ลองแก้งานเขียนเก่าๆ แนะนำติชมด้วยนะคับ

แนะนำติชมได้เต็มที่เลยคับ จะนำไปปรับปรุง ทัเงการ เว้นวรรค การบรรยาย และอื่นๆ 


Resolve : ยากที่จะตัดสินใจ

บทนำ 

    ท้องฟ้ามืดครึ้มมีเมฆฝนลอยตั้งเค้าดำมืดมาแต่ไกล เด็กหญิงตัวน้อยสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในซอกหลืบของตึกรามบ้านช่องแคบๆกลางดึก

    ในเมืองชนบทที่ซึ่งห่างไกลความเจริญ และตรอกซอกซอยโสมม ซึ่งใครๆก็คงไม่อยากผ่านทางนี้ซักเท่าไหร่

     สถานที่รกร้างซึ่งเต็มไปด้วยเศษซากขยะมูลฝอยและชิ้นส่วนโลหะผุพัง ซึ่งถูกนำมาทิ้งให้เน่าเสียกองสะสม กับขยะอุตสาหกรรมของโรงงานเก่าที่ทิ้งร้าง ซึ่งเป็นอย่างนี้มานานหลายปีแล้ว ทั้งเป็นแหล่งที่ซุกหัวนอนของเหล่าคนจรจัดทั้งหลายแหล่

     เนอิน่า ซาคูร่า เป็นเด็กหญิงตัวน้อยอายุเจ็ดขวบผมดำขลับที่เปรอะเปื้อนมอมแมม ตาชั้นเดียวกลมโตที่ดูไร้แวว มีร่องรอยปูดโปนและฟกช้ำจากการถูกทุบตี ซึ่งเธอได้แต่ทอดสายตามองเหม่ออย่างไร้จุดหมาย

     หลังจากที่เพิ่งถูกลุงและป้าผลักไสไล่ส่งออกมา ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เหมือนพวกเขาจะหมดความอดทนในการเลี้ยงดูเธอซะแล้ว

     ซึ่งทุกอย่างที่พวกเขาหวังให้ทำนั้นก็มักจะเกินกำลังของเด็กอายุเจ็ดขวบอย่างเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะใช้แรงงานสารพัด ปัดกวาดเช็ดถู ซักเสื้อผ้าและงานบ้านทั้งหลาย

     ครืน…..

     ท้องฟ้าเริ่มตั้งเค้ามืดมาได้สักพัก ทำท่าว่าฝนจะตกอยู่รอมร่อ ทั้งที่ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนและอากาศก็แผดเผาหนักหน่วงมาหลายวัน

     แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเนื่องจากความแปรปรวนของสภาพอากาศในช่วงนี้ มักจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอย่างผิดปกติ ฝน ลม แดด มาไม่ซ้ำกันในแต่ละสัปดาห์เลยทีเดียว

     เนอิน่าที่นั่งกอดเข่ามาสักพักอย่างเดียวดาย หลังจากมุดตัวแทรกระหว่างถังขยะกับกองซากเฟอนิเจอร์เก่าๆ เด็กน้อยก็ควานหาสิ่งที่พอจะใช้ได้ เพื่อรอรับมือกับสายฝนที่กำลังจะกระหน่ำลงมา

      สิ่งที่มือน้อยๆคว้ามาได้คือ ฝาถังขยะพลาสติกที่แม้จะสกปรกและไม่สมประกอบนัก ทั้งยังเต็มไปด้วยเศษอาหารเหลือทิ้งและส่งกลิ่นเหม็นอบอวนชวนให้อาเจียน

      แต่มันก็ยังดีที่ใช้บังสายฝนจากศรีษะได้ กับเศษฝ้าผืนใหญ่เก่าๆที่ฉีกขาดกองอยู่ใกล้กัน ก็มากพอจะสร้างความอบอุ่นให้ได้บ้าง

     เสียงฟ้าร้องดังเปรี้ยงปร้างอยู่เป็นระยะ ไม่นานแสงแวบวาบและฟ้าผ่าก็ตามมา เนอิน่านั่งตัวสั่นเทาอย่างเดียวดายในความมืดมิด เด็กน้อยรู้สึกสับสนและหวาดกลัว จึงทำได้เพียงหลับตาพลางปิดหูเพื่อให้ไม่ได้ยินเสียงคำรามของสายฝน

     ไม่นานสายฝนก็เริ่มตกลงมาอย่างรวดเร็ว สายฟ้าคำรามและแสงสว่างก็โหมกระหน่ำ ความรู้สึกตอนนี้ของเด็กน้อย ราวกับว่าสภาพกากาศอันบ้าคลั่ง คือความโกรธเกรี้ยวและบทลงโทษจากลุงและป้าก็ไม่ปาน

     เสียงฟ้าร้องราวกับคำผรุสวาทของป้า ซึ่งมาพร้อมกับสายฝนที่เทกระหน่ำคือการทุบตีของลุง ยิ่งร้องยิ่งถูกตี ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็จะโดนหนักยิ่งขึ้น หากหลับไปก็จะตื่นมาพร้อมรอยฝกช้ำที่มากกว่าปกติ

     ดังนั้นสิ่งที่พอจะทำได้คือต้องอดทนและห้ามหลับเด็ดขาด ถ้าทำได้ไม่นานทั้งลุงและป้าก็จะหยุดไปเอง

     ฮึก...ฮึก...

     นิ้วมืออันเรียวเล็กสั่นเทาด้วยความหนาว ลมหายใจพ่นออกมาผสมปนกับความเจ็บปวด สายฝนสาดกระทบรอยแผลตามแขนและขา สร้างความเจ็บแสบให้กับเนอิน่าไม่น้อย

     เนอิน่าได้แต่นั่งสะอึกสะอื้นร้องไห้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ถึงความอับโชคและอาภัพของเธอ

     แม้บาดแผลทางกายจะเจ็บแสบเพียงใด แต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นระส่ำ ความวิตกหวาดกลัวถาโถมมากมาย จนเด็กน้อยเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรกับตน ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร มีความหมายแบบไหน และทำไมถึงเป็นแบบนี้

     เวลาถูกตีอันนั้นคือความเจ็บปวด เวลาถูกต่อว่าอันนั้นคือความเสียใจ แล้วตอนนี้ที่หนูไม่เหลือใคร มันคือความรู้สึกอะไรล่ะ...

     “อยากกลับบ้านจัง....”

     หนูไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลุงกับป้าถึงไล่หนูออกมา เมื่อเช้าหนูก็ช่วยจัดร้านแล้ว ไปเอาของที่ตลาดสด ตอนสายหนูก็ช่วยขายของด้วย วันนี้หนูยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ

     เด็กน้อยนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเพียงลำพังอย่างหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่ลมและฝนก็โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ตัวเธอเปียกโชกและนั่งตัวสั่นอย่างคนไร้หนทาง

     จนเมื่อจู่ๆฝนก็หยุดกระทบใบหน้า สติที่เลือนลางไม่แน่ใจว่านานเท่าไหร่ ที่จู่ๆฝนไม่ได้สัมผัสใบหน้าของเธอ ครู่หนึ่งเมื่อได้สติเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่ามีใครคนหนึ่งที่ยืนบังสายฝนให้เธออยู่

     ตัวไม่สูงเท่าไหร่สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีดำซึ่งมีฮูดคลุมศรีษะเอาไว้

     เนอิน่ามองเห็นได้ไม่ชัดนักว่าใบหน้าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ภายใต้ฮูดคลุมศรีษะ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าอาจจะเป็นนักเดินทาง ด้วยการแต่งตัวที่คล้ายคลึงกับ ลูกค้าส่วนใหญ่ตอนช่วยงานที่ร้านของลุงและป้า

     “ค...คะ...?”

     หนูเอ่ยคำพูดปนสงสัยออกไปอย่างไม่มีความหมาย แม้เสียงมันจะสั่นเครือไปด้วย อาการหนาวเหน็บจนพูดไม่ค่อยชัด แต่อีกฝ่ายดูจะไม่มีปัญหาอะไร

     ก่อนที่จู่ๆเขาจะเดินมาจับแขนของหนูและพยุงให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งยังคอยพยุงไม่ให้เซถลาอีกด้วย

     ‘ถ้าไม่อยากหนาวตายก็มาด้วยกัน’    

     น้ำเสียงเรียบๆฟังดูเย็นชาไม่ได้ทำให้หนูคล้อยตามซักเท่าไหร่ เพียงแต่มีใครสักคนอยู่ด้วยก็ดีกว่าไม่มีใครเลย

     หนูลังเลครู่หนึ่งมองซ้ายรีขวาอย่างสับสน ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อ มือทั้งสองข้างกำผ้าที่คลุมตัวไว้แน่น พลางดึงมากอดหน้าอกด้วยความหนาวสั่น

     หนูยืนตัวสั่นตั้งแต่หัวยันปลายเท้าเปล่าๆ ที่ย่ำซากขยะและอื่นๆจนเจ็บเท้าไปหมดแล้วก่อนหน้า และอย่างน้อยตอนนี้ถึงจะอยู่กับใครไม่รู้ หนูก็คิดว่ายังดีกว่าอยู่คนเดียวละนะ

     เนอิน่ายิ้มออกมาด้วยสีหน้าอิดโรย ขณะที่ตาข้างหนึ่งยังลืมไม่ชัดซะด้วยซ้ำ พร้อมกับที่อีกฝ่ายจ้องตาประสานตากับเด็กหญิงตัวน้อยท่ามกลางสายฝน 

     แม้จะมืดมิดทั้งยังมีลมฝนกรรโชกรุนแรง แต่ ณ วินาทีที่แสงจันทร์หรืออะไรก็ตามสาดส่องออกมา เนอิน่าก็มองใบหน้าของอีกฝ่ายในที่สุด

     ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็ตาม แต่ตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยกลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย อย่างน้อยๆก็มีใครสักคนยื่นมือเข้ามา ในเวลาที่ทุกๆอย่างพังทลายลงจนหมดสิ้นแล้ว และที่ทำได้ในตอนนี้คงมีเพียงแค่คำพูดเท่านั้นที่เธอพอจะทำได้

“ขะ..ขอบคุณค่ะ...พะ..พี่ชาย”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่