สวัสดีค่ะ ตั้งใจเขียนกระทู้นี้เพราะว่าในขณะที่เรากำลังเตรียมเอกสารสำหรับขอวีซ่านั้น เราอ่านหลายกระทู้มากๆ รวมถึงขอบคุณเพื่อนๆชาวพันทิพย์มากค่ะ ที่เขียนกระทู้ดีๆมีประโยชน์มากๆ พอถึงตาตัวเองที่เตรียมเอกสารเสร็จแล้ว และกำลังจะไปสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้ วันที่ 17 เมษายน 2562 ตื่นเต้นๆๆๆ ก็เลยอยากจะมาแชร์ในพาร์ทของการเตรียมตัวต่างๆ การทำแพลน ให้เพื่อนๆที่กำลังเตรียมตัวได้เป็นข้อมูลอีกทางนึงค่ะ
ส่วนของการเตรียมเอกสารและการไปขอวีซ่า ต้องขอขอบคุณ คุณสมาชิกหมายเลข 4373978 จากกระทู้นี้ ที่เขียนอธิบายชัดเจนมากๆค่ะ
https://pantip.com/topic/37382024
เราทำงานเป็น Graphic Designer ในบริษัทเอกชนต่างชาติแห่งหนึ่งค่ะ เพิ่งย้ายงานมาอายุงาน 1 ปี กับอีก 2 เดือน เงินเดือนไม่ถึง 30k มีงานฟรีแลนซ์เดือนละ 15k และเรามีธุรกิจส่วนตัวที่ทำธุรกิจออนไลน์เล็กๆ มาได้ 6 เดือนกว่าๆ เป็นแหล่งที่มาของเงินเดินบัญชี เดือนละ 1xx,xxx มาเป็นเวลา 6 เดือนได้แล้วค่ะ แต่ว่าไม่ได้มีเงินเก็บแบบนอนเฉยๆนะ มีแต่เงินวิ่งเข้าวิ่งออกค่ะ บอกตรงๆว่าตอนนี้วีซ่าก็ยังไม่ได้ไปสัมภาษณ์ก็แอบกังวลพอสมควรค่ะ 50/50 ผ่านหรือว่าไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับแต้มบุญแล้วแหละ
เราตัดสินใจไปเที่ยวพักผ่อน โดยลางาน 1 เดือนเต็ม Unpaid ไม่รับเงินเดือนทั้งเดือนแถมส่งผลกับโบนัสปลายปีที่ต้องหายไป 31 วัน เพราะตั้งแต่ต้นปี มีปัญหาสุขภาพ เนื่องจากนั่งทำงานเป็นเวลานานๆทั้งวันทั้งคืนพักแค่ 6 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า มาหลายปีมากๆแล้วค่ะ ไม่รวมตอนเด็กๆที่ติดเกมส์อีก ทรมานมากๆเวลานั่งทำงานประจำช่วงกลางวัน เลยตัดสินใจลางานไปพักเต็มๆไปเลย แถมยังจะได้ประสบการณ์ชีวิตและแรงบันดาลใจต่างๆกลับมาด้วยอีก
โดยแพลนที่แพลนไว้คือ เริ่มเดินทางวันที่ 29 มิถุนายน 2561 และ กลับถึงไทยวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ระยะเวลาที่ขอวีซ่าคือ 33 วัน เดินทางคนเดียว เที่ยวคนเดียว เพราะว่าอยากจะเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ชิลๆ ไม่หักโหมมาก ดื่มด่ำบรรยากาศของแต่ละเมืองแบบไม่รีบร้อนค่ะ
ในส่วนของการเตรียมตัวของเรานั้น เริ่มจากขั้นตอนแรกคือ
1. เขียนจดหมายลางาน + ขอเอกสารรับรองการเป็นพนักงาน
ข้อนี้สำคัญมาก สิ่งแรกที่ทำก่อนจะแพลนทุกอย่างคือ ลางานจ้า ลาไม่ได้ = ไม่ได้ไป การเขียนจดหมายลางานนั้น ควรจะระบุไปให้ครบและชัดเจนเลยว่า จะลาวันไหน - วันไหน กลับมาเริ่มงานวันที่เท่าไหร่ ข้อนี้จะทำให้ HR ทำงานสะดวก มีผลในเอกสารที่จะนำไปขอวีซ่าคือ
หนังสือรับรองการทำงาน ที่จะระบุวันลาที่ทางบริษัทอนุมัติ และวันที่เราจะต้องกลับมาเริ่มทำงานด้วยเช่นกัน รวมถึงเงินเดือนของเรา และวันที่เราเริ่มเป็นพนักงานบริษัทแห่งนี้ค่ะ
2. ซื้อประกันการเดินทาง
ข้อนี้เมื่อเราได้วันลางานที่แน่นอนแล้ว เราซื้อประกันการเดินทางตามแพลนของเราเลยค่ะ จำนวนวันเป๊ะๆตั้งแต่ออกจากประเทศไทย จนกลับถึงประเทศไทย จ่ายเงินไปทั้งหมด 1,813 บาท วงเงินประกัน 1,500,000 บาท หรือไม่ต่ำกว่า 30,000 ยูโร
3. แพลนการเดินทาง การจองห้องพัก ตั๋วเครื่องบิน และรถไฟ
ข้อนี้สำหรับเราค่อนข้างยากนะ เราเป็นคนไม่ชอบวางแผนเอาซะเลย เวลาไปไหนกับเพื่อนมีหน้าที่แค่ตามเค้าไป พอถึงตอนนี้ไปเที่ยวคนเดียว ต้องแพลนเองทุกอย่าง มันค่อนข้างจะทุลักทุเลพอสมควร การเดินทางของเราคร่าวๆ ที่แพลนไว้มีดังนี้ค่ะ
Thailand > Germany > Austria > Italy > France > Germany > Thailand
29 JUNE 2019 Bangkok > Munich
30 JUNE 2019 Munich > Salzburg
02 JULY 2019 Salzburg > Hallstatt
05 JULY 2019 Hallstatt > Innsbruck
07 JULY 2019 Innsbruck > Venice
10 JULY 2019 Venice > Milan
13 JULY 2019 Milan > Paris
18 JULY 2019 Paris > Cologne
21 JULY 2019 Cologne > Bacharach
23 JULY 2019 Bacharach > Rudesheim am Rhein
25 JULY 2019 Rudesheim am Rhein > Heidelberg
28 JULY 2019 Heidelberg > Munich
31 JULY 2019 Munich > bangkok
ถ้าคนที่เคยไปเที่ยวคงดูออกว่าแพลนดูงงๆหรือเปล่าเอ่ย 5555 ในส่วนของประเทศเยอรมัน เรากะจะเที่ยวแบบโนแพลน ที่ตายตัวว่าแบบอยู่เมืองนี้ เวลาเป๊ะๆ เราแทบไม่รู้สถานที่ท่องเที่ยวที่แบบทุกคนต้องไปเลยด้วยซ้ำ นี่ก็ทำการบ้านแบบคร่าวๆ คร่าวมากกกกกก แพลนคงไปเปลี่ยนหน้างานตามอารมณ์เรา แต่การได้ทำแพลนแบบนี้ ถือว่ามีประโยชน์ในแง่ของการขอวีซ่าเป็นอย่างมากจ้า
ด้านล่างเป็นตารางที่เราทำเพื่อไปยื่นขอวีซ่านะ วิธีทำแพลนของเราคือ เปิด Google Map ไล่ดูเลยจ้า ว่าระหว่างเมืองหลักๆที่เราอยากไปเที่ยว มีเมืองอะไรบ้าง ที่ให้เราได้พัก นอน เที่ยว ดื่มด่ำ แบบไม่ตะลอนทัวร์ (ขนาดไม่ตะลอนก็ยังลากไปซะ 12 โรงแรม) เพราะทริปนี้ เน้นพักผ่อนสุดๆ นอนให้เต็มอิ่มแบบตื่นมาจิบกาแฟ สูดอากาศบริสุทธิ์ วาดรูป เดินถ่ายรูปเล่น
3.1 จองโรงแรม
จองโรงแรมโดยเว็บ Booking.com แบบยกเลิกก่อนวันเข้าพักฟรี แล้วพิมพ์ใบจองออกมา ใบจองใช้ทุกคืนนะคะ ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงจนวันกลับเลย เราพักทั้งหมด 12 โรงแรม เป็นเงิน 1,837.13 ยูโร (แพงมากกกกกกก แต่มีแบบ Hostel แค่ 2 ที่เองน้า ที่เหลือก็เป็นห้องแบบ Single Bed ทั้งหมดเลยค่ะ)
*สำหรับวีท่องเที่ยว* จะมีช่วงนึงของแบบฟอร์มวีซ่า ที่ให้กรอก บุคคลยืนยัน เรากรอกชื่อโรงแรมแรกที่เราเข้าพักเป็นเรฟเฟอเรนซ์นะคะ สำคัญมากเด้ออ
3.2 วิธีการเดินทางในแต่ละเมือง
เราติดต่อขอ Booking Confirmation สำหรับตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ Bangkok > Munich / Milan > Paris / Paris > Cologne / Munich > Bangkok จากเอเจนซี่ที่คอยดูแลตั๋วของบริษัทของเรามาเพื่อประกอบการยื่นวีซ่า ดังนั้นเราเลยยังไม่ทราบประมาณการค่าใช้จ่ายของตั๋วเครื่องบินที่แน่นอน เป็นเหตุผลให้ ในตาราง Budget ของเราลงไว้ว่า N/A ค่ะ หลังจากได้วีซ่าจะไปจองตั๋วข้างนอกเอา แต่ตอนนี้ราคาจากที่มันเคยอยู่ที่ 17k ขึ้นมาเป็น 24k แล้วอะ ไม่กล้าจ่ายเงินก่อน เพราะว่ากลัววีซ่าไม่ผ่าน แอบเสียดาย แต่ก็ดีกว่าเสียเงิน 17k แต่ไม่ได้วีซ่าอะเนอะ 555
ส่วนการเดินทางใน เยอรมัน ออสเตรีย และ อิตาลี เราเลือกเดินทางโดยรถไฟ ซึ่งเราประมาณเวลาที่จะเดินทางและราคาคร่าวๆ จากเว็บที่จำหน่ายตั๋วรถไฟ โดยเราดูจากเว็บนี้ค่ะ
https://www.thetrainline.com ซึ่งเราจะสามารถนำราคาในวันเวลาเดินทางจริง ไปกรอกลงในตารางประมาณค่าใช้จ่าย รวมถึงรายละเอียดของขบวนรถไฟต่างๆ เพื่อประกอบการขอวีซ่าได้ด้วย อีกอย่างถ้าคนที่ต้องการจะแพลนวันและเวลาที่แน่นอน เช็คจากที่นี่ก็จะช่วยเปรียบเทียบราคาในแต่ละช่วงเวลาให้ได้ด้วยค่ะ
ส่วนจาก Milan ไป Paris เราเลือกบินไปนะคะ ง่ายดี ในปารีสเราคงเที่ยวอยู่แต่ในเมืองนั่นแหละค่ะ ใช้จักรยานเอา เราแถมตาราง Budget คร่าวๆไปให้เค้าพิจารณาด้วย ด้วยหน้าตาประมาณนี้ค่ะ อันนี้ทำให้ดูใหม่พอดีหาไฟล์จริงไม่เจอ แต่โดยรวมแล้ว น่าจะอยู่ราวๆ 3,000 - 3,200 ยูโร ไม่รวมค่ากินค่าเดินทางภายในเมือง ในแต่ละวัน
ต้องขอบคุณคุณสมาชิกท่านนึงนะคะ ที่เคยมาแชร์ตารางแบบนี้ไว้ ทั้งส่วนของ Itinerary และ Budget แต่จำกระทู้ไม่ได้แล้วขอบคุณมากเลยนะคะ
4. เตรียมหลักฐานทางการเงิน
เรามีบัญชีเงินเดือน 1 เล่ม ที่เงินเข้าออกสม่ำเสมอยกเว้นตอนตกงานไป 1 เดือน 555 เป็นบัญชีเงินเดือนที่เปิดมาประมาณ 6 ปีแล้วค่ะ เล่มนี้ก็แค่พิมพ์ Statement ย้อนหลัง 3 เดือน 1 ธันวาคม 2561 - 31 มีนาคม 2561 ออกมาเองจาก Online Banking แต่แอบเสียวสันหลังตรงที่มันอายุของสเตตเม้น ระยะเวลาห่างจากวันที่นัดวีซ่ามากพอสมควร แต่ก็คิดว่าช่างเหอะ ไว้พรุ่งนี้จะมาอัพเดทผลให้ฟังนะคะ ว่าผ่านหรือเปล่า
ส่วนอีก 1 บัญชี เป็นบัญชีที่ขายของ เรายื่นว่าเป็นบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา โดยขอ Bank Certificate จาก ธ.กสิกรเจ้าของสาขา ไวมาก แค่ 10 นาทีก็ได้และ เคยอ่านว่าต้องรอนาน แต่เราเพี้ยนมาก บอกให้เค้ารับรองเป็นยอดเงินบาทซะงั้น แต่ข้อนี้ก็ช่างเถอะเช่นกัน รวมถึง Statement ย้อนหลังของบัญชีนี้ 3 เดือนเช่นกันค่ะ ลุ้นมากเลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นไงมั่ง เราเป็นคนเกลียดงานเอกสารมากเลยอะ พอต้องมาทำเอกสารเยอะๆแบบนี้ รู้สึกว่าหรือจะเที่ยวแค่เกาะเต่าดี 555
อีกข้อนึงคือ ไม่ได้ถ่ายเอกสารสลิปเงินเดือนย้อนหลังสามเดือน เซ็งมาก พรุ่งนี้ต้องวิ่งแจ้นไปหาที่ถ่ายเอกสารแต่เช้าอีก เพราะในลิสของสถานทูตไม่ได้บอกว่าให้เอาสลิปด้วย ก็เลยไม่ได้ทำไว้ แต่เห็นหลายๆคนโพสต์ว่าใช้ เลยจะพกไปกันเหนียวค่ะ
5. ถ่ายรูปสำหรับติดวีซ่า
สำหรับคนที่อยู่ในกรุงเทพ เดินทางโดยรถไฟฟ้าเป็นประจำ แนะนำร้านตรงสยามสแควร์ ซอย 2 ถ้าจำไม่ผิด เป๊ะมากแบบว่า 36 mm. พอดีเป๊ะๆ ระยะจากหัว - คาง วัดแล้วได้ 36 mm. พอดี 555 ตามที่สถานทูตกำหนด โบท็อกซ์กรามให้ด้วยหน่อยนึงแบบให้พอได้รูป ไม่ได้หนีจากตัวจริงมาก โอ้ยเลิฟ ใช้รูป 2 ใบ ติดที่แบบฟอร์ม 1 และ พกไป 1 เขียนชื่อ นามสกุล และเลขพาสปอร์ตข้างหลังด้วย
6. นัดคิวสัมภาษณ์
เอาจริงง การอ่านกระทู้ที่ไม่ได้รับการอัพเดทแบบว่าจากปี 2557 2558 ทำให้สับสนมาก คุณ นี่คิดว่าต้องโทรไปจอง เตรียมเอกสารเสร็จแบบว่า 29 มีนา ชั้นได้สัมภาษณ์แน่ แต่ฉุกคิด ลองหากระทู้ตัวอย่างที่อัพเดทกว่านี้ดีกว่า โอ้ยยยย ต้องกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ + นัดสัมภาษณ์ผ่านเว็บสถานทูต จากที่แพลนไว้ว่า 29 มีนา โน่นจ้า นัดวันที่ 26 มีคิวไวสุด 16 เมษา แต่กลัวถนนแถวนั้นยังไม่แห้ง เลยเลือกเป็น 17 เมษาแทน 555 พอเรานัดหมายออนไลน์แล้ว จะได้รับอีเมล์คอนเฟิร์มการสัมภาษณ์เราปริ้นอีเมล์ฉบับนั้นมาด้วย กลัวเค้าไม่ให้เข้า 55
7. ตรวจเช็คเอกสาร จัดเรียงเอกสารตามที่สถานทูตแนะนำเพื่อความรวดเร็ว
ในหมวดของเอกสารการเรียงเอกสารสำคัญมากจัดเรียงตามที่สถานทูตแนะนำจะเป็นผลดีกับชีวิตเรา เราเพิ่มจดหมายแนะนำตัวเข้าไป เผื่อท่านทูตจะได้รับไปพิจารณาเพิ่มเติม 555 ผู้หญิงคนเดียวไม่เคยมีวีซ่าใดๆ พาสปอร์ตเล่มใหม่ เล่มนี้ไปแค่ เขมรเองจ้า
8.แต่งตัวไปขอวีซ่า
ข้อนี้หนักใจมาก ระหว่างเขียนกระทู้นี่ก็นั่งคิดว่า ชั้นจะแต่งตัวยังไงให้ดูเป็น Artist เพราะว่าลุคไม่ได้เลย ลุคคือแบบว่าเมียฝรั่งมาก ตอนแรกคิดว่าหรือจะลองเปลี่ยนคาแรคเตอร์ซักวัน ให้ดูซอฟท์ๆ แต่แบบแหม แอดติจูดมันไม่ได้ รูปพาสปอร์ตกับรูปวีซ่าคือเกินเบอร์ไปมาก สุดท้ายจบที่ว่า ชั้นจะแต่งตัวเป็นกราฟิกแซ่บๆ ใส่สูทเก๋ๆ กางเกงสแลค เรียบร้อยในแบบของเราก็แล้วกัน แต่งหน้าโทนสุภาพ รองเท้าส้นสูงนิดหน่อยพอประมาณ และพกรอยยิ้มหวานๆไปสู้
สำหรับการเตรียมตัวของเราก็มีเท่านี้ค่ะ แต่พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น จะมาอัพเดทอีกครั้งนึง ตื่นเต้นมากกกกกกกก ยังไงก็หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ให้กับคนที่กำลังเตรียมตัวอยู่บ้างนะคะ ไปนอนก่อน เดี่ยวพรุ่งนี้จะมาแชร์พาร์ทการขอวีซ่าให้ฟังกันค้า ^^"
2019 ยื่นวีซ่าท่องเที่ยวเยอรมัน เที่ยวคนเดียว 33 วัน 4 ประเทศ
ส่วนของการเตรียมเอกสารและการไปขอวีซ่า ต้องขอขอบคุณ คุณสมาชิกหมายเลข 4373978 จากกระทู้นี้ ที่เขียนอธิบายชัดเจนมากๆค่ะ
https://pantip.com/topic/37382024
เราทำงานเป็น Graphic Designer ในบริษัทเอกชนต่างชาติแห่งหนึ่งค่ะ เพิ่งย้ายงานมาอายุงาน 1 ปี กับอีก 2 เดือน เงินเดือนไม่ถึง 30k มีงานฟรีแลนซ์เดือนละ 15k และเรามีธุรกิจส่วนตัวที่ทำธุรกิจออนไลน์เล็กๆ มาได้ 6 เดือนกว่าๆ เป็นแหล่งที่มาของเงินเดินบัญชี เดือนละ 1xx,xxx มาเป็นเวลา 6 เดือนได้แล้วค่ะ แต่ว่าไม่ได้มีเงินเก็บแบบนอนเฉยๆนะ มีแต่เงินวิ่งเข้าวิ่งออกค่ะ บอกตรงๆว่าตอนนี้วีซ่าก็ยังไม่ได้ไปสัมภาษณ์ก็แอบกังวลพอสมควรค่ะ 50/50 ผ่านหรือว่าไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับแต้มบุญแล้วแหละ
เราตัดสินใจไปเที่ยวพักผ่อน โดยลางาน 1 เดือนเต็ม Unpaid ไม่รับเงินเดือนทั้งเดือนแถมส่งผลกับโบนัสปลายปีที่ต้องหายไป 31 วัน เพราะตั้งแต่ต้นปี มีปัญหาสุขภาพ เนื่องจากนั่งทำงานเป็นเวลานานๆทั้งวันทั้งคืนพักแค่ 6 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า มาหลายปีมากๆแล้วค่ะ ไม่รวมตอนเด็กๆที่ติดเกมส์อีก ทรมานมากๆเวลานั่งทำงานประจำช่วงกลางวัน เลยตัดสินใจลางานไปพักเต็มๆไปเลย แถมยังจะได้ประสบการณ์ชีวิตและแรงบันดาลใจต่างๆกลับมาด้วยอีก
โดยแพลนที่แพลนไว้คือ เริ่มเดินทางวันที่ 29 มิถุนายน 2561 และ กลับถึงไทยวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ระยะเวลาที่ขอวีซ่าคือ 33 วัน เดินทางคนเดียว เที่ยวคนเดียว เพราะว่าอยากจะเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ชิลๆ ไม่หักโหมมาก ดื่มด่ำบรรยากาศของแต่ละเมืองแบบไม่รีบร้อนค่ะ
ในส่วนของการเตรียมตัวของเรานั้น เริ่มจากขั้นตอนแรกคือ
1. เขียนจดหมายลางาน + ขอเอกสารรับรองการเป็นพนักงาน
ข้อนี้สำคัญมาก สิ่งแรกที่ทำก่อนจะแพลนทุกอย่างคือ ลางานจ้า ลาไม่ได้ = ไม่ได้ไป การเขียนจดหมายลางานนั้น ควรจะระบุไปให้ครบและชัดเจนเลยว่า จะลาวันไหน - วันไหน กลับมาเริ่มงานวันที่เท่าไหร่ ข้อนี้จะทำให้ HR ทำงานสะดวก มีผลในเอกสารที่จะนำไปขอวีซ่าคือ หนังสือรับรองการทำงาน ที่จะระบุวันลาที่ทางบริษัทอนุมัติ และวันที่เราจะต้องกลับมาเริ่มทำงานด้วยเช่นกัน รวมถึงเงินเดือนของเรา และวันที่เราเริ่มเป็นพนักงานบริษัทแห่งนี้ค่ะ
2. ซื้อประกันการเดินทาง
ข้อนี้เมื่อเราได้วันลางานที่แน่นอนแล้ว เราซื้อประกันการเดินทางตามแพลนของเราเลยค่ะ จำนวนวันเป๊ะๆตั้งแต่ออกจากประเทศไทย จนกลับถึงประเทศไทย จ่ายเงินไปทั้งหมด 1,813 บาท วงเงินประกัน 1,500,000 บาท หรือไม่ต่ำกว่า 30,000 ยูโร
3. แพลนการเดินทาง การจองห้องพัก ตั๋วเครื่องบิน และรถไฟ
ข้อนี้สำหรับเราค่อนข้างยากนะ เราเป็นคนไม่ชอบวางแผนเอาซะเลย เวลาไปไหนกับเพื่อนมีหน้าที่แค่ตามเค้าไป พอถึงตอนนี้ไปเที่ยวคนเดียว ต้องแพลนเองทุกอย่าง มันค่อนข้างจะทุลักทุเลพอสมควร การเดินทางของเราคร่าวๆ ที่แพลนไว้มีดังนี้ค่ะ
Thailand > Germany > Austria > Italy > France > Germany > Thailand
29 JUNE 2019 Bangkok > Munich
30 JUNE 2019 Munich > Salzburg
02 JULY 2019 Salzburg > Hallstatt
05 JULY 2019 Hallstatt > Innsbruck
07 JULY 2019 Innsbruck > Venice
10 JULY 2019 Venice > Milan
13 JULY 2019 Milan > Paris
18 JULY 2019 Paris > Cologne
21 JULY 2019 Cologne > Bacharach
23 JULY 2019 Bacharach > Rudesheim am Rhein
25 JULY 2019 Rudesheim am Rhein > Heidelberg
28 JULY 2019 Heidelberg > Munich
31 JULY 2019 Munich > bangkok
ถ้าคนที่เคยไปเที่ยวคงดูออกว่าแพลนดูงงๆหรือเปล่าเอ่ย 5555 ในส่วนของประเทศเยอรมัน เรากะจะเที่ยวแบบโนแพลน ที่ตายตัวว่าแบบอยู่เมืองนี้ เวลาเป๊ะๆ เราแทบไม่รู้สถานที่ท่องเที่ยวที่แบบทุกคนต้องไปเลยด้วยซ้ำ นี่ก็ทำการบ้านแบบคร่าวๆ คร่าวมากกกกกก แพลนคงไปเปลี่ยนหน้างานตามอารมณ์เรา แต่การได้ทำแพลนแบบนี้ ถือว่ามีประโยชน์ในแง่ของการขอวีซ่าเป็นอย่างมากจ้า
ด้านล่างเป็นตารางที่เราทำเพื่อไปยื่นขอวีซ่านะ วิธีทำแพลนของเราคือ เปิด Google Map ไล่ดูเลยจ้า ว่าระหว่างเมืองหลักๆที่เราอยากไปเที่ยว มีเมืองอะไรบ้าง ที่ให้เราได้พัก นอน เที่ยว ดื่มด่ำ แบบไม่ตะลอนทัวร์ (ขนาดไม่ตะลอนก็ยังลากไปซะ 12 โรงแรม) เพราะทริปนี้ เน้นพักผ่อนสุดๆ นอนให้เต็มอิ่มแบบตื่นมาจิบกาแฟ สูดอากาศบริสุทธิ์ วาดรูป เดินถ่ายรูปเล่น
จองโรงแรมโดยเว็บ Booking.com แบบยกเลิกก่อนวันเข้าพักฟรี แล้วพิมพ์ใบจองออกมา ใบจองใช้ทุกคืนนะคะ ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงจนวันกลับเลย เราพักทั้งหมด 12 โรงแรม เป็นเงิน 1,837.13 ยูโร (แพงมากกกกกกก แต่มีแบบ Hostel แค่ 2 ที่เองน้า ที่เหลือก็เป็นห้องแบบ Single Bed ทั้งหมดเลยค่ะ)