ในงานมอเตอร์โชว์ปี 2018 ผมได้ไปในงาน (ไปส่องพริตตี้) แล้วอีกเหตุผลคือไปส่องรถแห่งอนาคตที่ผมสนใจเป็นอย่างมากคือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
จริงๆแล้วพลังงานไฟฟ้าเป็นรถพลังงานทางเลือกที่คาดว่าอนาคตน่าจะสดใสเป็นอย่างมากในประเทศไทย ต้องขอบคุณปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ทำให้รัฐตื่นตัวเรื่องพลังงานทางเลือก ทำให้หันมาสนับสนุนเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นชิ้นเป็นอันสักที
ส่วนตัวไปมองราคารถไฟฟ้าที่อยู่ราวๆ 6 แสน จนถึงไม่เกิน 1.5 ล้าน เพราะมองว่าราคาที่สามารถจ่ายได้มีแค่นี้ ไปดูหลายค่ายที่นำมาเสนอ แต่ที่ไปยืนส่องจริงๆจังๆเลยคือ Nissan Leaf ของค่ายนิสสันเพราะเป็น Hatchback แต่ราคานิสสันไปไกลลลลลมากไปหน่อย (1.99ล้าน) และเท่าที่มีในมอเตอร์โชว์แต่ละรุ่นเปิดตัวมาราคาเกินงบไปไกลทุกตัวเลย (ฮุนได 1.8 ล้าน , Kia ซัดไป 2.3 ล้าน) เลยมีความคิดที่ว่าสงสัยต้องหันมาดูของผลิตในไทยเพื่อราคาที่คาดว่าน่าจะถูกกว่าเลยตั้งเป้าไปที่ MINE Mobility ของ EA แทน ซึ่งในงานมีมา 3 รุ่น แบบคร่าวๆ แต่ผมสนใจรุ่น City ที่สุด เพราะเห็นว่าจะมาปลายปีนี้ด้วย ซึ่งหลังจากวันงานก็กลับมาหาข้อมูลเต็มสตรีมจนทำให้รู้สึกว่าตัวนี้โคตรน่าสนใจเลย
หลักๆผมดู Spec เครื่องมากกว่ารูปลักษณ์ตัวรถ ขับได้ 200 Km ที่แบตเตอรี่ 20 kWh กับเครื่อง 50 kW ซึ่งระยะ 200 Km หลายท่านอาจมองว่ามันวิ่งได้น้อยแต่ถ้ามาคำนวณดีดีมันก็ประมาณ 1 ถัง LPG เหมือนกันถ้าเน้นเอามาวิ่งในเมืองแบบผมก็ถือว่าตอบโจทย์เลย ส่วนเรื่องการชาร์จอันนี้ที่เห็นในโบชัวร์ 25 นาทีตัดทิ้งไปได้เลย มันคือ Quick ชาร์จ สำหรับเดินทางต่างจังหวัด เพราะการชาร์จแบบ Quick ถามว่าเร็วน่ะดีแต่แลกมากับความร้อนที่ตัวแบตเป็นอย่างมาก ผมว่าชาร์จที่บ้าน 6 - 10 ชั่วโมงเต็มน่าจะเวิร์คสุด
ในส่วนของกำลังขับและระยะทางนี้ หลังจากไปหาข้อมูลมาหลายๆที่ส่วนตัวว่าน่าจะวิ่งได้ราวๆ 100 – 150 โล ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ปรับ บวก ลบ ไปกับพลังงานอื่นๆที่ดูดไฟฟ้าไป อาทิ การเร่งแซง การออกตัว รวมถึงพวกแอร์ที่ใช้ในตัวรถ ถ้าขับไป - กลับในเมือง 100 – 150 โลนี่เท่ากับมนุษย์เงินเดือนที่เดินทางไป-กลับทำงานทุกวันพอดีเผลอๆระยะทางอาจน้อยกว่าด้วยซ้ำ ส่วนความเร็วที่บอก 120 Km/Hr นั้น สำหรับผมไม่จำเป็นเลย มองว่าขอให้ความเร็วอยู่ที่ 80 – 100 ได้สม่ำเสมอก็ดีใจละครับ 5555 (ทำหยั่งกะในเมืองวิ่งได้ขึ้นหลัก 100)
ส่วนสถานีชาร์จที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทเขา ออกมาโฆษณา ว่าจะดำเนินงานติดตั้ง สถาณีชาร์จ ให้ได้ 1,000 แห่งในปีนี้ ซึ่งผมอยากรู้เค้าจะสร้างตรงไหนบ้าง ผมรบกวนขอข้อมูลตรงนี้หน่อยเพราะผมหาไม่เจอ 555 แต่คาดว่าคงต้องสร้างสถานีชาร์จมาเยอะแหละ เพราะถ้าสถานีไม่เกิดก่อนรับรองรถขายลำบากแน่นอน
สรุปรถ Ev ของไทยตัวนี้ คงมาตอบโจทย์คนเมืองที่เดินทางไปกลับทำงานไม่ไกลมากผมคิดว่าถ้ามาขายสิ้นปีนี้แล้วราคาราวๆ 5 แสน +- นี้ รวมถึงมีภาพสถานีชาร์จหลายๆแห่ง ตามใจกลางเมือง ผมว่ารถรุ่นนี้ขายดีแน่นอน ซึ่งผมจะเป็นลูกค้าคนนึงด้วยเช่นกันครับ
เมื่อผมหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในไทย
จริงๆแล้วพลังงานไฟฟ้าเป็นรถพลังงานทางเลือกที่คาดว่าอนาคตน่าจะสดใสเป็นอย่างมากในประเทศไทย ต้องขอบคุณปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ทำให้รัฐตื่นตัวเรื่องพลังงานทางเลือก ทำให้หันมาสนับสนุนเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นชิ้นเป็นอันสักที
ส่วนตัวไปมองราคารถไฟฟ้าที่อยู่ราวๆ 6 แสน จนถึงไม่เกิน 1.5 ล้าน เพราะมองว่าราคาที่สามารถจ่ายได้มีแค่นี้ ไปดูหลายค่ายที่นำมาเสนอ แต่ที่ไปยืนส่องจริงๆจังๆเลยคือ Nissan Leaf ของค่ายนิสสันเพราะเป็น Hatchback แต่ราคานิสสันไปไกลลลลลมากไปหน่อย (1.99ล้าน) และเท่าที่มีในมอเตอร์โชว์แต่ละรุ่นเปิดตัวมาราคาเกินงบไปไกลทุกตัวเลย (ฮุนได 1.8 ล้าน , Kia ซัดไป 2.3 ล้าน) เลยมีความคิดที่ว่าสงสัยต้องหันมาดูของผลิตในไทยเพื่อราคาที่คาดว่าน่าจะถูกกว่าเลยตั้งเป้าไปที่ MINE Mobility ของ EA แทน ซึ่งในงานมีมา 3 รุ่น แบบคร่าวๆ แต่ผมสนใจรุ่น City ที่สุด เพราะเห็นว่าจะมาปลายปีนี้ด้วย ซึ่งหลังจากวันงานก็กลับมาหาข้อมูลเต็มสตรีมจนทำให้รู้สึกว่าตัวนี้โคตรน่าสนใจเลย
ในส่วนของกำลังขับและระยะทางนี้ หลังจากไปหาข้อมูลมาหลายๆที่ส่วนตัวว่าน่าจะวิ่งได้ราวๆ 100 – 150 โล ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ปรับ บวก ลบ ไปกับพลังงานอื่นๆที่ดูดไฟฟ้าไป อาทิ การเร่งแซง การออกตัว รวมถึงพวกแอร์ที่ใช้ในตัวรถ ถ้าขับไป - กลับในเมือง 100 – 150 โลนี่เท่ากับมนุษย์เงินเดือนที่เดินทางไป-กลับทำงานทุกวันพอดีเผลอๆระยะทางอาจน้อยกว่าด้วยซ้ำ ส่วนความเร็วที่บอก 120 Km/Hr นั้น สำหรับผมไม่จำเป็นเลย มองว่าขอให้ความเร็วอยู่ที่ 80 – 100 ได้สม่ำเสมอก็ดีใจละครับ 5555 (ทำหยั่งกะในเมืองวิ่งได้ขึ้นหลัก 100)
ส่วนสถานีชาร์จที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทเขา ออกมาโฆษณา ว่าจะดำเนินงานติดตั้ง สถาณีชาร์จ ให้ได้ 1,000 แห่งในปีนี้ ซึ่งผมอยากรู้เค้าจะสร้างตรงไหนบ้าง ผมรบกวนขอข้อมูลตรงนี้หน่อยเพราะผมหาไม่เจอ 555 แต่คาดว่าคงต้องสร้างสถานีชาร์จมาเยอะแหละ เพราะถ้าสถานีไม่เกิดก่อนรับรองรถขายลำบากแน่นอน
สรุปรถ Ev ของไทยตัวนี้ คงมาตอบโจทย์คนเมืองที่เดินทางไปกลับทำงานไม่ไกลมากผมคิดว่าถ้ามาขายสิ้นปีนี้แล้วราคาราวๆ 5 แสน +- นี้ รวมถึงมีภาพสถานีชาร์จหลายๆแห่ง ตามใจกลางเมือง ผมว่ารถรุ่นนี้ขายดีแน่นอน ซึ่งผมจะเป็นลูกค้าคนนึงด้วยเช่นกันครับ