ทำไมต้องลงทุน??
        ในโลกยุคปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราควรต้องรู้จักเรื่องของการลงทุน เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากนั้นแทบจะ 0% และไม่สามารถ
ชนะอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าเราไม่สามารถทำให้เงินงอกเงยได้ มูลค่าของเงินจะลดลงตามเวลา และอย่างที่วอร์เรนต์ บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลกเคยกล่าวไว้ “ถ้าคุณไม่สามารถทำให้เงินของคุณเพิ่มพูนได้แม้ในขณะที่คุณหลับ คุณก็ต้องทำงานไปตลอดชีวิต” ทำให้หลายๆ คนนอกจากทำงานประจำแล้ว ก็เริ่มหันมาสนใจการลงทุนกันมากขึ้น

แต่พอจะลงทุนก็เจ็บแบบนี้...
1.เจ็บจากความสับสนในการเริ่ม  ไม่รู้จะเริ่มยังไง ไม่รู้จะเลือกลงทุนแบบไหนดี ลงทุนอะไรดี ลงทุนหุ้นเอง ลงทุนในอสังหาปล่อยเช่า ลงทุนตราสารหนี้ หรือลงทุนในกองทุนรวม แล้วจะลงทุนกองไหนดี ทำให้หลายคนงง สับสนว่าจะเริ่มอันไหนดี
2. เจ็บจากความยากของการลงทุน พอเราเลือกได้ว่าจะลงทุนอะไร เราก็ต้องมาศึกษาการลงทุนนั้นๆ ต้องมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
และยังต้องคอยปรับสัดส่วนการลงทุนอีก ทำให้บางคนรู้สึกว่ายุ่งยาก วุ่นวาย ซับซ้อน จนถอดใจไปจากการลงทุน
3. เจ็บจากการขาดทุน เนื่องจากมีความรู้ที่ค่อนข้างจำกัด หรือ ไม่มีเวลาศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างลึกซึ้ง ไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาด พอซื้อก็ติดดอย ขายก็ขาดทุน

         ดังนั้นการลงทุนในกองทุนรวมจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษาการลงทุน แต่ต้องการทำให้เงินงอกเงยขึ้น
ซึ่งการลงทุนในกองทุนรวมนั้นนอกจากการเลือกกองทุนรวมที่ผลงานดี และค่าธรรมเนียมถูกแล้ว ยังมีสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ การกระจาย
ความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีและลดโอกาสการขาดทุน เหมือนสำนวนที่ว่า อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตระกร้าใบเดียว
“ Do not put all your eggs in one basket”  หรือถ้าจะเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ อย่างเช่น ถ้าเราไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ควรจะต้องแบ่งเก็บของมีค่า
ไว้หลายที่หน่อย เพราะถ้าเกิดกระเป๋าใบนั้นหาย เรายังมีเงินจากที่เราเก็บไว้ที่อื่นมาใช้จ่ายได้ ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงคือ การลงทุนที่ไม่ประมาทนั่นเอง ซึ่งการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนกองทุนรวม มีหลักแบบนี้…



3 วิธีกระจายความเสี่ยงในการลงทุนกองทุนรวม
1. กระจายสินทรัพย์
คนที่รับความเสี่ยงได้มาก อาจแบ่งเงินส่วนใหญ่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น และแบ่งบางส่วนลงทุนในกองตราสารหนี้  เพื่อกระจายการลงทุน
ในสินทรัพย์อื่นบ้าง โดยสามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หรือช่วงอายุ
2. กระจายกองทุนรวมที่มีนโยบายที่ต่างกัน
กองทุนรวมหุ้นเหมือนกัน แต่นโยบายการลงทุนก็ต่างกัน เช่น กองทุนที่ลงทุนหุ้นใน set50 กองทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก
กองทุนที่ลงเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม หรือกองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนหุ้นต่างประเทศ ดังนั้นอย่าลืมดูนโยบายการลงทุนของกองทุนด้วยนะ
ไม่ใช่แค่ว่าซื้อหลายๆ กองทุน หรือหลายๆ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แล้วจะกระจายความเสี่ยง เพราะกองทุนรวมหุ้นหลายกองทุน
ก็นโยบายเหมือนกัน และถือหุ้นคล้ายกันมาก แบบนั้นไม่ถือว่ากระจายความเสี่ยงนะ
3. กระจายช่วงเวลา
สินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ ทั้งในหรือต่างประเทศ ก็มีความผันผวนของราคาเกิดขึ้นตลอด และไม่มีใครสามารถคาดเดา
ทิศทางของตลาดได้แน่นอน ดังนั้นการกระจายช่วงเวลาการลงทุนก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยบริหารความเสี่ยงในการลงทุนกองทุนรวมได้

แล้ว TMB Smart Port มาช่วยแก้เจ็บตัวจากการลงทุนได้ยังไง??
        TMB Smart Port เป็นทางเลือกใหม่ทางหนึ่งสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวม แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ไม่รู้จะจัดพอร์ตกองทุนรวม
เพื่อกระจายความเสี่ยงยังไง หรือจะปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนกองทุนรวมนั้นยังไง ลองมาค่อยๆอ่าน ทำความรู้จักกับ TMB Smart Port กัน
เผื่อเป็นทางเลือกที่เราสนใจ หรือตรงใจเรา
        สรุปให้เข้าใจ concept ง่ายๆ ของ TMB Smart Port คือแบบนี้...



1. เงินทุนเริ่มต้นที่มีแผนลงทุนระยะยาว โดยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 100,000 บาท ก็มีมืออาชีพมาจัดพอร์ตกองทุน และคอยปรับสัดส่วน
ในการลงทุนให้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งโดยทั่วไปถ้าเราจะเปิดกองทุนส่วนบุคคล (private fund) เพื่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาจัดและปรับพอร์ตให้เรานั้น
ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นค่อนข้างสูงถึงหลัก 10 ล้านบาทเลยทีเดียว ดังนั้น TMB Smart Port ทำให้ผู้ที่มีเงินลงทุนยังไม่มากนัก สามารถมีมืออาชีพ
มาคอยดูแลพอร์ตการลงทุนให้เราได้ และเราสามารถเติมเงินเพิ่มเข้าไปได้ ถ้าเราอยากลงทุนเพิ่ม ขั้นต่ำก็แค่ 10,000 บาท ในแต่ละครั้ง  

2. รู้จักตนเอง โดยการตอบแบบสอบถามเรื่องความเสี่ยง เพื่อจะได้เลือกแบบพอร์ตการลงทุนที่เรายอมรับได้และสบายใจในการลงทุน
คำถามก็จะประมาณนี้ อายุเท่าไหร่ ประสบการณ์การลงทุนมาแล้วกี่ปี เป้าหมายการลงทุน ทนเห็นการขาดทุนได้มากน้อยแค่ไหน

3. เลือกแบบพอร์ตการลงทุนที่ใช่ เมื่อเราพอรู้ว่าเรารับความเสี่ยงได้ประมาณไหน ต่อมาก็เลือกพอร์ตกองทุนรวมสำเร็จรูป
ที่เหมาะกับความเสี่ยง หรือความผันผวนที่เรายอมรับได้  ซึ่งจะมี 5 รูปแบบ โดยแต่ละแบบจะมีกองทุนดีๆทั้งใน และต่างประเทศ
จากหลากหลาย บลจ. ชั้นนำ ที่ทาง TMB เขาคัดสรรมาไว้ให้ในแต่ละพอร์ตเสร็จสรรพ ทำให้เราไม่ต้องมาคิด มานั่งปวดหัวว่าจะเลือกกองทุนไหน
บลจ.อะไรดี เข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุนของเรา ถ้าใครเคยศึกษากองทุนรวมก็จะเห็นว่า แค่กองทุนรวมหุ้นอย่างเดียวก็มีมากมายจนตาลายได้  
ดังนั้นการมีคนคัดมาให้แล้วแบบนี้ ก็ทำให้เราประหยัดเวลา และสบายไปได้พอสมควร เดี๋ยวไปดูกันต่อว่ามีโมเดลแบบไหนกันบ้าง


แบบที่ 1 risk averse portfolio เป็นความเสี่ยงระดับที่ 1  สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้น้อย ผลตอบแทนคาดหวังของระดับนี้อยู่ที่ 2.18% ต่อปี
ระดับนี้จะเป็นการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ทั้ง 100% กระจายใน 6 กองทุน โดยมีการกระจายความเสี่ยงเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้
ที่ลงทุนในประเทศ และตราสารหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ จึงทำให้มีความผันผวนต่ำ

แบบที่ 2 conservation portfolio เป็นระดับความเสี่ยงระดับที่ 2 ผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 3.39% ต่อปี จะลงทุนใน 12 กองทุน
ซึ่งเน้นหนักในกองทุนรวมตราสารหนี้ประมาณ 80% ซึ่งมีทั้งกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศ และกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ
ส่วนอีกประมาณ  20% ของพอร์ตแบบนี้จะลงทุนในกองทุนหุ้นไทย 10% และกองทุนรวมที่ลงทุนหุ้นต่างประเทศอีก 10%

แบบที่ 3 balanced portfolio เป็นระดับความเสี่ยงระดับที่ 3 เหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้มากขึ้นเพื่อผลตอบแทนที่ดีขึ้น ระดับนี้
เป็นระดับกลางๆ โดยลงทุนในกองตราสารหนี้ และกองทุนหุ้นอย่างละประมาณ 50% ก็คือผสมแบบครึ่งๆ กระจายใน 16 กองทุน
ซึ่งจะมีการกระจายการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ และต่างประเทศทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ผลตอบแทนคาดหวังประมาณ 5.05% ต่อปี
แต่ก็จะมีความผันผวนมากขึ้นเพราะมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น

แบบที่ 4 advanced portfolio เป็นระดับความเสี่ยงระดับที่ 4 สัดส่วนจะเป็นการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเป็นหลัก ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ที่ 6.19% ต่อปี โดยการลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ต่อกองทุนรวมหุ้น เป็นประมาณ  30:70 ใน 15 กองทุน ซึ่งก็จะกระจายความเสี่ยงลงทุนทั้งในตราสารหนี้
ในประเทศ ต่างประเทศ และกองทุนรวมหุ้นไทย และกองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนหุ้นต่างประเทศ

แบบที่ 5 aggressive portfolio เป็นระดับความเสี่ยงระดับที่ 5 คือมีความผันผวนสูงสุดใน 5 ระดับที่เขาจัดไว้ สำหรับผู้ที่ได้รับความเสี่ยง
หรือความผันผวนได้มาก ระดับนี้เป็นการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเกือบ 100%  เป็นกองทุนรวมหุ้นไทยและกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ
อย่างละประมาณครึ่งๆ กระจายใน 14 กองทุน ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ที่ประมาณ 7.72% ต่อปี

     “จะเห็นว่าในแต่ละโมเดลมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยที่เราไม่ต้องมานั่งคิดเอง และคอยไล่ซื้อไปทีละกองทุน ทำให้เรา
สะดวกมากขึ้น และที่สำคัญ TMB Smart Port นั้นไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมแรกเข้า (front end fee) โดยมีการเก็บเป็นค่าบริหารพอร์ต
ประมาณ 0 -1% ต่อปี ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนตามแต่ละลักษณะของโมเดล”

4. มีมืออาชีพคอยติดตามการลงทุน หลังจากที่เราเลือกแบบพอร์ตกองทุนตาม 5 แบบตามที่ TMB Smart Port จัดไว้
จะมีทีมมืออาชีพที่คอยติดตามพอร์ตการลงทุนให้ และมีการปรับสัดส่วนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาดทุกไตรมาส
หรือเมื่อตลาดมีความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ

        จากที่เล่ามาจะเห็นว่า TMB Smart Port แก้เรื่อง 3 เจ็บของการลงทุน “เจ็บจากความสับสนในการเริ่ม   เจ็บจากความยาก
ของการลงทุน  เจ็บจากการขาดทุนเพราะความไม่รู้ ไม่มีเวลา” ได้แบบนี้
        TMB Smart Port เป็นพอร์ตสำเร็จรูปที่คัดสรรกองทุนดีๆ จากหลากหลาย บลจ. ชั้นนำที่ลงทุนทั้งในและต่างประเทศมาให้ ซึ่งเราสามารถ
เลือกลงทุนตามโมเดลที่เรายอมรับได้และสบายใจ โดยที่เราไม่ต้องมาคัดเลือกเองว่าจะลงกองทุนรวมไหน บลจ.อะไรดี  มีการกระจายความเสี่ยง
ในการลงทุนกองทุนรวม พร้อมทั้งมีมืออาชีพช่วยดูแลปรับสัดส่วนการลงทุนในกองทุนรวมให้เหมาะกับสภาวะตลาดให้อีกด้วย ด้วยเงินลงทุน
เริ่มต้นเพียง 100,000 บ. ก็ทำให้เข้าถึงการลงทุนแบบนี้ได้ ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น และลดปัญหาขาดทุนจากการไม่มีเวลามาดูแลพอร์ต
และปรับพอร์ตการลงทุน

ส่วนค่าบริหารพอร์ตตอนนี้เขาเก็บประมาณนี้ ตามแต่ละลักษณะของโมเดล...


      “ส่วนข้อจำกัดของ TMB Smart Port  คือเราต้องลงทุนตามกองทุนที่เขาจัดไว้ให้ในแต่ละโมเดล  ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสัดส่วน
การลงทุนนอกเหนือไปจากโมเดลที่กำหนดมาได้ แต่เราสามารถขอเปลี่ยนโมเดลได้”

       อย่างไรก็ดี ถึงจะมีผู้ช่วยเป็นมืออาชีพอย่าง TMB Smart Port ที่มาช่วยเราจัดและปรับพอร์ตลงทุนแล้ว ยังไงเราก็ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด
ก่อนลงทุน  และติดตามผลการบริหารพอร์ตด้วยนะ

       การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยัน ถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ที่สาขา TMB ทั่วประเทศ
หรือ TMB Investment Line โทร. 1558 กด #9
หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
https://www.tmbbank.com/tmbadvisory/tmbsmartport