วันจันทร์ที่ 1 เมษายน 21:09 (เวลาโซนยุโรป)
สวัสดีค่ะ
กระทู้นี้จะยาวมากๆเลยนะคะ เราจำเป็นต้องเล่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ จุดประสงค์คืออยากได้คำปรึกษา, อยากให้คนได้รับรู้เรื่องราวของเรา เผื่อวันใดวันนึงเราไม่อยู่แล้ว เป็นต้น
เราไม่รู้จะใช้คำพูดอย่างไรดี เราคิดอยากตั้งกระทู้มาหลายปีแล้ว แต่ก็ได้แค่คิด เพราะเวลาผ่านไป เราก็โอเคขึ้น เราก็คิดว่า คงไม่มีอะไรแย่ๆแล้ว
เราไม่รู้จะเริ่มพิมพ์กระทู้นี้ยังไงดี ถ้าผิดพลาดยังไงเราขอโทษไว้ก่อนนะคะ
สมมติว่าเราชื่อ M อายุ 16ปี ย่าง 17
เราเกิดที่จังหวัดในภาคอีสาน แต่ม.ปลายเราเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงพอสมควร เราเรียนสายภาษาค่ะ ภาษาตะวันตก ตอนนี้เดินทางมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ Rotary จากภาคอีสานค่ะ ตอนนี้อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศสทางตอนเหนือค่ะ ไม่ไกลจากปารีส
พื้นเพครอบครัวเรา มันพูดว่า รวย ไม่ได้ จะบอกว่าจนก็ไม่เชิง เหมือนแค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆได้มากกว่าค่ะ
ชีวิตตอนประถม - ม.ต้น
ตอนประถม เราไม่รู้เรียกว่ามีเพื่อนได้ไหม เราเป็นเด็กห้าว เหมือนจะเป็นทอมตัดสั้นตลอด เรียนอยู่โรงเรียนประจำจังหวัด เรามีชื่อเสียงพอสมควรในเรื่องของการเป็นเด็กไม่มีสัมมาคารวะ ห้าว และพูดมาก
ที่สำคัญคือ 'เก่งภาษาอังกฤษ'
ตอนป.2 เรารักในภาษาอังกฤษมาก สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ สปีคได้ดีเยี่ยม อ่านออก แปลออกแทบทุกคำ(สำหรับศัพท์เบื้องต้น) มันเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆของเราและครอบครัว
แต่แล้วยังไงล่ะ
เราเก่งภาษาอังกฤษก็จริง เราได้ไปแข่งขันแทบทุกช่วงชั้น อย่าง spelling bee และอะไรอีก เราจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญอย่างแรกคือ เราเป็นคน 'ขี้เกียจ'
เราไม่เคยที่จะใฝ่หาความรู้ เรามีโอกาสมากกว่าใครเขาตลอด แต่เราไม่เคยขยันเลย ทั้งตอนซ้อมไปแข่ง ทั้งการเรียนในห้องเรียน เราแค่ทำมันส่งๆไปก็เท่านั้น
"เราโง่คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์"
ใช่ค่ะ ปัญหาที่แท้จริง แต่เคยคิดที่จะขยันมั้ย ก็ไม่ เพราะเราคิดว่า ก็เก่งภาษาไปแล้ว จะไปสนใจทำไมวะกับอีแค่นั้น
เราเอ็นจอยกับชีวิตวัยเด็กเรานะ มีเพื่อนพอประปราย ห้าวๆ ถีบผู้ชายตกเก้าอี้ เพื่อนผู้หญิงพอมีบ้าง แต่ไม่มีใครเอาเราเข้ากลุ่มเลย แม่กรพทั่งผู้ชาย (เท่าที่จำความได้)
พ่อและแม่ของเราทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ในธนาคารเดียวกัน พ่อและแม่ของเรานั้นมีชื่อเสียงพอสมควร (ในจังหวัด) เราจำไม่ได้แบ้วว่าในช่วงเวลานั้นพ่อแม่อยู่ในตำแหน่งอะไร เรามีหนี้บ้างพอประปราย พ่อรักในการทำสวน พอมีเวลาว่างจากการทำงานพ่อจะทำสวยบ้าง ทำฟาร์มบ้าง
เรามีพี่สาว1คน ตอนเราอยู่ประถม พี่เราเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมชื่อดังด้านวิทยาศาสตร์ จังหวัดมุกดาหาร เราไม่รู้ว่าพี่สาวเราเรียกว่าเรียนเก่งหรือไม่ แต่การได้อยู่ในโรงเรียนนั้น ถือว่าเป็นเด็กที่หัวดีพอสมควร เป็นโรงเรียนในฝันของเด็กจังหวัดเราอย่างมาก
จุดพลิกผันครอบครัว
(ไม่ถือว่าพลิกผันซะทีเดียว ปัจจุบันทุกคนยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม พ่อแม่ไม่ได้หย่าร้างกัน)
เท่าที่จำความได้ พ่อได้เข้าไปประชุมอะไรสักอย่างที่กรุงเทพ และพ่อได้ขึ้นรถเมล์สักสาย พ่อได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอได้ชวนพ่อมาเป็นดาวน์ไลน์ของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม (ยนซต) โดยมี่พ่อไม่ได้มีความรู้แม้แต่นิดเดียว พ่อเริ่มบ้างาน เอาการขายผลิตภัณฑ์ มาเป็นงานหลัก พอๆกับการทำงานในธนาคาร โดยฝันว่าบ้านเราจะรวยสักวัน โดยไม่ใช่จากการเป็นพนักงานรัฐวิสหากิจ แต่จากการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโง่ๆนี่ ส่วนแม่ก็พยายามทำงานเหมือนเดิมต่อไป เก็บเงินออมทรัพย์ไว้ให้เยอะที่สุด ถ้ามีตังเหลือก็พยายามซื้อทองเก็บไว้ เพราะอนาคตไม่มีอะไรแน่นอน
ไม่อยากยอมรับว่าตัวเอง'ป่วย'เลยค่ะ มันตันไปหมดแล้ว
สวัสดีค่ะ
กระทู้นี้จะยาวมากๆเลยนะคะ เราจำเป็นต้องเล่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ จุดประสงค์คืออยากได้คำปรึกษา, อยากให้คนได้รับรู้เรื่องราวของเรา เผื่อวันใดวันนึงเราไม่อยู่แล้ว เป็นต้น
เราไม่รู้จะใช้คำพูดอย่างไรดี เราคิดอยากตั้งกระทู้มาหลายปีแล้ว แต่ก็ได้แค่คิด เพราะเวลาผ่านไป เราก็โอเคขึ้น เราก็คิดว่า คงไม่มีอะไรแย่ๆแล้ว
เราไม่รู้จะเริ่มพิมพ์กระทู้นี้ยังไงดี ถ้าผิดพลาดยังไงเราขอโทษไว้ก่อนนะคะ
สมมติว่าเราชื่อ M อายุ 16ปี ย่าง 17
เราเกิดที่จังหวัดในภาคอีสาน แต่ม.ปลายเราเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงพอสมควร เราเรียนสายภาษาค่ะ ภาษาตะวันตก ตอนนี้เดินทางมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ Rotary จากภาคอีสานค่ะ ตอนนี้อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศสทางตอนเหนือค่ะ ไม่ไกลจากปารีส
พื้นเพครอบครัวเรา มันพูดว่า รวย ไม่ได้ จะบอกว่าจนก็ไม่เชิง เหมือนแค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆได้มากกว่าค่ะ
ชีวิตตอนประถม - ม.ต้น
ตอนประถม เราไม่รู้เรียกว่ามีเพื่อนได้ไหม เราเป็นเด็กห้าว เหมือนจะเป็นทอมตัดสั้นตลอด เรียนอยู่โรงเรียนประจำจังหวัด เรามีชื่อเสียงพอสมควรในเรื่องของการเป็นเด็กไม่มีสัมมาคารวะ ห้าว และพูดมาก
ที่สำคัญคือ 'เก่งภาษาอังกฤษ'
ตอนป.2 เรารักในภาษาอังกฤษมาก สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ สปีคได้ดีเยี่ยม อ่านออก แปลออกแทบทุกคำ(สำหรับศัพท์เบื้องต้น) มันเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆของเราและครอบครัว
แต่แล้วยังไงล่ะ
เราเก่งภาษาอังกฤษก็จริง เราได้ไปแข่งขันแทบทุกช่วงชั้น อย่าง spelling bee และอะไรอีก เราจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญอย่างแรกคือ เราเป็นคน 'ขี้เกียจ'
เราไม่เคยที่จะใฝ่หาความรู้ เรามีโอกาสมากกว่าใครเขาตลอด แต่เราไม่เคยขยันเลย ทั้งตอนซ้อมไปแข่ง ทั้งการเรียนในห้องเรียน เราแค่ทำมันส่งๆไปก็เท่านั้น
"เราโง่คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์"
ใช่ค่ะ ปัญหาที่แท้จริง แต่เคยคิดที่จะขยันมั้ย ก็ไม่ เพราะเราคิดว่า ก็เก่งภาษาไปแล้ว จะไปสนใจทำไมวะกับอีแค่นั้น
เราเอ็นจอยกับชีวิตวัยเด็กเรานะ มีเพื่อนพอประปราย ห้าวๆ ถีบผู้ชายตกเก้าอี้ เพื่อนผู้หญิงพอมีบ้าง แต่ไม่มีใครเอาเราเข้ากลุ่มเลย แม่กรพทั่งผู้ชาย (เท่าที่จำความได้)
พ่อและแม่ของเราทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ในธนาคารเดียวกัน พ่อและแม่ของเรานั้นมีชื่อเสียงพอสมควร (ในจังหวัด) เราจำไม่ได้แบ้วว่าในช่วงเวลานั้นพ่อแม่อยู่ในตำแหน่งอะไร เรามีหนี้บ้างพอประปราย พ่อรักในการทำสวน พอมีเวลาว่างจากการทำงานพ่อจะทำสวยบ้าง ทำฟาร์มบ้าง
เรามีพี่สาว1คน ตอนเราอยู่ประถม พี่เราเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมชื่อดังด้านวิทยาศาสตร์ จังหวัดมุกดาหาร เราไม่รู้ว่าพี่สาวเราเรียกว่าเรียนเก่งหรือไม่ แต่การได้อยู่ในโรงเรียนนั้น ถือว่าเป็นเด็กที่หัวดีพอสมควร เป็นโรงเรียนในฝันของเด็กจังหวัดเราอย่างมาก
จุดพลิกผันครอบครัว
(ไม่ถือว่าพลิกผันซะทีเดียว ปัจจุบันทุกคนยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม พ่อแม่ไม่ได้หย่าร้างกัน)
เท่าที่จำความได้ พ่อได้เข้าไปประชุมอะไรสักอย่างที่กรุงเทพ และพ่อได้ขึ้นรถเมล์สักสาย พ่อได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอได้ชวนพ่อมาเป็นดาวน์ไลน์ของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม (ยนซต) โดยมี่พ่อไม่ได้มีความรู้แม้แต่นิดเดียว พ่อเริ่มบ้างาน เอาการขายผลิตภัณฑ์ มาเป็นงานหลัก พอๆกับการทำงานในธนาคาร โดยฝันว่าบ้านเราจะรวยสักวัน โดยไม่ใช่จากการเป็นพนักงานรัฐวิสหากิจ แต่จากการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโง่ๆนี่ ส่วนแม่ก็พยายามทำงานเหมือนเดิมต่อไป เก็บเงินออมทรัพย์ไว้ให้เยอะที่สุด ถ้ามีตังเหลือก็พยายามซื้อทองเก็บไว้ เพราะอนาคตไม่มีอะไรแน่นอน