ทำไมสมัยก่อนถึงเศรษฐกิจดีจัง...

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอหน้ารามคำแหง จากเคยขายของได้วันละ 100,000++ เหลือวันละ 1,000++
ได้ฟังแล้วน่าตกใจมาก จขกท เป็นเด็ก Gen Y โตขึ้นก็อยู่ในยุคที่คนทำมาหากินลำบาก
ช่วงพีคที่สุดในชีวิตของพี่ๆเป็นยังไงกันบ้างคะเมื่อเปรียบเทียบค้าขายสมัยก่อนกับยุคปัจจุบัน 

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
คนบอกเศรษฐกิจไม่ดี ส่วนใหญ่มักเป็นพ่อค้า แม่ค้าตลาดนัด ที่จำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน

เป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ต้องการเป็นลูกน้องใคร เป็นนายตัวเอง แต่ไม่เก่ง ตีโจทย์การตลาดไม่เป็น ลงทุนไปแล้วเจ๊ง เผลอๆเงินลงทุนกู้ยืมมา

หรือทำงานประจำอยู่ มีเงินเก็บอยู่บ้าง ลาออกมาขายของตลาดนัด ขายของออนไลน์ แข่งกับพ่อค้าแม่ค้าเดิมๆที่มีอยู่เยอะแล้ว ผลคือเจ๊งทั้งหมด

ตลาดนัด คนขายมากกว่าคนซื้ออีก ซื้อขายกันเอง ซื้อของจากจีนมาขายออนไลน์ ตอนนี้คนจีนเข้ามาขายเอง ขยันกว่า ก็เลยเจ๊งเหมือนกัน

เห็นเยอะคือไปหัดทำขนม พอทำเป็นเปิดร้านกาแฟ กิจการดีก็แป๊ปๆ คนเห็นร้านใหม่มาลองชิม ถ้าไม่ดีจริง ไม่อร่อยจริง เสร็จทุกราย

แต่รายจ่ายสูงขึ้นทุกวัน พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ ไปดูได้ มือถือ รถยนต์ เสื้อผ้า ของใช้ การจับจ่าย แพงกว่าคนมีรายได้ประจำอีก

สมัยก่อน ไม่มีของฟุ่มเฟือยให้จ่ายมาก ค่าครองชีพมันไม่ได้ต่างไปจากตอนนี้หรอก แต่มันไม่มีอะไรให้จ่าย

ต่างประเทศไม่ได้ไปเที่ยวกันง่ายๆ ค่ามือถือรายเดือนไม่มี รถยนต์ไม่ต้องผ่อน เพราะไม่ค่อยซื้อใช้กัน

ไม่กินอาหารหรูๆแพงๆ เพราะไม่ต้องกินเพื่ออวดใคร ไม่ต้องซื้อหุ้น ซื้อคอนโดให้ขาดทุนบ่อยๆ

ไม่ต้องบ้าเรียนมาก แต่แทบทุกคนก็มีงานประจำทำ พ่อค้าแม่ค้าตัวจริงเลยไม่ค่อยมีคู่แข่ง

ทุกวันนี้งานมันไม่น้อยลงเลย หาคนทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ความคิดเห็นที่ 10
เมื่อก่อนที่ว่าคือปีไหน     ถ้ายุคก่อน 2540 ก็เป็นไปได้เพราะทั้งจำนวนนักศึกษาก็เยอะ    แถมฟองสบู่เศรษฐกิจก็กำลังพองได้ที่คนใช้เงินกันแบบไม่อั้น

แต่หลังๆมาจำนวนนักศึกษาน้อยลงเพราะไม่จำเป็นต้องมาเรียนที่หัวหมาก    เรียนกันที่วิทยาเขตในต่างจังหวัดก็ได้     แถมประชากรก็เกิดกันน้อยลงด้วยจากที่ก่อนยุค 1980 เด็กเกิดปีละเกินล้านคน     แต่พอเริ่มมีการวางแผนครอบครัวจำนวนเด็กเกิดก็ลดลงมาเหลือราว 6-8 แสนต่อปี    พอเด็กเกิดน้อยลงสัดส่วนที่ว่างในมหาวิทยาลัยต่อเด็กที่จบมัธยมปลายในแต่ละปีก็มากขึ้น     ทำให้เด็กที่เข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องเทกันมาเข้ารามคำแหงเหมือนในอดีต

ยังไม่รวมว่าการซื้อของปัจจุบันเปลี่ยนพฤติกรรมไปแล้ว    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของในห้างร้านสะดวกซื้อรึว่าสั่งผ่านเน็ท



1 ซึ่งว่ากันจริงๆนับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจ 2540 มาผมไม่เคยเห็นปีไหนที่พ่อค้าบอกว่าเศรษฐกิจดีซักปี     มีแต่บอกว่าแย่ลงรึเหมือนเดิมกันตลอด    คนไทยจะรู้สึกว่าเศรษฐกิจดีก็เฉพาะช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ปั่นเงินหาเงินกันง่ายๆใช้เงินกันแบบไม่อั้นเท่านั้นแหละ

2 คำว่าเศรษฐกิจไม่ดีขายของไม่ได้มันเป็นวาทกรรมตลอดกาลของพ่อค้า    ไม่ว่าขายดีรึไม่ดีต้องบอกขายไม่ดีไว้ก่อน      แต่บอกขายไม่ดีแล้วดันไม่คิดจะปรับตัวไปทำอย่างอื่น    ยังคงขายมันอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้ขายไม่ดีจริง     มันก็ยังขายได้อยู่ได้นั่นแหละถึงไม่เลิกขาย

3 สมมุติมันขายไม่ดีจริงแล้วใจคอจะไม่คิดเปลี่ยนแปลงวิธีการขายเลยเหรอ    จะยังยึดอยู่แค่เอาของมาตั้งขายรอลูกค้ามาซื้อเนี่ยนะ     อย่างน้อยถ้าขายไม่ดีจริงมันต้องหากลยุทธ์ต่างๆมาส่งเสริมการขายสิ
ความคิดเห็นที่ 6
เราสงสัยมาตลอด ว่ามันจริงหรอ ที่บอกเศรษฐกืจไม่ดี
เราเห็นแม่ค้าบ่นให้เราฟังตลอด แต่แกก็ยังมาขายของทุกวัน แถมออกรถป้ายแดงมาใหม่อีก
เราเห็นในเฟสบุค พ่อค้าขายของเก่า ซื้อบ้านหลังละหลายสิบล้าน
เราเห็นเพื่อนในเฟสบุค ขอบปิ้งที่หลายๆหมื่น
เราเห็นแม่ค้าขายยำรถเข็น ซื้อบ้านหลังละ50 ล้าน
เราเห็นแบบนี้เยอะมาก จนเราสงสัย ว่าเขาขายของแบบนี้ จนซื้อรถหรู ซื้อบ้านแพงๆได้ขนาดนี้เลยหรอ
อีกใจเราก็คิด เศรษฐกิจแย่นะ อีกใจ ก็ มันแย่จริงหรอวะ
ทุกวันนี้เราก็ข้องใจอยุ่
บอกตรงๆก็อิจฉานั่นแหละ เราว่ารายรับเรากับแฟนเยอะมากแล้ว ยังไมสามารถใช้เงินได้ฟุ่มเฟือยมากขนาดนี้เลย เหมือนผลิตแบงค์ได้เองเลย
งงมากๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่