“ความสุขของเราอยู่ที่ตรงไหน”
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๑๑ มีนาคม ๒๕๖๒
การที่เราจะมีความสุขภายในใจ ความสุขที่ถาวร เราต้องเลิกหาความสุขภายนอกใจ เลิกหาเงินหาทองเพื่อมาซื้อความสุขต่างๆ พอเราเลิกเราก็จะมีความสุข คนที่ไม่ต้องหาเงินกับคนที่ต้องหาเงินนี่ใครสบายกว่ากัน คนที่ดิ้นรนหาเงินแทบเป็นแทบตาย เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เครียดกับการหาเงิน ได้มาแล้วก็ซื้อของไม่จำเป็นทั้งหลาย ซื้อของเล่นทั้งนั้นแหละ ของไม่จำเป็นก็เหมือนของเล่น เหมือนเด็กๆ แหละ ซื้อตุ๊กตา ซื้อรถเล่น เครื่องเล่นต่างๆ ซื้อมาเล่นกัน วันสองวันก็เบื่อแล้ว แล้วก็ต้องซื้อใหม่ เล่นอันนี้เบื่อแล้วก็ต้องซื้ออันนั้น ซื้อไปเรื่อยๆ นี่บางคนมีเงินซื้อรถเป็นสิบๆ คัน เชื่อไหม ซื้อคันนี้ดีใจ ๓ วัน ๗ วัน เบื่อแล้ว อยากจะซื้อคันใหม่ อ้าวซื้อคันใหม่ ดีใจอีก ๓ วัน ๗ วัน เบื่ออีกแล้ว บางคนมีเป็น ๑๐ คันเลย บางคนมีกำไลเป็น ๑๐ อัน มีแหวนเป็น ๑๐ วง มีสร้อยเป็น ๑๐ เส้น เป็นอะไร ทั้งนั้นเหมือนกันหมด ของเล่นทั้งนั้น ของพวกนี้ ให้ความสุขเดี๋ยวเดียว ให้ความสุขตอนที่ได้ซื้อมาใหม่ๆ แล้วพอเดี๋ยวปั๊บ เดี๋ยวก็เบื่อแล้ว ต้องหาซื้อของใหม่แล้ว จึงทำให้เราต้องดิ้นรนวุ่นวายกับการไปหาเงินหาทอง มีเงินทองมากน้อย มีสมบัติมากน้อยก็ไม่มีความสุข เพราะมันไม่มีความสงบ มันไม่หยุด ความสงบเกิดจากการที่เราหยุด แต่เราไม่ยอมหยุดกัน เรามีแต่จะหามากขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งหามากก็ยิ่งต้องทำมาก คิดมาก วุ่นวายมาก นี่พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เราทำทานกัน ถ้าเรายังต้องใช้เงินไปซื้อความสุขต่างๆ ให้เอาเงินไปทำบุญทำทาน แล้วมันจะทำให้เรามีความสุขมากกว่าด้วยซ้ำไป เพราะทำบุญแล้วทำให้เราอิ่มเอิบใจ มีความสุขใจที่ต่างจากความสุขที่ได้จากไปซื้อของต่างๆ บุญที่เราทำนี้ทำให้เราเกิดความอิ่มความพอ แต่เงินที่เราเอาไปซื้อของ มันทำให้เกิดความหิวความอยากเพิ่มขึ้น มันต่างกันตรงนี้ เมื่อเราเอาเงินไปทำบุญ ต่อไปความอยากจะใช้เงินซื้อความสุขต่างๆ จะหายไปหมด เราก็ไม่ต้องซื้ออะไรอีกต่อไป ซื้อแต่ของจำเป็นเท่านั้น
นี่คือขั้นแรก เมื่อเราสามารถหยุดการหาเงินได้ เราก็จะได้มีเวลาไปทำใจให้สงบได้ ไปอยู่วัดได้ ทุกคนที่บอกว่าไปอยู่วัดไปปฏิบัติธรรมไม่ได้ ก็เพราะมีภารกิจหน้าที่การงาน หาเงินหาทอง ยังไม่มีเวลากัน ทีนี้ ถ้าเราหยุดหาเงินหาทองได้ หรือหาเฉพาะเท่าที่จำเป็น เราก็จะมีเวลาที่จะไปหยุดใจอย่างถาวรได้ การจะหยุดใจอย่างถาวรได้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ต้องเป็นกิจกรรมหลักเลย ต้องไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่น เพราะกิจกรรมอย่างอื่นจะทำให้ใจไม่สงบ ถ้าต้องการให้ใจสงบ ต้องหยุดกิจกรรมทั้งปวง ทำกิจกรรมเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ดูแลร่างกาย ดูแลสถานที่อยู่อาศัยให้มันสะอาดเรียบร้อย เท่านั้นเอง ที่เป็นกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำ หรือรับประทานอาหาร นอกนั้นเอามาหยุดความอยากกันดีกว่า หยุดความอยากที่จะไปทำอะไรต่างๆ หยุดมันให้หมด หยุดด้วยการใช้สติ ใช้สมาธิ ใช้ปัญญา อันนี้แหละคือเครื่องมือที่เราต้องมี เพราะถ้าเราไม่มีสติ ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา เราจะหยุดความอยากไม่ได้ เปรียบเหมือนกับเวลาที่รถยนต์มันยางแตกนี้ ถ้าเราไม่มีเครื่องมือเราเปลี่ยนยางไม่ได้ การจะเปลี่ยนยางได้เราต้องมีแม่แรง ยกล้อให้มันลอยขึ้น แล้วก็มีที่ขันน๊อตเพื่อคลายน๊อตที่มันติดกับยาง พอเราคลาย ยกรถขึ้น คลายน๊อตออก เราก็เปลี่ยนยางได้ เอายางแตกออก เอายางที่ดีใส่เข้าไป แต่ถ้าเราไม่มีแม่แรง เราไม่มีที่ขันน๊อต เราจะทำยังไง ใช้มือเปล่าทำได้ไหม ยกรถขึ้นมาด้วยตัวเราได้ไหม ไม่ได้หรอก
ฉันใด การที่เรารู้ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ภายในใจ และการที่เราจะได้ความสุขภายในใจ เราต้องหยุดหาความสุขภายนอกใจ เราหยุดได้ไหม อันนี้คือข้อสรุปของพระพุทธเจ้า อยู่แค่ตรงนี้แหละ อยากจะมีความสุขที่แท้จริง ที่ไม่มีความทุกข์ ก็ต้องหยุดหาความสุขภายนอกใจ เท่านั้นเอง หยุดได้หรือเปล่า ต่อไปนี้จะหยุดได้ไหม ต่อไปนี้จะหยุดหาลาภยศสรรเสริญ จะไม่หาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ก็บรรลุได้เดี๋ยวนี้เลย บางคนพระพุทธเจ้าสอนแค่นี้ เขาก็บรรลุได้เลย เพราะในใจเขามีกำลัง เขามีสติ มีสมาธิ แต่ไม่มีปัญญา พอพระพุทธเจ้าทรงสอนปัญญา เขาก็รู้เลยว่าปัญหาก็คือเราไม่หยุดใจเรานั่นเอง ไม่หยุดใจเราไปหาความอยาก ไปหาสิ่งต่างๆ พอเราหยุดใจเราไม่ให้ไปหาความอยาก ไปหาสิ่งต่างๆ ใจของเราก็สงบขึ้นมาทันที มีความสุขขึ้นมาทันที ไม่ต้องไปมีอะไรอีกต่อไป ตอนนี้เรามีปัญญาแล้ว พระพุทธเจ้าทรงมอบปัญญาให้กับเราแล้วว่า ถ้าอยากจะพบกับความสุขที่แท้จริงที่ถาวร ต้องหยุดหาความสุขต่างๆ ภายนอกไปให้หมด ถ้ายังหยุดไม่ได้ก็แสดงว่าไม่มีเครื่องมือ ไม่มีเครื่องมือพระพุทธเจ้าก็มีเครื่องมือให้ยืม พระพุทธเจ้าทรงบอก เอาสติไป เอาสมาธิไป เอาปัญญาไป เอาทานไป เอาศีลไป นี่แหละคือเครื่องมือที่จะหยุดหาความสุขภายนอกใจ เหมือนกับเวลายางแตก เราไม่มีเครื่องมือ มีรถเขาผ่านมา เขาเห็นเข้า เขาก็จอด “คุณไม่มีเครื่องมือเหรอ เดี๋ยวจะให้ยืม” ให้ยืมแม่แรง ให้ยืมที่คลายน๊อต เขาก็ช่วยจัดการให้เรา เดี๋ยวก็เปลี่ยนยางได้
อันนี้ก็เหมือนกัน พวกเราตอนนี้ยางแตก ไม่มีเครื่องมือกัน พระพุทธเจ้าขับรถผ่านมาเห็นเข้า ก็เลยบอกว่า “มา เรามีเครื่องมือจะให้ยืม เอาเครื่องมือนี้ไปใช้ แล้วเดี๋ยวก็จะเปลี่ยนยางได้” ตอนนี้พวกเราทุกข์กัน พระพุทธเจ้าทรงบอก “เราจะทำให้พวกเธอหายทุกข์ได้ เรามีเครื่องมือให้พวกเธอยืมกัน เอาทานไป เอาศีลไป เอาสมาธิไป เอาปัญญาไป” พอได้เครื่องมือปั๊บเอามาใช้กับใจเราปุ๊บเดียว ก็หายเลย ความทุกข์ใจทั้งหลายก็จะหายหมดไป ความสุขใจก็จะโผล่ขึ้นมาอย่างถาวร ไม่มีวันสิ้นสุด นี่แหละพวกเราเป็นหนี้บุญคุณพระพุทธเจ้าตรงนี้ ตรงที่พระพุทธเจ้าทรงรู้วิธีที่จะทำให้ใจเราหายทุกข์ แล้วก็มีเครื่องมือให้พวกเรามายืมใช้กันโดยไม่คิดค่ายืม ให้ฟรี ธรรมทาน เห็นไหม “การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง” เพราะจะทำให้จิตใจของสัตว์โลกที่ได้ธรรมะไปนี้ ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ได้พบกับความสุขที่แท้จริงที่ถาวร นี่แหละคือเรื่องของธรรมะที่เราควรสนทนากัน ควรถามกัน ควรคุยกัน อย่าไปคุยเรื่องเสื้อผ้า อย่าไปคุยเรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องตำแหน่ง เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เรื่องที่กินที่อะไรต่างๆ เสียเวลา มาคุยเรื่องธรรมะกันดีกว่า มีคุณมีประโยชน์กว่า อย่างที่ท่านทั้งหลายได้มาฟังธรรมกันในวันนี้ เป็นการทำประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่จิตใจ เพราะทำให้เราได้รู้ว่า ความจริงของความสุขของเราอยู่ที่ตรงไหน และจะต้องทำอย่างไร เท่านั้น แล้วเราจะต้องทำอย่างไร พอเรารู้แล้ว ถ้าเรานำไปทำได้ เราก็จะสามารถพบกับความสุขที่แท้จริง หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ความสุขของเราอยู่ที่ตรงไหน
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๑๑ มีนาคม ๒๕๖๒
การที่เราจะมีความสุขภายในใจ ความสุขที่ถาวร เราต้องเลิกหาความสุขภายนอกใจ เลิกหาเงินหาทองเพื่อมาซื้อความสุขต่างๆ พอเราเลิกเราก็จะมีความสุข คนที่ไม่ต้องหาเงินกับคนที่ต้องหาเงินนี่ใครสบายกว่ากัน คนที่ดิ้นรนหาเงินแทบเป็นแทบตาย เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เครียดกับการหาเงิน ได้มาแล้วก็ซื้อของไม่จำเป็นทั้งหลาย ซื้อของเล่นทั้งนั้นแหละ ของไม่จำเป็นก็เหมือนของเล่น เหมือนเด็กๆ แหละ ซื้อตุ๊กตา ซื้อรถเล่น เครื่องเล่นต่างๆ ซื้อมาเล่นกัน วันสองวันก็เบื่อแล้ว แล้วก็ต้องซื้อใหม่ เล่นอันนี้เบื่อแล้วก็ต้องซื้ออันนั้น ซื้อไปเรื่อยๆ นี่บางคนมีเงินซื้อรถเป็นสิบๆ คัน เชื่อไหม ซื้อคันนี้ดีใจ ๓ วัน ๗ วัน เบื่อแล้ว อยากจะซื้อคันใหม่ อ้าวซื้อคันใหม่ ดีใจอีก ๓ วัน ๗ วัน เบื่ออีกแล้ว บางคนมีเป็น ๑๐ คันเลย บางคนมีกำไลเป็น ๑๐ อัน มีแหวนเป็น ๑๐ วง มีสร้อยเป็น ๑๐ เส้น เป็นอะไร ทั้งนั้นเหมือนกันหมด ของเล่นทั้งนั้น ของพวกนี้ ให้ความสุขเดี๋ยวเดียว ให้ความสุขตอนที่ได้ซื้อมาใหม่ๆ แล้วพอเดี๋ยวปั๊บ เดี๋ยวก็เบื่อแล้ว ต้องหาซื้อของใหม่แล้ว จึงทำให้เราต้องดิ้นรนวุ่นวายกับการไปหาเงินหาทอง มีเงินทองมากน้อย มีสมบัติมากน้อยก็ไม่มีความสุข เพราะมันไม่มีความสงบ มันไม่หยุด ความสงบเกิดจากการที่เราหยุด แต่เราไม่ยอมหยุดกัน เรามีแต่จะหามากขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งหามากก็ยิ่งต้องทำมาก คิดมาก วุ่นวายมาก นี่พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เราทำทานกัน ถ้าเรายังต้องใช้เงินไปซื้อความสุขต่างๆ ให้เอาเงินไปทำบุญทำทาน แล้วมันจะทำให้เรามีความสุขมากกว่าด้วยซ้ำไป เพราะทำบุญแล้วทำให้เราอิ่มเอิบใจ มีความสุขใจที่ต่างจากความสุขที่ได้จากไปซื้อของต่างๆ บุญที่เราทำนี้ทำให้เราเกิดความอิ่มความพอ แต่เงินที่เราเอาไปซื้อของ มันทำให้เกิดความหิวความอยากเพิ่มขึ้น มันต่างกันตรงนี้ เมื่อเราเอาเงินไปทำบุญ ต่อไปความอยากจะใช้เงินซื้อความสุขต่างๆ จะหายไปหมด เราก็ไม่ต้องซื้ออะไรอีกต่อไป ซื้อแต่ของจำเป็นเท่านั้น
นี่คือขั้นแรก เมื่อเราสามารถหยุดการหาเงินได้ เราก็จะได้มีเวลาไปทำใจให้สงบได้ ไปอยู่วัดได้ ทุกคนที่บอกว่าไปอยู่วัดไปปฏิบัติธรรมไม่ได้ ก็เพราะมีภารกิจหน้าที่การงาน หาเงินหาทอง ยังไม่มีเวลากัน ทีนี้ ถ้าเราหยุดหาเงินหาทองได้ หรือหาเฉพาะเท่าที่จำเป็น เราก็จะมีเวลาที่จะไปหยุดใจอย่างถาวรได้ การจะหยุดใจอย่างถาวรได้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ต้องเป็นกิจกรรมหลักเลย ต้องไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่น เพราะกิจกรรมอย่างอื่นจะทำให้ใจไม่สงบ ถ้าต้องการให้ใจสงบ ต้องหยุดกิจกรรมทั้งปวง ทำกิจกรรมเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ดูแลร่างกาย ดูแลสถานที่อยู่อาศัยให้มันสะอาดเรียบร้อย เท่านั้นเอง ที่เป็นกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำ หรือรับประทานอาหาร นอกนั้นเอามาหยุดความอยากกันดีกว่า หยุดความอยากที่จะไปทำอะไรต่างๆ หยุดมันให้หมด หยุดด้วยการใช้สติ ใช้สมาธิ ใช้ปัญญา อันนี้แหละคือเครื่องมือที่เราต้องมี เพราะถ้าเราไม่มีสติ ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา เราจะหยุดความอยากไม่ได้ เปรียบเหมือนกับเวลาที่รถยนต์มันยางแตกนี้ ถ้าเราไม่มีเครื่องมือเราเปลี่ยนยางไม่ได้ การจะเปลี่ยนยางได้เราต้องมีแม่แรง ยกล้อให้มันลอยขึ้น แล้วก็มีที่ขันน๊อตเพื่อคลายน๊อตที่มันติดกับยาง พอเราคลาย ยกรถขึ้น คลายน๊อตออก เราก็เปลี่ยนยางได้ เอายางแตกออก เอายางที่ดีใส่เข้าไป แต่ถ้าเราไม่มีแม่แรง เราไม่มีที่ขันน๊อต เราจะทำยังไง ใช้มือเปล่าทำได้ไหม ยกรถขึ้นมาด้วยตัวเราได้ไหม ไม่ได้หรอก
ฉันใด การที่เรารู้ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ภายในใจ และการที่เราจะได้ความสุขภายในใจ เราต้องหยุดหาความสุขภายนอกใจ เราหยุดได้ไหม อันนี้คือข้อสรุปของพระพุทธเจ้า อยู่แค่ตรงนี้แหละ อยากจะมีความสุขที่แท้จริง ที่ไม่มีความทุกข์ ก็ต้องหยุดหาความสุขภายนอกใจ เท่านั้นเอง หยุดได้หรือเปล่า ต่อไปนี้จะหยุดได้ไหม ต่อไปนี้จะหยุดหาลาภยศสรรเสริญ จะไม่หาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ก็บรรลุได้เดี๋ยวนี้เลย บางคนพระพุทธเจ้าสอนแค่นี้ เขาก็บรรลุได้เลย เพราะในใจเขามีกำลัง เขามีสติ มีสมาธิ แต่ไม่มีปัญญา พอพระพุทธเจ้าทรงสอนปัญญา เขาก็รู้เลยว่าปัญหาก็คือเราไม่หยุดใจเรานั่นเอง ไม่หยุดใจเราไปหาความอยาก ไปหาสิ่งต่างๆ พอเราหยุดใจเราไม่ให้ไปหาความอยาก ไปหาสิ่งต่างๆ ใจของเราก็สงบขึ้นมาทันที มีความสุขขึ้นมาทันที ไม่ต้องไปมีอะไรอีกต่อไป ตอนนี้เรามีปัญญาแล้ว พระพุทธเจ้าทรงมอบปัญญาให้กับเราแล้วว่า ถ้าอยากจะพบกับความสุขที่แท้จริงที่ถาวร ต้องหยุดหาความสุขต่างๆ ภายนอกไปให้หมด ถ้ายังหยุดไม่ได้ก็แสดงว่าไม่มีเครื่องมือ ไม่มีเครื่องมือพระพุทธเจ้าก็มีเครื่องมือให้ยืม พระพุทธเจ้าทรงบอก เอาสติไป เอาสมาธิไป เอาปัญญาไป เอาทานไป เอาศีลไป นี่แหละคือเครื่องมือที่จะหยุดหาความสุขภายนอกใจ เหมือนกับเวลายางแตก เราไม่มีเครื่องมือ มีรถเขาผ่านมา เขาเห็นเข้า เขาก็จอด “คุณไม่มีเครื่องมือเหรอ เดี๋ยวจะให้ยืม” ให้ยืมแม่แรง ให้ยืมที่คลายน๊อต เขาก็ช่วยจัดการให้เรา เดี๋ยวก็เปลี่ยนยางได้
อันนี้ก็เหมือนกัน พวกเราตอนนี้ยางแตก ไม่มีเครื่องมือกัน พระพุทธเจ้าขับรถผ่านมาเห็นเข้า ก็เลยบอกว่า “มา เรามีเครื่องมือจะให้ยืม เอาเครื่องมือนี้ไปใช้ แล้วเดี๋ยวก็จะเปลี่ยนยางได้” ตอนนี้พวกเราทุกข์กัน พระพุทธเจ้าทรงบอก “เราจะทำให้พวกเธอหายทุกข์ได้ เรามีเครื่องมือให้พวกเธอยืมกัน เอาทานไป เอาศีลไป เอาสมาธิไป เอาปัญญาไป” พอได้เครื่องมือปั๊บเอามาใช้กับใจเราปุ๊บเดียว ก็หายเลย ความทุกข์ใจทั้งหลายก็จะหายหมดไป ความสุขใจก็จะโผล่ขึ้นมาอย่างถาวร ไม่มีวันสิ้นสุด นี่แหละพวกเราเป็นหนี้บุญคุณพระพุทธเจ้าตรงนี้ ตรงที่พระพุทธเจ้าทรงรู้วิธีที่จะทำให้ใจเราหายทุกข์ แล้วก็มีเครื่องมือให้พวกเรามายืมใช้กันโดยไม่คิดค่ายืม ให้ฟรี ธรรมทาน เห็นไหม “การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง” เพราะจะทำให้จิตใจของสัตว์โลกที่ได้ธรรมะไปนี้ ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ได้พบกับความสุขที่แท้จริงที่ถาวร นี่แหละคือเรื่องของธรรมะที่เราควรสนทนากัน ควรถามกัน ควรคุยกัน อย่าไปคุยเรื่องเสื้อผ้า อย่าไปคุยเรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องตำแหน่ง เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เรื่องที่กินที่อะไรต่างๆ เสียเวลา มาคุยเรื่องธรรมะกันดีกว่า มีคุณมีประโยชน์กว่า อย่างที่ท่านทั้งหลายได้มาฟังธรรมกันในวันนี้ เป็นการทำประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่จิตใจ เพราะทำให้เราได้รู้ว่า ความจริงของความสุขของเราอยู่ที่ตรงไหน และจะต้องทำอย่างไร เท่านั้น แล้วเราจะต้องทำอย่างไร พอเรารู้แล้ว ถ้าเรานำไปทำได้ เราก็จะสามารถพบกับความสุขที่แท้จริง หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต