Posted On 8 May 2018 Thanet Ratanakul
นี่อากาศประเทศไทยหรือไฟจากนรก ทำไมร้อนได้ขนาดนี้ ยิ่งเวลาล่วงเลยไป ดูเหมือนอุณหภูมิโลกยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ความร้อนขนาดนั้นจะส่งผลอะไรต่อโลกของเราบ้างไหม
ดูแดดนั่นสิ! ใครวานให้ออกไปซื้อข้าวให้ตอนนี้ จะทำประกันชีวิตล่วงหน้าไว้ให้
อากาศร้อนๆ แบบนี้ชินแล้วหรือยัง? โลกของเรากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจัยทางธรรมชาติและฝีมือมนุษย์ ร่างกายของคุณสามารถรับมือความร้อนที่ 40 องศาเซลเซียสโดยมีค่าความชื้นที่ 75% ถือเป็นระดับที่ ‘มนุษย์พอจะมีชีวิตรอดในระยะเวลา 6 ชั่วโมง’ หากมากเกินไปกว่านี้ ร่างกายจะไม่สามารถทำงานได้ปกติ
เอาเข้าจริงอุณหภูมิที่สูงถึง 31 องศาฯ ของบ้านเราก็เริ่มมอบความไม่สบายทางกายแล้ว เพราะร่างกายของคุณสร้างความร้อนขึ้นมาอยู่เสมอจากทุกอิริยาบถ โดยมีความร้อนพอๆ กับหลอดไฟขนาด 100 วัตต์ แต่หากออกแรงในช่วงสั้นๆ อย่างเช่นวิ่งหรือกระโดด ร่างกายของคุณอาจสร้างความร้อนใกล้เคียงกับหลอดไฟ 1,000 วัตต์ หรือเทียบเท่าเครื่องอบไมโครเวฟ 1 เครื่อง! มันร้อนจริงๆ นะคุณ
ความร้อนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายคุณเท่านั้น แต่ส่งอิทธิพลแบบผิดเพี้ยนพิสดาร เหนือความคาดหมายในทุกองศา เรามาสำรวจกันดีกว่า หากอากาศร้อนแบบนี้กลายเป็นเรื่องปกติ จะเกิดความ ‘ไม่ปกติ’ อะไรขึ้นบ้าง?
ธรรมชาติล้วนละเอียดอ่อนเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกัน หากสิ่งหนึ่งเปลี่ยน อีกล้านสิ่งอาจเปลี่ยนตามแบบถาวร
1. ระวังหัวไว้! ฟ้าจะผ่าบ่อยขึ้น

ใครชอบสาบานให้ฟ้าผ่าตาย อาจจะต้องสงวนคำพูดไว้หน่อย มีการประเมินคร่าวๆ ว่า ทุก 1 องศาที่เพิ่มขึ้น จะมีโอกาสเกิดฟ้าผ่ามากขึ้น 12% จากงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Science ในทางทฤษฎีแล้ว สภาพอากาศร้อนจะทำให้ชั้นบรรยากาศเก็บความชื้นได้มากขึ้น ก่อตัวเป็นเมฆฝนฟ้าคะนอง หยดน้ำและก้อนน้ำแข็งในเมฆเสียดสีกันจนเกิดประจุไฟฟ้า เร่งให้มีโอกาสเกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงๆ บ่อยขึ้น
แม้ฟ้าผ่าอาจจะไม่ได้ส่งอสนีบาตลงกลางหัวคุณ เพราะเราอยู่ในอาคารเสียส่วนใหญ่ แต่นักวิชาการชักกังวลว่า พื้นที่ป่าในช่วงหน้าแล้งจะเสี่ยงต่อเหตุฟ้าผ่าต้นไม้ใหญ่ เกิดประกายไฟในพื้นที่ยากต่อการควบคุม กลายเป็น ‘ไฟป่า’ จากธรรมชาติที่ลุกลามรวดเร็วและไม่สามารถคาดเดาได้ ‘
ฟ้าผ่าและไฟป่า’ จึงมีปัจจัยคู่กันเสมอ
2. เครื่องดื่มที่คุณชอบ กาแฟ เบียร์ ไวน์ จะมีรสชาติห่วยแตก

ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการทำกสิกรรมทุกรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการ ‘ปลูกกาแฟ’ เครื่องดื่มรสกลมกล่อมที่คุณต้องการในทุกเช้า อากาศร้อนจัดต่อเนื่องมีผลให้รสชาติของกาแฟต่างจากเดิมเพราะโครงสร้างทางเคมีในเมล็ดเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกเมล็ดกาแฟคุณภาพในประเทศเอธิโอเปียที่อาจปลูกกาแฟต่อไปไม่ได้เพราะความทารุณของอากาศร้อน รวมไปถึงพื้นที่หลายๆ แห่งทั่วโลกด้วยที่ต้องทำฟาร์มกาแฟด้วยความลำบากลำบน แถมราคายังสูงขึ้นจนกระเป๋าเงินคุณสั่นระริก
นักดื่มเบียร์และไวน์ก็ล้วนได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่รอดหรอก! กระบวนการหมักเบียร์ต้องมีช่วงเวลาปล่อยให้เบียร์ในถังมีอุณหภูมิลดลง เพื่อให้ยีสต์ทำปฏิกิริยากับอากาศ – ยีสต์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ละเอียดอ่อนและรับรู้การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
ส่วนผลองุ่นที่ใช้หมักเป็นไวน์ อุณหภูมิคือกุญแจสำคัญในการกำหนดช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลองุ่น อากาศที่ร้อนจัดและฝนตกชุกทำให้ต้องเลื่อนการเก็บผลผลิตให้เร็วขึ้น องุ่นจึงมีรสขมปี๋และไม่ได้คุณภาพนักสำหรับการหมักไวน์รสดี
คอเบียร์และไวน์ควรซีเรียสกับโลกร้อนอยู่เหมือนกันนะ
3. ร้อนจนได้ ‘หมีลูกครึ่ง’ เมื่อหมีขั้วโลกผสมพันธุ์กับหมีกริซลี

คิดไม่ถึงใช่ไหม หากความร้อนจะทำให้ได้หมีสายพันธุ์ผสมที่จะเรียกว่า grolar หรือ pizzly (ดูการเล่นคำสิ) เป็นหมีที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์โดยปัจจัยทางธรรมชาติระหว่างหมีกริซลี (grizzly) และหมีขาวขั้วโลก (polar)
นักวิจัยเริ่มพบหมีลูกครึ่งเหล่านี้ในประเทศแคนาดา พวกมันมีหน้าตาเหมือนหมีขาวขั้วโลก แต่มีอุ้งเท้าสีน้ำตาล มีขนสีน้ำตาลแซมประปราย และมีกรงเล็บหนาเหมือนหมีกริซลี เนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงผลักดันให้หมีกริซลีต้องเดินทางขึ้นเหนือเรื่อยๆ จนไปฟีเจอร์ริ่งกับกลุ่มหมีขั้วโลกที่อยู่ตามแนวชายฝั่ง ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตเกิดขึ้นน้อยมากๆ สัญญาณการปรากฏตัวของเหล่าหมีลูกครึ่งจึงน่าเป็นห่วง เพราะมันแสดงถึงสภาพแวดล้อมในการหากินของหมีและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากหมีขั้วโลกจำเป็นต้องหากินริมชายฝั่งทะเล ขณะที่หมีกริซลี่หากินในป่า แต่น้ำแข็งละลายเร็วในแต่ละฤดู วิวัฒนาการจึงผลักดันให้พวกมันดิ้นรนจนได้หมีลูกครึ่งที่นักชีววิทยายังแปลกใจ
4. ฮัดเช่ยยย! เป็นภูมิแพ้หนักกว่าเดิม

ข่าวร้ายของหนุ่มสาวที่เป็นโรคภูมิแพ้ (allergies)โดยเฉพาะคนที่แพ้เกสรดอกไม้ คุณอาจจะจามหนัก น้ำมูกไหล ตาลึกโหล และการเดินเล่นในสวนสาธารณะอาจไม่น่าอภิรมย์เช่นเคย โลกร้อนขึ้นส่วนหนึ่งมาจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ติดอยู่ในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ดอกไม้และต้นไม้ปล่อยเกสรออกมามากกว่าปกติและกินระยะเวลานานกว่าเดิม เพราะพืชเหล่านี้จำเป็นต้องดิ้นรนในการขยายพันธุ์เช่นกัน
เกสรดอกไม้ปริมาณมหาศาลที่หลงฤดูจะก่อกวนระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ร่างกายคุณจะตรวจจับโปรตีนในเกสรแล้วเหมารวมว่าเป็นปรสิตที่รุกล้ำร่างกาย จากนั้นพยายามจะขับออกโดยการจามหนักๆ หรือทางสารคัดหลั่งอื่นๆ ในลักษณะอาการแพ้ ซึ่งกลไกของภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อเกสรดอกไม้ยังเป็นปริศนาอยู่มาก ว่าทำไมร่างกายคุณถึงออกอาการเวอร์วังขนาดนั้น
5. รัดเข็มขัดไว้! เครื่องบินตกหลุมอากาศบ่อยขึ้น

ทริปทางอากาศอาจจะเสี่ยงมากขึ้นจากอันตรายของหลุมอากาศ โดยเฉพาะภัยที่นักวิทยาศาสตร์วิตกกังวลที่สุด คือ ความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส (Clear Air Turbulence) มองดูท้องฟ้าเหมือนไม่มีอะไร แต่อากาศกลับบ้าคลั่ง ความชุลมุนที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
อากาศที่ร้อนขึ้นทำให้ jet stream (กระแสลมกรด) ที่มักเป็นอุปสรรคต่อการบินอยู่แล้ว มีความเร็วประมาณ 200-400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะมีความเร็วมากขึ้นจนยากจะคาดเดา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of Reading เริ่มตรวจพบปรากฏนี้บ่อยครั้งในคาบสมุทรแอทแลนติก เมื่อกระแสลมกรดมีความเร็วจนเกิดหลุมอากาศได้บ่อย ทริปของคุณอาจโยกเยกเหมือนนั่งควายเทียมเกวียนในโคลนปลัก
ความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส (Clear Air Turbulence) ร้ายกาจกว่าหลุมอากาศที่เกิดจากกลุ่มเมฆ เพราะนักบินจะมองไม่เห็น และไม่สามารถแจ้งเตือนสัญญาณคาดเข็มขัดไปยังผู้โดยสารได้ วิธีที่สายการบินใช้แก้ไข คือการลงทุนติดตั้งระบบเทคโนโลยีตรวจจับด้วยเลเซอร์บนเครื่องบิน (Laser Detection System) เพื่อช่วยเป็นตาวิเศษให้ ปัจจุบันยังเป็นระบบที่มีราคาสูงมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีทางเลือกอะไรเลย หากต้องรักษาชีวิตหลายร้อยบนเครื่องบิน
คุณแอร์ฯ เขาเตือนอะไรไว้ก็ฟังหน่อยแล้วกันนะ อย่าดื้อ แอร์เตือนแล้วนะ
6. ร้อนจนสัตว์วางไข่เป็นเพศเมียมากขึ้น

ทุกชีวิตพัวพันกับอากาศอยู่ทุกขณะจิต ความร้อนมีอิทธิพลในการกำหนดเพศของสัตว์เลื้อยคลานอย่างยิ่งยวด เป็นอุปสรรคให้พวกมันหาคู่ยากขึ้นจากสัดส่วนเพศตรงข้ามที่ไม่สมดุลกัน สัตว์เลื้อยคลานไม่มี Tinder แบบคุณ (ขนาดคุณมีแล้วก็ยังหายากเลย ปัดโถ่) มันจึงต้องขวนขวายคู่ที่เหมาะสมภายใต้ความกดดัน และมีคู่แข่งขี้นอิจฉาเพิ่มมากขึ้น
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเต่าตนุ (green sea turtle) เต่าทะเลที่บ้านเราคุ้นเคยกันดี การวางไข่ของมันจำต้องอาศัยอุณหภูมิที่เหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อการกำหนดเพศของลูกเต่า ไข่ที่มีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 29 องศาเซลเซียสขึ้นไป ลูกที่ออกมาจะเป็น ‘เพศเมีย’ ส่วนไข่ที่ฟักในอุณหภูมิที่ต่ำกว่านั้นจะเป็นเพศผู้
งานวิจัยในปี 2016 พบสัดส่วนที่ไม่สมดุลอย่างน่าตกใจของประชากรเต่าตะนุในแถบทะเลแคริบเบียน คือ เต่าตะนุเพศผู้เหลืออยู่ในธรรมชาติเพียง 16% เท่านั้น และในปี 2030 อาจเหลือเพียง 2%
ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเต่าตนุหนุ่มที่จะมีสาวๆ มาห้อมล้อมมากขึ้น สัดส่วนทางเพศที่ไม่เหมาะสมเป็นสัญญาณแรกๆ ของการสูญพันธุ์อันใกล้
7. ร้อนจนสัตว์ตัวจิ๋วลง

ไม่ใช่ลูกเหม็นเท่านั้นหรอกที่ร้อนแล้วหดเล็ก สัตว์ในธรรมชาติเองมักมีวิวัฒนาการให้ขนาดเล็กลงจากปรากฏการณ์ของอุณหภูมิครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้ร่างกายรับมือกับอากาศร้อนดีขึ้น การคัดสรรทางธรรมชาติจะลดพื้นที่ร่างกายให้รับความร้อนน้อยลง แต่ขณะเดียวกันก็รักษาอุณหภูมิร่างกายได้ดีกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใดต่อหน้าคุณ มันค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละน้อย ใช้เวลาหลายรุ่นด้วยกัน
นักชีววิทยาเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า dwarfing ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of New Hampshire ศึกษาหลักฐานทางฟอสซิลของกระต่าย ม้า ลีเมอร์ กระรอก ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อ 54 ล้านปีก่อน สัตว์เหล่านี้ล้วนเผชิญการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศร้อน 2 ครั้งใหญ่ๆ แต่ละคาบกินเวลานาน 2 ล้านปี จากหลักฐานฟอสซิลชี้ชัดว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีโครงสร้างที่เล็กลงสอดคล้องกับช่วงเวลาที่เผชิญความร้อน
ขนาดเวลาเจอแดดร้อนๆ คุณยังพยายามทำตัวให้เล็กเลย นี่ก็อาจเป็นเหตุผลลึกๆ เหตุผลหนึ่งก็ได้
อ้างอิงข้อมูลจาก
Climate change is turning 99 percent of these baby sea turtles female
www.washingtonpost.com
UNH Research Finds Pattern of Mammal Dwarfing During Global Warming
www.unh.edu
Clear Air Turbulence (CAT)
www.skybrary.aero
Pizzly or grolar bear: grizzly-polar hybrid is a new result of climate change
www.theguardian.com
More thunderstorms during the summer
science.howstuffworks.com
THE MATTER
Illustration by Waragorn Keeranan
ร้อนจนโลกเพี้ยน 7 สิ่งไม่ปกติเมื่ออากาศร้อนกลายเป็นเรื่องปกติ
ดูแดดนั่นสิ! ใครวานให้ออกไปซื้อข้าวให้ตอนนี้ จะทำประกันชีวิตล่วงหน้าไว้ให้
อากาศร้อนๆ แบบนี้ชินแล้วหรือยัง? โลกของเรากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจัยทางธรรมชาติและฝีมือมนุษย์ ร่างกายของคุณสามารถรับมือความร้อนที่ 40 องศาเซลเซียสโดยมีค่าความชื้นที่ 75% ถือเป็นระดับที่ ‘มนุษย์พอจะมีชีวิตรอดในระยะเวลา 6 ชั่วโมง’ หากมากเกินไปกว่านี้ ร่างกายจะไม่สามารถทำงานได้ปกติ
เอาเข้าจริงอุณหภูมิที่สูงถึง 31 องศาฯ ของบ้านเราก็เริ่มมอบความไม่สบายทางกายแล้ว เพราะร่างกายของคุณสร้างความร้อนขึ้นมาอยู่เสมอจากทุกอิริยาบถ โดยมีความร้อนพอๆ กับหลอดไฟขนาด 100 วัตต์ แต่หากออกแรงในช่วงสั้นๆ อย่างเช่นวิ่งหรือกระโดด ร่างกายของคุณอาจสร้างความร้อนใกล้เคียงกับหลอดไฟ 1,000 วัตต์ หรือเทียบเท่าเครื่องอบไมโครเวฟ 1 เครื่อง! มันร้อนจริงๆ นะคุณ
ความร้อนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายคุณเท่านั้น แต่ส่งอิทธิพลแบบผิดเพี้ยนพิสดาร เหนือความคาดหมายในทุกองศา เรามาสำรวจกันดีกว่า หากอากาศร้อนแบบนี้กลายเป็นเรื่องปกติ จะเกิดความ ‘ไม่ปกติ’ อะไรขึ้นบ้าง?
ธรรมชาติล้วนละเอียดอ่อนเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกัน หากสิ่งหนึ่งเปลี่ยน อีกล้านสิ่งอาจเปลี่ยนตามแบบถาวร
1. ระวังหัวไว้! ฟ้าจะผ่าบ่อยขึ้น
ใครชอบสาบานให้ฟ้าผ่าตาย อาจจะต้องสงวนคำพูดไว้หน่อย มีการประเมินคร่าวๆ ว่า ทุก 1 องศาที่เพิ่มขึ้น จะมีโอกาสเกิดฟ้าผ่ามากขึ้น 12% จากงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Science ในทางทฤษฎีแล้ว สภาพอากาศร้อนจะทำให้ชั้นบรรยากาศเก็บความชื้นได้มากขึ้น ก่อตัวเป็นเมฆฝนฟ้าคะนอง หยดน้ำและก้อนน้ำแข็งในเมฆเสียดสีกันจนเกิดประจุไฟฟ้า เร่งให้มีโอกาสเกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงๆ บ่อยขึ้น
แม้ฟ้าผ่าอาจจะไม่ได้ส่งอสนีบาตลงกลางหัวคุณ เพราะเราอยู่ในอาคารเสียส่วนใหญ่ แต่นักวิชาการชักกังวลว่า พื้นที่ป่าในช่วงหน้าแล้งจะเสี่ยงต่อเหตุฟ้าผ่าต้นไม้ใหญ่ เกิดประกายไฟในพื้นที่ยากต่อการควบคุม กลายเป็น ‘ไฟป่า’ จากธรรมชาติที่ลุกลามรวดเร็วและไม่สามารถคาดเดาได้ ‘ฟ้าผ่าและไฟป่า’ จึงมีปัจจัยคู่กันเสมอ
2. เครื่องดื่มที่คุณชอบ กาแฟ เบียร์ ไวน์ จะมีรสชาติห่วยแตก
ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการทำกสิกรรมทุกรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการ ‘ปลูกกาแฟ’ เครื่องดื่มรสกลมกล่อมที่คุณต้องการในทุกเช้า อากาศร้อนจัดต่อเนื่องมีผลให้รสชาติของกาแฟต่างจากเดิมเพราะโครงสร้างทางเคมีในเมล็ดเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกเมล็ดกาแฟคุณภาพในประเทศเอธิโอเปียที่อาจปลูกกาแฟต่อไปไม่ได้เพราะความทารุณของอากาศร้อน รวมไปถึงพื้นที่หลายๆ แห่งทั่วโลกด้วยที่ต้องทำฟาร์มกาแฟด้วยความลำบากลำบน แถมราคายังสูงขึ้นจนกระเป๋าเงินคุณสั่นระริก
นักดื่มเบียร์และไวน์ก็ล้วนได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่รอดหรอก! กระบวนการหมักเบียร์ต้องมีช่วงเวลาปล่อยให้เบียร์ในถังมีอุณหภูมิลดลง เพื่อให้ยีสต์ทำปฏิกิริยากับอากาศ – ยีสต์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ละเอียดอ่อนและรับรู้การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
ส่วนผลองุ่นที่ใช้หมักเป็นไวน์ อุณหภูมิคือกุญแจสำคัญในการกำหนดช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลองุ่น อากาศที่ร้อนจัดและฝนตกชุกทำให้ต้องเลื่อนการเก็บผลผลิตให้เร็วขึ้น องุ่นจึงมีรสขมปี๋และไม่ได้คุณภาพนักสำหรับการหมักไวน์รสดี
คอเบียร์และไวน์ควรซีเรียสกับโลกร้อนอยู่เหมือนกันนะ
3. ร้อนจนได้ ‘หมีลูกครึ่ง’ เมื่อหมีขั้วโลกผสมพันธุ์กับหมีกริซลี
คิดไม่ถึงใช่ไหม หากความร้อนจะทำให้ได้หมีสายพันธุ์ผสมที่จะเรียกว่า grolar หรือ pizzly (ดูการเล่นคำสิ) เป็นหมีที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์โดยปัจจัยทางธรรมชาติระหว่างหมีกริซลี (grizzly) และหมีขาวขั้วโลก (polar)
นักวิจัยเริ่มพบหมีลูกครึ่งเหล่านี้ในประเทศแคนาดา พวกมันมีหน้าตาเหมือนหมีขาวขั้วโลก แต่มีอุ้งเท้าสีน้ำตาล มีขนสีน้ำตาลแซมประปราย และมีกรงเล็บหนาเหมือนหมีกริซลี เนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงผลักดันให้หมีกริซลีต้องเดินทางขึ้นเหนือเรื่อยๆ จนไปฟีเจอร์ริ่งกับกลุ่มหมีขั้วโลกที่อยู่ตามแนวชายฝั่ง ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตเกิดขึ้นน้อยมากๆ สัญญาณการปรากฏตัวของเหล่าหมีลูกครึ่งจึงน่าเป็นห่วง เพราะมันแสดงถึงสภาพแวดล้อมในการหากินของหมีและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากหมีขั้วโลกจำเป็นต้องหากินริมชายฝั่งทะเล ขณะที่หมีกริซลี่หากินในป่า แต่น้ำแข็งละลายเร็วในแต่ละฤดู วิวัฒนาการจึงผลักดันให้พวกมันดิ้นรนจนได้หมีลูกครึ่งที่นักชีววิทยายังแปลกใจ
4. ฮัดเช่ยยย! เป็นภูมิแพ้หนักกว่าเดิม
ข่าวร้ายของหนุ่มสาวที่เป็นโรคภูมิแพ้ (allergies)โดยเฉพาะคนที่แพ้เกสรดอกไม้ คุณอาจจะจามหนัก น้ำมูกไหล ตาลึกโหล และการเดินเล่นในสวนสาธารณะอาจไม่น่าอภิรมย์เช่นเคย โลกร้อนขึ้นส่วนหนึ่งมาจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ติดอยู่ในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ดอกไม้และต้นไม้ปล่อยเกสรออกมามากกว่าปกติและกินระยะเวลานานกว่าเดิม เพราะพืชเหล่านี้จำเป็นต้องดิ้นรนในการขยายพันธุ์เช่นกัน
เกสรดอกไม้ปริมาณมหาศาลที่หลงฤดูจะก่อกวนระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ร่างกายคุณจะตรวจจับโปรตีนในเกสรแล้วเหมารวมว่าเป็นปรสิตที่รุกล้ำร่างกาย จากนั้นพยายามจะขับออกโดยการจามหนักๆ หรือทางสารคัดหลั่งอื่นๆ ในลักษณะอาการแพ้ ซึ่งกลไกของภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อเกสรดอกไม้ยังเป็นปริศนาอยู่มาก ว่าทำไมร่างกายคุณถึงออกอาการเวอร์วังขนาดนั้น
5. รัดเข็มขัดไว้! เครื่องบินตกหลุมอากาศบ่อยขึ้น
ทริปทางอากาศอาจจะเสี่ยงมากขึ้นจากอันตรายของหลุมอากาศ โดยเฉพาะภัยที่นักวิทยาศาสตร์วิตกกังวลที่สุด คือ ความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส (Clear Air Turbulence) มองดูท้องฟ้าเหมือนไม่มีอะไร แต่อากาศกลับบ้าคลั่ง ความชุลมุนที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
อากาศที่ร้อนขึ้นทำให้ jet stream (กระแสลมกรด) ที่มักเป็นอุปสรรคต่อการบินอยู่แล้ว มีความเร็วประมาณ 200-400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะมีความเร็วมากขึ้นจนยากจะคาดเดา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of Reading เริ่มตรวจพบปรากฏนี้บ่อยครั้งในคาบสมุทรแอทแลนติก เมื่อกระแสลมกรดมีความเร็วจนเกิดหลุมอากาศได้บ่อย ทริปของคุณอาจโยกเยกเหมือนนั่งควายเทียมเกวียนในโคลนปลัก
ความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส (Clear Air Turbulence) ร้ายกาจกว่าหลุมอากาศที่เกิดจากกลุ่มเมฆ เพราะนักบินจะมองไม่เห็น และไม่สามารถแจ้งเตือนสัญญาณคาดเข็มขัดไปยังผู้โดยสารได้ วิธีที่สายการบินใช้แก้ไข คือการลงทุนติดตั้งระบบเทคโนโลยีตรวจจับด้วยเลเซอร์บนเครื่องบิน (Laser Detection System) เพื่อช่วยเป็นตาวิเศษให้ ปัจจุบันยังเป็นระบบที่มีราคาสูงมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีทางเลือกอะไรเลย หากต้องรักษาชีวิตหลายร้อยบนเครื่องบิน
คุณแอร์ฯ เขาเตือนอะไรไว้ก็ฟังหน่อยแล้วกันนะ อย่าดื้อ แอร์เตือนแล้วนะ
6. ร้อนจนสัตว์วางไข่เป็นเพศเมียมากขึ้น
ทุกชีวิตพัวพันกับอากาศอยู่ทุกขณะจิต ความร้อนมีอิทธิพลในการกำหนดเพศของสัตว์เลื้อยคลานอย่างยิ่งยวด เป็นอุปสรรคให้พวกมันหาคู่ยากขึ้นจากสัดส่วนเพศตรงข้ามที่ไม่สมดุลกัน สัตว์เลื้อยคลานไม่มี Tinder แบบคุณ (ขนาดคุณมีแล้วก็ยังหายากเลย ปัดโถ่) มันจึงต้องขวนขวายคู่ที่เหมาะสมภายใต้ความกดดัน และมีคู่แข่งขี้นอิจฉาเพิ่มมากขึ้น
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเต่าตนุ (green sea turtle) เต่าทะเลที่บ้านเราคุ้นเคยกันดี การวางไข่ของมันจำต้องอาศัยอุณหภูมิที่เหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อการกำหนดเพศของลูกเต่า ไข่ที่มีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 29 องศาเซลเซียสขึ้นไป ลูกที่ออกมาจะเป็น ‘เพศเมีย’ ส่วนไข่ที่ฟักในอุณหภูมิที่ต่ำกว่านั้นจะเป็นเพศผู้
งานวิจัยในปี 2016 พบสัดส่วนที่ไม่สมดุลอย่างน่าตกใจของประชากรเต่าตะนุในแถบทะเลแคริบเบียน คือ เต่าตะนุเพศผู้เหลืออยู่ในธรรมชาติเพียง 16% เท่านั้น และในปี 2030 อาจเหลือเพียง 2%
ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเต่าตนุหนุ่มที่จะมีสาวๆ มาห้อมล้อมมากขึ้น สัดส่วนทางเพศที่ไม่เหมาะสมเป็นสัญญาณแรกๆ ของการสูญพันธุ์อันใกล้
7. ร้อนจนสัตว์ตัวจิ๋วลง
ไม่ใช่ลูกเหม็นเท่านั้นหรอกที่ร้อนแล้วหดเล็ก สัตว์ในธรรมชาติเองมักมีวิวัฒนาการให้ขนาดเล็กลงจากปรากฏการณ์ของอุณหภูมิครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้ร่างกายรับมือกับอากาศร้อนดีขึ้น การคัดสรรทางธรรมชาติจะลดพื้นที่ร่างกายให้รับความร้อนน้อยลง แต่ขณะเดียวกันก็รักษาอุณหภูมิร่างกายได้ดีกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใดต่อหน้าคุณ มันค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละน้อย ใช้เวลาหลายรุ่นด้วยกัน
นักชีววิทยาเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า dwarfing ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of New Hampshire ศึกษาหลักฐานทางฟอสซิลของกระต่าย ม้า ลีเมอร์ กระรอก ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อ 54 ล้านปีก่อน สัตว์เหล่านี้ล้วนเผชิญการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศร้อน 2 ครั้งใหญ่ๆ แต่ละคาบกินเวลานาน 2 ล้านปี จากหลักฐานฟอสซิลชี้ชัดว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีโครงสร้างที่เล็กลงสอดคล้องกับช่วงเวลาที่เผชิญความร้อน
ขนาดเวลาเจอแดดร้อนๆ คุณยังพยายามทำตัวให้เล็กเลย นี่ก็อาจเป็นเหตุผลลึกๆ เหตุผลหนึ่งก็ได้
อ้างอิงข้อมูลจาก
Climate change is turning 99 percent of these baby sea turtles female
www.washingtonpost.com
UNH Research Finds Pattern of Mammal Dwarfing During Global Warming
www.unh.edu
Clear Air Turbulence (CAT)
www.skybrary.aero
Pizzly or grolar bear: grizzly-polar hybrid is a new result of climate change
www.theguardian.com
More thunderstorms during the summer
science.howstuffworks.com
THE MATTER
Illustration by Waragorn Keeranan