[CR] SOLO - OSAKA, KYOTO, KOSHIEN: 5 วัน 4 คืน เที่ยวคนเดียวมัน(ส์)ดีจิงหรือเปล่านะ

กระทู้รีวิว

บันทึกนักเดินทาง ประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยว เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวญี่ปุ่น

พฤษภา...
ไปๆ มาๆ ก็เรียนจบจะครบปี
เหนื่อย...
ท้อ...
ถามตัวเองทุกวันว่าจะยื่นใบลาออกเมื่อไหร่ดี...
แต่เด็กรุ่นเราดันโดนสบประมาทไว้ซะเยอะว่าหนักไม่เอา เบาไม่สู้
เอ้าทำก็ทำ ล้มก็พอ
...
เฮ้ยยยย ไม่ล้มซะทีวะ
...
เหนื่อยแล้ว...
กายเหนื่อย
ใจก็เหนื่อย
...
งั้นหนีความจริงแปบ...
ไปญี่ปุ่นมะ ไปหาเชื้อเพลิง ไปเติมแรงบันดาลใจ
....
ป่ะ เก็บกระเป๋า
....
จุดเริ่มต้นของทริปโซโลไปคนเดียวไม่บอกใครเริ่มต้นตรงนี้
หนีแรงกดดันกับเดดไลน์ไปตามหาสิ่งที่ตัวเราเองก็ตอบไม่ได้ว่าคืออะไรที่ญี่ปุ่น
....
เริ่มนะ
....

31 MARCH 2019

21:30
me: โหลๆ คุณพ่ออยู่ไหนละ ไปถึงสนามบินสี่ทุ่มครึ่งนะ
dad: ห๊ะ ไหนบอกพรุ่งนี้
me: พรุ่งนี้อะไร เครื่องออกตีหนึ่ง ต้องไปวันนี้ดิ
dad: ...อยู่ออฟฟิศ
me: ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรียก line taxi ทำงานเหอะ ชิววว (ลุกไปจัดกระเป๋า)

21:40
dad: โหล สรุปไปกี่โมง
me: ถึงสนามบินสี่ทุ่มครึ่ง
dad: เรียกแท๊กซี่ยัง
me: ยัง ชิววว
dad: บึ่งรถกลับบ้านอยู่ ไม่ต้องเรียก เดี๋ยวไปส่ง
me: อ่าๆๆๆ ใจเย็นๆ ชิวววว

22:00
(เปิดไอแพดดูสภาพอากาศ - สิบองศาปลายๆ แนะนำให้ติดคาดีแกนไปสักตัว)
งืมๆๆๆ
(ลุกไปหยิบแจ็คเก็ตเบสบอล)

22:30
dad: ลืมอะไรมั้ย
me: (คีบแตะ) ไม่เอาไปเยอะ หนักขี้เกียจแบก ใส่ซ้ำเอา
dad: นึกดีๆ ลืมอะไรมั้ย พาสปอร์ต? เงิน?
me: เอามาแล้วๆ ไปเหอะๆ

23:00 - สนามบิน
dad: นี่ไปคนเดียวจริง?
me: (พยักหน้า) ไม่เคยล้อเล่น
dad: จริงดิ
me: จริง
dad: ไปดีๆๆ (กอด)
me: ไปละนะ (กอด)
.....
เหมือนทุกคนจะเชื่อไม่ลง ว่าจนถึงท้ายที่สุดแล้ว จะไปญี่ปุ่นคนเดียวจริงๆ
.....
ลากกระเป๋าเดินไปเชคอิน
คนน้อยเนอะ
.....
23:30
ลากกระเป๋าไปตม.
(เงยหน้ามองป้าย - Last call for check in)
รีบจริง เครื่องออกตีหนึ่งไม่ใช่หรอ
.....
ลากกระเป๋าไปหน้าเกท
00:00
เรียกขึ้นเครื่อง
.....
อืมมมม รีบกันจริงๆ แฮะ
.....
รอบนี้จขกทไปกับ Thai Lion Air
เจ้านี้จขกทไม่เคยขึ้น รู้แต่ว่าเป็นสายการบิน low cost เหมือน scoot กับ air asia
แต่เซอร์ไพร์สุดตรงที่นอกจากจะได้โหลดกระเป๋า 20 กก. ฟรีๆ แบบไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม บนเครื่องยังมีแซนวิสกับน้ำเสิร์ฟ มีหนังซีรี่ย์ มีเกมให้เล่นเพลินๆ แก้เบื่อด้วย เฮ้ยยยยย ดี

.....
นั่งปาดซ้ายปาดขวาดูเล่นๆว่ามีซีรี่ย์อะไรให้ดูบ้างก็เจอ The big bang theory season 11 ขุ่นพร๊ะ อยู่ไทยยังหาดูไม่ได้เลยนะเออ เสียดายก็แต่จขกทติสไปนิด นอกจากนิยายหนาๆ สามเล่มที่อัดมาเต็มกระเป๋า หูฟังอะไรก็ทิ้งไว้บ้านหมด ตัวเลือกเหลือไม่มาก เลยสะบัดผ้าห่มแล้วเหยียดขานอนไปยาวๆ
ตื่นมาอีกทีเครื่องก็ใกล้จะแลนด์ดิ้งที่โตเกียวแล้ว
.....

1 APRIL 2019

พอเครื่องแลนด์ปุ๊บ จขกทตระหนักได้ 2 เรื่อง

เรื่องแรก...สภาพอากาศสิบปลายๆ แนะนำให้ติดคาดีแกนไปสักตัว ผายล๊มมมมมมม นี่มันสิบต้นๆ ค่ะคู๊ณณณ หนาวเหมือนจะตายยย ดีที่พกฮีทเทคกับเสื้อไหมพรมใส่ข้างในมา

เรื่องที่สอง...รองเท้าแตะ จขกทเอาลืมเอารองเท้าผ้าใบมาาาา (โหยหวน) รองเท้าแตะกับอากาศสิบต้นๆ บ้าไปแล้วววววว

หลังจากตีอกชกหัวไปรอบนึงจขกทก็ปลง เดินลากกระเป๋าลงบันไดเลื่อนไปที่ JR East Travel Service Center เพื่อแลก voucher ที่ซื้อจากไทยเป็นบัตรของจริง คิวยาวมาก จขกทก็ต่อไป เค้าให้กรอกอะไรก็กรอก แล้วเป็นไง โป๊ะจ้าาา บัตรที่จขกทซื้อไปถ้าจะนั่งไปโอซาก้าสิริรวมแล้ว 5 ชั่วโมงจาก 2 ชั่วโมงจ้า จุดจบคนงกเลยจ้า เห็นพาสมันถูกกว่า JR Rail Pass สองพันก็ไม่ถามไม่ไถ่อะไรใคร ซื้อมันเลยจ้า Horiku Arch Pass ทีนี้เป็นไง ต้องซื้อพาสใหม่แถมเสียเพิ่มอีกพันเพราะซื้อที่ญี่ปุ่นแพงกว่าที่ไทยอีก โอยยยย วันนี้มันไม่ใช่วันของจขกทเลยจริงๆ โชคยังดีที่พาสอันเก่าเอาไป refund ได้ แต่ยังไงก็ไม่คุ้มเพราะมีค่าธรรมเนียม 10%

ป.ล. Voucher ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์และยังไม่ได้เอาไปแลก

อ่ะๆ ปลงๆ ไปอีกเรื่อง เดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก

ทีนี้พอได้พาสแล้ว เราก็บอกพนักงานไปว่าจะไปไหน จขกทก็บอกว่าจะไปโอซาก้า พนักงานก็จะจัดการจองที่นั่งบนรถไฟที่เราต้องนั่งจากจุดนั้นไปจุดหมายให้ จากนั้นเราก็เดินๆ ตามป้ายไปขึ้นรถไฟ ตอนผ่านประตูที่ต้องหยอดตั๋วถ้ามี JR Pass ไม่ต้องหยอดตั๋ว ให้ใช้ช่องพิเศษ โชว์พาสให้พนักงานดูแทน คล้ายๆ ช่องพิเศษของ BTS บ้านเราแหละ

ส่วนวิธีตั๋วอ่านก็ตามภาพเลยต้องขึ้นขบวนไหนให้ดูหมายเลข 7 ดูชื่อ ดูเลข ถ้าเหมือนก็ขึ้น ไม่เหมือนอย่าขึ้น

จากนั้นขึ้นตู้ไหนก็ดูหมายเลข 8 นั่งตรงไหนก็ดูหมายเลข 9 ลงสถานีอะไรก็ดูหมายเลข 5 ไม่ต้องลังเล เขียนไว้ว่าอะไรถ้าถึงแล้วก็จะประกาศตามนั้น และที่ลืมไม่ได้เลยคือต้องตรงต่อเวลาด้วยยย

ตั๋วที่นั่งที่จขกทได้มีสองใบต้องนั่งสองต่อ ต่อแรกจากสนามบินไปลง SHINAGAWA แล้วจาก SHINAGAWA ก็เปลี่ยนรถนั่งต่อไป SHIN-OSAKA

จขกทก็หลับมันตลอดทางเลยจ้า ทีนี้ช่วงกำลังสลึมสลือได้ยินเสียงประกาศว่าสถานีต่อไปสำหรับต่อซินคันเซ็นก็สะดุ้งพรวด ได้ยินแล้วว่าเป็นสถานีโตเกียวแต่ก็ไม่แคร์ ทั้งล่ก ทั้งกลัวเลย มองซ้ายมองขวาคือทุกคนลงหมด จขกทก็ลังเลละ แต่สุดท้ายก็หอบข้าวหอบของวิ่งลงจากรถไฟจ้า เดินวนไปวนมาหาสถานี SHINAGAWA อยู่แปบนึงก็รู้ว่าแย่ละ วิ่งกลับไปทางเดิมเจอพี่พนักงาน(หรือเปล่าก็ไม่รู้แล้วจังหวะนั้น)เอาตั๋วให้เค้าดู เค้าก็แบบ...นี่มันสถานีโตเกียวหนู ของหนูมันต้องลงชินากาว่า

จขกทก็ซีด รู้ว่าถ้าพลาดก็น่าจะต้องรอเป็นชั่วโมงแน่นอน พี่พนักงานก็หยิบโทรศัพท์มาสไลด์ปรื้ดๆ แล้วก็กวักมือเรียกพาวิ่งขึ้นบันไดลงบันได ชี้ให้ขึ้นรถไฟขบวนนี้พร้อมกำชับ ชินากาว่านะ จขกทก็แบบ...อาริกาโต๊ะเดสๆ แล้วก็หอบของขึ้นรถไฟ

สรุปคือทันรถไฟขบวนต่อไปแบบเฉียดฉิวจ้า โอยยยย หัวใจจะวายยย หายใจไม่ทันนนน

ทีนี้พอมาถึงสถานี SHIN-OSAKA ก็งงอีกว่าต้องต่ออะไรไปโรงแรม เลยเอา google map มาเปิด สรุปคือใช้ไม่เป็นนนนน คือใช้ google map กับรถส่วนตัวมาทั้งชีวิตไง พอต้องให้มันพาเดิน พาขึ้นรถไฟ ทำไม่เป็นอีกกกก

ฉะนั้นสำหรับเครื่องมือกันตายคือเรากด search ก่อนว่าจะไปที่ไหน แล้วอย่ากด start เลย กด Directions ก่อน

พอกด Direction เข้ามาก็ให้กดเลือกสัญลักษณ์รถเมล์ แล้วก็เลือกเอาว่าจะนั่งรถสายอะไร กี่ต่อ เดินกี่เมตร แต่ที่ดีมากๆ เลยก็คือ google map ใช้ดูพวกตารางเดินรถ ประมาณว่าอยู่สถานนีอะไรแล้ว รถไฟที่นั่งจะผ่านสถานีอะไรบ้าง รอบแรกกี่โมง รอบสุดท้ายกี่โมงอะไรแบบนี้ได้ด้วย สะดวกมาก ใช้แล้วไม่ค่อยหลงด้วย

ทีนี้มาถึงนัมบะแล้ว ด่านสุดท้ายคือลากกระเป๋าไปเชคอินที่โรงแรม ซึ่งวกวนมากกกก หนาวมากกกกก ท้อมากกกก เดินหลงอยู่ใต้ดินประมาณชั่วโมงนึงจขกทก็ไม่ไหวละ ลากกระเป๋าไปซื้อรองเท้ากับกางเกงสำหรับใส่ข้างในมาตัวนึง ลากกระเป๋าเข้าห้องน้ำสาธารณะแล้วรื้อเอาฮีทแทคมาใส่ รองเท้ากับเลคกิ้งก็กระชากป้ายแล้วใส่มันเดี๋ยวนั้นเลย รีฟงรีฟันอะไรไม่เอาทั้งนั้นแล้ว ยังไงก็ต้องหาโรงแรมให้เจอ

ตอนนั้นลากกระเป๋าผ่าน Information พอดี ไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็เลยเข้าไปถามว่าไปโรงแรมยังไง พนักงานคือน่ารักมาก เอาแผนที่มาวาดแล้วค่อยๆ อธิบายว่าต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวายังไง เจอแบบนี้จขกทก็พอจะมีกำลังฮึดละ ลากกระเป๋าเตรียมจะเดินไปโรงแรม ปรากฏว่าฝนตก อากาศพาลหนาวขึ้นไปอีก

ตอนแรกจขกทกะว่าจะรอให้ซาค่อยไปนะ แต่ในใจคือหงุดหงิดไม่ไหวแล้ว หนาวก็หนาว เหนื่อยก็เหนื่อย ช่างหัวแล้ว ลุยมันออกไปทั้งอย่างนี้แหละ

ผลสรุปเป็นไง เดินงงๆ อยู่อีกประมาณครึ่งชั่วโมงถึงเจอโรงแรม คือพี่เค้าไม่เหมือนในรูปเลยยยยยย ลังเลมากว่าใช่มั้ย เดินเข้าไปถามสรุปว่าใช่ จขกทนี่คือใกล้ร้องไห้ละ รีบจ่ายเงินค่าห้อง เอากุญแจแล้วก็ลากกระเป๋าขึ้นห้องไปนอนอืดทันที หิวก็ดอดออกไปซื้อมาม่ากับขนมที่ family mart ใกล้ๆ แล้วก็กลับมานอนกลิ้งไปกลิ้งมา อ่านนิยายอยู่ในห้องพลาง แพลนทริปเที่ยวพรุ่งนี้ไปพลาง ดึกหน่อยก็อาบน้ำ แล้วก็มานอนอ่านนิยายต่อ พอง่วงก็ปิดไฟ

.....

2 APRIL 2019

วันที่สอง จขกทแพลนว่าจะไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง

จขกทซื้อบัตร Kansai Thru Pass จากไทยไป บัตรนี้ใช้ได้เลยไม่ต้องเอาไปแลกเหมือน JR Rail Pass เป็นบัตรแบบสามวัน ขึ้นรถไฟใต้ดินกับรถบัสที่วิ่งแถบคันไซได้หมด ขอยันอีกเสียงว่าคุ้ม

วิธีไปไม่ยาก ขึ้นรถไฟสายสีแดง Midosuji Line ไปลงสถานี Hommchi แล้วเปลี่ยนสายไปนั่งสีเขียว Chuo Line ไปลงที่ Osakako พอไปถึงก็จะมีป้ายบอกตลอดทาง ก็เดินๆ ตามๆ ไป หรือจะเดินตามคนกลุ่มใหญ่ก็ได้ ถึงเหมือนกันน (แต่แอบไกลจากสถานีแหละ)

อ่ะ พอมาถึงก็เดินเข้าไปซื้อตั๋ว ค่าเข้าราคา 2,300 เยน

จุดหมายนี้ไม่ขอเก็บอะไรมาก แค่ทำตามความตั้งใจสองข้อ...

หนึ่ง คือ ไปยลโฉมน้องจุดที่กำลังเป็นเทรนติดลมบนตอนนี้กับตาสักครั้ง

สอง คือ ไปยืนเหม่อมองแมงกระพรุนว่ายน้ำแบบเหงาๆ เหมือนนางเอกเรื่อง Nagareboshi / Shooting Star ซีรี่ย์เก่าแนวรักโรแมนติกที่ชอบมากสมัยวัยรุ่น

จริงๆ ที่นี่เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้ว

แต่จขกทติสอีกนั่นแหละ ไปนั่งเหม่อมองน้องจุดกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในตู้เป็นนานสองนาน พอออกมาก็บ่ายแก่ๆ แล้ว เลยตัดสินใจไปหาอะไรกินแถวโดทงบูริ แต่เดินได้แปบเดียวฝนก็ตก

อากาศชื้น...

คนเยอะ...

พอละ กลับห้อง...

จบวันนี้...

จบจริงๆ เพราะจขกทนอนอ่านนิยายตัวเปื่อยจนถึงตีสอง ก่อนจะปิดไฟนอน...

.....

Part 2: SOLO - OSAKA, KYOTO, KOSHIEN (2): 5 วัน 4 คืน ตามรอยการ์ตูนไปดูโคชิเอ็งรอบชิง!!
https://pantip.com/topic/38781240

facebook:
[url]https://www.facebook.com/workingwoman2018/

แก้ไขข้อความเมื่อ