คนวัยหนุ่มสาวอาจยังไม่รู้นะว่าเราเปลี่ยนกันมากี่รอบละ
-เลือกตั้งผู้แทนตำบล ก่อนที่จะให้ผู้แทนตำบลไปเลือก สส.
-เลือกตรง แบ่งเขต
-รวมเขตเรียงเบอร์
-แบ่งเขตเรียงเบอร์
-กลับมา รวมเขตเรียงเบอร์
-เลือกตรงแบบผสม เขตละไม่เกิน 3 คน
-เลือกแบบผสม โดยเป็น ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (one man one vote) และ ส.ส. จากบัญชีรายชื่อ (party lists) เลือกคนได้พรรคด้วย และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลอยู่จนครบวาระ 4 ปี
-เลือกตั้งแบบเขตเดียวหลายคนและแบบสัดส่วน
-เขตเล็กลง 1 คน 1 เขต (ต่างจากที่ผ่านมาเขตละไม่เกิน 3 คน) และ แบบ บช. รายชื่อหรือ party list (กลับมาอีกรอบ)
และครี้งล่าสุดก็ครั้งนี้กระบวนการเลือกตั้งก็เปลี่ยนไปตามที่ทราบกัน ก็ประมาณนี้ เรียบเรียงผิดถูกขออภัย
เมื่อใดที่พรรคการเมืองอ่อนแอคุมลูกพรรคไม่ได้ มีมุ้งเล็ก มุ้งใหญ่ หรือในมุ้งใหญ่มีมุ้งเล็ก มีงูเห่าโหวตสวน ก็เขียนรัฐธรรมนูญให้พรรคการเมืองแข็งแรงมีเสถียรภาพซะ
เมื่อพรรคการเมืองแข็งแรงมีเสถียรภาพก็จะมีเสียง สส. ในสภามากเป็นหลักร้อยหลายร้อยก็แก้ปัญหามุ้งเล็ก มุ้งใหญ่ที่ว่าได้ แต่กลายเป็นเจอวาทกรรมเผด็จการรัฐสภา พวกมากลากไป เออเอาสิ งงไหม เล็กไปก็อ่อนแอไม่เสถียรภาพ พอใหญ่ขึ้นก็กลายเป็นเผด็จการรัฐสภา
ล่าสุดก็วนกลับมาอีกทำให้มันเล็กลงซะ งูเห่าก็ทำท่าจะมา แถมหนักกว่าเดิมอีกเพราะย้ายพรรคได้โดยยังคงเป็น สส. เหมือนเดิม เหมือนมือถือเปลี่ยนค่ายเบอร์เดิมเลย ประวัติศาสตร์เริ่มจะเห็นลางๆว่าจะวนกลับมาซ้ำรอย
ไร้จุดยืน มันไม่มีระบบไหนที่มันสมบูรณ์ แต่ละอันมันก็มีข้อดีข้อด้วย เปลี่ยนไปมาไม่ได้แก้ปัญหาอะไรรังแต่จะเพิ่มปัญหาอย่างที่เห็นกันในวันนี้ เชื่อได้เลยว่าเดี๋ยวก็เปลี่ยนอีก
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจะเห็นว่าหลงทางกันตลอดไปแก้ที่รัฐธรรมนูญ ที่นักการเมือง ส่วนตัวแล้วมันผิดทางมันต้องไปแก้ที่ ประชาชน เพราะประชาชนเป็นอย่างไรก็ได้นักการเมืองเป็นอย่างนั้น เช่นจะเลือก สส. สักคน ถามว่ารู้ไหมว่า สส. มีหน้าที่อะไรจะมีสักกี่คนที่ตอบได้
ว่าด้วยกระบวนการเลือกตั้ง ...
-เลือกตั้งผู้แทนตำบล ก่อนที่จะให้ผู้แทนตำบลไปเลือก สส.
-เลือกตรง แบ่งเขต
-รวมเขตเรียงเบอร์
-แบ่งเขตเรียงเบอร์
-กลับมา รวมเขตเรียงเบอร์
-เลือกตรงแบบผสม เขตละไม่เกิน 3 คน
-เลือกแบบผสม โดยเป็น ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (one man one vote) และ ส.ส. จากบัญชีรายชื่อ (party lists) เลือกคนได้พรรคด้วย และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลอยู่จนครบวาระ 4 ปี
-เลือกตั้งแบบเขตเดียวหลายคนและแบบสัดส่วน
-เขตเล็กลง 1 คน 1 เขต (ต่างจากที่ผ่านมาเขตละไม่เกิน 3 คน) และ แบบ บช. รายชื่อหรือ party list (กลับมาอีกรอบ)
และครี้งล่าสุดก็ครั้งนี้กระบวนการเลือกตั้งก็เปลี่ยนไปตามที่ทราบกัน ก็ประมาณนี้ เรียบเรียงผิดถูกขออภัย
เมื่อใดที่พรรคการเมืองอ่อนแอคุมลูกพรรคไม่ได้ มีมุ้งเล็ก มุ้งใหญ่ หรือในมุ้งใหญ่มีมุ้งเล็ก มีงูเห่าโหวตสวน ก็เขียนรัฐธรรมนูญให้พรรคการเมืองแข็งแรงมีเสถียรภาพซะ
เมื่อพรรคการเมืองแข็งแรงมีเสถียรภาพก็จะมีเสียง สส. ในสภามากเป็นหลักร้อยหลายร้อยก็แก้ปัญหามุ้งเล็ก มุ้งใหญ่ที่ว่าได้ แต่กลายเป็นเจอวาทกรรมเผด็จการรัฐสภา พวกมากลากไป เออเอาสิ งงไหม เล็กไปก็อ่อนแอไม่เสถียรภาพ พอใหญ่ขึ้นก็กลายเป็นเผด็จการรัฐสภา
ล่าสุดก็วนกลับมาอีกทำให้มันเล็กลงซะ งูเห่าก็ทำท่าจะมา แถมหนักกว่าเดิมอีกเพราะย้ายพรรคได้โดยยังคงเป็น สส. เหมือนเดิม เหมือนมือถือเปลี่ยนค่ายเบอร์เดิมเลย ประวัติศาสตร์เริ่มจะเห็นลางๆว่าจะวนกลับมาซ้ำรอย
ไร้จุดยืน มันไม่มีระบบไหนที่มันสมบูรณ์ แต่ละอันมันก็มีข้อดีข้อด้วย เปลี่ยนไปมาไม่ได้แก้ปัญหาอะไรรังแต่จะเพิ่มปัญหาอย่างที่เห็นกันในวันนี้ เชื่อได้เลยว่าเดี๋ยวก็เปลี่ยนอีก
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจะเห็นว่าหลงทางกันตลอดไปแก้ที่รัฐธรรมนูญ ที่นักการเมือง ส่วนตัวแล้วมันผิดทางมันต้องไปแก้ที่ ประชาชน เพราะประชาชนเป็นอย่างไรก็ได้นักการเมืองเป็นอย่างนั้น เช่นจะเลือก สส. สักคน ถามว่ารู้ไหมว่า สส. มีหน้าที่อะไรจะมีสักกี่คนที่ตอบได้