ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า มันอยู่ในซอยบ้านผมเองครับ ย้ายมาอยู่ที่นี่ เกือบปีแล้ว อยู่ไกลเมืองเชียงใหม่ประมาณ 30นาที พิกัด บ้านร้องกองข้าว ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ครับ ก่อนอื่นขออนุญาติเล่าประวัติส่วนตัวของผมนิดนึง ท่านผู้อ่านจะได้เห็นภาพและอาจจะเข้าใจแนวคิดผมมากยิ่งขึ้น
ESP.1ผมเป็นคนกทม.โดยกำเนิดครับ ตั้งแต่เด็กจนโตคุ้นชินกับการโหนรถเมล์ (โหนจริงๆครับ ตอนนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า) ปัญหารถติดเป็นเรื่องปกติ การใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการเดินทางค่อนข้างมาก แต่มันชินครับ ก็ไม่รู้สึกว่าทุกข์ร้อนอะไร ชีวิตก็เป็นแบบนี้
ESP.2 เรียนจบเริ่มทำงานที่กทม. ชีวิตการทำงานที่กทม.ก็อยู่ในฐานะลูกจ้างบริษัทเอกชน CEOพูดไทยปนฝรั่ง ทำงานเชิงรุก และวัดผลลัพธ์ตลอดเวลา เปรียบการทำงานเหมือนผมเป็นนักมวยกำลังขึ้นชกบนเวทีมวยกันเลยทีเดียว แพ้ไม่ได้ อย่าบ่น อย่ามีข้ออ้าง อย่ามีข้อแม้ อย่ามีเงื่อนไข ไปทำซะ ทำให้สำเร็จ ผมถูกปลูกฝังวัฒนธรรมการทำงานมาแบบนี้ครับ การด่า การเถียง การตะโกน การทุบโต๊ะ หรือแม้กระทั่งการขว้างปาสิ่งของ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ เป็นสิ่งที่ชาชินตา
****ชีวิตก็เป็นแบบนี้ เรื่อยมา****
ESP.3 ย้ายครอบครัวมาอยู่เชียงใหม่ .... ก็มาด้วยเหตุผลเรื่องงานครับ ช่วงนั้นบริษัทขยายกิจการ เห็นโอกาสในเรื่องภาษีจากBOI.จึงเปิดโรงงานที่เชียงใหม่ และย้ายคนส่วนนึง(ประมาณ50คน) มาทำงานที่เชียงใหม่ 10กว่าปีมาแล้วครับ เดิมทีเดียวผมซื้อบ้านอยู่ไม่ไกลจากoffice.ซึ่งก็ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมครับ เวลาที่ใช้ในการเดินทางน้อยลง แต่เวลาทำงานมากขึ้น เลิกงานเฉลี่ย 2-3ทุ่มทุกวันครับ ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ และอาทิตย์บางครั้ง
ESP.4 สองปีที่ผ่านมาย้ายที่ทำงาน มาอยู่โซนสันกำแพง 10เดือนที่ผ่านมา ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ที่ทำงานมากขึ้น ..... โอวแม่เจ้า!! ทำไมมันช่างบ้านนอกเยี่ยงนี้! เซเว่นอยู่ห่างบ้าน 5 กิโล โลตัสบิ๊กซีไม่ต้องถามหา สองทุ่มร้านขายของชำที่ใกล้ที่สุดปิด โอวแม่เจ้า จะอยู่ได้ไหมเนี่ย
EPS.5 ไลฟ์สไตล์ใหม่กับที่ใหม่ ... ตอนนี้งานไม่เยอะและเริ่มอยู่ตัวครับ เข้างาน 8.30 และเลิกไม่เกิน 19.30 บ้านก็อยู่ใกล้ที่ทำงานซะเหลือเกิน เวลาเหลือสิครับ สิ่งยั่วยวนใจก็ไม่มี จะไปห้าง โอ้ย! ไกล ขี้เกียจขับรถ ไปฟิตเนส ไปสังสรรค์ ไปกินหมูกะทะ ไปบลาๆๆ ที่เสียตังค์ ทำไมมันดูไกลเหลือเกิน
กลับบ้านดีกว่า ดูทีวี เล่นกับแมว ปลูกผัก ปลูกข้าว รดน้ำต้นไม้ เข้าครัวทำอาหาร เวลาก็ยังเหลือ นอนสี่ทุ่ม ตื่นมาก็6 โมงเช้าทุกที จะทำอะไรล่ะทีนี้ อีกตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า ดูข่าวเช้ารึ โน! ไม่อยากหดหู่แต่เช้า จึงเริ่มเป็นที่มาของการ ออกไปปั่นชมวิว
แอ๊นแอนแอ๊น!! ออกประตูบ่านมาก็เจอถนนลาดยาง กว้างขวาง ปลอดภัย
แชร์สถานที่ขี่จักรยานชิลล์ๆ วิวสวย ปลอดภัย ในเขตชายแดนเชียงใหม่ -ลำพูน
ESP.1ผมเป็นคนกทม.โดยกำเนิดครับ ตั้งแต่เด็กจนโตคุ้นชินกับการโหนรถเมล์ (โหนจริงๆครับ ตอนนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า) ปัญหารถติดเป็นเรื่องปกติ การใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการเดินทางค่อนข้างมาก แต่มันชินครับ ก็ไม่รู้สึกว่าทุกข์ร้อนอะไร ชีวิตก็เป็นแบบนี้
ESP.2 เรียนจบเริ่มทำงานที่กทม. ชีวิตการทำงานที่กทม.ก็อยู่ในฐานะลูกจ้างบริษัทเอกชน CEOพูดไทยปนฝรั่ง ทำงานเชิงรุก และวัดผลลัพธ์ตลอดเวลา เปรียบการทำงานเหมือนผมเป็นนักมวยกำลังขึ้นชกบนเวทีมวยกันเลยทีเดียว แพ้ไม่ได้ อย่าบ่น อย่ามีข้ออ้าง อย่ามีข้อแม้ อย่ามีเงื่อนไข ไปทำซะ ทำให้สำเร็จ ผมถูกปลูกฝังวัฒนธรรมการทำงานมาแบบนี้ครับ การด่า การเถียง การตะโกน การทุบโต๊ะ หรือแม้กระทั่งการขว้างปาสิ่งของ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ เป็นสิ่งที่ชาชินตา
****ชีวิตก็เป็นแบบนี้ เรื่อยมา****
ESP.3 ย้ายครอบครัวมาอยู่เชียงใหม่ .... ก็มาด้วยเหตุผลเรื่องงานครับ ช่วงนั้นบริษัทขยายกิจการ เห็นโอกาสในเรื่องภาษีจากBOI.จึงเปิดโรงงานที่เชียงใหม่ และย้ายคนส่วนนึง(ประมาณ50คน) มาทำงานที่เชียงใหม่ 10กว่าปีมาแล้วครับ เดิมทีเดียวผมซื้อบ้านอยู่ไม่ไกลจากoffice.ซึ่งก็ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมครับ เวลาที่ใช้ในการเดินทางน้อยลง แต่เวลาทำงานมากขึ้น เลิกงานเฉลี่ย 2-3ทุ่มทุกวันครับ ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ และอาทิตย์บางครั้ง
ESP.4 สองปีที่ผ่านมาย้ายที่ทำงาน มาอยู่โซนสันกำแพง 10เดือนที่ผ่านมา ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ที่ทำงานมากขึ้น ..... โอวแม่เจ้า!! ทำไมมันช่างบ้านนอกเยี่ยงนี้! เซเว่นอยู่ห่างบ้าน 5 กิโล โลตัสบิ๊กซีไม่ต้องถามหา สองทุ่มร้านขายของชำที่ใกล้ที่สุดปิด โอวแม่เจ้า จะอยู่ได้ไหมเนี่ย
EPS.5 ไลฟ์สไตล์ใหม่กับที่ใหม่ ... ตอนนี้งานไม่เยอะและเริ่มอยู่ตัวครับ เข้างาน 8.30 และเลิกไม่เกิน 19.30 บ้านก็อยู่ใกล้ที่ทำงานซะเหลือเกิน เวลาเหลือสิครับ สิ่งยั่วยวนใจก็ไม่มี จะไปห้าง โอ้ย! ไกล ขี้เกียจขับรถ ไปฟิตเนส ไปสังสรรค์ ไปกินหมูกะทะ ไปบลาๆๆ ที่เสียตังค์ ทำไมมันดูไกลเหลือเกิน
กลับบ้านดีกว่า ดูทีวี เล่นกับแมว ปลูกผัก ปลูกข้าว รดน้ำต้นไม้ เข้าครัวทำอาหาร เวลาก็ยังเหลือ นอนสี่ทุ่ม ตื่นมาก็6 โมงเช้าทุกที จะทำอะไรล่ะทีนี้ อีกตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า ดูข่าวเช้ารึ โน! ไม่อยากหดหู่แต่เช้า จึงเริ่มเป็นที่มาของการ ออกไปปั่นชมวิว
แอ๊นแอนแอ๊น!! ออกประตูบ่านมาก็เจอถนนลาดยาง กว้างขวาง ปลอดภัย