เมื่อกลางปีก่อนแม่เรากลับมาจากบ้านตจว.บอกว่าเลิกกับพ่อแล้ว (คือเราเองก็ไม่ได้ถึงขั้นร้องห่มร้องไห้เพราะที่บ้านมีปัญหาเรื้อรังกันมานาน) ใช้ความรุนแรงก็เคยเห็น คำด่าที่แรงมากๆเราก็เคยได้ยิน เราเองเป็นคนที่ติดแม่ จะบอกว่าเราเข้าข้างแม่ก็ได้ แต่ก็แค่ช่วงแรกๆที่เค้าเลิกกัน เราตอนนั้นคือพึ่งได้งานมาด้วยหลังจากที่จบม.6เราโดนทุกคนในบ้านบอกว่าให้ออกไปทำงาน ไม่มีใครสนับสนุนให้เราเรียนเลย(เราน้อยใจตรงนี้มากกว่าไม่มีใครถามว่าเราอยากเป็นอะไรด้วยซ้ำ เราเองที่อยากให้เค้าภูมิใจที่เราจะได้มีงานดีๆทำมีเงินให้พ่อแม่ใช้ แต่ในเมื่อไม่มีใครภูมิใจเราก็เลยตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาลัย) ช่วงแรกที่พ่อแม่เลิกกันทุกคนในบ้านรับรู้ ไม่มีใครพูดอะไร พี่สาวเราก็มีครอบครัว พี่ชายก็ทำงานออกจากบ้านไป2-3ปีแล้ว (รายนั้นไม่ค่อยพูดจะเงียบและใครจะทำอะไรก็ทำ) ตัวเราที่ทำงานได้2เดือนกว่าๆและน้องสาวที่เรียนหนังสือ เราคิดว่าปัญหาที่มันเรื้อรังมานาน เลิกกันไปให้จบๆจะได้ไม่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ แต่คือเค้าเลิกกันเค้ากลับทิ้งความรู้สึกแย่ไว้ที่พวกเราอ่ะ เราไม่รู้นะว่าพี่น้องคนอื่นรู้สึกมั้ย แต่เรารู้สึกว่ามันแย่อ่ะ จนเราต้องออกจากงาน มาพัก เราทำงานต่อไม่ได้ใจเราคือแย่มาก
หลังจากเลิกกันพ่อเราก็เมาทุกวัน ไม่เคยสร่าง กินมาแล้วก็มาบ่นเรื่องแม่ในบ้าน จนเรารำคาญ (เรามีที่เสียงดังใส่เพราะเราไม่อยากฟัง มีพูดแรงๆใส่บ้าง คือเรารู้นะว่ามันบาปอ่ะ แต่เค้าก็ยัดทุกอยางที่ไม่ดีของแม่ใส่หัวเราอ่ะ) เราเครียดมาก เราเริ่มทนไม่ไหวเรากลับเข้ากรุงเทพอีกครั้ง ซึ่งเราไปพักอยู่กับแม่เพราะว่าไม่มีที่ไป เรารู้ว่าแม่มีคุยกับคนอื่นมีไปหาบ้าง ไปค้างบ้าง เราก็อยู่ห้องคนเดียว (เราก็ยังรักแม่นะ ยังเข้าข้างแม่อ่ะ )จนทุกอย่างก็แย่ลงไปอีก เรารู้สึกเหมือนโดนแย่งความรักความอบอุ่น ทั้งพ่อทั้งแม่ เปลี่ยนไปหมด แม่มีผู้ชายคนใหม่ เริ่มไปอยู่ทำกับข้าวให้เค้ากิน ไปค้างเป็นอาทิตย์ (แม่ทำงานนะส่งรถ กับประกันส่งน้องบ้าง) เราที่อยู่ห้องคนเดียวแรกๆก็ร้องไห้ตลอด ไม่มีคืนไหนที่หมอนไม่เปียก ทั้งสวดมนต์ภาวนา เราทำทุกอย่างที่คิดว่ามันจะดีขึ้นอ่ะ แต่ก็เหมือนเดิม กอดแม่ไม่อุ่นเหมือนเดิมอ่ะ เรานอนกับแม่ก็ยังแอบร้องไห้ ตอนนั้นคือเครียดมาก พ่อเองก็เมาทุกวัน โทรมาทีไรก็เมาตลอด พูดด่าแม่ตลอด เราเคยคิดนะ ตอนที่พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันคือทะเลาะกันตลอดตั้งแต่เราจำความได้เรย พ่อจะชอบหึงแม่ พอแม่เข้าใกล้ใครหน่อยก็จะด่าแม่ตลอด ปัญหาที่ทะเลาะกันมีแค่เรื่องหึงหวงอ่ะ เราก็ไม่รู้แม่เป็นยังไงเพราะพ่อแม่จะเข้าทำงานกรุงเทพตลอด มีบ้างมาอยู่บ้าน และมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ พ่อเมาพูดไม่รู้เรื่อง กินมาทีไรก็ชอบมาบ่นมาด่ากัน เราคิดว่าที่เลิกกันก็เพราะพ่อทำตัวแบบนี้แหละ แม่เคยบอกว่าอดทนมานาน เราเองก็เห็นใจ แต่คิดว่าเลิกกันแล้วก็คงใส่ใจลูกๆมากกว่า แต่ก็เหมือนโดนลดความสำคัญอ่ะในใจเรามันคิดแบบนี้อ่ะ เราเคยเจอแฟนใหม่แม่แต่ก็แค่ยกมือไหว้ ไม่ได้พูดคุย เราเองก็ไม่อยากทำให้แม่ลำบากใจ ตอนนั้นคือก็ยังห่วงความรู้สึกแม่อยู่มากอ่ะ จะทำอะไรก็คิดตลอดจนบางทีก็ไม่ได้พูดออกไป แล้ววันเกิดแม่ก็มาถึงเมื่อต้นปี แม่ชวนเราไปห้องเค้า กินกุ้งกินปลาหมึกกัน คือเราอึดอัดมาก จนเราคิดไว้แล้วว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก เราอธิบายไม่ถูก เราไม่ชอบอ่ะ แต่เราก็ไม่ได้บอกแม่หรอก จนเราอยู่ห้องคนเดียวทั้งหางาน สมัครไปหมดก็ไม่มีใครรับเราเลย จนเราท้อ เราเหนื่อย เรารู้ว่ายังมีคนรอเราอยู่รอเราส่งเงินให้ เรายังมีเรื่องต้องส่งให้คนข้างหลังอีก จนเราขอกลับบ้านเพราะไม่ไหวจริงๆ และมันก็ตรงกับบวชพี่ชายพอดี เราก็กลับไปคอยดูงาน จัดงาน ระหว่างอยู่บ้านก็คืออยู่กับพ่อตลอด และการทะเลาะกันครั้งรุนแรงก็เกิดขึ้น พ่อคุยกับผู้หญิงหลายคน แต่มีคนนึงจะลงมาอยู่บ้านกับพ่อ พ่อมาขอเราว่าจะให้เค้ามาอยู่มั้ย คือเราปรี๊ดแตกเรยค่ะ บ้านคือความทรงจำของเราใครคิดยังไงเราไม่รู้แต่บ้านสำคัญกับเรามาก เราขึ้นเสียงใส่พ่อเรย เราไม่ให้อีหน้าไหนมาอยู่ทั้งนั้น พ่อก็เถียงเรา ว่าเค้าจะมาดูแลพ่อ จะมาดูแลพวกหนู คือเราเถียงกันหนักมาก เราคือไม่เอา เราพูดทุกอย่าง ถึงขั้นว่าถ้าเอามันมาเราจะไม่กลับมาเหยียบบ้านอีก เราจะไม่ติดต่อต่อให้ตายเราจะไม่มาเผา คือทะเลาะกันรุนแรงมาก พ่อจะยกข้ออ้างต่างๆมาเถียงเราจนเราเดินหนี เราไม่คุย งานบวชพี่ชายผ่านพ้นไปเรากะว่าจะอยู่ต่อสักอาทิตย์ค่อยกลับไปหางาน แต่เราก็อยู่ได้แค่2-3วัน ปรี๊ดแตกอีก พ่อบอกว่าเราเป็นลูก จะเถียงพ่อได้ไง 'กูเลี้ยงมาให้มาเป็นลูกไม่ได้มาเป็นพ่อแม่มาเถียงแบบนี้' เราจำได้แม่นวันนั้นเราเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเช้ามาก็ออกมาแต่เช้าไม่ได้คุยกันอีก เรากลับมาหางาน แต่มันก็เป็นเดือนกว่าจะได้งานพอได้ก็ทำได้แค่แปปเดียวก็ต้องออก มาหาอีก เรากินนอนหางานอยู่ในห้อง มีออกไปสัมภาษณ์งานบ้าง เป็นเดือนอีกตามเคยกว่าจะได้งาน จนเราคิดว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเราเข้าไปลองกรอกแบบประเมินในเน็ต จนเราเครียดไปเรยพักนึง เราก็รู้ข่าวบ้างว่าพ่อเปลี่ยนคนคุยไปเรื่อย มีไปหา โอนเงินไปให้บ้าง เราก็อยากจะปล่อยให้เค้าทำนะ แต่คือน้องแทบจะไม่มีเงินกิน พ่อเอาเงินไปให้ใครก็ไม่รู้ รถที่ออกกันกับแม่ก็ไม่ส่งปล่อยแม่ส่งคนเดียว ตัวเองทไงานหมดไปกับค่าเหล้าค่าผู้หญิง เราเองก็ไม่มีงานทำ พี่ชายก็แค่หาเช้ากินค่ำส่งรถมอไซตัวเอง พี่สาวก็แยกครอบครัวไปมีติดต่อกันบ้าง จนพี่ชายเราประสบอุบัติเหตุ เราก็เลยลาออกจากงานมาอยู่เป็นเพื่อนมัน ปัญหาพ่อยังเหมือนเดิม ไม่เคยพูดดีๆกันได้นาน คุยสักพักก็เอาละ เราเองก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่ มีเถียงมีบ่นไปบ้าง มีคำถึงที่เราจำขึ้นใจเรยตอนแม่ไปอยู่กรุงเทพแรกๆ ตอนนั่นก็เหมือนห่างกันมากๆ เหมือนความสัมพันธ์พ่อแม่กำลังจะขาดอ่ะ พ่อกินมาแล้วก็บ่นว่า"ถ้าไม่มีพวกเราป่านนี้พ่อคงมีเงินเก็บเยอะแล้ว "มันฝังอยู่ในใจเรามาตลอด เราโมโหนะ แต่เราไม่ได้เกลียด เรามองว่าเราเองก็คือภาระของพวกเค้า ตั้งแต่เราเข้าม.4มาเราขอเงินพ่อแม่น้อยมาก มีงานอะไรเาทำหมดได้มา100-200เราก็เก็บ มีแค่ขอค่ากินบ้างกับค่ารถ นอกนั้นเราหาเงินซื้อเองตลอด ทั้งรองเท้า ค่าโครงงาน ค่ารายงาน จนเราจบม.6ก็ได้กยศ.มาบ้างช่วยชีวิตเราไปในแต่ละเดือน เรายังจำได้วันที่จะสิ้นเดือน เค้าก็เริ่มเก็บค่ารถเราที่มีเงินติดตัวแค่20บาท (เราห่อข้าวไปกินตลอด) แม่ก็ไม่มีเงินส่งมาเรย เราเครียดมาก จนที่รร.แจกทุน คือเหมือนกับต่อลมหายใจเราเลยอ่ะ เราน้ำตาไหลเรยตอนรับทุนอ่ะ มันโคตรโล่ง มันซาบซึ่ง มันดีใจอ่ะ เป็น500ที่โคตรสำคัญกับเราเลย กลับมาปัจจุบัน
ำ่อเาคุยกับผู้หญิงคนนึงโอนเงินให้1000-2000 โอนตลอดเราก็ได้ยินพ่อคุยโทรศัพท์ตลอด พ่อไม่วางโทรศัพท์เรย ไปทำงานก็ยังไปนั่งคุย พูดคะขา พี่อย่างนั้น พี่อย่างนี้ และผู้หญิงก็เสียงแบบแป๊นๆอ่ะ โวยวาย เรื่องค่าห้องค่าน้ำค่าไฟ ไม่มีจ่าย เราก็เตือนพ่อตลอด ทุกวันนี้ก็ยังไม่คุยกันดีๆ และล่าสุดผู้หญิงโทรมาเสียงร้องห่มร้องไห้ว่าไม่มีเงินแม่จะไปหาพี่ชาย แต่ไม่มีค่ารถ บอกพ่อเราว่าขอเงินและยังบอกพ่อเราอีกว่าจะไม่ทิ้งมันไปไหนใช่มั้ย มันบอกว่าถ้าพ่อจริงใจกับมันก็ต้องให้เงินมัน เราได้ยินแล้วอยากตะโกนด่า มาขอเงินมานี่จริงใจมากมั้ง ตัวจริงก็ไม่เคยเจอกัน ยังจะโทรหน้าด้านมาขออีก เราเองก็เถียงกับพ่อเรื่องนี้ตลอด แต่พ่อบอกว่ามันคือความสุขของพ่อ ความสุขของพ่ออ่ะมันทำให้เราจะอดตาย
#เราอยากรู้เราจะทำยังไงดีเรายังทำอะไรได้รึป่าว
พ่อไม่ใช่คนเดิม พ่อไม่ด่าเราพ่อไม่พูดทวงบุญคุณเมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบนี้ เราพูดเลยเราเป็นคนเนรคุณ เราอกตัญญู ใครด่าเราเราไม่เถียงเรย เราเคยว่าพ่อว่าเมาเหมือนหมา ทำตัวให้มันดีๆหน่อย สารพัดเราจะพูด มีบอกให้ออกจากบ้าน มีคำพูดแรงๆบ้าง เรากลับมาคิดนะว่าเราก็คงพูดเกินไปแต่ใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้อ่ะ เราเบื่อ เรารำคาญ เราฟังเรื่องแย่ๆมาตลอด เราเห็นทุกอย่าง ส่วนแม่เราก็ไม่ได้โทรหา แม่เองก็ไม่โทรหาเรา เรารู้สึกเหมือนตัวคนเดียว ก่อนเราจะหลุดไปมากกว่านี้ยังดีที่ได้พี่สาวพี่ชายคอยดึงเราไว้ ตอนลำบากที่สุดในชีวิตเราพี่น้องนี่แหละที่ดีกับเราที่สุด เราอยู่ได้ด้วยพี่สาวพี่ชายเรยอ่ะ ที่คิดว่าห่างกันไปหลายปีจะไม่สนิทกัน แต่ความรักความสนิทยังเหมือนเดิม เราหวงพี่ชายมากไม่อยากให้มันมีแฟน มันก็ไม่มี จนหลังเจอปัญหา เราบอกเราไม่ชอบบุหรี่ มันก็ยอมเลิกให้เราอ่ะ มีสูบบ้างแต่ก็น้อยลงแล้ว เหมือนมันเองก็เจอปัญหามาเราก็อยู่ข้างมันตลอด เคยคิดจะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วก็ไปเรียนภาษาแบบที่ตัวเองอยากเรียน อยากทำงานอะไรก็ได้ ที่เราชอบ อยากออกจากงานก็ไม่ต้องสนว่าใครจะว่าเรารึป่าว อยากใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ความจริงมันไม่ใช่อ่ะ เรายังต้องคอยห่วงว่าแม่จะส่งรถไหวมั้ย พ่อจะมีเงินกินรึป่าว น้องจะมีเงินไปเรียนมั้ย พี่ชายที่อยากออกรถก็อยากให้เราช่วยดาวน์ให้ พี่สาวที่มันเองก็หมดเงินไปกับอุบัติเหตุของพี่ชายเรา ตายายที่เราเคยส่งเงินให้ตอนทำงาน ไหนจะเก็บไว้ให้ตัวเองลงเรียนอีก เราละทิ้งอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่ที่ตัดสินใจแน่ๆคงลงเรียนราม แล้วทำงานไปด้วย เราเองก็อยากเหมือนเด็กรุ่นเดียวกันที่เรียนอย่างเดียวไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน มุ่งแต่เรียนให้จบมีงานทำแล้วก็เริ่มทยอยส่งพ่อแม่ สร้างบ้านให้พ่อแม่เลิกทำงานเราจะส่งเอง ถึงเค้าจะเลิกกันเราก็อยากซื้อบ้านเราเอง สร้างบ้านที่ตจว. ใครจะอยู่ที่ไหนก็อยู่
และเราก็สัญญากับตัวเองว่าถ้าเรามีครอบครัวเราจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด ไม่ให้เค้าต้องมารู้สึกเหมือนเรา ไม่ต้องมาเจอปัญหาพ่อแม่เลิกกันแบบนี้ เราจะให้ความอบอุ่นลูกของเราไม่ให้รู้สึกเหงาแบบเรา เราเจออะไรเราก็จะสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกเราอีกเป็นเท่าตัว เราจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น แต่ขนาดแฟนเรายังมีไม่ได้เรย เรากลัวว่าจะทำให้เค้าลำบาก เรากลัวกลายเป็นตัวภาระของใครต่อใคร และเราเห็นพ่อแม่แบบนี้เราก็ไม่อยากคุยกับใครไม่อยากมีแฟน เราอยู่ตัวคนเดียวก็สบายใจแล้ว ตั้งแต่เรียนมาก็มีคนมาจีบบ้างแต่ก็เห็นแก่แม่มาตลอดว่าไม่อยากให้มีเราก็ไม่มี จนทุกวันนี้ก็ไม่มี อีกหนึ่งอย่างที่ดึงเราเอาไว้คือ การติ่งวงเคป็อป เราเริ่งติ่งตอนม.5 เวลาเราเครียด เราจะดูพวกเค้า จะฟังเพลง มันช่วยได้จริงๆนะ ไม่ได้ไร้สาระเลย เราอยากเรียนภาษาก็เพราะการติ่ง เราอยากฟังรู้เรื่อง วงvictonที่เราติ่งคือเราจะตั้งใจไว้ว่าถ้าเกรดเราขึ้นเราจะเอาเงินเก็บมาซื้ออัลบั้ม เกรดจาก3ต้นๆขึ้นมาเป็น3กว่าๆ เราจะซื้อ อย่างวันเกิดตัวเอง นี่ก็สะสมมาจะครบแล้ว เงินเราทั้งนั้น เราไม่เคยแบมือขอแม่เราเลย แต่ก็จะโดนขัดว่าใช้ซื้อของสิ้นเปลือง แต่เราไม่โกรธเพราะผู้ใหญ่หลายๆคนก็มองว่ามันไร้สาระ เราแค่รู้ว่ามันไม่ไร้สาระก็พอแล้วใครจะคิดยังไงก็ปล่อยให้คิดไป เรามีแรงบันดาลใจ มีความฝันขึ้นมาก็เพราะการติ่ง มันคือความสุขเล็กๆน้อยๆของเราอ่ะ
#เราแค่อยากระบายบ้างมันอัดอั้นเล่าให้ใครฟังไม่ได้เรยเรารู้สึกนะว่าตัวเองเริ่มเงียบพูดน้อยลงและเราก็ไม่ค่อยพูดทั้งที่เมื่อก่อนนี่สายพูดเรยพูดจนเพื่อนรำคาญ
พ่อแม่เลิกกัน แต่ทิ้งความรู้สึกมากมายไว้กับลูก
หลังจากเลิกกันพ่อเราก็เมาทุกวัน ไม่เคยสร่าง กินมาแล้วก็มาบ่นเรื่องแม่ในบ้าน จนเรารำคาญ (เรามีที่เสียงดังใส่เพราะเราไม่อยากฟัง มีพูดแรงๆใส่บ้าง คือเรารู้นะว่ามันบาปอ่ะ แต่เค้าก็ยัดทุกอยางที่ไม่ดีของแม่ใส่หัวเราอ่ะ) เราเครียดมาก เราเริ่มทนไม่ไหวเรากลับเข้ากรุงเทพอีกครั้ง ซึ่งเราไปพักอยู่กับแม่เพราะว่าไม่มีที่ไป เรารู้ว่าแม่มีคุยกับคนอื่นมีไปหาบ้าง ไปค้างบ้าง เราก็อยู่ห้องคนเดียว (เราก็ยังรักแม่นะ ยังเข้าข้างแม่อ่ะ )จนทุกอย่างก็แย่ลงไปอีก เรารู้สึกเหมือนโดนแย่งความรักความอบอุ่น ทั้งพ่อทั้งแม่ เปลี่ยนไปหมด แม่มีผู้ชายคนใหม่ เริ่มไปอยู่ทำกับข้าวให้เค้ากิน ไปค้างเป็นอาทิตย์ (แม่ทำงานนะส่งรถ กับประกันส่งน้องบ้าง) เราที่อยู่ห้องคนเดียวแรกๆก็ร้องไห้ตลอด ไม่มีคืนไหนที่หมอนไม่เปียก ทั้งสวดมนต์ภาวนา เราทำทุกอย่างที่คิดว่ามันจะดีขึ้นอ่ะ แต่ก็เหมือนเดิม กอดแม่ไม่อุ่นเหมือนเดิมอ่ะ เรานอนกับแม่ก็ยังแอบร้องไห้ ตอนนั้นคือเครียดมาก พ่อเองก็เมาทุกวัน โทรมาทีไรก็เมาตลอด พูดด่าแม่ตลอด เราเคยคิดนะ ตอนที่พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันคือทะเลาะกันตลอดตั้งแต่เราจำความได้เรย พ่อจะชอบหึงแม่ พอแม่เข้าใกล้ใครหน่อยก็จะด่าแม่ตลอด ปัญหาที่ทะเลาะกันมีแค่เรื่องหึงหวงอ่ะ เราก็ไม่รู้แม่เป็นยังไงเพราะพ่อแม่จะเข้าทำงานกรุงเทพตลอด มีบ้างมาอยู่บ้าน และมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ พ่อเมาพูดไม่รู้เรื่อง กินมาทีไรก็ชอบมาบ่นมาด่ากัน เราคิดว่าที่เลิกกันก็เพราะพ่อทำตัวแบบนี้แหละ แม่เคยบอกว่าอดทนมานาน เราเองก็เห็นใจ แต่คิดว่าเลิกกันแล้วก็คงใส่ใจลูกๆมากกว่า แต่ก็เหมือนโดนลดความสำคัญอ่ะในใจเรามันคิดแบบนี้อ่ะ เราเคยเจอแฟนใหม่แม่แต่ก็แค่ยกมือไหว้ ไม่ได้พูดคุย เราเองก็ไม่อยากทำให้แม่ลำบากใจ ตอนนั้นคือก็ยังห่วงความรู้สึกแม่อยู่มากอ่ะ จะทำอะไรก็คิดตลอดจนบางทีก็ไม่ได้พูดออกไป แล้ววันเกิดแม่ก็มาถึงเมื่อต้นปี แม่ชวนเราไปห้องเค้า กินกุ้งกินปลาหมึกกัน คือเราอึดอัดมาก จนเราคิดไว้แล้วว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก เราอธิบายไม่ถูก เราไม่ชอบอ่ะ แต่เราก็ไม่ได้บอกแม่หรอก จนเราอยู่ห้องคนเดียวทั้งหางาน สมัครไปหมดก็ไม่มีใครรับเราเลย จนเราท้อ เราเหนื่อย เรารู้ว่ายังมีคนรอเราอยู่รอเราส่งเงินให้ เรายังมีเรื่องต้องส่งให้คนข้างหลังอีก จนเราขอกลับบ้านเพราะไม่ไหวจริงๆ และมันก็ตรงกับบวชพี่ชายพอดี เราก็กลับไปคอยดูงาน จัดงาน ระหว่างอยู่บ้านก็คืออยู่กับพ่อตลอด และการทะเลาะกันครั้งรุนแรงก็เกิดขึ้น พ่อคุยกับผู้หญิงหลายคน แต่มีคนนึงจะลงมาอยู่บ้านกับพ่อ พ่อมาขอเราว่าจะให้เค้ามาอยู่มั้ย คือเราปรี๊ดแตกเรยค่ะ บ้านคือความทรงจำของเราใครคิดยังไงเราไม่รู้แต่บ้านสำคัญกับเรามาก เราขึ้นเสียงใส่พ่อเรย เราไม่ให้อีหน้าไหนมาอยู่ทั้งนั้น พ่อก็เถียงเรา ว่าเค้าจะมาดูแลพ่อ จะมาดูแลพวกหนู คือเราเถียงกันหนักมาก เราคือไม่เอา เราพูดทุกอย่าง ถึงขั้นว่าถ้าเอามันมาเราจะไม่กลับมาเหยียบบ้านอีก เราจะไม่ติดต่อต่อให้ตายเราจะไม่มาเผา คือทะเลาะกันรุนแรงมาก พ่อจะยกข้ออ้างต่างๆมาเถียงเราจนเราเดินหนี เราไม่คุย งานบวชพี่ชายผ่านพ้นไปเรากะว่าจะอยู่ต่อสักอาทิตย์ค่อยกลับไปหางาน แต่เราก็อยู่ได้แค่2-3วัน ปรี๊ดแตกอีก พ่อบอกว่าเราเป็นลูก จะเถียงพ่อได้ไง 'กูเลี้ยงมาให้มาเป็นลูกไม่ได้มาเป็นพ่อแม่มาเถียงแบบนี้' เราจำได้แม่นวันนั้นเราเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเช้ามาก็ออกมาแต่เช้าไม่ได้คุยกันอีก เรากลับมาหางาน แต่มันก็เป็นเดือนกว่าจะได้งานพอได้ก็ทำได้แค่แปปเดียวก็ต้องออก มาหาอีก เรากินนอนหางานอยู่ในห้อง มีออกไปสัมภาษณ์งานบ้าง เป็นเดือนอีกตามเคยกว่าจะได้งาน จนเราคิดว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเราเข้าไปลองกรอกแบบประเมินในเน็ต จนเราเครียดไปเรยพักนึง เราก็รู้ข่าวบ้างว่าพ่อเปลี่ยนคนคุยไปเรื่อย มีไปหา โอนเงินไปให้บ้าง เราก็อยากจะปล่อยให้เค้าทำนะ แต่คือน้องแทบจะไม่มีเงินกิน พ่อเอาเงินไปให้ใครก็ไม่รู้ รถที่ออกกันกับแม่ก็ไม่ส่งปล่อยแม่ส่งคนเดียว ตัวเองทไงานหมดไปกับค่าเหล้าค่าผู้หญิง เราเองก็ไม่มีงานทำ พี่ชายก็แค่หาเช้ากินค่ำส่งรถมอไซตัวเอง พี่สาวก็แยกครอบครัวไปมีติดต่อกันบ้าง จนพี่ชายเราประสบอุบัติเหตุ เราก็เลยลาออกจากงานมาอยู่เป็นเพื่อนมัน ปัญหาพ่อยังเหมือนเดิม ไม่เคยพูดดีๆกันได้นาน คุยสักพักก็เอาละ เราเองก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่ มีเถียงมีบ่นไปบ้าง มีคำถึงที่เราจำขึ้นใจเรยตอนแม่ไปอยู่กรุงเทพแรกๆ ตอนนั่นก็เหมือนห่างกันมากๆ เหมือนความสัมพันธ์พ่อแม่กำลังจะขาดอ่ะ พ่อกินมาแล้วก็บ่นว่า"ถ้าไม่มีพวกเราป่านนี้พ่อคงมีเงินเก็บเยอะแล้ว "มันฝังอยู่ในใจเรามาตลอด เราโมโหนะ แต่เราไม่ได้เกลียด เรามองว่าเราเองก็คือภาระของพวกเค้า ตั้งแต่เราเข้าม.4มาเราขอเงินพ่อแม่น้อยมาก มีงานอะไรเาทำหมดได้มา100-200เราก็เก็บ มีแค่ขอค่ากินบ้างกับค่ารถ นอกนั้นเราหาเงินซื้อเองตลอด ทั้งรองเท้า ค่าโครงงาน ค่ารายงาน จนเราจบม.6ก็ได้กยศ.มาบ้างช่วยชีวิตเราไปในแต่ละเดือน เรายังจำได้วันที่จะสิ้นเดือน เค้าก็เริ่มเก็บค่ารถเราที่มีเงินติดตัวแค่20บาท (เราห่อข้าวไปกินตลอด) แม่ก็ไม่มีเงินส่งมาเรย เราเครียดมาก จนที่รร.แจกทุน คือเหมือนกับต่อลมหายใจเราเลยอ่ะ เราน้ำตาไหลเรยตอนรับทุนอ่ะ มันโคตรโล่ง มันซาบซึ่ง มันดีใจอ่ะ เป็น500ที่โคตรสำคัญกับเราเลย กลับมาปัจจุบัน
ำ่อเาคุยกับผู้หญิงคนนึงโอนเงินให้1000-2000 โอนตลอดเราก็ได้ยินพ่อคุยโทรศัพท์ตลอด พ่อไม่วางโทรศัพท์เรย ไปทำงานก็ยังไปนั่งคุย พูดคะขา พี่อย่างนั้น พี่อย่างนี้ และผู้หญิงก็เสียงแบบแป๊นๆอ่ะ โวยวาย เรื่องค่าห้องค่าน้ำค่าไฟ ไม่มีจ่าย เราก็เตือนพ่อตลอด ทุกวันนี้ก็ยังไม่คุยกันดีๆ และล่าสุดผู้หญิงโทรมาเสียงร้องห่มร้องไห้ว่าไม่มีเงินแม่จะไปหาพี่ชาย แต่ไม่มีค่ารถ บอกพ่อเราว่าขอเงินและยังบอกพ่อเราอีกว่าจะไม่ทิ้งมันไปไหนใช่มั้ย มันบอกว่าถ้าพ่อจริงใจกับมันก็ต้องให้เงินมัน เราได้ยินแล้วอยากตะโกนด่า มาขอเงินมานี่จริงใจมากมั้ง ตัวจริงก็ไม่เคยเจอกัน ยังจะโทรหน้าด้านมาขออีก เราเองก็เถียงกับพ่อเรื่องนี้ตลอด แต่พ่อบอกว่ามันคือความสุขของพ่อ ความสุขของพ่ออ่ะมันทำให้เราจะอดตาย
#เราอยากรู้เราจะทำยังไงดีเรายังทำอะไรได้รึป่าว
พ่อไม่ใช่คนเดิม พ่อไม่ด่าเราพ่อไม่พูดทวงบุญคุณเมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบนี้ เราพูดเลยเราเป็นคนเนรคุณ เราอกตัญญู ใครด่าเราเราไม่เถียงเรย เราเคยว่าพ่อว่าเมาเหมือนหมา ทำตัวให้มันดีๆหน่อย สารพัดเราจะพูด มีบอกให้ออกจากบ้าน มีคำพูดแรงๆบ้าง เรากลับมาคิดนะว่าเราก็คงพูดเกินไปแต่ใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้อ่ะ เราเบื่อ เรารำคาญ เราฟังเรื่องแย่ๆมาตลอด เราเห็นทุกอย่าง ส่วนแม่เราก็ไม่ได้โทรหา แม่เองก็ไม่โทรหาเรา เรารู้สึกเหมือนตัวคนเดียว ก่อนเราจะหลุดไปมากกว่านี้ยังดีที่ได้พี่สาวพี่ชายคอยดึงเราไว้ ตอนลำบากที่สุดในชีวิตเราพี่น้องนี่แหละที่ดีกับเราที่สุด เราอยู่ได้ด้วยพี่สาวพี่ชายเรยอ่ะ ที่คิดว่าห่างกันไปหลายปีจะไม่สนิทกัน แต่ความรักความสนิทยังเหมือนเดิม เราหวงพี่ชายมากไม่อยากให้มันมีแฟน มันก็ไม่มี จนหลังเจอปัญหา เราบอกเราไม่ชอบบุหรี่ มันก็ยอมเลิกให้เราอ่ะ มีสูบบ้างแต่ก็น้อยลงแล้ว เหมือนมันเองก็เจอปัญหามาเราก็อยู่ข้างมันตลอด เคยคิดจะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วก็ไปเรียนภาษาแบบที่ตัวเองอยากเรียน อยากทำงานอะไรก็ได้ ที่เราชอบ อยากออกจากงานก็ไม่ต้องสนว่าใครจะว่าเรารึป่าว อยากใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ความจริงมันไม่ใช่อ่ะ เรายังต้องคอยห่วงว่าแม่จะส่งรถไหวมั้ย พ่อจะมีเงินกินรึป่าว น้องจะมีเงินไปเรียนมั้ย พี่ชายที่อยากออกรถก็อยากให้เราช่วยดาวน์ให้ พี่สาวที่มันเองก็หมดเงินไปกับอุบัติเหตุของพี่ชายเรา ตายายที่เราเคยส่งเงินให้ตอนทำงาน ไหนจะเก็บไว้ให้ตัวเองลงเรียนอีก เราละทิ้งอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่ที่ตัดสินใจแน่ๆคงลงเรียนราม แล้วทำงานไปด้วย เราเองก็อยากเหมือนเด็กรุ่นเดียวกันที่เรียนอย่างเดียวไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน มุ่งแต่เรียนให้จบมีงานทำแล้วก็เริ่มทยอยส่งพ่อแม่ สร้างบ้านให้พ่อแม่เลิกทำงานเราจะส่งเอง ถึงเค้าจะเลิกกันเราก็อยากซื้อบ้านเราเอง สร้างบ้านที่ตจว. ใครจะอยู่ที่ไหนก็อยู่
และเราก็สัญญากับตัวเองว่าถ้าเรามีครอบครัวเราจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด ไม่ให้เค้าต้องมารู้สึกเหมือนเรา ไม่ต้องมาเจอปัญหาพ่อแม่เลิกกันแบบนี้ เราจะให้ความอบอุ่นลูกของเราไม่ให้รู้สึกเหงาแบบเรา เราเจออะไรเราก็จะสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกเราอีกเป็นเท่าตัว เราจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น แต่ขนาดแฟนเรายังมีไม่ได้เรย เรากลัวว่าจะทำให้เค้าลำบาก เรากลัวกลายเป็นตัวภาระของใครต่อใคร และเราเห็นพ่อแม่แบบนี้เราก็ไม่อยากคุยกับใครไม่อยากมีแฟน เราอยู่ตัวคนเดียวก็สบายใจแล้ว ตั้งแต่เรียนมาก็มีคนมาจีบบ้างแต่ก็เห็นแก่แม่มาตลอดว่าไม่อยากให้มีเราก็ไม่มี จนทุกวันนี้ก็ไม่มี อีกหนึ่งอย่างที่ดึงเราเอาไว้คือ การติ่งวงเคป็อป เราเริ่งติ่งตอนม.5 เวลาเราเครียด เราจะดูพวกเค้า จะฟังเพลง มันช่วยได้จริงๆนะ ไม่ได้ไร้สาระเลย เราอยากเรียนภาษาก็เพราะการติ่ง เราอยากฟังรู้เรื่อง วงvictonที่เราติ่งคือเราจะตั้งใจไว้ว่าถ้าเกรดเราขึ้นเราจะเอาเงินเก็บมาซื้ออัลบั้ม เกรดจาก3ต้นๆขึ้นมาเป็น3กว่าๆ เราจะซื้อ อย่างวันเกิดตัวเอง นี่ก็สะสมมาจะครบแล้ว เงินเราทั้งนั้น เราไม่เคยแบมือขอแม่เราเลย แต่ก็จะโดนขัดว่าใช้ซื้อของสิ้นเปลือง แต่เราไม่โกรธเพราะผู้ใหญ่หลายๆคนก็มองว่ามันไร้สาระ เราแค่รู้ว่ามันไม่ไร้สาระก็พอแล้วใครจะคิดยังไงก็ปล่อยให้คิดไป เรามีแรงบันดาลใจ มีความฝันขึ้นมาก็เพราะการติ่ง มันคือความสุขเล็กๆน้อยๆของเราอ่ะ
#เราแค่อยากระบายบ้างมันอัดอั้นเล่าให้ใครฟังไม่ได้เรยเรารู้สึกนะว่าตัวเองเริ่มเงียบพูดน้อยลงและเราก็ไม่ค่อยพูดทั้งที่เมื่อก่อนนี่สายพูดเรยพูดจนเพื่อนรำคาญ