เห็นคนอื่นมาแชร์ประสบการณ์ที่เจอเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อมา ก็อยากมาเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยประสบพบเจอมาบ้าง
โดยปกติคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่มีสัมผัสพิเศษอะไรขนาดนั้น ไม่ได้เป็นคนมีองค์
ก่อนที่จะเห็นอะไรๆเหล่านี้ เป็นคนไม่ได้มีความคิดหรือจินตนาการถึงเรื่องรี้ลับอะไรๆเลย
จขกท เป็นเด็กบ้านนนอกที่อยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่อายุ 12 ขวบค่ะ คือตั้งแต่ขึ้น ม.1 เลย ด้วยปัญหาที่บ้าน ที่เราจะไม่กล่าวถึงในที่นี้นะคะ
เป็นเด็กบ้านนอก ที่ชอบไปวัด ไปตักบาตร ทำบุญ โดยเฉพาะที่บ้านนอกเราจะมี routine ที่พระท่านจะฉันท์ได้ 2 มื้อ คือมื้อเช้ากับมื้อก่อนเที่ยง ด้วยเพราะเราชอบฟังหลวงพ่อเทศน์ และรู้สึกว่าวัดมันเย็น ไปวัดแล้วรู้สึกสบายใจ สบายกาย ถ้าวันธรรมดาเราจะแค่ไปตักบาตรหน้าบ้าน ถ้าวันหยุดก็ไปทั้งเช้าและมื้อก่อนเที่ยง ยกเว้นถ้าเราต้องไปทำงานรับจ้าง รับจ๊อบนู่นนี่ เราก็จะได้แค่ตักบาตร เด็กบ้านนอกจะมีรับจ้างทำงานตามไร่ตามสวนค่ะ หรือไม่ก็รับจ้างซักเสื้อผ้า ทำงานบ้าน แล้วแต่วันใหนมีงานอะไรเข้ามา สมัยนู้นก็วันละ 80-100บาท เป็นค่าแรงเด็ก ยกเว้นว่าเป็นงานเหมา เราก็จะได้ค่าตอบแทนตามสัดส่วนงานที่เราทำได้
บ้านที่เราอยู่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงหลังเล็กๆค่ะ นึกภาพว่าบ้านเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสแล้วแบ่งกลาง เอาไม้มาทำเป็นผนังแบ่งตรงกลางนี้ เพื่อทำเป็นห้องนอน อีกฝั่งที่เปิดโล่งเป็นห้องนั่งเล่น นอนเล่น อะไรก็แล้วแต่ มีบันไปไม้พาดไว้เป็นทางขึ้นลง ห้องนอนเคยเป็น 2 ห้องค่ะ แต่พอพ่อกับแม่กับน้องไม่อยู่ เราก็ทำอีกห้องเป็นห้องเก็บเสื้อผ้า (walkin-closetหรูๆ สินะ ฮี่ๆ)
ประตูเป็นกลอนประตูแบบที่ถ้าเราอยู่ข้างนอก เราสามารถยื่นมือมาปลดล็อคกลอนประตูได้ค่าท่านผู้ชม ความปลอดภัยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะฉะนั้นเราเลยนอนด้วยความระแวง และเป็นคนที่ฝึกตัวเองให้ตื่นง่ายหลับง่าย เพื่อคอยระวัง (แต่ตอนนั้นทำไมนึกไม่ถึงเรื่องซ่อมประตูก็ไม่รู้ เหอๆ) เวลามีคนขึ้นบ้านแบบนี้ พื้นไม้มันจะลั่นค่ะ ไม่ว่าคุณจะเดินเบาเป็นตีนแมวขนาดใหน พื้นไม้มันก็ลั่น และบ้านมันโยกค่ะ เราจะรับรู้ถึงแรงสะเทือน และเราจะตื่นทุกครั้ง....คิดว่านะ 5555
และหลายๆครั้งที่เราตื่น เพราะเรารู้สึกถึงแรงโยกของบ้าน และเสียงพื้นไม้มันลั่น ตอนนั้นเราไม่ได้คิดเรื่องผีเลยนะคะ เป็นเด็กที่ไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เลย มัวแต่ยุ่งกับเรื่องเรียนและต้องทำงานทำมาหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เรากลัวพวกขโมย หรือพวกวัยรุ่น ขี้ยา จะแอบขึ้นมาปล้นจี้หรือมาทำมิดีมิร้ายกับเรามากกว่า
ทุกครั้ง (รึเปล่าไม่แน่ใจ) เราจะตื่น และเราสามารถแอบเปิดไฟและแอบมองลอดช่องผนังไม้ออกไปดูได้ค่ะ ว่ามีใครแอบปีนบันไดบ้านเราขึ้นมา มาเดินอยู่บนบ้านเรา คือบ้านมันเล็กขนาดนั้นแหละ
แรงแยกที่มากับเสียงพื้นไม้ลั่นเกิดขึ้นบ่อย แต่ทุกวันค่ะ แต่เราไม่เคยเจออะไรเลย เราจะไม่ได้ยินเสียงก็เฉพาะที่เวลามีเพื่อนเรามานอนเป็นเพื่อน บางทีเพื่อนผู้หญิง พอรู้ว่าเราอยู่บ้านคนเดียว ก็จะมาขอนอนเป็นเพื่อนค่ะ แต่ก็ไม่บ่อย เพราะพ่อแม่เค้าไม่มีใครกล้าให้ลูกมานอนบ้านที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่แถมดูอันตราย เราคิดว่าอาจจะเพราะเวลามีคนมานอนเป็นเพื่อน เราอุ่นใจ จนหลับสนิท เลยไม่ได้ยินเสียงไม้ลั่น หรือบ้านโยก
ทุกครั้งที่เราถูกปลุกให้ตื่น ด้วยแรงโยกของบ้านที่มาพร้อมกับเสียงพื้นไม่ลั่น เราจะแอบดู เพื่อที่จะได้รู้ว่าใครขึ้นมาวะ เพราะคนทุกๆคนในหมู่บ้าน รวมถึงหมู่บ้านข้างๆรู้จักกันหมด เราไม่เคยเห็นอะไรเลยค่ะ และซักพัก มันก็หยุดเอง คือลักษณะของแรงโยก เราจะเริ่มรู้สึกได้ ตั้งแต่มีคนขึ้นบันไดมาแล้วค่ะ แล้วตามมาด้วยเสียงพื้นไม้ลั่นตั้งแต่กระดานแรกติดกับบันได ไล่ๆมาเรื่อยๆจนถึงหน้าประตูห้องนอน เรารู้สึกได้ และได้ยินเสียงชัดเจนแบบเราตื่นขึ้นมาเลย แต่เราก็ไม่เห็นใครค่ะ ไม่เห็นคนหรืออะไร บางทีเป็นแมวค่ะ แมวบางตัวก็เท้าหนัก ไม้ลั่น บางตัวก็มีมารยาท เดินเท้าเบา แต่ร้องเมี๊ยวๆเสียงดังเชียว
บางทีเราก็กลัว บางทีเราก็ได้แต่คิดว่าธรรมชาติของบ้านไม้ ไม้มันบวมบ้างอะไรบ้าง เราเลยไม่ใส่ใจ เพราะขอแค่ไม่ใช่คนขึ้นบ้านมาทำอะไรเรา เราก็โอเคแล้ว
เวลานอน เราเป็นคนไม่ชอบนอนหงาย เพราะเวลามีอาการเหมือนผีอำ มันมักจุกหน้าอก หายใจติดขัด และดิ้นหลุดยากกว่าเวลานอนตะแคง เราเลยติดนิสัยนอนตะแคงกอดผ้าห่มหนาๆหรือหมอนข้างจนถึงทุกวันนี้
มีบางครั้ง เราสะดุ้งตื่น เพราะรู้สึกว่ามีคนมานอนกอดเราจากข้างหลัง แบบมันร้อนน่ะค่ะ เรารู้สึกได้ว่ามีแขนโอบพาดลำตัวเรามาข้างหน้า ตอนโดนครั้งแรกตกใจมาก เพราะคิดว่ามีคนขึ้นมาทำมิดีมิร้าย มาจนถึงห้องนอนแล้วเราไม่รู้ตัว เรากลัวมาก ใจเต้นแรง กลัวคนที่กอดเราจะรู้ว่าเรารู้ตัวแล้วและเราตื่นแล้ว คือเรารับรู้ถึงไออุ่นจากร่างที่กอดเราอยู่ ตั้งแต่หัว จรดเท้าเลยค่ะ รวมถึงแขนอุ่นๆที่พาดผ่านลำตัวเรา
เราเลยรวบรวมความกล้าจะใช้ศอกตัวเองกระทุ้งไอ้คนนี้ และเอามีดที่อยู่ใต้หมอนแทงมาแทงสวนไปด้วย วางแผนคร่าวๆในหัวเสร็จ เราก็ออกแรงกระทุ่งศอกเต็มที่มากค่ะ ....สรุปว่าเราเจอกับความว่างเปล่า เรางงมากๆ เรารู้ว่าเราตื่นารับรู้สัมผัสนั้นเต็มที่แล้ว..... แต่จริงๆแล้วมันกลับไม่มีใครเลย ... มันเกิดขึ้นสามสี่ครั้ง แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าที่ว่าเราอาจจะแค่ละเมอไปเอง และเราก้ไม่ได้เห็นอะไรๆกับตาด้วยล่ะค่ะ
บางครั้งเราเห็นแสงไฟ...ลูกไฟ...คือมันไม่ได้ลุกเป็นไฟแบบลุกไหม้น่ะค่ะ มันเหมือนดวงไฟกลมๆสว่างรอบดวง ลอยไปลอยมามากกว่า ออกสีฟ้าๆอ่อนๆ ใสๆ ปนขาวๆ ลอยอยู่ มีแค่นั้นนะคะ ไม่มีอะไรอย่างอื่น เราก็ได้แต่มองๆ คือเห็นที่หลังบ้าน หลังบ้านเราเป็นทุ่งนาค่ะ หน้าบ้านเราเป็นถนนเส้นหลักของชุมชน บ้านเราอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน หมู่บ้านเรามีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างตั้แต่สมัยหลายร้อยปีมาแล้วค่ะ มีคนบอกเราว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดูแลคุ้มครองหมู่บ้าน เราก็ได้แค่มอง แล้วก็ปล่อยผ่านไป
ต่อ.....
แบ่งปันประสบการณ์เจอผีบ้างค่ะ
โดยปกติคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่มีสัมผัสพิเศษอะไรขนาดนั้น ไม่ได้เป็นคนมีองค์
ก่อนที่จะเห็นอะไรๆเหล่านี้ เป็นคนไม่ได้มีความคิดหรือจินตนาการถึงเรื่องรี้ลับอะไรๆเลย
จขกท เป็นเด็กบ้านนนอกที่อยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่อายุ 12 ขวบค่ะ คือตั้งแต่ขึ้น ม.1 เลย ด้วยปัญหาที่บ้าน ที่เราจะไม่กล่าวถึงในที่นี้นะคะ
เป็นเด็กบ้านนอก ที่ชอบไปวัด ไปตักบาตร ทำบุญ โดยเฉพาะที่บ้านนอกเราจะมี routine ที่พระท่านจะฉันท์ได้ 2 มื้อ คือมื้อเช้ากับมื้อก่อนเที่ยง ด้วยเพราะเราชอบฟังหลวงพ่อเทศน์ และรู้สึกว่าวัดมันเย็น ไปวัดแล้วรู้สึกสบายใจ สบายกาย ถ้าวันธรรมดาเราจะแค่ไปตักบาตรหน้าบ้าน ถ้าวันหยุดก็ไปทั้งเช้าและมื้อก่อนเที่ยง ยกเว้นถ้าเราต้องไปทำงานรับจ้าง รับจ๊อบนู่นนี่ เราก็จะได้แค่ตักบาตร เด็กบ้านนอกจะมีรับจ้างทำงานตามไร่ตามสวนค่ะ หรือไม่ก็รับจ้างซักเสื้อผ้า ทำงานบ้าน แล้วแต่วันใหนมีงานอะไรเข้ามา สมัยนู้นก็วันละ 80-100บาท เป็นค่าแรงเด็ก ยกเว้นว่าเป็นงานเหมา เราก็จะได้ค่าตอบแทนตามสัดส่วนงานที่เราทำได้
บ้านที่เราอยู่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงหลังเล็กๆค่ะ นึกภาพว่าบ้านเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสแล้วแบ่งกลาง เอาไม้มาทำเป็นผนังแบ่งตรงกลางนี้ เพื่อทำเป็นห้องนอน อีกฝั่งที่เปิดโล่งเป็นห้องนั่งเล่น นอนเล่น อะไรก็แล้วแต่ มีบันไปไม้พาดไว้เป็นทางขึ้นลง ห้องนอนเคยเป็น 2 ห้องค่ะ แต่พอพ่อกับแม่กับน้องไม่อยู่ เราก็ทำอีกห้องเป็นห้องเก็บเสื้อผ้า (walkin-closetหรูๆ สินะ ฮี่ๆ)
ประตูเป็นกลอนประตูแบบที่ถ้าเราอยู่ข้างนอก เราสามารถยื่นมือมาปลดล็อคกลอนประตูได้ค่าท่านผู้ชม ความปลอดภัยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะฉะนั้นเราเลยนอนด้วยความระแวง และเป็นคนที่ฝึกตัวเองให้ตื่นง่ายหลับง่าย เพื่อคอยระวัง (แต่ตอนนั้นทำไมนึกไม่ถึงเรื่องซ่อมประตูก็ไม่รู้ เหอๆ) เวลามีคนขึ้นบ้านแบบนี้ พื้นไม้มันจะลั่นค่ะ ไม่ว่าคุณจะเดินเบาเป็นตีนแมวขนาดใหน พื้นไม้มันก็ลั่น และบ้านมันโยกค่ะ เราจะรับรู้ถึงแรงสะเทือน และเราจะตื่นทุกครั้ง....คิดว่านะ 5555
และหลายๆครั้งที่เราตื่น เพราะเรารู้สึกถึงแรงโยกของบ้าน และเสียงพื้นไม้มันลั่น ตอนนั้นเราไม่ได้คิดเรื่องผีเลยนะคะ เป็นเด็กที่ไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เลย มัวแต่ยุ่งกับเรื่องเรียนและต้องทำงานทำมาหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เรากลัวพวกขโมย หรือพวกวัยรุ่น ขี้ยา จะแอบขึ้นมาปล้นจี้หรือมาทำมิดีมิร้ายกับเรามากกว่า
ทุกครั้ง (รึเปล่าไม่แน่ใจ) เราจะตื่น และเราสามารถแอบเปิดไฟและแอบมองลอดช่องผนังไม้ออกไปดูได้ค่ะ ว่ามีใครแอบปีนบันไดบ้านเราขึ้นมา มาเดินอยู่บนบ้านเรา คือบ้านมันเล็กขนาดนั้นแหละ
แรงแยกที่มากับเสียงพื้นไม้ลั่นเกิดขึ้นบ่อย แต่ทุกวันค่ะ แต่เราไม่เคยเจออะไรเลย เราจะไม่ได้ยินเสียงก็เฉพาะที่เวลามีเพื่อนเรามานอนเป็นเพื่อน บางทีเพื่อนผู้หญิง พอรู้ว่าเราอยู่บ้านคนเดียว ก็จะมาขอนอนเป็นเพื่อนค่ะ แต่ก็ไม่บ่อย เพราะพ่อแม่เค้าไม่มีใครกล้าให้ลูกมานอนบ้านที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่แถมดูอันตราย เราคิดว่าอาจจะเพราะเวลามีคนมานอนเป็นเพื่อน เราอุ่นใจ จนหลับสนิท เลยไม่ได้ยินเสียงไม้ลั่น หรือบ้านโยก
ทุกครั้งที่เราถูกปลุกให้ตื่น ด้วยแรงโยกของบ้านที่มาพร้อมกับเสียงพื้นไม่ลั่น เราจะแอบดู เพื่อที่จะได้รู้ว่าใครขึ้นมาวะ เพราะคนทุกๆคนในหมู่บ้าน รวมถึงหมู่บ้านข้างๆรู้จักกันหมด เราไม่เคยเห็นอะไรเลยค่ะ และซักพัก มันก็หยุดเอง คือลักษณะของแรงโยก เราจะเริ่มรู้สึกได้ ตั้งแต่มีคนขึ้นบันไดมาแล้วค่ะ แล้วตามมาด้วยเสียงพื้นไม้ลั่นตั้งแต่กระดานแรกติดกับบันได ไล่ๆมาเรื่อยๆจนถึงหน้าประตูห้องนอน เรารู้สึกได้ และได้ยินเสียงชัดเจนแบบเราตื่นขึ้นมาเลย แต่เราก็ไม่เห็นใครค่ะ ไม่เห็นคนหรืออะไร บางทีเป็นแมวค่ะ แมวบางตัวก็เท้าหนัก ไม้ลั่น บางตัวก็มีมารยาท เดินเท้าเบา แต่ร้องเมี๊ยวๆเสียงดังเชียว
บางทีเราก็กลัว บางทีเราก็ได้แต่คิดว่าธรรมชาติของบ้านไม้ ไม้มันบวมบ้างอะไรบ้าง เราเลยไม่ใส่ใจ เพราะขอแค่ไม่ใช่คนขึ้นบ้านมาทำอะไรเรา เราก็โอเคแล้ว
เวลานอน เราเป็นคนไม่ชอบนอนหงาย เพราะเวลามีอาการเหมือนผีอำ มันมักจุกหน้าอก หายใจติดขัด และดิ้นหลุดยากกว่าเวลานอนตะแคง เราเลยติดนิสัยนอนตะแคงกอดผ้าห่มหนาๆหรือหมอนข้างจนถึงทุกวันนี้
มีบางครั้ง เราสะดุ้งตื่น เพราะรู้สึกว่ามีคนมานอนกอดเราจากข้างหลัง แบบมันร้อนน่ะค่ะ เรารู้สึกได้ว่ามีแขนโอบพาดลำตัวเรามาข้างหน้า ตอนโดนครั้งแรกตกใจมาก เพราะคิดว่ามีคนขึ้นมาทำมิดีมิร้าย มาจนถึงห้องนอนแล้วเราไม่รู้ตัว เรากลัวมาก ใจเต้นแรง กลัวคนที่กอดเราจะรู้ว่าเรารู้ตัวแล้วและเราตื่นแล้ว คือเรารับรู้ถึงไออุ่นจากร่างที่กอดเราอยู่ ตั้งแต่หัว จรดเท้าเลยค่ะ รวมถึงแขนอุ่นๆที่พาดผ่านลำตัวเรา
เราเลยรวบรวมความกล้าจะใช้ศอกตัวเองกระทุ้งไอ้คนนี้ และเอามีดที่อยู่ใต้หมอนแทงมาแทงสวนไปด้วย วางแผนคร่าวๆในหัวเสร็จ เราก็ออกแรงกระทุ่งศอกเต็มที่มากค่ะ ....สรุปว่าเราเจอกับความว่างเปล่า เรางงมากๆ เรารู้ว่าเราตื่นารับรู้สัมผัสนั้นเต็มที่แล้ว..... แต่จริงๆแล้วมันกลับไม่มีใครเลย ... มันเกิดขึ้นสามสี่ครั้ง แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าที่ว่าเราอาจจะแค่ละเมอไปเอง และเราก้ไม่ได้เห็นอะไรๆกับตาด้วยล่ะค่ะ
บางครั้งเราเห็นแสงไฟ...ลูกไฟ...คือมันไม่ได้ลุกเป็นไฟแบบลุกไหม้น่ะค่ะ มันเหมือนดวงไฟกลมๆสว่างรอบดวง ลอยไปลอยมามากกว่า ออกสีฟ้าๆอ่อนๆ ใสๆ ปนขาวๆ ลอยอยู่ มีแค่นั้นนะคะ ไม่มีอะไรอย่างอื่น เราก็ได้แต่มองๆ คือเห็นที่หลังบ้าน หลังบ้านเราเป็นทุ่งนาค่ะ หน้าบ้านเราเป็นถนนเส้นหลักของชุมชน บ้านเราอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน หมู่บ้านเรามีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างตั้แต่สมัยหลายร้อยปีมาแล้วค่ะ มีคนบอกเราว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดูแลคุ้มครองหมู่บ้าน เราก็ได้แค่มอง แล้วก็ปล่อยผ่านไป
ต่อ.....