Netflix ส่งอีเมล์แจ้งไปยังผู้ใช้งานในสหรัฐ เตรียมปรับราคาขึ้นทุกแพ็คเกจ 1-2 เหรียญ ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนมกราคม เพื่อช่วยเพิ่มทุนสร้างคอนเทนท์ภาพยนต์และซีรีส์ Netflix โดยตรงมากขึ้น
โดยค่าบริการแบบพื้นฐานจาก 8 เหรียญ เป็น 9 เหรียญ (จาก 272 บาท เป็น 306 บาท) แบบ HD ดูได้สองเครื่องพร้อมกันที่ 11 เหรียญ เป็น 13 เหรียญ (จาก 374 บาท เป็น 442บาท) และแบบพรีเมียมจาก 14 เหรียญ เป็น 16 เหรียญ (จาก 476 บาท เป็น 544 บาท) ซึ่งอัตราค่าบริการของไทยก็ใกล้เคียงอเมริกา (แต่หนังมีน้อยกว่า) คาดว่าก็คงปรับขึ้นในเรตเดียวกันแน่นอน
จากการสำรวจพบว่าผู้ที่ใช้บริการ Netflix ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาในเรื่องของค่าบริการที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และยินดีจ่ายเงินเพื่อใช้บริการกับพวกเขาต่อไปเช่นเดิม รวมถึงในไทยด้วยที่มักจะใช้หาร 4 กับแพ็คเกจพรีเมียม ก็จะเพิ่มขึ้น 30 กว่าบาทเท่านั้น (ตกวันละบาทกว่าถ้าคิดจากราคา 544 บาทเท่ากับของอเมริกา) แต่ Netflix คงต้องคำนึงถึงว่าในปีนี้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมากมาย ที่อาจจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาลดลงมา อย่างดิสนีย์ หรือแม้แต่ Apple TV+ (อ่านบทความวิเคราะห์บริการใหม่ของ Apple ได้ที่นี่) ที่พึ่งประกาศไปไม่นานนี้ (ราคายังไม่กำหนด) รวมไปถึงเจ้าเดิมอย่าง Hulu และ Amazon Prime ที่ยังคงกินส่วนแบ่งตลาดสตรีมมิ่งนี้แข่งกับเน็ตฟลิกอยู่ทั่วโลกด้วยเช่นกัน
ดู Netflix เตรียมจ่ายเพิ่ม เลขาธิการ กสทช. เสนอรัฐเก็บรายได้เพิ่มตามปริมาณข้อมูล
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ได้ไปพูดปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 5G ปลุกไทยที่ 1 อาเซียน ที่อาคารมหิตลาธิเบศร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ข้อเสนอเรื่องการหารายได้แบบใหม่จากบริการ OTT (ธุจกิจที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อรับชมทั้งหลาย)
เมื่อ 5G เกิดขึ้น มีการคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณการใช้งานดาต้าเพิ่มมากขึ้นถึงประมาณ 40 เท่า ของการใช้งานในระบบ 3G และ 4G ซึ่งในปัจจุบันพบว่าการใช้งานของดาต้า 3G และ 4G เฉลี่ย ของปี 2561 มีการใช้งานดาต้าประมาณ 6 ล้านเทราไบต์ต่อปี ประเด็นที่ท้าทายคือ รัฐจะดําเนินการอย่างไรถึงจะจัด เก็บเงินรายได้จากการใช้งานดังกล่าว
ผมจึงเสนอหลักการว่า หากรัฐจะจัดเก็บเงินรายได้จากการใช้งานปริมาณทราฟฟิกที่นําเข้ามาใช้งานเพราะถือว่าเป็นการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของประเทศ ซึ่งต้องมีการพัฒนาและบํารุงรักษาอยู่ตลอดเวลา หลักการดังกล่าวคือ กสทช. จะให้ผู้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ ระหว่างประเทศจัดทํารายละเอียดของการใช้งานทราฟฟิกที่นําเข้าจากต่างประเทศว่ามีปริมาณหรือจํานวนเท่าใด ทั้งนี้สํานักงาน กสทช. จะยกร่างหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการใช้งานทราฟฟิกที่นํามาใช้งานในประเทศ ใน ระดับใดหรือจํานวนเท่าใดที่จะใช้งานได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ขนาดหรือจํานวนเท่าใดถึงจะกําหนดว่าเป็น ประเภทธุรกิจ ซึ่งในกรณีที่เป็นธุรกิจที่จะต้องกําหนดต่อไปว่าเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ กสทช. จะกําหนดให้ผู้ที่นําเข้าทราฟฟิกในปริมาณมากจะต้องมาจ่ายค่าใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ของประเทศ ทั้งนี้จะต้องไม่ส่งผลกระทบกับประชาชน แต่ในทางตรงกันข้ามจะส่งผลดีต่อรายได้ของประเทศ ในภาพรวมต่อไป
https://www.playinone.com/folkplay/netflix-price-up/
เรื่อง กสทช.ถ้าเป็นตามนี้จริงอ่วมแน่นอนครับ
ฮั่นแน่! Netflix ปรับราคา เลขาธิการ กสทช. เสนอรัฐเก็บรายได้สตรีมมิ่งตามปริมาณข้อมูล!
โดยค่าบริการแบบพื้นฐานจาก 8 เหรียญ เป็น 9 เหรียญ (จาก 272 บาท เป็น 306 บาท) แบบ HD ดูได้สองเครื่องพร้อมกันที่ 11 เหรียญ เป็น 13 เหรียญ (จาก 374 บาท เป็น 442บาท) และแบบพรีเมียมจาก 14 เหรียญ เป็น 16 เหรียญ (จาก 476 บาท เป็น 544 บาท) ซึ่งอัตราค่าบริการของไทยก็ใกล้เคียงอเมริกา (แต่หนังมีน้อยกว่า) คาดว่าก็คงปรับขึ้นในเรตเดียวกันแน่นอน
จากการสำรวจพบว่าผู้ที่ใช้บริการ Netflix ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาในเรื่องของค่าบริการที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และยินดีจ่ายเงินเพื่อใช้บริการกับพวกเขาต่อไปเช่นเดิม รวมถึงในไทยด้วยที่มักจะใช้หาร 4 กับแพ็คเกจพรีเมียม ก็จะเพิ่มขึ้น 30 กว่าบาทเท่านั้น (ตกวันละบาทกว่าถ้าคิดจากราคา 544 บาทเท่ากับของอเมริกา) แต่ Netflix คงต้องคำนึงถึงว่าในปีนี้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมากมาย ที่อาจจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาลดลงมา อย่างดิสนีย์ หรือแม้แต่ Apple TV+ (อ่านบทความวิเคราะห์บริการใหม่ของ Apple ได้ที่นี่) ที่พึ่งประกาศไปไม่นานนี้ (ราคายังไม่กำหนด) รวมไปถึงเจ้าเดิมอย่าง Hulu และ Amazon Prime ที่ยังคงกินส่วนแบ่งตลาดสตรีมมิ่งนี้แข่งกับเน็ตฟลิกอยู่ทั่วโลกด้วยเช่นกัน
ดู Netflix เตรียมจ่ายเพิ่ม เลขาธิการ กสทช. เสนอรัฐเก็บรายได้เพิ่มตามปริมาณข้อมูล
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ได้ไปพูดปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 5G ปลุกไทยที่ 1 อาเซียน ที่อาคารมหิตลาธิเบศร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ข้อเสนอเรื่องการหารายได้แบบใหม่จากบริการ OTT (ธุจกิจที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อรับชมทั้งหลาย)
เมื่อ 5G เกิดขึ้น มีการคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณการใช้งานดาต้าเพิ่มมากขึ้นถึงประมาณ 40 เท่า ของการใช้งานในระบบ 3G และ 4G ซึ่งในปัจจุบันพบว่าการใช้งานของดาต้า 3G และ 4G เฉลี่ย ของปี 2561 มีการใช้งานดาต้าประมาณ 6 ล้านเทราไบต์ต่อปี ประเด็นที่ท้าทายคือ รัฐจะดําเนินการอย่างไรถึงจะจัด เก็บเงินรายได้จากการใช้งานดังกล่าว ผมจึงเสนอหลักการว่า หากรัฐจะจัดเก็บเงินรายได้จากการใช้งานปริมาณทราฟฟิกที่นําเข้ามาใช้งานเพราะถือว่าเป็นการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของประเทศ ซึ่งต้องมีการพัฒนาและบํารุงรักษาอยู่ตลอดเวลา หลักการดังกล่าวคือ กสทช. จะให้ผู้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ ระหว่างประเทศจัดทํารายละเอียดของการใช้งานทราฟฟิกที่นําเข้าจากต่างประเทศว่ามีปริมาณหรือจํานวนเท่าใด ทั้งนี้สํานักงาน กสทช. จะยกร่างหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการใช้งานทราฟฟิกที่นํามาใช้งานในประเทศ ใน ระดับใดหรือจํานวนเท่าใดที่จะใช้งานได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ขนาดหรือจํานวนเท่าใดถึงจะกําหนดว่าเป็น ประเภทธุรกิจ ซึ่งในกรณีที่เป็นธุรกิจที่จะต้องกําหนดต่อไปว่าเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ กสทช. จะกําหนดให้ผู้ที่นําเข้าทราฟฟิกในปริมาณมากจะต้องมาจ่ายค่าใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ของประเทศ ทั้งนี้จะต้องไม่ส่งผลกระทบกับประชาชน แต่ในทางตรงกันข้ามจะส่งผลดีต่อรายได้ของประเทศ ในภาพรวมต่อไป
https://www.playinone.com/folkplay/netflix-price-up/
เรื่อง กสทช.ถ้าเป็นตามนี้จริงอ่วมแน่นอนครับ