
หลังจากที่เคยไปเช่ามอไซค์ขี่เที่ยวที่เมืองเลห์(อินเดีย)มาเมื่อ2ปีก่อน ก็รู้สึกติดใจกับการท่องเที่ยวแบบนี้
มาคราวนี้ ก็เลยตัดสินใจจะไปขี่มอไซค์เที่ยวที่ต่างแดนอีก ตอนแรกก็ลังเลระหว่างปากีสถานกับเนปาล
แต่สุดท้ายก็เลือกเนปาล ด้วยเหตุผลที่ว่า มันดู Adventure มากกว่าและดูปลอดภัยกว่า และเนื่องจากผมไปกันแค่
สองคนกับเพื่อน จึงไม่สะดวกที่จะจ้างไกด์ เพราะจะแพงเกินไป ก็เลยลุยกันเองแบบไม่ง้อใครเลยทริปนี้

ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก เริ่มจากกำหนดช่วงเวลาที่จะไปก่อน ของผมไป1สัปดาห์ 13-19 เม.ย.
หลังจากนั้นก็จองตั๋วเครื่องบิน ผมไปของไลอ้อนแอร์ ไปกลับกรุงเทพ-กาฏมาณฑุตั๋วราคา 9,800 บาท
จองตั๋วเสร็จก็จองที่พัก จริงๆจองแค่คืนแรกที่จะไปถึงก็เพียงพอแล้ว วันที่เหลือ ไปหาเอาข้างหน้าเองก็ได้
รอบนี้ผมจองที่โรงแรม Nepalaya เพราะทำเลดีมาก อยู่ใกล้ย่านถนนคนเดิน Thamel ห้องพักก็โอเค
ราคาก็ถือว่าเหมาะสม คืออยู่ที่คืนละ 30 ดอลลาร์/ห้อง
สำหรับเรื่องรถมอไซค์ เราสามารถติดต่อจองก่อนได้ ผ่านทาง Email โดยรอบนี้เราใช้บริการของ
City Motorbike ซึ่งเป็นร้านที่คนไทยนิยมไปเช่ากัน และร้านก็อยู่ใกล้กับโรงแรมที่พักด้วย
ราคาค่าเช่าต่อวัน ก็ดูได้จากภาพข้างล่าง


สำหรับผมกับเพื่อน เนื่องจากเราไม่ยอมโอนเงินมัดจำไปให้เค้าก่อน เราจึงไม่มีสิทธิเลือกรถมากนัก
เหลือรถคันไหนก็ต้องใช้คันนั้น เราเลยได้รถ Royal Enfield 350cc มาทั้ง 2 คัน ราคาค่าเช่าก็ 25 ดอลลาร์/วัน
แต่ผมแนะนำไว้เลย ถ้าจะไปขี่ลุยๆแบบพวกผม ให้เลือกรุ่นแบบทางวิบาก เช่น Honda CRF หรือไม่ก็
รถญี่ปุ่นรุ่นคลาส 150 cc จะคล่องตัวกว่า และมีปัญหาจุกจิกน้อยกว่า แถมยังราคาถูกว่าอีกครึ่งหนึ่ง

วันแรกของการเดินทาง เราออกจากกรุงเทพ 12.05น. ไปถึงกาฏมาณฑุ เวลา 14.00น.(เวลาที่โน่นจะช้ากว่าบ้านเรา
1 ชั่วโมง 15 นาที) แต่เราเสียเวลากับการทำ Visa on arrival 1 ชั่วโมง กับต่อแถวตรวจคนเข้าเมืองอีก 2 ชั่วโมง
กว่าจะได้ออกจากสนามบินก็ ห้าโมงเลยทีเดียว ดังนั้น แนะนำเลย ใครจะมาเนปาล ควรไปทำวีซ่ามาก่อนเถอะ
เพราะถ้ามีวีซ่ามา จะสามารถไปต่อแถวช่องพิเศษสำหรับคนมีวีซ่า ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องมาเสียเวลาที่สนามบินตั้ง3ชั่วโมง
พอผ่าน ต.ม.ออกมาได้ ก็ต้องมาตามหากระเป๋า เนื่องจากเราติดขั้นตอน ต.ม.นานเกินไป กระเป๋าเลยไม่อยู่บนสายพานแล้ว
พอเจอกระเป๋า ก็ต้องรีบไปขึ้นรถ เพราะเราให้ทางโรงแรมจัดรถมารับ ซึ่งมารู้ทีหลังว่า ทางโรงแรมก็จ้างรถแท็กซี่มารับเรา
อีกที ไม่ใช่รถของโรงแรม คนขับรถก็บ่นว่าเสียเวลารอพวกเรานาน เลยมาเรียกทิปจากพวกเราอีก แถมพอขึ้นรถมา
ก็เพิ่งสังเกตุเห็นว่า กระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องมา มีร่องรอยการถูกรื้อค้น,ซิปกระเป๋าหน้าถูกเปิด พวกของใช้ส่วนตัวหายไป
ทั้งถุงเลย (แชมพู, โลชั่น, ยาสีฟัน, แปรงสีฟัน, โรลออน ฯลฯ) แค่ก้าวแรกที่มาถึงเนปาล ก็เริ่มเซ็งซะแล้ว
ขี่มอเตอร์ไซค์ตะลุยดินแดนแห่งเทือกเขาเอฟเวอร์เรสต์(เนปาล)แบบ2หนุ่มลุยกันเองไม่ง้อทัวร์
หลังจากที่เคยไปเช่ามอไซค์ขี่เที่ยวที่เมืองเลห์(อินเดีย)มาเมื่อ2ปีก่อน ก็รู้สึกติดใจกับการท่องเที่ยวแบบนี้
มาคราวนี้ ก็เลยตัดสินใจจะไปขี่มอไซค์เที่ยวที่ต่างแดนอีก ตอนแรกก็ลังเลระหว่างปากีสถานกับเนปาล
แต่สุดท้ายก็เลือกเนปาล ด้วยเหตุผลที่ว่า มันดู Adventure มากกว่าและดูปลอดภัยกว่า และเนื่องจากผมไปกันแค่
สองคนกับเพื่อน จึงไม่สะดวกที่จะจ้างไกด์ เพราะจะแพงเกินไป ก็เลยลุยกันเองแบบไม่ง้อใครเลยทริปนี้
ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก เริ่มจากกำหนดช่วงเวลาที่จะไปก่อน ของผมไป1สัปดาห์ 13-19 เม.ย.
หลังจากนั้นก็จองตั๋วเครื่องบิน ผมไปของไลอ้อนแอร์ ไปกลับกรุงเทพ-กาฏมาณฑุตั๋วราคา 9,800 บาท
จองตั๋วเสร็จก็จองที่พัก จริงๆจองแค่คืนแรกที่จะไปถึงก็เพียงพอแล้ว วันที่เหลือ ไปหาเอาข้างหน้าเองก็ได้
รอบนี้ผมจองที่โรงแรม Nepalaya เพราะทำเลดีมาก อยู่ใกล้ย่านถนนคนเดิน Thamel ห้องพักก็โอเค
ราคาก็ถือว่าเหมาะสม คืออยู่ที่คืนละ 30 ดอลลาร์/ห้อง
สำหรับเรื่องรถมอไซค์ เราสามารถติดต่อจองก่อนได้ ผ่านทาง Email โดยรอบนี้เราใช้บริการของ
City Motorbike ซึ่งเป็นร้านที่คนไทยนิยมไปเช่ากัน และร้านก็อยู่ใกล้กับโรงแรมที่พักด้วย
ราคาค่าเช่าต่อวัน ก็ดูได้จากภาพข้างล่าง
สำหรับผมกับเพื่อน เนื่องจากเราไม่ยอมโอนเงินมัดจำไปให้เค้าก่อน เราจึงไม่มีสิทธิเลือกรถมากนัก
เหลือรถคันไหนก็ต้องใช้คันนั้น เราเลยได้รถ Royal Enfield 350cc มาทั้ง 2 คัน ราคาค่าเช่าก็ 25 ดอลลาร์/วัน
แต่ผมแนะนำไว้เลย ถ้าจะไปขี่ลุยๆแบบพวกผม ให้เลือกรุ่นแบบทางวิบาก เช่น Honda CRF หรือไม่ก็
รถญี่ปุ่นรุ่นคลาส 150 cc จะคล่องตัวกว่า และมีปัญหาจุกจิกน้อยกว่า แถมยังราคาถูกว่าอีกครึ่งหนึ่ง
วันแรกของการเดินทาง เราออกจากกรุงเทพ 12.05น. ไปถึงกาฏมาณฑุ เวลา 14.00น.(เวลาที่โน่นจะช้ากว่าบ้านเรา
1 ชั่วโมง 15 นาที) แต่เราเสียเวลากับการทำ Visa on arrival 1 ชั่วโมง กับต่อแถวตรวจคนเข้าเมืองอีก 2 ชั่วโมง
กว่าจะได้ออกจากสนามบินก็ ห้าโมงเลยทีเดียว ดังนั้น แนะนำเลย ใครจะมาเนปาล ควรไปทำวีซ่ามาก่อนเถอะ
เพราะถ้ามีวีซ่ามา จะสามารถไปต่อแถวช่องพิเศษสำหรับคนมีวีซ่า ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องมาเสียเวลาที่สนามบินตั้ง3ชั่วโมง
พอผ่าน ต.ม.ออกมาได้ ก็ต้องมาตามหากระเป๋า เนื่องจากเราติดขั้นตอน ต.ม.นานเกินไป กระเป๋าเลยไม่อยู่บนสายพานแล้ว
พอเจอกระเป๋า ก็ต้องรีบไปขึ้นรถ เพราะเราให้ทางโรงแรมจัดรถมารับ ซึ่งมารู้ทีหลังว่า ทางโรงแรมก็จ้างรถแท็กซี่มารับเรา
อีกที ไม่ใช่รถของโรงแรม คนขับรถก็บ่นว่าเสียเวลารอพวกเรานาน เลยมาเรียกทิปจากพวกเราอีก แถมพอขึ้นรถมา
ก็เพิ่งสังเกตุเห็นว่า กระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องมา มีร่องรอยการถูกรื้อค้น,ซิปกระเป๋าหน้าถูกเปิด พวกของใช้ส่วนตัวหายไป
ทั้งถุงเลย (แชมพู, โลชั่น, ยาสีฟัน, แปรงสีฟัน, โรลออน ฯลฯ) แค่ก้าวแรกที่มาถึงเนปาล ก็เริ่มเซ็งซะแล้ว