หนังมีน้อยโรงมากจริงๆ ดีนะที่มีโรงฉายแถวบ้าน เป็นหนังที่อยากจะดูให้ได้ในเดือนเมษานี้
เรื่องราวของ มิยูกิ ฮิราอิ (อายามิ นากะโจ) หญิงสาวร่างกายอ่อนแอ ที่ได้รับข่าวร้ายว่าตัวเองจะมีชีวิตเหลืออยู่ได้อีกแค่ 1 ปี เธอใฝ่ฝันที่จะไปเห็นแสงเหนือที่ฟินแลนด์สักครั้งก่อนตาย แต่ก็ไม่แข็งแรงพอที่จะไปด้วยตัวเองสักที จนกระทั่งได้พบกับ ยูสุเกะ วาตาบิกิ (ฮิโรโอมิ โทซากะ) ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ใฝ่ฝันว่าจะไปเรียนการเป่าแก้วที่ฟินแลนด์ เธอจึงจ้างเขาด้วยเงินหนึ่งล้านเยนเพื่อเป็นแฟนกันหนึ่งเดือนและให้เขาพาเธอไปดูแสงเหนือด้วยกัน การเดินทางครั้งนั้นก่อให้เกิดความผูกพันที่ปวดร้าวและจะจดจำไปชั่วชีวิต
ตอนแรกที่ดูตัวอย่างรู้สึกว่าหนังมันจะเป็นแนวรักเศร้าๆของสองคนนี้ แต่พอไปดูจริงๆถึงกับต้องตบหัวเข่าแล้วก็พูดกับตัวเองในใจว่า ปัดโถ้วววววววววว
โทนหนังจะออกไปแนวน่ารักกุ๊งกิ๊งระหว่าง มิยูกิและยูสุเกะมากกว่าดราม่าอีก ซึ่งมันก็ดีแหละถ้ามองในแง่หนังรักๆ แต่ผมว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับการที่โปรโมทมาซะออกแนวหนังดราม่าเลย ดราม่าต่างๆก็จะหยอดมาช่วงแรกๆ แล้วก็ค่อยๆหยอดไปทีละนิดระหว่างเรื่อง และเทหมดตอนช่วงท้ายๆ
.
ในส่วนความสัมพันธ์ของมิยูกิและยูสุเกะ มันค่อนข้างจะแบนไปหน่อย มันไม่มีน้ำหนักพอว่า ทำไมมิยูถึงเรียกยูสึเกะ? และทำไมอยู๋ๆถึงเริ่มชอบขึ้นมากันได้ อันนี้ผมว่าบทมันยังไม่ดีพอในการให้เหตุผลตรงนี้ ทำให้ตอนช่วงท้ายๆระดับความอินมันลดไปในระดับนึง บทตรงนี้ผมว่ายังไม่แข็งแรงพอครับ
.
แต่ถึงอย่างไรหนังก็อุดรอยรั่วนั้นด้วยบทรักสุดหวาน ที่แทงทะลุไปถึงก้นหัวใจ จนแทบจะต้องจิกเบาะเลยทีเดียว ตอนดูนี่ผมกัดผ้าเช็ดหน้าจนมันแทบจะขาดเลย เพราะมันดูไปเขินไปจริงๆ จนอยากตะโกนว่า อีตาบร้าาาาาาาาาาาาาาาาาา
.
ในส่วนของงานภาพและโปรดักชั่นนั้นทำมาได้ดีมากๆ วิวที่ฟินแลนด์ทำออกมาได้ดี ทำสีภาพออกมาได้สวย อันนี้อยากจะชื่นชมจริงๆ หนังรักถ้าภาพสวยมันช่วยได้ดีในระดับนึงเลยจริงๆนะ
สรุปคะแนน 8/10
ถึงจะเป็นหนังที่ผิดหวังในเรื่องดราม่า เพราะเล่นโปรโมทมาซะว่าเป็นหนังรักดราม่า แต่ก็สามารถอุดรอบรั่วตรงนั้นได้ด้วยบทรักหวานๆที่ทำให้เราเขินตัวบิดตามๆไปกันได้ จริงๆดราม่าก็ไม่ได้แย่นักแต่ก็น่าจะทำมาได้ดีกว่านี้ อีกทั้งงานภาพก็ดีมากจริงๆ
[CR] [REVIEW] Snow flower หนังรักญี่ปุ่นที่ดูท่าทางจะเศร้าจับใจ แต่ดันเป็นหวานกุ๊กกิ๊กซะงั้น! 8/10
เรื่องราวของ มิยูกิ ฮิราอิ (อายามิ นากะโจ) หญิงสาวร่างกายอ่อนแอ ที่ได้รับข่าวร้ายว่าตัวเองจะมีชีวิตเหลืออยู่ได้อีกแค่ 1 ปี เธอใฝ่ฝันที่จะไปเห็นแสงเหนือที่ฟินแลนด์สักครั้งก่อนตาย แต่ก็ไม่แข็งแรงพอที่จะไปด้วยตัวเองสักที จนกระทั่งได้พบกับ ยูสุเกะ วาตาบิกิ (ฮิโรโอมิ โทซากะ) ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ใฝ่ฝันว่าจะไปเรียนการเป่าแก้วที่ฟินแลนด์ เธอจึงจ้างเขาด้วยเงินหนึ่งล้านเยนเพื่อเป็นแฟนกันหนึ่งเดือนและให้เขาพาเธอไปดูแสงเหนือด้วยกัน การเดินทางครั้งนั้นก่อให้เกิดความผูกพันที่ปวดร้าวและจะจดจำไปชั่วชีวิต
ตอนแรกที่ดูตัวอย่างรู้สึกว่าหนังมันจะเป็นแนวรักเศร้าๆของสองคนนี้ แต่พอไปดูจริงๆถึงกับต้องตบหัวเข่าแล้วก็พูดกับตัวเองในใจว่า ปัดโถ้วววววววววว
โทนหนังจะออกไปแนวน่ารักกุ๊งกิ๊งระหว่าง มิยูกิและยูสุเกะมากกว่าดราม่าอีก ซึ่งมันก็ดีแหละถ้ามองในแง่หนังรักๆ แต่ผมว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับการที่โปรโมทมาซะออกแนวหนังดราม่าเลย ดราม่าต่างๆก็จะหยอดมาช่วงแรกๆ แล้วก็ค่อยๆหยอดไปทีละนิดระหว่างเรื่อง และเทหมดตอนช่วงท้ายๆ
.
ในส่วนความสัมพันธ์ของมิยูกิและยูสุเกะ มันค่อนข้างจะแบนไปหน่อย มันไม่มีน้ำหนักพอว่า ทำไมมิยูถึงเรียกยูสึเกะ? และทำไมอยู๋ๆถึงเริ่มชอบขึ้นมากันได้ อันนี้ผมว่าบทมันยังไม่ดีพอในการให้เหตุผลตรงนี้ ทำให้ตอนช่วงท้ายๆระดับความอินมันลดไปในระดับนึง บทตรงนี้ผมว่ายังไม่แข็งแรงพอครับ
.
แต่ถึงอย่างไรหนังก็อุดรอยรั่วนั้นด้วยบทรักสุดหวาน ที่แทงทะลุไปถึงก้นหัวใจ จนแทบจะต้องจิกเบาะเลยทีเดียว ตอนดูนี่ผมกัดผ้าเช็ดหน้าจนมันแทบจะขาดเลย เพราะมันดูไปเขินไปจริงๆ จนอยากตะโกนว่า อีตาบร้าาาาาาาาาาาาาาาาาา
.
ในส่วนของงานภาพและโปรดักชั่นนั้นทำมาได้ดีมากๆ วิวที่ฟินแลนด์ทำออกมาได้ดี ทำสีภาพออกมาได้สวย อันนี้อยากจะชื่นชมจริงๆ หนังรักถ้าภาพสวยมันช่วยได้ดีในระดับนึงเลยจริงๆนะ
สรุปคะแนน 8/10
ถึงจะเป็นหนังที่ผิดหวังในเรื่องดราม่า เพราะเล่นโปรโมทมาซะว่าเป็นหนังรักดราม่า แต่ก็สามารถอุดรอบรั่วตรงนั้นได้ด้วยบทรักหวานๆที่ทำให้เราเขินตัวบิดตามๆไปกันได้ จริงๆดราม่าก็ไม่ได้แย่นักแต่ก็น่าจะทำมาได้ดีกว่านี้ อีกทั้งงานภาพก็ดีมากจริงๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้