สวัสดีค่า

วันนี้เราอยากจะมาแบ่งปัญประสบการณ์การต่อขนตากึ่งถาวรแบบต่างๆที่เราเคยทำมา 

ภาพในกระทู้อาจจะไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะตอนแรกไม่ได้กะจะมารีวิวอะไร ถ่ายไว้ดูเองคร่าวๆเฉยๆ
แต่เห็นไม่ค่อยมีใครรีวิวต่อขนตากัน เลยขอมาบอกเล่าเอาไว้
เผื่อใครสนใจจะต่อขนตาบ้าง จะได้นำไปประกอบการตักสินใจนะคะ

เนื่องจากเราอยู่ที่ญี่ปุ่น เราต่อขนตาที่ญี่ปุ่นนะคะ แต่ที่ไทยก็มีร้านจากญี่ปุ่นไปเปิดอยู่เยอะเหมือนกัน
และเนื่องจากเราตั้งใจมารีวิวเรื่องทรง และข้อดีข้อเสียรวมๆ จึงขอสงวนชื่อร้านนะคะ 

เหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจไปต่อขนตาคือ
     1.เราชอบแต่งหน้าติดขนตาปลอม แต่หลังๆรู้สึกมันหนักมันเจ็บตา 
     2.ขี้เกียจแต่งหน้าไปทำงาน (ที่ทำงานเรากำหนดว่าต้องแต่งหน้าแบบNatural Makeค่ะ)
     3.สาวๆญี่ปุ่นต่อขนตากันเยอะมาก คนรอบๆตัว ลูกค้าต่อกันหมด เลยเออ ไปต่อบ้างดีกว่า

ก่อนจะไปต่อขนตาเราก็ศึกษาข้อมูลต่องๆไว้พอสมควร เลยขออณุญาติรวบรวมตามความเข้าใจเรามาไว้ตรงนี้

อันดับแรกคือชนิดของขนค่ะ
ที่ญี่ปุ่นหลักๆเลยคือมีให้เลือกตามนี้  อาจจะมีชนิดย่อยๆไปอีก หรือชื่อเรียกต่างๆกันไปในแต่ละร้าน/แบรนด์
ที่นิยมกันเยอะๆคือ Mink และ Sable ค่ะ เพราะไม่แพงมาก และสบายตา

ต่อมาคือดีไซน์ 
ร้านส่วนมากจะให้เลือก ทรง ความยาว ความหนา และความงอนของขนตาได้ โดยมีชาร์ตมาให้ดู และลองเอามาทาบกับตา
ร้านบ้านร้านยังสามารถช่วยเราดีไซน์ทรงที่เข้ากับตาของเราให้ได้ด้วยค่ะ

โดยสามารถแบ่งคร่าวๆได้ตามนี้

แต่ทั้งนี้ ผลลัพท์จะออกมาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับรูปหน้า รูปตา และพื้นขนตาเดิมของแต่ละคนด้วยนะคะ

ต่อจากนี้จะเป็นการรีวิวทรงต่างๆที่เราเคยทำมาค่ะ 
เราเคยใช้แค่เซเบิล กับแฟลต ส่วนทรงอาจจะไม่หลากหลายเท่าไหร่ แต่น่าจะพอเป็นอ้างอิงได้ค่ะ


อันนี้เป็นรูปก่อนต่อขนตาค่ะ คือพอมีขนตา แต่มันหนาไม่สะใจ เวลาแต่งหน้าหนักๆต้องติดขนตาปลอมตลอด 


จำนวนเส้น 100

รูปนี้คือครั้งแรกที่เราไปต่อขนตาค่ะ กลัวออกมาเวอร์ หรือดูหลอกเวลาไม่ได้แต่งหน้า
เลยPlay Safe เลือกแบบธรรมชาติ เลือกขนตาที่ยาวกว่าขนตาจริงมิลเดียว
สรุปคือดูเข้มขึ้น แต่เอาจริงๆ คือแทบดูไม่ออกว่าต่อขนตา สำหรับคนที่อย่ากได้ลุคธรรมชาติ แต่งหน้าอ่อนๆคือดีเลยค่ะ

จำนวนเส้น 120

เนื่องจากต่อมาแล้ว ก็อยากให้มันมีความฟูดูเหมือนต่อหน่อย เลยเพิ่มความงอนขึ้นกว่าเดิมหนึ่งระดับ รวมถึงเปลี่ยนทรงเป็นแบบCute เพิ่มความยาวช่วงกลางตา (หารูปต่อนแต่งหน้าได้ชัดสุดเท่านี้จริงๆ ขอโทษด้วยค่ะ) ทรงนี้คือ ตาดูสดใส ดูตื่นเหมาะกับคนที่ชอบกรีดตาเฉี่ยวๆนะเราว่า แต่เราชอบแต่งตาตกๆ เลยคิดว่ามันสดใสไป

จำนวนเส้น 120

1เนื่องจากเราชอบแต่งตาตกๆ เราเลยเปลี่ยนความงอนช่วงหางตาเป็นแบบJ ผลคือตาหวานมากกกก ชอบมากกก เราอยู่กับทรงนี้นานมาก 

จนกระทั้ง.....


จำนวนเส้น 120

เริ่มรู้สึกว่าขนตาร่วงเยอะค่ะ ขนตาปลอม แม้จะเป็นของคุณภาพดี แต่มันก็มีน้ำหนักที่จะดึงให้ขนตาจริงเราหลุดออกมาได้
เราจึงเปลี่ยนชนิดของขนตาเป็ยแบบที่เบาที่สุด คือFlat และเนื้องจากตัวนี้ไม่มี B curl เลยต้องเปลี่ยนเป็น C ไปโดยปริยาย

ผลคือ ขนตาหลุดร่วงน้อยลง อยู่ได้นานขึ้นจริงค่ะ แต่ด้วยตัวขนตามันเรียว แม้จะเลือกความหนาเท่ากัน แต่มันดูเบาบางกว่าเซเบิลมาก
เลยรุ้สึกว่ามันธรรมชาติไปหน่อย 


จำนวนเส้น 120

สุดท้าย ล่าสุด คือเนื่องจากทรงที่แล้วมันธรรมชาติไป เลยตัดสินใจเพิ่มความยาวอีก 1 มิลทั้งแผง
ชอบมากกกก และคิดว่าคงจะอยู่กับทรงนี้ไปสักพัก ใคนที่ชอบตาหวานๆนี่แนะนำเลยค่ะ ไม่แต่งตาก็เหมือนกรีดอายบางๆบัดมาสคาร่า ชีวิตง่ายมาก

พูดถึงความอยู่ทน
สำหรับเรา เซเบิล 2-3อาทิตย์ก็ต้องไปเติมแล้ว ส่วนแฟลทได้ประมาณ 1 เดือนค่ะ (เราจะไปเติมเมื่อมันเหลือประมาณ 40-60เส้น)

การดูแล 
1.เวลาล้างหน้า ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมัน ขนตาจะหลุดเร็วมากกกก
2.ควรใช่ลมเย็นเป่าให้แห้ง แลัหวีให้เรียงเส้นหลังล้างหน้า (อันนี้เราไม่ค่อยทำ ขี้เกียจ)
3.ใช้ที่ดัดขนตาแบบหนีบไม่ได้ ใช้ได้แต่แบบร้อน
4.หมั่นบำรุงขนตา ทั้งกาว และน้ำหนักของขนตาปลอม ทำร้ายเส้นขนตาจริงมากๆค่ะถ้าไม่บำรุงเลยคือ ได้ตาโล้นแน่นอน เราใช้ผลิตภัณฑ์ตามนี้

สรุป

ข้อดี
1.แต่งหน้าง่ายขึ้นมากกกกกกกก
2.ไม่แต่งหน้าก็ดูไม่โล้น (ตรงนี้ตอบโจทย์คนขี้เกียจแต่งหน้าไปทำงานแบบเรามาก)
3.ระคายเคืองตาน้อยกว่าขนตาปลอมแบบติดชั่วคราว (อันนี้แล้วแต่คนด้วยค่ะ คนแพ้กาวติดถาวรก็มี ควรไปทดสอบก่อน)

ข้อเสีย
1.เปลืองงงง แพงงง ตกเส้นนึงก็10-15บาทแล้ว
2.ต้องดูแล และบำรุง ไม่งั้นอาจขนตาโล้นได้
3.มีข้อจำกัดในการแต่งหน้า ดัดเพิ่ม ติดขนตาปลอมเพิ่มลำบอก ต้องระวังมันหลุด

จากประสบการณ์ของเราสรุปได้ตามนี้ค่ะ 
หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อคนที่กำลังตัดสินใจจะต่อไม่ต่อดีอยู่นะคะ