⚡️💫💿THE SUMMER GLOVES 2019 <ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องสุดท้าย> #25 "คืนฝันร้าย" โดย "ถุงมือคนต่างแดน"💿💫⚡️

กระทู้คำถาม
เรื่องสั้นเรื่องที่ 4 และเป็นเรื่องสุดท้ายครับ

เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวไซไฟ ยูเอฟโอ แทรกด้วยแง่คิดเรื่องบุญและกรรม

ชายคนหนึ่งซึ่งวัยเด็กสูญเสียน้องหมาที่รักไปโดยอะไรบางอย่างโอบอุ้มมันไป และหลังจากเขาโตขึ้น วันหนึ่ง เขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งนั้นอีกครั้ง!

ผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร เชิญติดตามอ่าน ครับผม ^^ อมยิ้ม36อมยิ้ม50

อีริค  แบนนอน หลุดจากภวังค์และวางหนังสือในมือลง  เมื่อพนักงานต้อนรับเข้ามาก้มเตือนให้รัดเข็มขัด  ขณะนกเหล็กขนาดยักษ์กำลังเตรียมจะร่อนลงยังสนามบินจุดหมายปลายทาง  เขาพยักหน้าขอบคุณพลางรีบปฏิบัติตามคำเตือนในทันที   เมื่อรัดเสร็จเรียบร้อยก็อดไม่ได้ที่จะมองออกนอกกรอบกระจกเล็กด้านข้าง  เห็นผืนมหาสมุทรเบื้องล่างสะท้อนแสงอาทิตย์อันแรงจ้าเปล่งประกายระยิบระยับ  ตัดกับเมฆขาวเบาบางที่พาดขวางอยู่กลางอากาศ  

เป็นบรรยากาศที่ตรงข้ามกับความทึมทึบของกรุงลอนดอนที่เขาอยู่อาศัยมาค่อนชีวิตอย่างสิ้นเชิง  

ชายหนุ่มหลับตาสูดอากาศลึกเข้าไปจนเต็มปอด
แม้ยังอยู่ในเครื่องบินที่ขึ้นจากสนามบินฮีทโทร  แต่จิตใจของเขานั้นคล้ายสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์สดชื่นของบรรยากาศเบื้องนอก

อีริครู้สึกว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของเขาจริง ๆ เมื่อได้รับการโปรโมทให้เป็นหัวหน้าแผนกฃองสถาบันวิจัยอวกาศระดับโลก  และต่อมาอีกไม่กี่เดือนเขาก็มีโอกาสบินข้ามทวีปมาบรรยายหัวข้อเรื่อง “การใช้พลังงานสะอาดของโลกอนาคต" เป็นเวลาถึงสองสัปดาห์  ที่วิเศษคือในระหว่างนั้นเขาจะมีเวลาว่างถึงสัปดาห์กว่า ๆ ในการที่จะถือโอกาสพักผ่อนเป็นการส่วนตัว  เมื่อคิดดูแล้วเหมือนเป็นการมาพักร้อนดี ๆ นี่เอง

กว่าเครื่องจะลงและเข้าเทียบยังเกตของสนามบินยังมีเวลาอีกเหลือเฟือให้เขาอ่านหนังสือในที่วางไว้บนตักต่อ  เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ของโลกอนาคตเขียนโดยโดยนักเขียนดังมือฉมัง  หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เขาผ่านเวลาอันยาวนานบนเครื่องบินมาได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

อีริคชื่นชอบนิยายวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก   เป็นแรงจูงใจให้ตนเองมุมานะ  จากเด็กในชานเมืองเล็กๆ ของแคว้นเวลล์  จนจบเอกทางด้านฟิสิกส์   และได้ทำงานในสถาบันวิจัยเทคโนโลยีอวกาศชั้นแนวหน้า

ในวูบหนึ่งของห้วงความคิด  ได้พาเขาย้อนไปสู่อดีต ไม่มีใครรู้เลยว่าประสบการณ์ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก ได้นำพาเขาเข้าสู่การสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์  และการอวกาศ  จนนำไปสู่การเรียนและค้นคว้าจนเรียกได้ว่าเกือบถึงขั้นบ้าคลั่ง
กลางดึกคืนหนึ่งในช่วงฤดูร้อน  อีริคตัวน้อยสะดุ้งตื่นจากเสียงสุนัขเห่าข้างหน้าต่างห้องนอนของเขา  จำได้ว่าเป็นเสียงของเจ้าทอมสุนัขของครอบครัวโจนส์ที่อยู่ติดกัน  เด็กน้อยลุกขึ้นจากเตียงยกหน้าต่างเปิดขึ้นชะโงกดูเห็นสุนัขตัวใหญ่กำลังวิ่งวนไปมาเหมือนตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง 

อีริคจุ๊ปากเรียกเจ้าโกลเด้นตัวนั้นเข้ามาใต้หน้าต่าง  โยนลูกเทนนิสของเล่นที่มันชื่นชอบลงไป  เป็นแต่วันนี้เจ้าทอมตะครุบลูกบอลไว้ให้หยุดอยู่กับพื้น
ไม่เล่นเหมือนเช่นเคย  เอาแต่มองขึ้นไปบนฟ้า ทำหูรี่หางตกและเห่าอยู่ตลอดเวลา 

จากนั้นพลันมีลำแสงลงมาจากข้างบน  ทำเอาเด็กน้อยตาพร่าไปชั่วขณะและรีบทรุดกายลงนั่งหลบลงใต้หน้าต่างด้วยความตกใจกลัว   เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งและลุกขึ้นชะโงกออกจากหน้าต่าง  ทุกอย่างก็ตกอยู่ในสภาพเดิม  คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน   

ก้มมองยังเบื้องล่างเจ้าทอมก็เงียบหายไปด้วย   คิดว่ามันคงจะตกใจเช่นกันและวิ่งหนีหายไปแล้ว 

อีริคกลับมาทรุดกายลงนั่งบนเตียง  ทบทวนด้วยความตื่นเต้นว่าสิ่งที่เขาเห็นมันคืออะไรกันแน่   เด็กน้อยพลิกกายไปมาอยู่นานบนเตียงจนหลับผล็อยไปในที่สุด

มื้อเช้าบนโต๊ะอาหาร  อีริคพยายามเล่าเหตุการณ์ประหลาดที่ประสบตอนเมื่อคืน  แต่ทุกคนในบ้านก็พากันหัวเราะและพูดว่าเขาฝันไป   

เมื่อทบทวนดู  ภาพที่เห็นนั้นกลับเลือนราง  จนเด็กน้อยคิดว่าเขาอาจจะฝันไปจริง ๆ    แต่น่าประหลาดใจคือเจ้าทอมได้หายตัวไปอย่างลึกลับ 

หลังจากตามหาอยู่หลายวัน  มิสเตอร์โจนส์บอกว่ามันน่าจะไปเข้าไปเล่นในป่าเหมือนเคย  และอาจหลงทางหรือถูกสัตว์ป่าทำร้าย  อีริคอยากจะเชื่อเช่นนั้นเหมือนกันถ้าเขาไม่ไปพบลูกเทนนิสที่จำได้ว่าโยนส่งให้เจ้าทอมซุกอยู่ในพงหญ้า  ในบริเวณที่เขาโยนลงไป

หลังจากเสียงหัวเราะในโต๊ะอาหารของมื้อเช้าวันนั้น  อีริคก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นกับใครอีกเลย  แต่กลายเป็นเขาหลงใหลและศึกษาในเรื่องวิทยาศาสตร์อย่างบ้าคลั่ง  โดยเฉพาะเรื่องฟิสิกส์และดาราศาสตร์


                          
การเดินทางข้ามทวีปครั้งนี้ของเขาคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง   หลังจากจบการบรรยายในเมืองหลวง   เขาได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองชายทะเล  ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเต็มที่กับการชมธรรมชาติและดำน้ำชมโลกใต้ทะเลอันงดงามของเขตร้อน   ยามเย็นถึงค่ำคืนก็ครึกครื้นกับการปาร์ตี้ริมชายหาด    

จบจากทริปเที่ยวทะเล  เขายังมีเวลาที่จะพักผ่อนในบรรยากาศอีกหนึ่งรูปแบบ  เจ้าหน้าที่ต้อนรับในงานสัมมนาได้แนะนำให้เขาเดินทางไปอีกเมืองหนึ่ง  ทดลองเข้าพักยังชนบทห่างไกล   เพื่อได้รู้จักกับธรรมชาติความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่อย่างแท้จริง

อีริคสะดุ้งตื่นขึ้นมาในยามดึก   พื้นที่ชนบทห่างไกลเงียบสงบจนเขาต้องเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ  แต่ความไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม  ทำให้หลับไม่ค่อยสนิทนัก   หลังจากพลิกกายไปมาอยู่ชั่วครู่  ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกไปยังนอกระเบียง  ลมเย็นยะเยือกพัดกรูเข้ามากระทบร่าง  ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับความหนาวเย็นในอังกฤษ  แต่ก็ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านอย่างแปลกประหลาด

เรือนเล็กหลังนี้แยกห่างออกมาจากอาคารอื่น ๆ ภายในรีสอร์ท  อยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่มืดครึ้ม  เบื้องหน้าไปไม่ไกลเป็นราวป่า  และมีลำธารเล็กไหลผ่าน  เมื่อมาถึงที่พักในช่วงเวลาบ่าย  ความเงียบสงบและงดงามของธรรมชาติทำให้อีริคเลือกบ้านพักหลังนี้อย่างไม่ลังเล  แต่ในยามกลางดึกเช่นนี้   กลับดูเงียบสงัดวังเวงจนน่ากลัวไปบ้าง 

ขณะชายหนุ่มกำลังซึมซับกับธรรมชาติโดยรอบ  ก็พลันปรากฏดวงแสงวูบขึ้น  เคลื่อนไหวอยู่บริเวณยอดไม้ตรงราวป่า  อีริคสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

แสงประหลาดนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต  ลักษณะเป็นทรงกลม  มีประกายเป็นสีส้มอมเขียวส่องวูบขึ้นมาเป็นระยะ ๆ   

หลังจากดูได้ไม่นาน เขาก็มั่นใจว่าแสงนั้นเป็นพลังงานที่แปลกประหลาด  และไม่ใช่เป็นแสงสว่างจากสิ่งประดิษฐ์ประเภทหลอดไฟหรือโคมไฟชนิดใดอย่างเด็ดขาด  

ความทรงจำในวัยเด็กหวนกลับคืนมาอีกครั้ง   ชายหนุ่มจ้องไปยังดวงแสงนั้นอย่างตื่นเต้น  คอยสังเกตอยู่ทุกระยะชนิดตาแทบไม่กระพริบ   ในใจก็เริ่มคิดอ่านว่าจะทำเช่นไรดีกับสถานการณ์เช่นนี้

ขณะที่เขากำลังเพ่งพินิจอยู่นั้น  แสงดวงนั้นคล้ายจะนิ่งอยู่ตรงที่เดิมอยู่ชั่วครู่   ในขณะนั้นประสาทสัมผัสของเขาวูบขึ้นมาว่าดวงแสงประหลาดนั้นก็กำลังจ้องมาทางเขาอยู่เช่นกัน 

อีริครู้สึกขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว อากาศคล้ายกดหนักและเย็นยะเยือกขึ้นอีกหลายเท่า  บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดและวังเวงจนคล้ายกับว่าขณะนี้โดยรอบบริเวณมีเพียงเขาและดวงแสงประหลาดเท่านั้น

ชั่วไม่เกินอึดใจ  ดวงแสงสว่างนั้นก็ขยับตรงมายังเขา  แต่ละวินาทีที่ผ่านไปมีพลังงานลึกลับเข้ามาครอบงำเขาจนตัวแข็ง   ไม่สามารถขยับร่างได้แม้แต่น้อย  แม้แต่คำพูดก็อึกอักอยู่ในลำคอ  ไม่สามารถจะอุทานหรือตะโกนออกมาได้อย่างใจต้องการ

แสงดวงนี้ช่างพิสดารจนเหลือเชื่อ  นอกจากจะมีพลังงานเข้ามาครอบงำดวงจิตของเขาแล้ว  การลอยตัวและการเคลื่อนที่ของมันยังขัดกับหลักการของฟิสิกส์ทั้งมวล  มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระทุกทิศทาง  โดยปราศจากเสียงหรือร่องรอยของเครื่องจักรกลตามหลักของวิทยาศาสตร์  

ดวงแสงประหลาดขยายใหญ่ขึ้นทุกขณะ  ตามระยะทางที่ร่นเข้ามา   เมื่อใกล้เข้าจนเขาเห็นสิ่งที่อยู่ภายในดวงแสงได้ชัด  อีริคก็พลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีดจนขนหัวลุก  สิ่งประหลาดรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้อย่างเด็ดขาด   

เขาอยากจะกระโจนออกจากจุดนั้นหรือกรีดร้องออกมาจนสุดเสียงแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ 

ในห้วงแห่งความฝันร้าย  ลำแสงประหลาดนั้นสะกดตรึงเขาแน่นอยู่กับที่   ในขณะเดียวกันบริเวณราวป่าก็มีลำแสงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง  และเคลื่อนไหวตรงมายังเรือนหลังเล็กนี้เช่นกัน   

ในสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่   อีริคเห็นได้ชัดว่าภายในดวงแสงเป็นวัตถุรูปร่างทรงยาวรี  และมีบางสิ่งนั่งอยู่ด้านบน   พาหนะรูปทรงประหลาดนั้นก็เคลื่อนไหวได้ขัดกับหลักฟิสิกส์ทุกอย่างโดยสิ้นเชิง

เมื่อดวงแสงทั้งสองเข้ามาเทียบเคียงกันอยู่เบื้องหน้าและเปล่งประกายสว่างวาบขึ้นพร้อมกับส่งพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวเข้ามาครอบงำ

อีริคก็คล้ายตกอยู่ในห้วงฝันร้ายที่สยดสยองอย่างสุดขีด  ก่อนสติวูบสุดท้ายของเขาจะขาดผึง  ในห้วงความทรงจำที่เลอะเลือน  ชายหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงระฆังก้องกังวานมาแต่ไกล



เสียงเจ้าทอมเห่าเรียกมาจากภายนอกหน้าต่าง  ปลุกให้สะดุ้งตื่น   

อีริคเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างยากลำบาก  เจ้าทอมมันหายตัวไปนานแล้วมิใช่หรือ เสียงเห่าดังมาจากไหน   

เวลาผ่านไปพร้อมสติที่กลับคืน  นักวิทยาศาสตร์หนุ่มก็รำลึกได้ว่า นั่นไม่ใช่เจ้าทอม และเขาก็ไม่ใช่อีริคตัวน้อยแล้วเช่นกัน   

ชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นนั่ง  สักครู่ก็เอื้อมมือไปเกาะราวระเบียงดึงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากเย็น  สภาพแวดล้อมรอบกายมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากแสงยามรุ่งเช้า     

หลังจากสะบัดหน้าปรับสภาพร่างกายและสติอยู่ชั่วครู่   ความทรงจำก็เริ่มกลับคืน   เขาคล้ายจะนอนอยู่ตรงระเบียงของเรือนพักมาจนถึงเช้า   สภาพแวดล้อมโดยรอบบ่งบอกเช่นนั้น   ด้านล่างมีเสียงเห่าขึ้นอีกครั้ง  เมื่อเขาก้มมองไปดูก็เห็นสุนัขโกลเด้นพันธ์เดียวกับเจ้าทอมกำลังกระดิกหางมองเขาอยู่   
มิน่าเล่าในขณะที่เขาคืนสติถึงได้คิดไปว่าเจ้าทอมกำลังเห่าเรียก 

เสียงร้องทักอรุณสวัสดิ์ดังขึ้น   เขาเพิ่งเห็นว่า ตรงทางเดินโรยกรวดเชื่อมระหว่างเรือนพัก มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีขาวกำลังยืนยิ้มให้เขา  ในมือถือถาดใบใหญ่มีสิ่งของวางอยู่บนถาดอยู่เต็ม   อีริคร้องทักกลับไปอย่างดีใจ  ผู้หญิงคนนี้คือเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้เอง

เขารีบขยับออกจากระเบียงกลับเข้าไปภายในห้อง   สำรวจตัวเองอยู่ชั่วครู่แล้วเผ่นลงจากเรือนตามหญิงสาวที่กำลังเดินไปอยู่บนทางโรยกรวด   

อีริคก้าวตามหญิงสาว  ซึ่งกำลังตรงไปยังประตูรั้วทางเข้าของบริเวณรีสอร์ท   เมื่อไปถึงริมถนนทางด้านหน้า  เธอก็หยุดร่างลงคล้ายจะรอบางสิ่ง
ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีจะพูดคุยกับเขา   จึงยืนอยู่ด้านหลังนิ่ง ๆ   ขณะกำลังคิดว่าจะเริ่มอย่างไรดี  ก็เห็นกลุ่มคนเดินเรียงกันมาตามถนนและหญิงสาวก็ได้ร้องทัก  พร้อมกับผู้คนที่เดินตามกันมานั้นได้หยุดร่างลง
(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่