวกัน
แต่คนละคณะ ทำธุรกิจส่วนตัวของที่บ้าน วันนั้นเราก็แลกเบอร์กัน คุยกันมา 3 เดือน เค้าเร่งรัดเราให้มาเจอแม่เค้า ซึ่งถามว่าตอนนั้นคบกันรึป่าว
ก็ยังไม่ได้คบค่ะ มีไปทานข้าวกันบ้าง แต่เราก็ยังไม่รู้สึกอะไร พอเราปฏิเสธที่เจอแม่เค้าประมาณ 3 ครั้ง เค้าบอกเราว่าเหมือนเค้าพยายามอยู่ฝ่ายเดียว
เราก็แบบเราผิดเหรอ ที่เราไม่ไปเจอแม่เค้า เพราะเราไม่ว่าง เราทำงาน สุดท้ายเราก็เลิกคุยกัน ล่าสุดเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาก็รู้มาว่าเค้าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว
55 ซึ่งเราก็ยินดีไปกะเค้าด้วย
จนมาถึงวันนี้ ตอนนี้ ความหวังดีของแม่เรากลับมาอีกครั้ง จุดเริ่มต้นคือตาเราเสีย แม่ก็ไปเจอเพื่อนเก่า พอได้มีการสนทนากัน ก็มีเพื่อนแม่แนะนำ
ลูกชายเพื่อนยังโสดอยู่ ซึ่งแกก็บอกว่าเค้าเป็นคนดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แต่ก็ไม่สมหวังในความรัก แม่เค้าก็บอกว่าลูกสาวช้านก็โสด จึงเป็นเหตุที่ทางผู้ใหญ่จะแนะนำให้เราสองคนรู้จักกัน แต่ผู้ชายเค้าทำงานต่างประเทศ จึงยังไม่ได้รู้จักกันค่ะ
เราเข้าใจนะว่าแม่เราก็คงเป็นห่วง อยากให้เราแต่งออก มีสามี มีลูกดูแลเราตอนแก่ แต่สมัยก่อนกะสมัยนี้มันเปลี่ยนไปเยอะมาก ไอประโยคที่ว่า
แต่งๆไปเดี๋ยวก็รักกันเองแหละ มันก็อาจจะใช้ได้ แต่คงเป็น 1 ในล้านมั้งคะ ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือแม่เรากะเพื่อนแม่ ให้เราพามาดูหมอ เพื่อที่จะดูว่าดวงเรากะเค้าเป็นคู่กันรึป่าว เฮ้อ เรานี่แบบ มาถึงจุดๆนี้ได้ไงเนี่ยยยยยยย นี่เรานั่งอดทนเพราะความหวังดีของแม่ล้วนๆ แต่ถ้าเราจะชอบหรือไม่ชอบใคร เราก็บอกแม่ตรงๆ ไม่เคยต้องฝืนรักใคร แต่จะบอกเหตุผลแม่และคุยกันดีดี เราเคยพูดประโยคนึงไปว่า ถ้าเราแต่งงานไปแล้วเราไม่มีความสุข แม่จะมีความสุขเหรอ?
ประโยคนี้ทำให้แม่เราหยุดถามเรื่องแฟนไปหลายปีเลยนะคะ แต่ตอนนี้มันไม่ได้ผลแล้วววววว ><
หลังจากนี้ เราจะใช้ประโยคไหนบอกแม่เราดีคะเนี่ย
ปล.รักม๊าเสมอ แต่หนูขอเลือกแฟนเองได้มั้ยคะ? ><“