เริ่มต้นค่ะ เขาเป็นโรคซึมเศร้า เราทั้งสองหมั้นกันแล้ว โรคซึมเศร้าของเขามีอาการรุนแรงมากจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย
ปัญหาอยู่ที่ดิฉันต้องทำงานและเรียนพร้อมกัน พูดง่ายๆ คือหาเงินคนเดียว ดิฉันเลยไปส่งเขาที่บ้านเพื่อให้เขารักษาตัว
หลังจากนั้นดิฉันก็กลับมา แล้วเขาก็บอกว่าครอบครัวของดิฉันไล่เขา ตบหัวแล้วลูบหลัง ทั้งที่ตลอดการดูแลที่เขาป่วย
ครอบครัวของฉันคือคนจ่ายค่ารักษาให้ ฉันน้ำตาตกที่ต้องทำให้พ่อแม่ลำบาก คนรักก็รัก...ก็พยายามกัดฟันอดทนทำงานดูแลกันไป
จนกระทั่งวันที่ฉันจะกลับนั้นได้บอกกับเขาว่าท้อง เขาก็ทำหน้าเหมือนจะดีใจหรือเปล่าไม่แน่ใจ ก็บอกว่าจะรับผิดชอบเอง
หลังจากดิฉันกลับมาได้ไม่ถึงสามวัน เขานัดผู้หญิงคนอื่นที่คุยในแอ๊ปหาคู่ไปเอากันที่โรงแรม ซึ่งวันนั้นดิฉันมีอาการตกเลือดจึงต้องไปหาหมอ
โทรหาเขาไม่รับ ทั้งห่วงและงง กลัวว่าโรคเขาจะร้ายแรงขึ้น สุดท้ายมาจับได้ตอนแอบแฮ็คไลน์เขาเพื่อเข้าไปดูข้อความ ถึงได้รู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง
หลังจากนั้นเรามีปากเสียงกันค่ะ แต่เขาก็ยอมขอโทษ ยอมง้อ และบอกว่าเขาจำเป็นต้องคุย เพราะอาการของเขาไม่สามารถอยู่คนเดียวได้
เราทำใจไม่ได้ค่ะ พยายามบอกให้ฟังถึงเรื่องลูกในท้อง เพราะตอนที่ตกเลือด เราไปหาหมอสรุปคือได้แฝด และเราไม่ได้พักผ่อน เดินทางไปส่งเขาถึงบ้าน
ซึ่งมันไกล และกระทบกับเด็กในท้อง ตอนนั้นเราไม่รู้ตัวด้วยว่ามีน้องจึงได้ส่งเขา แต่ยังเหลืออีกถุงการตั้งครรภ์แต่ไม่เห็นหัวใจ ซึ่งหมอยังให้โอกาสอีกหนึ่งอาทิตย์ ให้กลับไปซาวใหม่ ถ้าไม่เห็นอีกแปลว่าแท้งโดยสมบูรณ์ หลังจากนั้นดิฉันก็พยายามไม่คิดมาก และรักษาตัว แต่ในใจกระวนกระวาย จากคนที่เคยอยู่กับเรา บอกรักเราตลอด ขาดเราไม่ได้ พอได้มีที่ใหม่ ทางเลือกใหม่ เขาก็ทำเป็นคนไม่รู้จัก ล่าสุดเขาคุยกับเด็กคนใหม่เป็นนักศึกษาครู อยู่ที่เชียงใหม่ ไปขึ้นสถานะคบกัน แล้วมาบอกเลิกดิฉัน ซึ่งดิฉันไม่เลิกค่ะ จะบอกทำใจไม่ได้ ใช่ค่ะ....ไม่เคยคิดเลยว่าท้องครั้งแรก ก็ต้องถูกทิ้งแบบนี้ พอดิฉันถามว่าทำอะไรผิด
เขาบอกว่าครอบครัวดิฉันไล่เขากลับไปที่บ้าน ตบหัวแล้วลูบหลัง เขาไม่ชอบ และไม่ขอกลับมา ส่วนลูกของดิฉันเขาก็บอกว่าไม่มั่นใจว่าเป็นของเขา
เป็นการใส่ร้ายว่าฉันไปท้องกับคนอื่น และบอกแฟนใหม่ของเขาที่เป็นนักศึกษาครูคนนั้นว่าได้เลิกกับฉันแล้ว เพราะเขาบอกเลิก น้องคนนั้นก็ใจกล้าที่จะคบกับผู้ชายคนนี้ ทั้งที่รู้ว่าเขามีเมียมีลูก และตอนนี้ดิฉันยังคงเจ็บและรู้สึกแค้นมาก แต่คนรอบข้างดิฉันบอกว่าอย่าได้คิดทำอะไรเลย ให้รู้จักปล่อยวาง
พูดง่ายแต่ทำยากนะคะ เราต้องทนทุกข์ทรมาน ร้องไห้และตรอมใจ และยังต้องพยายามไม่ให้กระทบกับลูก แต่เขากับระริกระรี้ไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น
ตอนนี้เรื่องหมั้นไม่มีความหมายเลยค่ะ เพราะเขาบอกว่าเขาได้บอกเลิกดิฉันแล้ว แต่การเลิกกันคือต้องพอใจทั้งสองฝ่าย ฉันวิ่งตามเขาไปก็เท่านั้น คิดนะคะ
แต่เจ็บแค้นและรู้สึกโกรธมาก เพราะภาระหนี้สินที่เขาทำเอาไว้ และดิฉันต้องรับภาระต่อ ไหนจะงานและเรียนแล้วยังลูกในท้องที่ต้องดูแล ฉันรู้สึกตรอมใจกับตัวเองมากที่โง่ในความรัก รู้ว่าการจมปลักไม่ได้ช่วยอะไรและชีวิตคนเราก็ต้องเดินหน้าต่อ แต่ฉันทำใจไม่ได้จริงๆ ที่เขาไร้เยื่อใยแม้กระทั่งลูกในไส้ของตัวเอง บางวันฉันก็รู้สึกโกรธจนหงุดหงิด อยากจะฆ่าเขาให้ตาย แต่แน่นอนมันทำอะไรไม่ได้ จนบางทีก็คิดอยากให้ตัวเองตายแทน จะได้จบกับปัญหาที่ต้องพบเจอ ถามว่าการเงินที่บ้านมีปัญหามั้ย มีค่ะ...ดิฉันพยายามลดภาระทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่อยากให้กระทบพ่อแม่ ดิฉันก็ทำงานแล้วและเรียนต่อในระดับสูง
แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเสียความสุขไป แทนที่จะต้องดีใจกับการท้องครั้งนี้ ทำไมดิฉันถึงตรอมใจขนาดนี้คะ ดิฉันควรทำยังไงกับตัวเองดี จะให้รั้งเขาก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา น้องนักศึกษาคนนั้นก็ได้ใจมากด้วยที่ผู้ชายเลือกเขา ดิฉันรู้สึกโกรธนะคะ เพราะน้องเขารู้ว่ามีเมียมีลูก แต่ฝ่ายชายบอกว่าเลิกแล้ว ก็คือคบต่อได้? อ่อ....โลกสมัยนี้น่ากลัวจัง เพื่อนก็บอกให้ดิฉันทำใจ บาปกรรมมีจริงต้องตามทันเขาสักวัน แต่ตอนนี้ดิฉันไม่มีความสุขกับตัวเองเลย มันผ่านไปยากลำบากเหลือเกินค่ะ เหมือนชีวิตนี้ขาดเป้าหมายในชีวิต ทั้งที่มีลูกอยู่ในท้องแต่กลับไม่มีความสุข มันตรอมใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลดไปหลายวัน
และตอนนี้เขาทั้งสองคนก็ทำเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ดิฉันก็ไม่ใช่ไม่โทษตัวเอง...รู้ค่ะว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะดิฉันเลือกเขาเอง แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าคู่หมั้นจะทิ้งกันไปได้ง่ายขนาดนี้ ตอนนี้เจอหน้าใครเวลาเขาถามถึงพ่อของเด็ก ดิฉันก็จุกที่คอ มันตอบไม่ได้ มันเจ็บและบอบช้ำมาก ดิฉันเคยคิดจะประจานเขานะคะ อยากให้โลกโซเชี่ยวได้ลงโทษเขา แต่ก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าทำแล้วเราได้อะไร? (ก็อาจจะได้ความสะใจมั้งคะ) รู้สึกว่าถ้าได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง ก็ไม่มั่นใจตัวเองเช่นกันว่าจะไม่หยิบหมีดไปปักอยู่คอผู้ชายคนนั้น
ตอนนี้ต้องนั่งทำงาน แต่ความเจ็บช้ำในใจกระทบไปหมดเลยค่ะ อยู่คนเดียวเป็นร้องไห้ตลอด ไม่เป็นอันทำอะไรเลยจนรู้สึกว่าตัวเองโตไม่พอ
ดิฉันควรทำยังไงกับชีวิตดี มันรู้สึกแย่มากๆ กับความรู้สึกแบบนี้....
ท้องได้ 7 week ผู้ชายบอกเลิกและไม่รับผิดชอบ ไปมีผู้หญิงคนอื่น
ปัญหาอยู่ที่ดิฉันต้องทำงานและเรียนพร้อมกัน พูดง่ายๆ คือหาเงินคนเดียว ดิฉันเลยไปส่งเขาที่บ้านเพื่อให้เขารักษาตัว
หลังจากนั้นดิฉันก็กลับมา แล้วเขาก็บอกว่าครอบครัวของดิฉันไล่เขา ตบหัวแล้วลูบหลัง ทั้งที่ตลอดการดูแลที่เขาป่วย
ครอบครัวของฉันคือคนจ่ายค่ารักษาให้ ฉันน้ำตาตกที่ต้องทำให้พ่อแม่ลำบาก คนรักก็รัก...ก็พยายามกัดฟันอดทนทำงานดูแลกันไป
จนกระทั่งวันที่ฉันจะกลับนั้นได้บอกกับเขาว่าท้อง เขาก็ทำหน้าเหมือนจะดีใจหรือเปล่าไม่แน่ใจ ก็บอกว่าจะรับผิดชอบเอง
หลังจากดิฉันกลับมาได้ไม่ถึงสามวัน เขานัดผู้หญิงคนอื่นที่คุยในแอ๊ปหาคู่ไปเอากันที่โรงแรม ซึ่งวันนั้นดิฉันมีอาการตกเลือดจึงต้องไปหาหมอ
โทรหาเขาไม่รับ ทั้งห่วงและงง กลัวว่าโรคเขาจะร้ายแรงขึ้น สุดท้ายมาจับได้ตอนแอบแฮ็คไลน์เขาเพื่อเข้าไปดูข้อความ ถึงได้รู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง
หลังจากนั้นเรามีปากเสียงกันค่ะ แต่เขาก็ยอมขอโทษ ยอมง้อ และบอกว่าเขาจำเป็นต้องคุย เพราะอาการของเขาไม่สามารถอยู่คนเดียวได้
เราทำใจไม่ได้ค่ะ พยายามบอกให้ฟังถึงเรื่องลูกในท้อง เพราะตอนที่ตกเลือด เราไปหาหมอสรุปคือได้แฝด และเราไม่ได้พักผ่อน เดินทางไปส่งเขาถึงบ้าน
ซึ่งมันไกล และกระทบกับเด็กในท้อง ตอนนั้นเราไม่รู้ตัวด้วยว่ามีน้องจึงได้ส่งเขา แต่ยังเหลืออีกถุงการตั้งครรภ์แต่ไม่เห็นหัวใจ ซึ่งหมอยังให้โอกาสอีกหนึ่งอาทิตย์ ให้กลับไปซาวใหม่ ถ้าไม่เห็นอีกแปลว่าแท้งโดยสมบูรณ์ หลังจากนั้นดิฉันก็พยายามไม่คิดมาก และรักษาตัว แต่ในใจกระวนกระวาย จากคนที่เคยอยู่กับเรา บอกรักเราตลอด ขาดเราไม่ได้ พอได้มีที่ใหม่ ทางเลือกใหม่ เขาก็ทำเป็นคนไม่รู้จัก ล่าสุดเขาคุยกับเด็กคนใหม่เป็นนักศึกษาครู อยู่ที่เชียงใหม่ ไปขึ้นสถานะคบกัน แล้วมาบอกเลิกดิฉัน ซึ่งดิฉันไม่เลิกค่ะ จะบอกทำใจไม่ได้ ใช่ค่ะ....ไม่เคยคิดเลยว่าท้องครั้งแรก ก็ต้องถูกทิ้งแบบนี้ พอดิฉันถามว่าทำอะไรผิด
เขาบอกว่าครอบครัวดิฉันไล่เขากลับไปที่บ้าน ตบหัวแล้วลูบหลัง เขาไม่ชอบ และไม่ขอกลับมา ส่วนลูกของดิฉันเขาก็บอกว่าไม่มั่นใจว่าเป็นของเขา
เป็นการใส่ร้ายว่าฉันไปท้องกับคนอื่น และบอกแฟนใหม่ของเขาที่เป็นนักศึกษาครูคนนั้นว่าได้เลิกกับฉันแล้ว เพราะเขาบอกเลิก น้องคนนั้นก็ใจกล้าที่จะคบกับผู้ชายคนนี้ ทั้งที่รู้ว่าเขามีเมียมีลูก และตอนนี้ดิฉันยังคงเจ็บและรู้สึกแค้นมาก แต่คนรอบข้างดิฉันบอกว่าอย่าได้คิดทำอะไรเลย ให้รู้จักปล่อยวาง
พูดง่ายแต่ทำยากนะคะ เราต้องทนทุกข์ทรมาน ร้องไห้และตรอมใจ และยังต้องพยายามไม่ให้กระทบกับลูก แต่เขากับระริกระรี้ไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น
ตอนนี้เรื่องหมั้นไม่มีความหมายเลยค่ะ เพราะเขาบอกว่าเขาได้บอกเลิกดิฉันแล้ว แต่การเลิกกันคือต้องพอใจทั้งสองฝ่าย ฉันวิ่งตามเขาไปก็เท่านั้น คิดนะคะ
แต่เจ็บแค้นและรู้สึกโกรธมาก เพราะภาระหนี้สินที่เขาทำเอาไว้ และดิฉันต้องรับภาระต่อ ไหนจะงานและเรียนแล้วยังลูกในท้องที่ต้องดูแล ฉันรู้สึกตรอมใจกับตัวเองมากที่โง่ในความรัก รู้ว่าการจมปลักไม่ได้ช่วยอะไรและชีวิตคนเราก็ต้องเดินหน้าต่อ แต่ฉันทำใจไม่ได้จริงๆ ที่เขาไร้เยื่อใยแม้กระทั่งลูกในไส้ของตัวเอง บางวันฉันก็รู้สึกโกรธจนหงุดหงิด อยากจะฆ่าเขาให้ตาย แต่แน่นอนมันทำอะไรไม่ได้ จนบางทีก็คิดอยากให้ตัวเองตายแทน จะได้จบกับปัญหาที่ต้องพบเจอ ถามว่าการเงินที่บ้านมีปัญหามั้ย มีค่ะ...ดิฉันพยายามลดภาระทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่อยากให้กระทบพ่อแม่ ดิฉันก็ทำงานแล้วและเรียนต่อในระดับสูง
แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเสียความสุขไป แทนที่จะต้องดีใจกับการท้องครั้งนี้ ทำไมดิฉันถึงตรอมใจขนาดนี้คะ ดิฉันควรทำยังไงกับตัวเองดี จะให้รั้งเขาก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา น้องนักศึกษาคนนั้นก็ได้ใจมากด้วยที่ผู้ชายเลือกเขา ดิฉันรู้สึกโกรธนะคะ เพราะน้องเขารู้ว่ามีเมียมีลูก แต่ฝ่ายชายบอกว่าเลิกแล้ว ก็คือคบต่อได้? อ่อ....โลกสมัยนี้น่ากลัวจัง เพื่อนก็บอกให้ดิฉันทำใจ บาปกรรมมีจริงต้องตามทันเขาสักวัน แต่ตอนนี้ดิฉันไม่มีความสุขกับตัวเองเลย มันผ่านไปยากลำบากเหลือเกินค่ะ เหมือนชีวิตนี้ขาดเป้าหมายในชีวิต ทั้งที่มีลูกอยู่ในท้องแต่กลับไม่มีความสุข มันตรอมใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลดไปหลายวัน
และตอนนี้เขาทั้งสองคนก็ทำเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ดิฉันก็ไม่ใช่ไม่โทษตัวเอง...รู้ค่ะว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะดิฉันเลือกเขาเอง แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าคู่หมั้นจะทิ้งกันไปได้ง่ายขนาดนี้ ตอนนี้เจอหน้าใครเวลาเขาถามถึงพ่อของเด็ก ดิฉันก็จุกที่คอ มันตอบไม่ได้ มันเจ็บและบอบช้ำมาก ดิฉันเคยคิดจะประจานเขานะคะ อยากให้โลกโซเชี่ยวได้ลงโทษเขา แต่ก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าทำแล้วเราได้อะไร? (ก็อาจจะได้ความสะใจมั้งคะ) รู้สึกว่าถ้าได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง ก็ไม่มั่นใจตัวเองเช่นกันว่าจะไม่หยิบหมีดไปปักอยู่คอผู้ชายคนนั้น
ตอนนี้ต้องนั่งทำงาน แต่ความเจ็บช้ำในใจกระทบไปหมดเลยค่ะ อยู่คนเดียวเป็นร้องไห้ตลอด ไม่เป็นอันทำอะไรเลยจนรู้สึกว่าตัวเองโตไม่พอ
ดิฉันควรทำยังไงกับชีวิตดี มันรู้สึกแย่มากๆ กับความรู้สึกแบบนี้....