2 ปีแล้วที่เราบรรจุเป็นข้าราชการครู เป็นสองปีที่ก้าวเข้าสู่วัยทำงานแบบเต็มตัว ต้องบอกก่อนว่าเราเติบโตมาจากชนบท และมีความมุ่งมั่นว่าจะเป็นครูพ่อแม่ก็สนับสนุนเต็มที่จนสามารถบรรจุได้ที่รร.บ้านเกิดตัวเอง ได้กลับมารร.เก่าที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ๆ สภาพรร.เปลี่ยนไปจากเดิมมาก อาคารที่เคยแข็งแรงก็ทรุดโทรมลงมาก เข้าฤดูฝนพายุก็ซัดจนฝ้าตกลงมากองกับพื้นจนต้องหางบมาซ่อมแซมด่วน แต่ก็น่าดีใจแทนเด็กรุ่นนี้ที่มีโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ใช้ในการเรียนการสอน ต่างจากสมัยที่เราเรียนมีแค่ชอล์กกับกระดาน ครูคนเก่า ๆ ที่สอนเราก็ยังอยู่กันหลายคน ท่านไม่ได้ดูแก่ลงมากนัก
ชีวิตเหมือนจะแฮปปี้เนาะ เรียนจบปุ๊บ มีงานทำ แถมได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่อีก...แต่ช้าก่อน มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดถนัด เพราะกลับมาบ้านเกิดก็เจอญาติที่เป็นครูอัตราจ้างอยู่รร.เดียวกัน แถมครูเก่า ๆ ท่านก็ไม่ได้ต้อนรับเราแบบที่คิดนาจา ....เราเข้ามาด้วยใจบริสุทธิ์คิดแค่ว่าจะเป็นครูที่ดีให้เด็ก ๆ แค่นั้น แต่ญาติเขาไม่มองเราแบบนั้น เขาสร้างภาพลักษณ์ให้เราด้วยการบอกว่าเราเป็นลูกคนเดียว นิสัยเอาแต่ใจ.โลกส่วนตัวสูง (พี่ที่สนิทเล่าให้ฟัง) ทำให้ครูในรร.ไม่กล้ายุ่งกับเรา เข้าไปวันแรก นั่งเอ๋อ เพราะไม่มีใครคุยกับเราเลย ผอ.ก็ดูจะไม่ชอบเราตั้งแต่แรก สังเกตแววตาที่มองมาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก แถมบอกว่าผอ.รู้ประวัติทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ และถามเราว่าหากมีเงินเดือนแล้วจะซื้อปืนมั้ย ซึ่งตอนนั้นเราตอบแค่ว่าไม่ เราไม่เข้าใจเจตนาที่เขาถาม เราบรรจุมาพร้อมกับเพื่อนอีกคน ซึ่งดูเหมือนผอ.จะชื่นชมเขามากกว่า แต่หลัง ๆ ก็กระหน่ำไม่ยั้งเหมือนกัน เพื่อนร่วมงานมักจะสร้างข้อกล่าวหาไปฟ้องผอ.เพื่อให้ผอ.ตำหนิเรากับเพื่อนในที่ประชุมเสมอ บ่อยครั้งเรื่องที่เขาฟ้องมันเกิดจากความไม่เป็นระบบของรร. เราพยายามเสนอแนวทางแก้ไข แต่ก็มักจะถูกตวาดบอกว่าให้ฟังผม!! ผมผอ.! เราเลยเริ่มหมดศรัทธากับผอ.คนนี้ เพราะท่านชอบตัดสินเราจากน้ำลายคนอื่น ท่านเองก็มารร.ไม่ครบทั้ง 5 วัน แต่ท่านชอบผรุสวาทใส่ลูกน้องอย่างบ้าคลั่ง เพียงเพราะฟังคนอื่นมา คนฟ้องก็ใจร้าย เพียงเพราะความหมั่นไส้ก็สามารถทำครอื่นได้อย่างเลือดเย็น รร.จึงแตกแยกเป็นฝ่าย ๆ ฝ่ายการเงินกับบุคคลจะเข้าขากับผอ. และโจมตีการทำงานของฝ่ายวิชาการกับฝ่ายบริหารทั่วไป มันกลายเป็นว่าเราต้องคอยระแวงเพื่อป้องกันการถูกใส่ความ รร.จึงกลายเป็นที่ที่เราไม่ชอบมากที่สุดในชีวิต แต่ก็อดทนเพราะคิดว่าปัญหาน่าจะคลี่คลายหากเราไม่ทำตัวมีปัญหา
ด้านการสอนเราไม่มีปัญหา แม้ว่าจะได้สอนประถมด้วย แต่เราก็ได้สอนวิชาเอกเราก็สนุกกับการสอนเต็มที่ ทุกวันจะกลับไปทำสื่อ ทำpower point ทำเอกสารมาสอนนร. และต้องทำงานฝ่ายวิชาการไปด้วย เพราะรร.เล็กๆ ไม่มีระบบเท่าไหร่นัก เราก็ทำงานหนัก กลับจากรร.เกือบทุ่มทุกวัน ทานข้าวเสร็จก็ลุยงานสอน งานเอกสารจิปาถะ จนตีหนึ่ง ตีสอง ร่างกายก็ป่วยบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นหวัดกับเส้นเสียงอักเสบเพราะใช้เสียงเยอะ แต่เราก็แฮปปี้กับการสอนนะทุกครั้งที่เข้าห้องเรียน มันคือหลุมหลบภัยชั้นเยี่ยมเลยล่ะ
มาถึงตอนนี้พี่ๆที่สนิทก็ทยอยย้ายกันไปทีละคนสองคน เพื่อนสนิทที่บรรจุพร้อมกันก็สอบย้ายหนีไปกทม.แล้วใจหายมาก และฝ่ายตรงข้ามก็แสดงฤทธิ์เดชอยู่ไม่ยั้ง ผอ.ก็พ่นวาจาที่แสนทำร้ายจิตใจอยู่เสมอ เช่น หน้าอย่างเธอเหรอทำได้ เธอเกาะเพื่อนเพื่อทำผลงานสินะ ทำงานไม่สมปริญญา ไม่มีการศึกษา หนักสุดปิดเทอมใหญ่คงคิดถึงเรามาก เปิดมาเห็นไลน์ที่ตั้งโปรไฟล์เป็นรูปแมว เขาสั่งให้เปลี่ยน พี่ๆเห็นว่าเขาใช้อำนาจเกินขอบเขตเพราะไลน์มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว อยากรู้ว่าไลน์ใครอ่านชื่อเอาสิ จึงให้เราอยู่เฉยๆไม่ต้องเปลี่ยน ผอ.ก็แผลงฤทธิ์ด้วยการบล็อกเราออกจากไลน์กลุ่มรร. ทำให้เราเสียใจมาก นี่ขนาดปิดเทอมยังทำกันขนาดนี้ เปิดเทอมมีเราตัวคนเดียวเราว่าคงไม่รอดแน่ เราจึงปรึกษาพ่อแม่ ท่านก็ทุกข์ใจไม่น้อยกับสิ่งที่เราเจอเพราะท่านอุตส่าห์ส่งลูกเรียนที่ดี ๆ กลับมาหวังว่าจะมีงานดีๆทำ ได้อยู่กับพ่อแม่ก็เป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายก็ตกลงว่ายอมให้เราสอบใหม่ เพื่อหาที่ที่อยู่แล้วสบายใจ ปลอดภัย และมีความสุข
เราก็เสียใจนะที่กลับมาตอบแทนรร.บ้านเกิดได้เท่านี้ แต่เราไม่อยากอยู่ในภาวะแบบนี้แล้ว สองปีที่บรรจุที่นี่ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทุกข์ที่กอดคอฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน ขอบคุณพี่ๆที่พยายามปกป้องน้อง ขอบคุณนร.ที่รักแล้วห่วงใยครู ส่วนคนที่พบเจอนำพาความทุกข์มาให้เราก็ขอขอบคุณที่ทำให้รู้จักสังคมมากขึ้น ทำให้เรารู้วิธีการดึงตัวเองจากอาการซึมเศร้าได้ มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม
ถึงคนที่กำลังจะก้าวมาเป็นครู...คุณอาจไม่โขคร้ายเท่าเราก็ได้ แต่ต่อให้คุณเจอสังคมที่เลวร้ายแค่ไหนขอให้คุณอย่าลาออกจากความเป็นครู เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีค่า การสอนคนให้เขาเก่งขึ้นจากเดิมมันสร้างความสุขให้คนเป็นครูได้อย่างน่าประหลาด
หวังว่าชีวิตใหม่ของเราจะได้พบเจอสิ่งดี ๆ บ้าง
ครูชนบท
รีวิวชีวิตครูชนบท
ชีวิตเหมือนจะแฮปปี้เนาะ เรียนจบปุ๊บ มีงานทำ แถมได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่อีก...แต่ช้าก่อน มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดถนัด เพราะกลับมาบ้านเกิดก็เจอญาติที่เป็นครูอัตราจ้างอยู่รร.เดียวกัน แถมครูเก่า ๆ ท่านก็ไม่ได้ต้อนรับเราแบบที่คิดนาจา ....เราเข้ามาด้วยใจบริสุทธิ์คิดแค่ว่าจะเป็นครูที่ดีให้เด็ก ๆ แค่นั้น แต่ญาติเขาไม่มองเราแบบนั้น เขาสร้างภาพลักษณ์ให้เราด้วยการบอกว่าเราเป็นลูกคนเดียว นิสัยเอาแต่ใจ.โลกส่วนตัวสูง (พี่ที่สนิทเล่าให้ฟัง) ทำให้ครูในรร.ไม่กล้ายุ่งกับเรา เข้าไปวันแรก นั่งเอ๋อ เพราะไม่มีใครคุยกับเราเลย ผอ.ก็ดูจะไม่ชอบเราตั้งแต่แรก สังเกตแววตาที่มองมาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก แถมบอกว่าผอ.รู้ประวัติทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ และถามเราว่าหากมีเงินเดือนแล้วจะซื้อปืนมั้ย ซึ่งตอนนั้นเราตอบแค่ว่าไม่ เราไม่เข้าใจเจตนาที่เขาถาม เราบรรจุมาพร้อมกับเพื่อนอีกคน ซึ่งดูเหมือนผอ.จะชื่นชมเขามากกว่า แต่หลัง ๆ ก็กระหน่ำไม่ยั้งเหมือนกัน เพื่อนร่วมงานมักจะสร้างข้อกล่าวหาไปฟ้องผอ.เพื่อให้ผอ.ตำหนิเรากับเพื่อนในที่ประชุมเสมอ บ่อยครั้งเรื่องที่เขาฟ้องมันเกิดจากความไม่เป็นระบบของรร. เราพยายามเสนอแนวทางแก้ไข แต่ก็มักจะถูกตวาดบอกว่าให้ฟังผม!! ผมผอ.! เราเลยเริ่มหมดศรัทธากับผอ.คนนี้ เพราะท่านชอบตัดสินเราจากน้ำลายคนอื่น ท่านเองก็มารร.ไม่ครบทั้ง 5 วัน แต่ท่านชอบผรุสวาทใส่ลูกน้องอย่างบ้าคลั่ง เพียงเพราะฟังคนอื่นมา คนฟ้องก็ใจร้าย เพียงเพราะความหมั่นไส้ก็สามารถทำครอื่นได้อย่างเลือดเย็น รร.จึงแตกแยกเป็นฝ่าย ๆ ฝ่ายการเงินกับบุคคลจะเข้าขากับผอ. และโจมตีการทำงานของฝ่ายวิชาการกับฝ่ายบริหารทั่วไป มันกลายเป็นว่าเราต้องคอยระแวงเพื่อป้องกันการถูกใส่ความ รร.จึงกลายเป็นที่ที่เราไม่ชอบมากที่สุดในชีวิต แต่ก็อดทนเพราะคิดว่าปัญหาน่าจะคลี่คลายหากเราไม่ทำตัวมีปัญหา
ด้านการสอนเราไม่มีปัญหา แม้ว่าจะได้สอนประถมด้วย แต่เราก็ได้สอนวิชาเอกเราก็สนุกกับการสอนเต็มที่ ทุกวันจะกลับไปทำสื่อ ทำpower point ทำเอกสารมาสอนนร. และต้องทำงานฝ่ายวิชาการไปด้วย เพราะรร.เล็กๆ ไม่มีระบบเท่าไหร่นัก เราก็ทำงานหนัก กลับจากรร.เกือบทุ่มทุกวัน ทานข้าวเสร็จก็ลุยงานสอน งานเอกสารจิปาถะ จนตีหนึ่ง ตีสอง ร่างกายก็ป่วยบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นหวัดกับเส้นเสียงอักเสบเพราะใช้เสียงเยอะ แต่เราก็แฮปปี้กับการสอนนะทุกครั้งที่เข้าห้องเรียน มันคือหลุมหลบภัยชั้นเยี่ยมเลยล่ะ
มาถึงตอนนี้พี่ๆที่สนิทก็ทยอยย้ายกันไปทีละคนสองคน เพื่อนสนิทที่บรรจุพร้อมกันก็สอบย้ายหนีไปกทม.แล้วใจหายมาก และฝ่ายตรงข้ามก็แสดงฤทธิ์เดชอยู่ไม่ยั้ง ผอ.ก็พ่นวาจาที่แสนทำร้ายจิตใจอยู่เสมอ เช่น หน้าอย่างเธอเหรอทำได้ เธอเกาะเพื่อนเพื่อทำผลงานสินะ ทำงานไม่สมปริญญา ไม่มีการศึกษา หนักสุดปิดเทอมใหญ่คงคิดถึงเรามาก เปิดมาเห็นไลน์ที่ตั้งโปรไฟล์เป็นรูปแมว เขาสั่งให้เปลี่ยน พี่ๆเห็นว่าเขาใช้อำนาจเกินขอบเขตเพราะไลน์มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว อยากรู้ว่าไลน์ใครอ่านชื่อเอาสิ จึงให้เราอยู่เฉยๆไม่ต้องเปลี่ยน ผอ.ก็แผลงฤทธิ์ด้วยการบล็อกเราออกจากไลน์กลุ่มรร. ทำให้เราเสียใจมาก นี่ขนาดปิดเทอมยังทำกันขนาดนี้ เปิดเทอมมีเราตัวคนเดียวเราว่าคงไม่รอดแน่ เราจึงปรึกษาพ่อแม่ ท่านก็ทุกข์ใจไม่น้อยกับสิ่งที่เราเจอเพราะท่านอุตส่าห์ส่งลูกเรียนที่ดี ๆ กลับมาหวังว่าจะมีงานดีๆทำ ได้อยู่กับพ่อแม่ก็เป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายก็ตกลงว่ายอมให้เราสอบใหม่ เพื่อหาที่ที่อยู่แล้วสบายใจ ปลอดภัย และมีความสุข
เราก็เสียใจนะที่กลับมาตอบแทนรร.บ้านเกิดได้เท่านี้ แต่เราไม่อยากอยู่ในภาวะแบบนี้แล้ว สองปีที่บรรจุที่นี่ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทุกข์ที่กอดคอฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน ขอบคุณพี่ๆที่พยายามปกป้องน้อง ขอบคุณนร.ที่รักแล้วห่วงใยครู ส่วนคนที่พบเจอนำพาความทุกข์มาให้เราก็ขอขอบคุณที่ทำให้รู้จักสังคมมากขึ้น ทำให้เรารู้วิธีการดึงตัวเองจากอาการซึมเศร้าได้ มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม
ถึงคนที่กำลังจะก้าวมาเป็นครู...คุณอาจไม่โขคร้ายเท่าเราก็ได้ แต่ต่อให้คุณเจอสังคมที่เลวร้ายแค่ไหนขอให้คุณอย่าลาออกจากความเป็นครู เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีค่า การสอนคนให้เขาเก่งขึ้นจากเดิมมันสร้างความสุขให้คนเป็นครูได้อย่างน่าประหลาด
หวังว่าชีวิตใหม่ของเราจะได้พบเจอสิ่งดี ๆ บ้าง