## เช้าวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถื่น นายทวารดีกรีแชมป์โลก อิเคร์ กาซิยาส อายุ 37 ปี ถูกนำตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการหัวใจวาย (Acute Myocardial Infaction) ได้รับการผ่าตัดใส่สายสวนหัวใจ ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ##
>>>>> คำถามคือ เกิดอะไรขึ้นกับคนที่ดูแลสุขภาพดีแบบนี้ ?
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้รับรู้ข่าวทำนองนี้ ในไทยเองก็เพิ่งมีข่าวเมื่อปีกราย นักฟุตบอลสโมสรราชนาวีอายุ 31 ปี วูบคาสนามและเสียชีวิตในเวลาต่อมา (Sudden Cardiac Arrest) เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ FIFA ได้กำหนดทุกสนามมีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (AED) เพื่อช่วยชีวิตในเหตุการณ์ฉุกเฉิน
หลายครั้งพบว่าภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในนักกีฬาไม่แตกต่างจากคนที่ไม่ใช่นักกีฬา สาเหตุมักมาจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน, กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ และหัวใจเต้นผิดจังหวะ แม้จะมีการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) และการตรวจเฉพาะอื่นๆอีกหลายแบบ แต่ทั้งหมดเป็นเพียงการตรวจคัดกรองโรค (Screening = Early detection = secondary health prevention) ทำให้ตรวจพบความผิดปกติได้รวดเร็ว แต่ไม่ใช่การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดโรคอย่างแท้จริง (Primary health prevention)
ในกรณีของอิเคร์ กาซิยาส ยังไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดของโรค (คาดว่าไม่สามารถเปิดเผยรายได้ละเอียดได้มากไปกว่านี้) แต่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีการผ่าตัดใส่สายสวนหัวใจเกิดขึ้นจริง ดังนั้นสาเหตุของโรคจึงอยู่ที่เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยเส้นเลือดนั้นขาดเลือด และเกิดทำงานผิดปกติ นำไปสู่อาการเจ็บหน้าอก วูบ หมดสติ หรืออาจทำให้เสียชีวิตได้ ... แล้วอะไรเป็นสาเหตุล่ะ หรือเพราะเค้าเคยสูบบุหรี่ ?
ทางการแพทย์ได้ศึกษาและระบุไว้ว่า โรคนี้เป็นโรคที่มีหลายสาเหตุ (Multifactorial disease) มีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่เป็นปัจจัยหลัก บางอย่างเป็นปัจจัยเกื้อหนุนรองลงมา
1. Major Risk Factor หรือ Modifiable Risk Factor (ปัจจัยเสี่ยงหลัก หรือ ปัจจัยที่พอจะแก้ไขได้) ได้แก่
- โรคความดันโลหิตสูง พบว่ามีโอกาสทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) ได้สูงขึ้น 2-3 เท่า แต่คนไทยมักมองเป็นเรื่องขำๆ
- ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia) เหมารวมทั้งไขมันชนิดดีต่ำ (HDL) และ/หรือ ไขมันชนิดเลวสูง (LDL) เช่นกันที่คนไทยมองเป็นเรื่องตลกทั้งที่เคยมีการศึกษาว่า การเพิ่มไขมันชนิดดี 1 แต้ม (1 mg/dL) จะลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 2 % ในเพศชาย และ 3 % ในเพศหญิง (ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในคนไทย เกิน 5 % ถือว่าสูงแล้ว)
- การสูบบุหรี่ ไม่พูดมากเจ็บคอ รู้ๆกันอยู่ แต่ก็มี Medical Fact สวยๆมาบอก เช่น คนอายุไม่เกิน 50 ปีที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเกิดโรคหัวใจสูงกว่าคนวัยเดียวกันที่ไม่สูบ 10 เท่า และการรับควันแบบมือสอง (passive smoker) ก็เพิ่มปัจจัยความเสี่ยงไม่ต่างกัน
- โรคเบาหวาน (Diabetes) แม้กลไกยังเป็นที่ถกเถียง แต่ทุกการศึกษาชี้เป้าชัดเจนว่าเบาหวานก็ร้ายลึก บางการศึกษาบอกว่าเพิ่มโอกาสเสี่ยง 2-4 เท่า, บางการศึกษาบอกว่าในคนวัย 65 ปีชึ้นไปที่มีเบาหวาน พบว่า 68% ของคนกลุ่มนี้ตายจากความผิดปกติของหัวใจ และอีก 16% ตายจากเส้นเลือดสมองอุดตัน
- ภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน มักเป็นตัวก่อเรื่อง นำไปสู่ภาวะเผาผลาญผิดปกติ (Metabolic syndrome) เหนี่ยวนำให้เกิดโรคเบาหวาน ความดัน ตามมา จริงๆก็รวมพวกนั่งกินนอนกิน (Sedentary lifestyle) พวกไม่ออกกำลังกาย (Physical inactivity) และพวกกินไม่เลือกรวมอยู่ด้วย
2. Minor Risk Factor หรือ Conventional Risk Factor (ปัจจัยเสี่ยงรอง หรือ ปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้)
ได้แก่ เพศ, ประวัติครอบครัว,เชื้อชาติ
>>>>> แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเท่าไหร่ ?
การประเมินความเสี่ยงฯ เป็นตัวช่วยอย่างดีในการป้องกันตั้งแต่แรก เราจะได้รู้ว่าเราบกพร่องตรงไหน แก้ไขอะไรได้บ้าง .. จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง โดยคุณสามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์ที่ตรวจสุขภาพประจำปีได้เลย คำณวนออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์โดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับคนไทย ตัวเลขที่ได้ ยิ่งน้อยยิ่งดี (<5%) แต่ควรพิจารณาเป็นรายๆไปตามปัจจัยเสี่ยงอื่นร่วมด้วย
>>>>> ระมัดระวังตัวกันไว้ให้ดีนะครับ อิเคร์ กาซิยาส ไม่ได้กล่าวไว้
Cr. ข้อมูลจาก The guardian , Bangkok Hospital, โรงพยาบาลราชวิถี, มหาวิทยาลัยมหิดล และ Twitter ของ Casillas เองนั่นแหละ
อิเคร์ กาซิยาส (Iker Casillas) ผู้รักษาประตูแชมป์โลกหัวใจวาย...เราได้เรียนรู้อะไรจากเคสนี้