ช่วงเดือนที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของทีมเลยก็ว่าได้ เพราะเดือนเมษายนนั้นได้ชื่อว่าเป็นเดือนแห่งการตัดสินแชมป์ลีค และเป็นแมนซิที่เหมือนเจอบททดสอบสุดหิน น่าจะเป็นงานยากที่สุดที่เป๊ปเคยพบเจอมาด้วยซ้ำ
โปรแกรมการแข่งขันอันสุดโหดร้าย
เนื่องจากการที่ทีมมีลุ้นแชมป์ถึง4รายการ ทำให้ตารางการแข่งขันมันแน่นไปหมด ทีมต้องลงเตะทุกๆ 2-4 วัน และแม้ทีมจะมีขนาดที่ใหญ่ ตัวโรเตชันฝีเท้าดี แต่ในแต่ละนัด เป๊ปก็ไม่สามารถเปลี่ยนผู้เล่นในทีมมากเกินไป เพราะทำให้ขาดความสมดุล ยิ่งต้องแข่งติดกันนานๆ ก็ก่อให้เกิดความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
ตัวหลักผลัดกันเจ็บเป็นว่าเล่น
เดอบรอย ถือเป็นตัวสำคัญที่หายเจ็บกลับมาในช่วงเวลาเหมาะสม โชว์ฟอร์มได้สุดยอด แต่ก็เจ็บไปอีก
เฟอนัน หายเจ็บกลับมาก็ยังไม่ฟิตเกินร้อย แม้ได้ลงเป็นสำรองซะส่วนใหญ่ แต่ก็ลงมาโชว์ฟอร์มให้เห็นถึงความสำคัญของแก และก็เจ็บไปอีกเช่นกัน
คู่แข่งแย่งแชมป์ลีคแข็งแกร่งเกินไป
จากความแข็งแกร่งของคู่แข่งแย่งแชมป์ลีคอย่างลิเวอร์พูลที่ทำผลงานได้ดีเกินคาดและแทบจะไม่พลาดเลย(แข่งก่อนและชนะก่อนตลอด) เหมือนเป็นการบังคับให้ทีมเป๊ปไม่สามารถสะดุดได้แม้แต่นัดเดียว (สะดุดนัดเดียวคือหมดลุ้นแชมป์รายการนั้นทันที) และพอมาดูในตารางแข่งขัน นัดเดียวที่จะสะดุดแล้วทีมไม่เสียหายมากก็คือ 1ใน2นัดในucl ซึ่งในuclนัดแรก เป๊ปดรอปทั้งเดอบรอย , เบอนาโด และลงเล่นแบบแค่ประคองตัว (แฟนบอลดูอย่างเซ็งๆเพราะจะบุกก็ไม่บุก เพลสก็ครึ่งๆกลางๆ เล่นเหมือนให้จบๆไป สุดท้ายทีมแพ้ 1-0) ผมคิดว่านัดนั้นเป๊ปคงอยากแค่ประคองไม่ให้ทีมล้าเกินไป (ไม่รู้เป๊ปคิดอย่างนี้รึป่าว) แม้นัดที่สองที่กลับมาเล่นในบ้าน ทีมเล่นดีและบุกใส่แบบเต็มตัว แต่สุดท้ายไม่สามารถผ่านเข้ารอบuclได้ ตอนแรกผมโทษเป๊ปนะ เรื่องการจัดตัวและแนวทางการเล่นในเกมuclนัดแรก แต่ตอนนี้ผมโทษลิเวอร์พูลนะ ที่ทำแต้มกดดันตลอด ทำให้เป๊ปพะวงหน้าพะวงหลังต้องห่วงทั้งในลีคและucl (อุตสาห์ทำคะแนนเยอะ กรุยทางถึง4แชมป์ ใยคล็อปต้องกดดันเราด้วย)
ยังมีความโชคดีในโปรแกรมที่ดูเหมือนจะโชคร้าย
โปรแกรมที่ดูเหมือนจะหนักสุดของทีมคือกลับมาเล่นในลีคเจอสเปอร์ และ แมนยูติดๆกัน แต่ถ้าลองคิดอีกทางนึงคือไอ้2ทีมนี้ก็ผ่านโปรแกรมหนักในuclมาเหมือนกัน
สเปอร์ มาเยือนแมนซิหลังเพิ่งบดกันในuclมา 2วัน (แมนซิเล่นในบ้าน2เกมติด ไม่ต้องเดินทาง แต่สเปอร์เลือกที่จะกลับลอนดอนแล้วค่อยเดินทางมาแมนเชสเตอร์มาอีกรอบ ล้ากว่านิดหน่อย+ตัวเจ็บเยอะ) ด้วยความล้ากลายเป็นเกมนั้นทั้งแมนซิและสเปอร์เล่นกันได้แย่และเล่นแค่ประคองทีมกันทั้งคู่ (กลางแมนซิเพลสแทบไม่ไหวด้วย ปล่อยสเปอร์หลุดมายิงหลายที) ยังดีแมนซิได้ประตูเฉือนจากโฟเดนในช่วงต้นเกม และเอเดอซอนโชว์เซฟไปหลายครั้ง
แมนยู ทีมนี้ได้พักน้อยกว่าแมนซิ1วัน แถมปลายสัปดาห์มีเกมเจอเชลซีให้พะวงด้วย เกมนี้แมนยูมาดีในครึ่งแรก แต่ต้นครึ่งหลังแมนซิมาโหมบุกและยิงได้2ประตู แต่น่าจะด้วยความล้า หลังจากนั้นทั้ง2ทีมเร่งเครื่องกันไม่ขึ้นและจบไปที่ 2-0
ในเกมยาก ยังได้ประโยชน์จากโกล์ไลน์
ในการมาเยือนเทิร์ฟมัวร์ของเบิร์นลี่ ซึ่งปกติก็ถือเป็นเกมที่ยากมากอยู่แล้ว (ผมมองว่ายากกว่าสเปอร์และแมนยูด้วย เพราะเบิร์นลี่ได้พักมาเต็มๆ แต่แมนซิต้องมาเยือนในสภาพที่กรำศึกหนักมาทั้งเดือน) +เบิร์นลี่ก็มาเล่นรับแบบเต็มสูบ ฉบับรถบัสเรียกพ่อ ฝังผู้เล่นในกรอบเขตโทษหลายคนและแต่ละคนขยับตัวมาบล็อกลูกได้ถูกทางตลอด ยิ่งเพิ่มความยากของเกมเข้าไปอีก ถ้าไม่ได้กุนยิงลูกทะลุโกล์ไลน์เข้าไป ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะเจาะเข้าไปยังไง บัสคันนี้มันเหนียวจริงๆ (เฮซุสแตะหลบโกล์ไปยิง
ยังสกัดออกมาได้เลย) แล้วทีมนี้มันเปิดบอลเข้ากรอบแม่นด้วยนะ ดีที่กอมปานีโหม่งเก่ง โหม่งสกัดได้หมด ทีมเลยไม่โดนจังหวะอันตราย
ระดับการเล่นของทีมต่ำลง
แม้จะเห็นว่าทีมเล่นดีกว่าคู่แข่งตลอด แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฟอร์มของทีมตกลงไป จากความเหนื่อยล้าของนักเตะ ทำให้รูปเกมของทีมช้าลงอย่างเห็นได้ชัด บอลเริ่มไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร จากทีมที่เคยบุกอัดคู่แข่งได้ตลอด90นาที กลับกลายมาเป็นทีมที่ต้องเร่งแค่บางช่วง และใช้บอลเน้นผลแทน (ช่วงหลังๆมา แมนซิจะบุกหนักจริงๆแค่ช่วงต้นครึ่งแรก จากนั้นจะเล่นตามเกม และมาเร่งอีกทีตอนต้นครึ่งหลัง จนกว่าจะยิงประตูได้แล้วค่อยกลับมาเล่นตามเกม)
ประเมินผลงาน
หลังผ่านโปรแกรมหนักทั้ง8เกมในเมษายน ลูกทีมของเป๊ปสามารถชนะได้ถึง7นัด และแพ้เพียงแค่1นัด ซึ่งถือว่าผลงานน่าพึงพอใจมาก แต่1นัดที่แพ้นั้นก็ทำให้ทีมกระเด็นตกรอบuclอย่างน่าเสียดาย (จากผลจับฉลากที่มีอาแจกซ์ไปรอในรอบรอง ทำให้ผมเคยคิดข้ามช็อตไปถึงนัดชิงแล้ว) เสียใจมากเพราะปีนี้เส้นทางค่อนข้างสดใส แต่สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็คงทำไรไม่ได้นอกจากทำใจ
แม้ตกuclไปแล้ว แต่ก็ยังมีข้อดี
ชัยชนะ7นัดในเดือนนี้ทำให้ทีมยังอยู่ในเส้นทางลุ้น3แชมป์ ถึงแม้ทีมจะตกรอบuclไปแล้ว แต่ถ้าคิดในแง่ดี อย่างน้อยทีมจะได้ไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง และโปรแกรมของทีมลดลงไปอีก2นัด ซึ่งแปลว่าระหว่างเกมลีค2นัดสุดท้าย ทีมจะได้พักเต็มสัปดาห์ (ได้พักเยอะขนาดนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ต้นมีนาเลยด้วยซ้ำ) ซึ่งจากคะแนนในลีคตอนนี้ ทีมยังได้เปรียบคู่แข่งอยู่นิดหน่อย แม้เหลือการแข่งขันแค่ 2นัดในลีคและอีก1นัดใน FA Cup แต่เมื่อการแข่งขันยังไม่จบ กองเชียร์ก็ต้องลุ้นกันต่อไป ซึ่งไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็บอกได้คำเดียวว่าฤดูกาลนี้คุณสุดยอดมากครับ แมนซิตี้
แมนซิ กับเมษามหาโหด
โปรแกรมการแข่งขันอันสุดโหดร้าย
เนื่องจากการที่ทีมมีลุ้นแชมป์ถึง4รายการ ทำให้ตารางการแข่งขันมันแน่นไปหมด ทีมต้องลงเตะทุกๆ 2-4 วัน และแม้ทีมจะมีขนาดที่ใหญ่ ตัวโรเตชันฝีเท้าดี แต่ในแต่ละนัด เป๊ปก็ไม่สามารถเปลี่ยนผู้เล่นในทีมมากเกินไป เพราะทำให้ขาดความสมดุล ยิ่งต้องแข่งติดกันนานๆ ก็ก่อให้เกิดความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
ตัวหลักผลัดกันเจ็บเป็นว่าเล่น
เดอบรอย ถือเป็นตัวสำคัญที่หายเจ็บกลับมาในช่วงเวลาเหมาะสม โชว์ฟอร์มได้สุดยอด แต่ก็เจ็บไปอีก
เฟอนัน หายเจ็บกลับมาก็ยังไม่ฟิตเกินร้อย แม้ได้ลงเป็นสำรองซะส่วนใหญ่ แต่ก็ลงมาโชว์ฟอร์มให้เห็นถึงความสำคัญของแก และก็เจ็บไปอีกเช่นกัน
คู่แข่งแย่งแชมป์ลีคแข็งแกร่งเกินไป
จากความแข็งแกร่งของคู่แข่งแย่งแชมป์ลีคอย่างลิเวอร์พูลที่ทำผลงานได้ดีเกินคาดและแทบจะไม่พลาดเลย(แข่งก่อนและชนะก่อนตลอด) เหมือนเป็นการบังคับให้ทีมเป๊ปไม่สามารถสะดุดได้แม้แต่นัดเดียว (สะดุดนัดเดียวคือหมดลุ้นแชมป์รายการนั้นทันที) และพอมาดูในตารางแข่งขัน นัดเดียวที่จะสะดุดแล้วทีมไม่เสียหายมากก็คือ 1ใน2นัดในucl ซึ่งในuclนัดแรก เป๊ปดรอปทั้งเดอบรอย , เบอนาโด และลงเล่นแบบแค่ประคองตัว (แฟนบอลดูอย่างเซ็งๆเพราะจะบุกก็ไม่บุก เพลสก็ครึ่งๆกลางๆ เล่นเหมือนให้จบๆไป สุดท้ายทีมแพ้ 1-0) ผมคิดว่านัดนั้นเป๊ปคงอยากแค่ประคองไม่ให้ทีมล้าเกินไป (ไม่รู้เป๊ปคิดอย่างนี้รึป่าว) แม้นัดที่สองที่กลับมาเล่นในบ้าน ทีมเล่นดีและบุกใส่แบบเต็มตัว แต่สุดท้ายไม่สามารถผ่านเข้ารอบuclได้ ตอนแรกผมโทษเป๊ปนะ เรื่องการจัดตัวและแนวทางการเล่นในเกมuclนัดแรก แต่ตอนนี้ผมโทษลิเวอร์พูลนะ ที่ทำแต้มกดดันตลอด ทำให้เป๊ปพะวงหน้าพะวงหลังต้องห่วงทั้งในลีคและucl (อุตสาห์ทำคะแนนเยอะ กรุยทางถึง4แชมป์ ใยคล็อปต้องกดดันเราด้วย)
ยังมีความโชคดีในโปรแกรมที่ดูเหมือนจะโชคร้าย
โปรแกรมที่ดูเหมือนจะหนักสุดของทีมคือกลับมาเล่นในลีคเจอสเปอร์ และ แมนยูติดๆกัน แต่ถ้าลองคิดอีกทางนึงคือไอ้2ทีมนี้ก็ผ่านโปรแกรมหนักในuclมาเหมือนกัน
สเปอร์ มาเยือนแมนซิหลังเพิ่งบดกันในuclมา 2วัน (แมนซิเล่นในบ้าน2เกมติด ไม่ต้องเดินทาง แต่สเปอร์เลือกที่จะกลับลอนดอนแล้วค่อยเดินทางมาแมนเชสเตอร์มาอีกรอบ ล้ากว่านิดหน่อย+ตัวเจ็บเยอะ) ด้วยความล้ากลายเป็นเกมนั้นทั้งแมนซิและสเปอร์เล่นกันได้แย่และเล่นแค่ประคองทีมกันทั้งคู่ (กลางแมนซิเพลสแทบไม่ไหวด้วย ปล่อยสเปอร์หลุดมายิงหลายที) ยังดีแมนซิได้ประตูเฉือนจากโฟเดนในช่วงต้นเกม และเอเดอซอนโชว์เซฟไปหลายครั้ง
แมนยู ทีมนี้ได้พักน้อยกว่าแมนซิ1วัน แถมปลายสัปดาห์มีเกมเจอเชลซีให้พะวงด้วย เกมนี้แมนยูมาดีในครึ่งแรก แต่ต้นครึ่งหลังแมนซิมาโหมบุกและยิงได้2ประตู แต่น่าจะด้วยความล้า หลังจากนั้นทั้ง2ทีมเร่งเครื่องกันไม่ขึ้นและจบไปที่ 2-0
ในเกมยาก ยังได้ประโยชน์จากโกล์ไลน์
ในการมาเยือนเทิร์ฟมัวร์ของเบิร์นลี่ ซึ่งปกติก็ถือเป็นเกมที่ยากมากอยู่แล้ว (ผมมองว่ายากกว่าสเปอร์และแมนยูด้วย เพราะเบิร์นลี่ได้พักมาเต็มๆ แต่แมนซิต้องมาเยือนในสภาพที่กรำศึกหนักมาทั้งเดือน) +เบิร์นลี่ก็มาเล่นรับแบบเต็มสูบ ฉบับรถบัสเรียกพ่อ ฝังผู้เล่นในกรอบเขตโทษหลายคนและแต่ละคนขยับตัวมาบล็อกลูกได้ถูกทางตลอด ยิ่งเพิ่มความยากของเกมเข้าไปอีก ถ้าไม่ได้กุนยิงลูกทะลุโกล์ไลน์เข้าไป ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะเจาะเข้าไปยังไง บัสคันนี้มันเหนียวจริงๆ (เฮซุสแตะหลบโกล์ไปยิง
ระดับการเล่นของทีมต่ำลง
แม้จะเห็นว่าทีมเล่นดีกว่าคู่แข่งตลอด แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฟอร์มของทีมตกลงไป จากความเหนื่อยล้าของนักเตะ ทำให้รูปเกมของทีมช้าลงอย่างเห็นได้ชัด บอลเริ่มไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร จากทีมที่เคยบุกอัดคู่แข่งได้ตลอด90นาที กลับกลายมาเป็นทีมที่ต้องเร่งแค่บางช่วง และใช้บอลเน้นผลแทน (ช่วงหลังๆมา แมนซิจะบุกหนักจริงๆแค่ช่วงต้นครึ่งแรก จากนั้นจะเล่นตามเกม และมาเร่งอีกทีตอนต้นครึ่งหลัง จนกว่าจะยิงประตูได้แล้วค่อยกลับมาเล่นตามเกม)
ประเมินผลงาน
หลังผ่านโปรแกรมหนักทั้ง8เกมในเมษายน ลูกทีมของเป๊ปสามารถชนะได้ถึง7นัด และแพ้เพียงแค่1นัด ซึ่งถือว่าผลงานน่าพึงพอใจมาก แต่1นัดที่แพ้นั้นก็ทำให้ทีมกระเด็นตกรอบuclอย่างน่าเสียดาย (จากผลจับฉลากที่มีอาแจกซ์ไปรอในรอบรอง ทำให้ผมเคยคิดข้ามช็อตไปถึงนัดชิงแล้ว) เสียใจมากเพราะปีนี้เส้นทางค่อนข้างสดใส แต่สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็คงทำไรไม่ได้นอกจากทำใจ
แม้ตกuclไปแล้ว แต่ก็ยังมีข้อดี
ชัยชนะ7นัดในเดือนนี้ทำให้ทีมยังอยู่ในเส้นทางลุ้น3แชมป์ ถึงแม้ทีมจะตกรอบuclไปแล้ว แต่ถ้าคิดในแง่ดี อย่างน้อยทีมจะได้ไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง และโปรแกรมของทีมลดลงไปอีก2นัด ซึ่งแปลว่าระหว่างเกมลีค2นัดสุดท้าย ทีมจะได้พักเต็มสัปดาห์ (ได้พักเยอะขนาดนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ต้นมีนาเลยด้วยซ้ำ) ซึ่งจากคะแนนในลีคตอนนี้ ทีมยังได้เปรียบคู่แข่งอยู่นิดหน่อย แม้เหลือการแข่งขันแค่ 2นัดในลีคและอีก1นัดใน FA Cup แต่เมื่อการแข่งขันยังไม่จบ กองเชียร์ก็ต้องลุ้นกันต่อไป ซึ่งไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็บอกได้คำเดียวว่าฤดูกาลนี้คุณสุดยอดมากครับ แมนซิตี้