เรื่องสั้นเรื่องที่ 4 และเป็นเรื่องสุดท้ายครับ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวไซไฟ ยูเอฟโอ แทรกด้วยแง่คิดเรื่องบุญและกรรม
ชายคนหนึ่งซึ่งวัยเด็กสูญเสียน้องหมาที่รักไปโดยอะไรบางอย่างโอบอุ้มมันไป และหลังจากเขาโตขึ้น วันหนึ่ง เขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งนั้นอีกครั้ง!
ผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร เชิญติดตามอ่าน ครับผม ^^

อีริค แบนนอน หลุดจากภวังค์และวางหนังสือในมือลง เมื่อพนักงานต้อนรับเข้ามาก้มเตือนให้รัดเข็มขัด ขณะนกเหล็กขนาดยักษ์กำลังเตรียมจะร่อนลงยังสนามบินจุดหมายปลายทาง เขาพยักหน้าขอบคุณพลางรีบปฏิบัติตามคำเตือนในทันที เมื่อรัดเสร็จเรียบร้อยก็อดไม่ได้ที่จะมองออกนอกกรอบกระจกเล็กด้านข้าง เห็นผืนมหาสมุทรเบื้องล่างสะท้อนแสงอาทิตย์อันแรงจ้าเปล่งประกายระยิบระยับ ตัดกับเมฆขาวเบาบางที่พาดขวางอยู่กลางอากาศ
เป็นบรรยากาศที่ตรงข้ามกับความทึมทึบของกรุงลอนดอนที่เขาอยู่อาศัยมาค่อนชีวิตอย่างสิ้นเชิง
ชายหนุ่มหลับตาสูดอากาศลึกเข้าไปจนเต็มปอด
แม้ยังอยู่ในเครื่องบินที่ขึ้นจากสนามบินฮีทโทร แต่จิตใจของเขานั้นคล้ายสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์สดชื่นของบรรยากาศเบื้องนอก
อีริครู้สึกว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของเขาจริง ๆ เมื่อได้รับการโปรโมทให้เป็นหัวหน้าแผนกฃองสถาบันวิจัยอวกาศระดับโลก และต่อมาอีกไม่กี่เดือนเขาก็มีโอกาสบินข้ามทวีปมาบรรยายหัวข้อเรื่อง “การใช้พลังงานสะอาดของโลกอนาคต" เป็นเวลาถึงสองสัปดาห์ ที่วิเศษคือในระหว่างนั้นเขาจะมีเวลาว่างถึงสัปดาห์กว่า ๆ ในการที่จะถือโอกาสพักผ่อนเป็นการส่วนตัว เมื่อคิดดูแล้วเหมือนเป็นการมาพักร้อนดี ๆ นี่เอง
กว่าเครื่องจะลงและเข้าเทียบยังเกตของสนามบินยังมีเวลาอีกเหลือเฟือให้เขาอ่านหนังสือในที่วางไว้บนตักต่อ เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ของโลกอนาคตเขียนโดยโดยนักเขียนดังมือฉมัง หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เขาผ่านเวลาอันยาวนานบนเครื่องบินมาได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
อีริคชื่นชอบนิยายวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก เป็นแรงจูงใจให้ตนเองมุมานะ จากเด็กในชานเมืองเล็กๆ ของแคว้นเวลล์ จนจบเอกทางด้านฟิสิกส์ และได้ทำงานในสถาบันวิจัยเทคโนโลยีอวกาศชั้นแนวหน้า
ในวูบหนึ่งของห้วงความคิด ได้พาเขาย้อนไปสู่อดีต ไม่มีใครรู้เลยว่าประสบการณ์ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก ได้นำพาเขาเข้าสู่การสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์ และการอวกาศ จนนำไปสู่การเรียนและค้นคว้าจนเรียกได้ว่าเกือบถึงขั้นบ้าคลั่ง

กลางดึกคืนหนึ่งในช่วงฤดูร้อน อีริคตัวน้อยสะดุ้งตื่นจากเสียงสุนัขเห่าข้างหน้าต่างห้องนอนของเขา จำได้ว่าเป็นเสียงของเจ้าทอมสุนัขของครอบครัวโจนส์ที่อยู่ติดกัน เด็กน้อยลุกขึ้นจากเตียงยกหน้าต่างเปิดขึ้นชะโงกดูเห็นสุนัขตัวใหญ่กำลังวิ่งวนไปมาเหมือนตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง
อีริคจุ๊ปากเรียกเจ้าโกลเด้นตัวนั้นเข้ามาใต้หน้าต่าง โยนลูกเทนนิสของเล่นที่มันชื่นชอบลงไป เป็นแต่วันนี้เจ้าทอมตะครุบลูกบอลไว้ให้หยุดอยู่กับพื้น
ไม่เล่นเหมือนเช่นเคย เอาแต่มองขึ้นไปบนฟ้า ทำหูรี่หางตกและเห่าอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นพลันมีลำแสงลงมาจากข้างบน ทำเอาเด็กน้อยตาพร่าไปชั่วขณะและรีบทรุดกายลงนั่งหลบลงใต้หน้าต่างด้วยความตกใจกลัว เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งและลุกขึ้นชะโงกออกจากหน้าต่าง ทุกอย่างก็ตกอยู่ในสภาพเดิม คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ก้มมองยังเบื้องล่างเจ้าทอมก็เงียบหายไปด้วย คิดว่ามันคงจะตกใจเช่นกันและวิ่งหนีหายไปแล้ว
อีริคกลับมาทรุดกายลงนั่งบนเตียง ทบทวนด้วยความตื่นเต้นว่าสิ่งที่เขาเห็นมันคืออะไรกันแน่ เด็กน้อยพลิกกายไปมาอยู่นานบนเตียงจนหลับผล็อยไปในที่สุด
มื้อเช้าบนโต๊ะอาหาร อีริคพยายามเล่าเหตุการณ์ประหลาดที่ประสบตอนเมื่อคืน แต่ทุกคนในบ้านก็พากันหัวเราะและพูดว่าเขาฝันไป
เมื่อทบทวนดู ภาพที่เห็นนั้นกลับเลือนราง จนเด็กน้อยคิดว่าเขาอาจจะฝันไปจริง ๆ แต่น่าประหลาดใจคือเจ้าทอมได้หายตัวไปอย่างลึกลับ
หลังจากตามหาอยู่หลายวัน มิสเตอร์โจนส์บอกว่ามันน่าจะไปเข้าไปเล่นในป่าเหมือนเคย และอาจหลงทางหรือถูกสัตว์ป่าทำร้าย อีริคอยากจะเชื่อเช่นนั้นเหมือนกันถ้าเขาไม่ไปพบลูกเทนนิสที่จำได้ว่าโยนส่งให้เจ้าทอมซุกอยู่ในพงหญ้า ในบริเวณที่เขาโยนลงไป
หลังจากเสียงหัวเราะในโต๊ะอาหารของมื้อเช้าวันนั้น อีริคก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นกับใครอีกเลย แต่กลายเป็นเขาหลงใหลและศึกษาในเรื่องวิทยาศาสตร์อย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะเรื่องฟิสิกส์และดาราศาสตร์

การเดินทางข้ามทวีปครั้งนี้ของเขาคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง หลังจากจบการบรรยายในเมืองหลวง เขาได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองชายทะเล ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเต็มที่กับการชมธรรมชาติและดำน้ำชมโลกใต้ทะเลอันงดงามของเขตร้อน ยามเย็นถึงค่ำคืนก็ครึกครื้นกับการปาร์ตี้ริมชายหาด
จบจากทริปเที่ยวทะเล เขายังมีเวลาที่จะพักผ่อนในบรรยากาศอีกหนึ่งรูปแบบ เจ้าหน้าที่ต้อนรับในงานสัมมนาได้แนะนำให้เขาเดินทางไปอีกเมืองหนึ่ง ทดลองเข้าพักยังชนบทห่างไกล เพื่อได้รู้จักกับธรรมชาติความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่อย่างแท้จริง

อีริคสะดุ้งตื่นขึ้นมาในยามดึก พื้นที่ชนบทห่างไกลเงียบสงบจนเขาต้องเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ แต่ความไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม ทำให้หลับไม่ค่อยสนิทนัก หลังจากพลิกกายไปมาอยู่ชั่วครู่ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกไปยังนอกระเบียง ลมเย็นยะเยือกพัดกรูเข้ามากระทบร่าง ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับความหนาวเย็นในอังกฤษ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านอย่างแปลกประหลาด
เรือนเล็กหลังนี้แยกห่างออกมาจากอาคารอื่น ๆ ภายในรีสอร์ท อยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่มืดครึ้ม เบื้องหน้าไปไม่ไกลเป็นราวป่า และมีลำธารเล็กไหลผ่าน เมื่อมาถึงที่พักในช่วงเวลาบ่าย ความเงียบสงบและงดงามของธรรมชาติทำให้อีริคเลือกบ้านพักหลังนี้อย่างไม่ลังเล แต่ในยามกลางดึกเช่นนี้ กลับดูเงียบสงัดวังเวงจนน่ากลัวไปบ้าง
ขณะชายหนุ่มกำลังซึมซับกับธรรมชาติโดยรอบ ก็พลันปรากฏดวงแสงวูบขึ้น เคลื่อนไหวอยู่บริเวณยอดไม้ตรงราวป่า อีริคสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
แสงประหลาดนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ลักษณะเป็นทรงกลม มีประกายเป็นสีส้มอมเขียวส่องวูบขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
หลังจากดูได้ไม่นาน เขาก็มั่นใจว่าแสงนั้นเป็นพลังงานที่แปลกประหลาด และไม่ใช่เป็นแสงสว่างจากสิ่งประดิษฐ์ประเภทหลอดไฟหรือโคมไฟชนิดใดอย่างเด็ดขาด
ความทรงจำในวัยเด็กหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ชายหนุ่มจ้องไปยังดวงแสงนั้นอย่างตื่นเต้น คอยสังเกตอยู่ทุกระยะชนิดตาแทบไม่กระพริบ ในใจก็เริ่มคิดอ่านว่าจะทำเช่นไรดีกับสถานการณ์เช่นนี้
ขณะที่เขากำลังเพ่งพินิจอยู่นั้น แสงดวงนั้นคล้ายจะนิ่งอยู่ตรงที่เดิมอยู่ชั่วครู่ ในขณะนั้นประสาทสัมผัสของเขาวูบขึ้นมาว่าดวงแสงประหลาดนั้นก็กำลังจ้องมาทางเขาอยู่เช่นกัน
อีริครู้สึกขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว อากาศคล้ายกดหนักและเย็นยะเยือกขึ้นอีกหลายเท่า บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดและวังเวงจนคล้ายกับว่าขณะนี้โดยรอบบริเวณมีเพียงเขาและดวงแสงประหลาดเท่านั้น
ชั่วไม่เกินอึดใจ ดวงแสงสว่างนั้นก็ขยับตรงมายังเขา แต่ละวินาทีที่ผ่านไปมีพลังงานลึกลับเข้ามาครอบงำเขาจนตัวแข็ง ไม่สามารถขยับร่างได้แม้แต่น้อย แม้แต่คำพูดก็อึกอักอยู่ในลำคอ ไม่สามารถจะอุทานหรือตะโกนออกมาได้อย่างใจต้องการ
แสงดวงนี้ช่างพิสดารจนเหลือเชื่อ นอกจากจะมีพลังงานเข้ามาครอบงำดวงจิตของเขาแล้ว การลอยตัวและการเคลื่อนที่ของมันยังขัดกับหลักการของฟิสิกส์ทั้งมวล มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระทุกทิศทาง โดยปราศจากเสียงหรือร่องรอยของเครื่องจักรกลตามหลักของวิทยาศาสตร์
ดวงแสงประหลาดขยายใหญ่ขึ้นทุกขณะ ตามระยะทางที่ร่นเข้ามา เมื่อใกล้เข้าจนเขาเห็นสิ่งที่อยู่ภายในดวงแสงได้ชัด อีริคก็พลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีดจนขนหัวลุก สิ่งประหลาดรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้อย่างเด็ดขาด
เขาอยากจะกระโจนออกจากจุดนั้นหรือกรีดร้องออกมาจนสุดเสียงแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้
ในห้วงแห่งความฝันร้าย ลำแสงประหลาดนั้นสะกดตรึงเขาแน่นอยู่กับที่ ในขณะเดียวกันบริเวณราวป่าก็มีลำแสงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง และเคลื่อนไหวตรงมายังเรือนหลังเล็กนี้เช่นกัน
ในสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ อีริคเห็นได้ชัดว่าภายในดวงแสงเป็นวัตถุรูปร่างทรงยาวรี และมีบางสิ่งนั่งอยู่ด้านบน พาหนะรูปทรงประหลาดนั้นก็เคลื่อนไหวได้ขัดกับหลักฟิสิกส์ทุกอย่างโดยสิ้นเชิง
เมื่อดวงแสงทั้งสองเข้ามาเทียบเคียงกันอยู่เบื้องหน้าและเปล่งประกายสว่างวาบขึ้นพร้อมกับส่งพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวเข้ามาครอบงำ
อีริคก็คล้ายตกอยู่ในห้วงฝันร้ายที่สยดสยองอย่างสุดขีด ก่อนสติวูบสุดท้ายของเขาจะขาดผึง ในห้วงความทรงจำที่เลอะเลือน ชายหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงระฆังก้องกังวานมาแต่ไกล

เสียงเจ้าทอมเห่าเรียกมาจากภายนอกหน้าต่าง ปลุกให้สะดุ้งตื่น
อีริคเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างยากลำบาก เจ้าทอมมันหายตัวไปนานแล้วมิใช่หรือ เสียงเห่าดังมาจากไหน
เวลาผ่านไปพร้อมสติที่กลับคืน นักวิทยาศาสตร์หนุ่มก็รำลึกได้ว่า นั่นไม่ใช่เจ้าทอม และเขาก็ไม่ใช่อีริคตัวน้อยแล้วเช่นกัน
ชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นนั่ง สักครู่ก็เอื้อมมือไปเกาะราวระเบียงดึงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากเย็น สภาพแวดล้อมรอบกายมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากแสงยามรุ่งเช้า
หลังจากสะบัดหน้าปรับสภาพร่างกายและสติอยู่ชั่วครู่ ความทรงจำก็เริ่มกลับคืน เขาคล้ายจะนอนอยู่ตรงระเบียงของเรือนพักมาจนถึงเช้า สภาพแวดล้อมโดยรอบบ่งบอกเช่นนั้น ด้านล่างมีเสียงเห่าขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาก้มมองไปดูก็เห็นสุนัขโกลเด้นพันธ์เดียวกับเจ้าทอมกำลังกระดิกหางมองเขาอยู่
มิน่าเล่าในขณะที่เขาคืนสติถึงได้คิดไปว่าเจ้าทอมกำลังเห่าเรียก
เสียงร้องทักอรุณสวัสดิ์ดังขึ้น เขาเพิ่งเห็นว่า ตรงทางเดินโรยกรวดเชื่อมระหว่างเรือนพัก มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีขาวกำลังยืนยิ้มให้เขา ในมือถือถาดใบใหญ่มีสิ่งของวางอยู่บนถาดอยู่เต็ม อีริคร้องทักกลับไปอย่างดีใจ ผู้หญิงคนนี้คือเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้เอง
เขารีบขยับออกจากระเบียงกลับเข้าไปภายในห้อง สำรวจตัวเองอยู่ชั่วครู่แล้วเผ่นลงจากเรือนตามหญิงสาวที่กำลังเดินไปอยู่บนทางโรยกรวด
อีริคก้าวตามหญิงสาว ซึ่งกำลังตรงไปยังประตูรั้วทางเข้าของบริเวณรีสอร์ท เมื่อไปถึงริมถนนทางด้านหน้า เธอก็หยุดร่างลงคล้ายจะรอบางสิ่ง
ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีจะพูดคุยกับเขา จึงยืนอยู่ด้านหลังนิ่ง ๆ ขณะกำลังคิดว่าจะเริ่มอย่างไรดี ก็เห็นกลุ่มคนเดินเรียงกันมาตามถนนและหญิงสาวก็ได้ร้องทัก พร้อมกับผู้คนที่เดินตามกันมานั้นได้หยุดร่างลง
(มีต่อครับ)
⚡️💫💿THE SUMMER GLOVES 2019 <ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องสุดท้าย> #25 "คืนฝันร้าย" โดย "ถุงมือคนต่างแดน"💿💫⚡️
เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวไซไฟ ยูเอฟโอ แทรกด้วยแง่คิดเรื่องบุญและกรรม
ชายคนหนึ่งซึ่งวัยเด็กสูญเสียน้องหมาที่รักไปโดยอะไรบางอย่างโอบอุ้มมันไป และหลังจากเขาโตขึ้น วันหนึ่ง เขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งนั้นอีกครั้ง!
ผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร เชิญติดตามอ่าน ครับผม ^^
เป็นบรรยากาศที่ตรงข้ามกับความทึมทึบของกรุงลอนดอนที่เขาอยู่อาศัยมาค่อนชีวิตอย่างสิ้นเชิง
ชายหนุ่มหลับตาสูดอากาศลึกเข้าไปจนเต็มปอด
อีริครู้สึกว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของเขาจริง ๆ เมื่อได้รับการโปรโมทให้เป็นหัวหน้าแผนกฃองสถาบันวิจัยอวกาศระดับโลก และต่อมาอีกไม่กี่เดือนเขาก็มีโอกาสบินข้ามทวีปมาบรรยายหัวข้อเรื่อง “การใช้พลังงานสะอาดของโลกอนาคต" เป็นเวลาถึงสองสัปดาห์ ที่วิเศษคือในระหว่างนั้นเขาจะมีเวลาว่างถึงสัปดาห์กว่า ๆ ในการที่จะถือโอกาสพักผ่อนเป็นการส่วนตัว เมื่อคิดดูแล้วเหมือนเป็นการมาพักร้อนดี ๆ นี่เอง
กว่าเครื่องจะลงและเข้าเทียบยังเกตของสนามบินยังมีเวลาอีกเหลือเฟือให้เขาอ่านหนังสือในที่วางไว้บนตักต่อ เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ของโลกอนาคตเขียนโดยโดยนักเขียนดังมือฉมัง หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เขาผ่านเวลาอันยาวนานบนเครื่องบินมาได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
อีริคชื่นชอบนิยายวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก เป็นแรงจูงใจให้ตนเองมุมานะ จากเด็กในชานเมืองเล็กๆ ของแคว้นเวลล์ จนจบเอกทางด้านฟิสิกส์ และได้ทำงานในสถาบันวิจัยเทคโนโลยีอวกาศชั้นแนวหน้า
ในวูบหนึ่งของห้วงความคิด ได้พาเขาย้อนไปสู่อดีต ไม่มีใครรู้เลยว่าประสบการณ์ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก ได้นำพาเขาเข้าสู่การสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์ และการอวกาศ จนนำไปสู่การเรียนและค้นคว้าจนเรียกได้ว่าเกือบถึงขั้นบ้าคลั่ง
อีริคจุ๊ปากเรียกเจ้าโกลเด้นตัวนั้นเข้ามาใต้หน้าต่าง โยนลูกเทนนิสของเล่นที่มันชื่นชอบลงไป เป็นแต่วันนี้เจ้าทอมตะครุบลูกบอลไว้ให้หยุดอยู่กับพื้น
ไม่เล่นเหมือนเช่นเคย เอาแต่มองขึ้นไปบนฟ้า ทำหูรี่หางตกและเห่าอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นพลันมีลำแสงลงมาจากข้างบน ทำเอาเด็กน้อยตาพร่าไปชั่วขณะและรีบทรุดกายลงนั่งหลบลงใต้หน้าต่างด้วยความตกใจกลัว เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งและลุกขึ้นชะโงกออกจากหน้าต่าง ทุกอย่างก็ตกอยู่ในสภาพเดิม คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ก้มมองยังเบื้องล่างเจ้าทอมก็เงียบหายไปด้วย คิดว่ามันคงจะตกใจเช่นกันและวิ่งหนีหายไปแล้ว
อีริคกลับมาทรุดกายลงนั่งบนเตียง ทบทวนด้วยความตื่นเต้นว่าสิ่งที่เขาเห็นมันคืออะไรกันแน่ เด็กน้อยพลิกกายไปมาอยู่นานบนเตียงจนหลับผล็อยไปในที่สุด
มื้อเช้าบนโต๊ะอาหาร อีริคพยายามเล่าเหตุการณ์ประหลาดที่ประสบตอนเมื่อคืน แต่ทุกคนในบ้านก็พากันหัวเราะและพูดว่าเขาฝันไป
หลังจากตามหาอยู่หลายวัน มิสเตอร์โจนส์บอกว่ามันน่าจะไปเข้าไปเล่นในป่าเหมือนเคย และอาจหลงทางหรือถูกสัตว์ป่าทำร้าย อีริคอยากจะเชื่อเช่นนั้นเหมือนกันถ้าเขาไม่ไปพบลูกเทนนิสที่จำได้ว่าโยนส่งให้เจ้าทอมซุกอยู่ในพงหญ้า ในบริเวณที่เขาโยนลงไป
หลังจากเสียงหัวเราะในโต๊ะอาหารของมื้อเช้าวันนั้น อีริคก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นกับใครอีกเลย แต่กลายเป็นเขาหลงใหลและศึกษาในเรื่องวิทยาศาสตร์อย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะเรื่องฟิสิกส์และดาราศาสตร์
การเดินทางข้ามทวีปครั้งนี้ของเขาคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง หลังจากจบการบรรยายในเมืองหลวง เขาได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองชายทะเล ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเต็มที่กับการชมธรรมชาติและดำน้ำชมโลกใต้ทะเลอันงดงามของเขตร้อน ยามเย็นถึงค่ำคืนก็ครึกครื้นกับการปาร์ตี้ริมชายหาด
จบจากทริปเที่ยวทะเล เขายังมีเวลาที่จะพักผ่อนในบรรยากาศอีกหนึ่งรูปแบบ เจ้าหน้าที่ต้อนรับในงานสัมมนาได้แนะนำให้เขาเดินทางไปอีกเมืองหนึ่ง ทดลองเข้าพักยังชนบทห่างไกล เพื่อได้รู้จักกับธรรมชาติความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่อย่างแท้จริง
เรือนเล็กหลังนี้แยกห่างออกมาจากอาคารอื่น ๆ ภายในรีสอร์ท อยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่มืดครึ้ม เบื้องหน้าไปไม่ไกลเป็นราวป่า และมีลำธารเล็กไหลผ่าน เมื่อมาถึงที่พักในช่วงเวลาบ่าย ความเงียบสงบและงดงามของธรรมชาติทำให้อีริคเลือกบ้านพักหลังนี้อย่างไม่ลังเล แต่ในยามกลางดึกเช่นนี้ กลับดูเงียบสงัดวังเวงจนน่ากลัวไปบ้าง
ขณะชายหนุ่มกำลังซึมซับกับธรรมชาติโดยรอบ ก็พลันปรากฏดวงแสงวูบขึ้น เคลื่อนไหวอยู่บริเวณยอดไม้ตรงราวป่า อีริคสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
แสงประหลาดนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ลักษณะเป็นทรงกลม มีประกายเป็นสีส้มอมเขียวส่องวูบขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
ความทรงจำในวัยเด็กหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ชายหนุ่มจ้องไปยังดวงแสงนั้นอย่างตื่นเต้น คอยสังเกตอยู่ทุกระยะชนิดตาแทบไม่กระพริบ ในใจก็เริ่มคิดอ่านว่าจะทำเช่นไรดีกับสถานการณ์เช่นนี้
ขณะที่เขากำลังเพ่งพินิจอยู่นั้น แสงดวงนั้นคล้ายจะนิ่งอยู่ตรงที่เดิมอยู่ชั่วครู่ ในขณะนั้นประสาทสัมผัสของเขาวูบขึ้นมาว่าดวงแสงประหลาดนั้นก็กำลังจ้องมาทางเขาอยู่เช่นกัน
อีริครู้สึกขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว อากาศคล้ายกดหนักและเย็นยะเยือกขึ้นอีกหลายเท่า บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดและวังเวงจนคล้ายกับว่าขณะนี้โดยรอบบริเวณมีเพียงเขาและดวงแสงประหลาดเท่านั้น
ชั่วไม่เกินอึดใจ ดวงแสงสว่างนั้นก็ขยับตรงมายังเขา แต่ละวินาทีที่ผ่านไปมีพลังงานลึกลับเข้ามาครอบงำเขาจนตัวแข็ง ไม่สามารถขยับร่างได้แม้แต่น้อย แม้แต่คำพูดก็อึกอักอยู่ในลำคอ ไม่สามารถจะอุทานหรือตะโกนออกมาได้อย่างใจต้องการ
แสงดวงนี้ช่างพิสดารจนเหลือเชื่อ นอกจากจะมีพลังงานเข้ามาครอบงำดวงจิตของเขาแล้ว การลอยตัวและการเคลื่อนที่ของมันยังขัดกับหลักการของฟิสิกส์ทั้งมวล มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระทุกทิศทาง โดยปราศจากเสียงหรือร่องรอยของเครื่องจักรกลตามหลักของวิทยาศาสตร์
ดวงแสงประหลาดขยายใหญ่ขึ้นทุกขณะ ตามระยะทางที่ร่นเข้ามา เมื่อใกล้เข้าจนเขาเห็นสิ่งที่อยู่ภายในดวงแสงได้ชัด อีริคก็พลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีดจนขนหัวลุก สิ่งประหลาดรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้อย่างเด็ดขาด
เขาอยากจะกระโจนออกจากจุดนั้นหรือกรีดร้องออกมาจนสุดเสียงแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้
ในห้วงแห่งความฝันร้าย ลำแสงประหลาดนั้นสะกดตรึงเขาแน่นอยู่กับที่ ในขณะเดียวกันบริเวณราวป่าก็มีลำแสงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง และเคลื่อนไหวตรงมายังเรือนหลังเล็กนี้เช่นกัน
ในสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ อีริคเห็นได้ชัดว่าภายในดวงแสงเป็นวัตถุรูปร่างทรงยาวรี และมีบางสิ่งนั่งอยู่ด้านบน พาหนะรูปทรงประหลาดนั้นก็เคลื่อนไหวได้ขัดกับหลักฟิสิกส์ทุกอย่างโดยสิ้นเชิง
เมื่อดวงแสงทั้งสองเข้ามาเทียบเคียงกันอยู่เบื้องหน้าและเปล่งประกายสว่างวาบขึ้นพร้อมกับส่งพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวเข้ามาครอบงำ
อีริคก็คล้ายตกอยู่ในห้วงฝันร้ายที่สยดสยองอย่างสุดขีด ก่อนสติวูบสุดท้ายของเขาจะขาดผึง ในห้วงความทรงจำที่เลอะเลือน ชายหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงระฆังก้องกังวานมาแต่ไกล
เวลาผ่านไปพร้อมสติที่กลับคืน นักวิทยาศาสตร์หนุ่มก็รำลึกได้ว่า นั่นไม่ใช่เจ้าทอม และเขาก็ไม่ใช่อีริคตัวน้อยแล้วเช่นกัน
หลังจากสะบัดหน้าปรับสภาพร่างกายและสติอยู่ชั่วครู่ ความทรงจำก็เริ่มกลับคืน เขาคล้ายจะนอนอยู่ตรงระเบียงของเรือนพักมาจนถึงเช้า สภาพแวดล้อมโดยรอบบ่งบอกเช่นนั้น ด้านล่างมีเสียงเห่าขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาก้มมองไปดูก็เห็นสุนัขโกลเด้นพันธ์เดียวกับเจ้าทอมกำลังกระดิกหางมองเขาอยู่
มิน่าเล่าในขณะที่เขาคืนสติถึงได้คิดไปว่าเจ้าทอมกำลังเห่าเรียก
เสียงร้องทักอรุณสวัสดิ์ดังขึ้น เขาเพิ่งเห็นว่า ตรงทางเดินโรยกรวดเชื่อมระหว่างเรือนพัก มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีขาวกำลังยืนยิ้มให้เขา ในมือถือถาดใบใหญ่มีสิ่งของวางอยู่บนถาดอยู่เต็ม อีริคร้องทักกลับไปอย่างดีใจ ผู้หญิงคนนี้คือเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้เอง
เขารีบขยับออกจากระเบียงกลับเข้าไปภายในห้อง สำรวจตัวเองอยู่ชั่วครู่แล้วเผ่นลงจากเรือนตามหญิงสาวที่กำลังเดินไปอยู่บนทางโรยกรวด
อีริคก้าวตามหญิงสาว ซึ่งกำลังตรงไปยังประตูรั้วทางเข้าของบริเวณรีสอร์ท เมื่อไปถึงริมถนนทางด้านหน้า เธอก็หยุดร่างลงคล้ายจะรอบางสิ่ง