สวัสดีครับ สำหรับกระทู้นี้ผมจะมาเล่าวิธีการใช้บริการรถประจำทางหรือการขึ้นรถเมล์ที่จีนกันนะครับ


พอดีผมมีโอกาสไปเที่ยวนครเทียนจิน กรุงปักกิ่ง และเมืองเอกอีกสี่มณฑลด้วยตัวเอง เลยจะมาเล่าวิธีการใช้บริการประจำทางหรือรถเมล์ ว่าต้องทำยังไง เตรียมตัวกันยังไงบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่จะใช้บริการรถประจำทางที่ประเทศจีน หากมีส่วนไหนที่ผมอธิบายผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยนะครับ และท่านไหนจะช่วยแก้ไข ก็ขอบพระคุณล่างหน้า ตามไปดูการเดินทางได้ที่นี่ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/38782593
 
แต่ก่อนจะไปดูรายละเอียดการใช้บริการ มารู้คำศัพท์บางคำนิดนึง ที่อาจจะต้องรู้ มีดังต่อไปนี้ครับ


โอเคครับ พอรู้คำศัพท์แล้ว มาดูกันเลยว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง และทำยังไงบ้าง 

1. เตรียมเงินหยวน เหรียญหรือแบงค์ 1 หยวนให้พร้อม (ผมเข้าใจว่าแบงค์อื่นๆ คนขับน่าจะไม่ทอนเงินให้ และเหรียญที่เป็นเศษรวมๆ กันเป็น 1 หยวนอาจจะไม่ได้นะครับ) ครั้งนี้ผมใช้เงินสด หากใครมี วีแชทเพย์หรืออาลีเพย์ก็จะค่อนข้างสะดวก ส่วนวิธีการเพิ่มกระเป๋าทำยังไง ผมไม่ขออธิบาย เพราะผมยังไม่ได้ใช้งาน ลองแล้วไม่สำเร็จ (แนะนำให้พกแบงค์ 1 หยวนติดตัวไว้หลายๆ ใบครับ หากเดินทางด้วยรถประจำทางเยอะ (รถไฟฟ้าใต้ดินที่ตู้ออกตั๋วอัตโนมัติ เหมือนแบงค์ 1 หยวนจะไม่รับนะครับ ได้เฉพาะเหรียญ 1 หยวนกับแบงค์ 5 หยวนขึ้นไป ถ้าผมจำไม่ได้ผิด) หน้าตาของแบงค์หรือเหรียญ 1 หยวน ก็แบบนี้ครับ (อัพเดท มีประกาศการใช้ธนบัตร รูปแบบใหม่ เริ่มใช้ 30/8/62 รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.pbc.gov.cn/rmyh/2019rmb/index.html )


2. เตรียมตังค์เรียบร้อย ต่อไปก็เปิดแผนที่เพื่อหาสายรถประจำทางที่ไปที่จุดหมายที่ต้องการ ส่วนตัวผมใช้ Baidu map เพราะแม่นยำสูง ถ้ายังไม่มีก็ดาวน์โหลดให้เรียบร้อยครับ หากวางแผนก่อนเดินทางก็ใช้เวอร์ชั่นเว็บได้ และผมว่ามันเวิร์คมาก เพราะมันมีฟีเจอร์สตรีทวิวอีกด้วย! (อาจจะไม่ครบทุกที่) ส่วน google map ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะที่จีนไม่ค่อยแม่นยำ

ผมขอยกตัวอย่าง โดยผมอยู่ที่ป้าย 纱厂路口北站 เมืองหลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน และผมจะไปที่ 王城公园 ผมก็ค้นหาโดยเลือกการเดินทางแบบรถประจำทาง (ซึ่งผลลัพธ์จะรวมไปถึงรถไฟฟ้าใต้ดินด้วย ถ้าเมืองไหนมีใต้ดินก็จะแสดงให้ดูด้วย รวมถึงรถทัวร์ทางไกล รถไฟธรรมดา รถไฟความเร็วสูง เครื่องบิน เรียกได้ว่าครบถ้วนมาก แต่ข้อเสียคือเป็นภาษาจีนล้วนๆ )

ผลลัพท์ที่แสดง ระบบก็จะแสดงสายรถที่สามารถไปถึงจุดหมายได้ในแบบต่างๆ พร้อมทั้งราคา (บางที่อาจจะไม่แสดง) และเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และยังมีระยะทางที่ต้องเดิน ระหว่างจุดเชื่อมต่อให้ด้วย (ในกรณีรถไฟฟ้าใต้ดินจะมีรายละเอียดประตูทางออกให้ด้วย เยี่ยมยอดมาก!) โดยผลลัพธ์ที่แสดงในตัวอย่าง สามารถเดินทางได้ทั้ง 2 สาย คือสาย 19 หรือสาย 32 （19路 (或 32路 ) (或 Huò ฮั้ว แปลว่า หรือ) ซึ่งรายละเอียดตามรูป


นอกจากนี้ยังสามารถเลือกการกรองข้อมูลแบบการเชื่อมต่อรถแบบที่น้อยที่สุด, ราคาค่าโดยสารที่ถูกที่สุด หรือเลือกแบบเดินน้อยที่สุด
 
3. รู้สายรถแล้ว ก็ตามหาป้ายรถประจำทาง (แต่ส่วนใหญ่ก็จะยืนรอที่ป้ายแล้วค้นหาสาย แล้วแต่ความถนัดครับ) ยืนรอที่มีป้ายสายรถประจำทาง โดยป้ายรถประจำทางจะมีแบบต่างๆ แล้วแต่เมือง บางเมืองอาจจะเป็นป้ายแขวนลอย บางเมืองอาจจะเป็นป้ายติดกับสถานี หรือป้ายแบบตั้ง ตัวอย่างดังรูป


พอไปถึงป้าย ขออธิบายส่วนประกอบของป้ายนิดนึงครับ ตัวอักษรบนสุดจะเป็นชื่อของป้าย เพื่อบอกให้รู้ว่าป้ายนี้ชื่อว่าป้ายอะไร บอกสายรถ (ถ้าไม่เจอเลขสายรถ อาจจะอยู่ด้านหลังป้าย) บอกต้นทาง-ปลายทาง, บอกวันเวลาการให้บริการ, บอกสถานีที่ผ่าน และบอกทิศทางที่ไป ดังตัวอย่าง


แนะนำว่าต้องหาเลขสายรถให้เจอ เพื่อความมั่นใจว่ามาถูกป้าย พอเจอแล้วเพื่อความชัวร์ ให้ตรวจสอบว่ารถมุ่งหน้าไปไหน โดยดูที่ป้ายที่สถานี เช่นดังตัวอย่าง เมื่อเจอสายที่ต้องการจะไป คือสาย 32 อันดับต่อไปคือ มองหาเลขป้าย ชื่อป้าย โดยตัวอย่างป้ายนี้บอกตำแหน่งที่อยู่เป็นวงกลมสีแดง ของสาย 32 คือเลข 5 (สาย 46 เป็นวงกลมสีแดงเลข 3 คือบอกตำแหน่งที่เราอยู่) บางเมืองอาจจะไม่บอกตำแหน่งปัจจุบัน ต้องมองหาเอง ว่าป้ายนี้เป็นป้ายที่เท่าไหร่

อันดับถัดไป ขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าขึ้นรถไม่ผิดฝั่ง จะได้ไม่เสียเงินและเสียเวลา โดยให้มองหาชื่อสถานีปลายทางโดยให้เทียบกับผลลัพธ์ในการค้นหาตามรูปด้านล่าง อาจจะมองหาตัวอักษรชื่อป้ายหรือนับจำนวนสถานีจากตำแหน่งป้ายที่รอ เมื่อเจอชื่อป้ายปลายทาง ก็ให้ดูลูกศร ทิศทางของรถว่าจะไปไหน ดังตัวอย่างรูปด้านบน ถ้าป้ายปลายทางอยู่คนละทิศทางกับลูกศร นั่นหมายถึงอยู่ผิดฝั่ง


ในกรณีที่เริ่มชำนาญ สามารถดูป้ายหน้ารถ และอ่านข้อความปลายทางของรถ โดยจะมีข้อความว่า ขับมุ่งหน้าไปไหน (开往)


4. เมื่อมั่นใจแล้วว่ามารอถูกป้ายและถูกฝั่ง อันดับต่อไปคือ ต้องไปยืนรอรถที่ตำแหน่งที่มีเลขสายรถประจำทาง โดยส่วนใหญ่แล้วรถจะมาจอดที่ตำแหน่งของตัวเลขรถที่ระบุที่ป้าย ถ้าไปยืนผิดตำแหน่ง อาจจะขึ้นรถไม่ทันเพราะคนขับคิดว่า ไม่มีผู้โดยสารที่จะไปด้วย หรือบางครั้ง ถ้ารถมาพร้อมกันหลายคันต้องสังเกตเองว่ามีคนอื่นเดินออกจากป้ายไปขึ้นรถที่ตำแหน่งถัดไปไหม เนื่องจากช่วงนั้นรถอาจจะมาหลายคันเข้าป้าย สายที่ต้องการไปจอดตำแหน่งที่ป้ายไม่ได้ เลยจอดตำแหน่งป้ายถัดไป ดูตัวอย่าง ถ้าหากต้องการเดินทางกับสาย 32, 46, 55, 83, 66 ต้องยืนที่ตำแหน่งนี้ แต่หากต้องการไปสาย 18 ต้องไปยืนตำแหน่งถัดไป


5. เมื่อรถมาถึง ก็ขึ้นรถฝั่งประตูหน้าเท่านั้น ประตูด้านหลังสำหรับลงเท่านั้น (บางเคสที่คนเยอะ อาจจะลงประตูด้านหน้าได้) เมื่อขึ้นมาก็จ่ายเงิน โดยกล่องรับชำระเงินจะอยู่ข้างคนขับ ก็ชำระเงินตามราคาที่แสดงบนรถ ถ้าไม่แน่ใจก็ถามคนขับ บางเมืองก็อาจจะ 1 หยวน บางเมืองก็อาจจะ 2 หยวน ซึ่งสามารถจ่ายได้ทั้งเงินสด สแกนการ์ดของเมืองนั้นๆ QR code ของกระเป๋าสตางค์ต่างๆ ที่บอกไว้ เช่น อาลีเพย์ ยูเนี่ยนเพย์ ขึ้นอยู่กับแต่ละเมือง


สามารถชำระเงินด้วยแบบต่างๆ ชำระด้วยเงินสดก็ใส่เงินไปในช่องดังรูป หรือจะสแกนบัตร หรือ QR code ดังรูป


บางคันอาจจะแบบช่องใส่เหรียญและแบงค์ แยกกันดังรูป แต่ทั้งนี้ก็น่าจะใส่เฉพาะแบงค์หรือเหรียญ 1 หยวน เท่านั้น


6. เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยก็หาที่นั่งหรือที่ยืนให้เรียบร้อย
7. ฟังประกาศชื่อสถานีต่อไป (บางสายอาจจะไม่ประกาศ) บางสายจะมีสถานะให้ดูว่าถึงไหนแล้ว แต่บางสายก็ไม่มี ต้องเปิดแอพแผนที่ประกอบ ว่าถึงไหนแล้ว


8. เมื่อก่อนถึงป้ายปลายทางให้ไปยืนรอบริเวณประตูที่สองอยู่บริเวณตรงกลางตัวรถ เพื่อเตรียมตัวลง ถ้าหากอยู่โซนประตูด้านหน้า ในกรณีคนแน่นก็สามารถลงที่ประตูหน้าได้เลย ส่วนใหญ่แล้วรถจะจอดทุกป้าย บางคันจะมีกริ๊งให้กด แต่ตามที่สังเกตไม่มีใครกดกริ๊งกัน อาจจะเพราะรถจอดทุกป้าย

จบแล้วครับ หวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ สำหรับผู้ที่กำลังหาข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศจีนนะครับ ขอให้เดินทางท่องเที่ยวสนุกและปลอดภัยครับ