ตอนเข้าม.ปี1 ได้รู้จักกับผช.คนนึงค่ะ สมมุติว่าชื่อนายก. เราสนิทกันมากค่ะ ไปรับไปส่งกันแทบทุกวัน ด้วยความที่บ้านอยู่ไม่ไกลกันมาก บางวันเลิกเรียนก็จะชวนกันไปหาอะไรอร่อยๆกินประจำ (แต่ไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนนะคะ เพราะต่างคนต่างมีแฟนค่ะ) สนิทจนรู้สึกว่าไม่มีความลับอะไรต่อกันค่ะ
จนวันนึงค่ะ วันรับรุ่นของม. แต่นายก.บวชเป็นพระอยู่ ด้วยความที่เรารู้สึกว่าไม่อยากทิ้งเพื่อน เลยคิดว่าถ้าเพื่อนไม่ไปเราก็ไม่ไป นายก.เลยบอกกับเราว่า พระจะไม่ทิ้งโยม ตอนนั้นเราเชื่อนะคะว่าเขาจะไม่ทิ้งเรา เพราะให้ใจเขาไปเต็ม100เลยค่ะ พอเขาศึกออกมาทุกอย่างเหมือนเดิมค่ะ คงสนิทกันเหมือนเดิม
จนวันนึงขึ้นปี2เขาย้ายบ้านค่ะ เขาบอกว่าบ้านเขาไกล ขี่รถไม่ไหว เขาอยากเช่าหอแถวม. ตอนนั้นเราก็เข้าใจค่ะ เราจึงจะกลับบ้านพร้อมเขาทุกวันศุกร์ ส่วนวันจ.-พฤ.กลับเองค่ะ เป็นแบบนี้สักพักจนวันนึงเรารู้สึกว่าเหมือนเขาเริ่มออกห่างเราไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน เขาไปอยู่กับเพื่อนผช.อีกคนนึงค่ะ สมมุติว่าชื่อนายข. แต่ตอนนั้นเราก็พยายามไม่คิดมากค่ะ คิดเราอาจจะต้องปรับตัวเพื่อให้เขากับเพื่อน อาจจะเป็นเพราะเรานิสัยไม่ดี เลยพยายามแก้ที่ตัวเองก่อนค่ะ ตอนนั้นมันอึดอัดมากค่ะ ไม่เป็นตัวเองเลย เหมือนกำลังทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา
วันนึงอาจารย์สั่งงานกลุ่ม ซึ่งเรากับนายก.ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้วเหมือนรู้กันอ่ะค่ะ ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่านายก.ชวนนายข.มาอยู่ด้วย ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร
เราด้วยความที่ชอบวิชานี้เลยบอกว่าเดี๋ยวทำเอง จนวันใกล้ส่งงานแล้วงานเสร็จไม่ทัน นายก.ก็ไม่สนใจเราเลย อยู่แต่กับนายข.เริ่มออกห่างเราไปทุกที จนนายข.มาว่าเราว่างานไม่เสร็จทำไมไม่เอามาให้ช่วยทำ ตอนนั้นคือโมโหมากค่ะ เพราะงานอยู่ในคอมนายก.แต่นายก.ไม่ได้เอาคอมมาทั้งๆที่รู้ว่างานต้องส่ง เราเลยถามนายข.ว่า นายก.ให้มาพูดใช่ไหม นายข.ก็บอกว่าไม่ใช่แล้วก็ว่าเรา ไม่ยอมเอางานมาให้ช่วยทำ (ยอมรับว่าก็ผิดนะคะที่ไม่ยอมแบ่งงานกับเพื่อนเอามาทำคนเดียว)ตอนนั้นโมโหมาก เลยเดินไปถามนายก.ว่า เป็น** อะไร นายก.ก็ตอบกลับมาว่าแค่อะไร นายข.เดินมาว่าซ้ำ ตอนนั้นไม่ได้สนใยนายข.เลยค่ะ ตอนนั้นคือมองหน้านายก.แล้วน้ำตาจะไหลเลยเดินออกมา หลังจากนั้นพอเราสงบอารมณ์ได้ จึงโทรไปบอกให้นายก.เอาคอมมา เราก็นั่งทำต่อจนเสร็จ โดยที่นายก.ก็นั่งข้างๆแต่ไม่คุยอะไรกัน หลัฃจากนั้นก็ไม่คุยกันสักพักเลยค่ะ
จนวันนึงเราไปบ้านเพื่อนสนิทเราคนนึงสมมุติว่าชื่อนายค. เราเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง นายค.ก็โทรไปหานายก.เพื่อให้เราคุยกันดีๆ แต่สุดท้ายทะเลาะกันค่ะ ด่ากัน หนักมาก ซึ่งนายก.ไม่เคยด่าเราแบบนี้ก็ด่า เหมือนเขาคงถึงจุดที่ไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นไม่มองหน้ากันอีกเลยค่ะ ไปม.เจอกันก็ไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน อึดอัดมากค่ะ จนวันนึงเราตัดสินใจทักไปถามนายก. กะว่าจะคุยกันดีๆ เพราะอยากกลับมาเป็นเพื่อนกันอีก เขาก็คุยดีค่ะ เขาบอกว่าเขาเป็นอะไรไม่รู้ แต่คำพูดนึงของเขาที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บมากๆ ก็คือ "เวลาอยูากับเราแล้วเขารู้สึกอึดอัด" มันทำให้รู้คำตอบทุกอย่างที่เราถามเขา ตอนนั้นคือหมดคำถามหมดคำพูดทุกอย่าง นั่งรถเมล์กลับบ้านแล้วน้ำตาไหลบนรถเลยค่ะ น้ำตามันไหลเอง มันเหมือนว่ากลั้นไม่อยู่แล้ว ไม่อยู่แล้วจริงๆ หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย
อีกใจนึงก็เจ็บนะคะ กับสิ่งที่เขาพูดกับเรา เหมือนมันจำไปตลอดเวลาเห็นหน้าเขาเหตุการณ์คำพูดของเขาก็ลอยเข้ามาทุกที
ทั้งๆที่ในใจก็อยากคุยอยากกลับไปเหมือนเดิม ได้แค่แอบมองเขาอยู่ห่างๆค่ะ
เพื่อนหลายคนก็ถามนะคะว่าถ้าเขามาคุยด้วยจะคุยไหม เอาตรงๆคือกลัวค่ะ กลัวใจตัวเอง ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน กลัวร้องไห้ต่อหน้าเขาค่ะ
ตอนนี้เขาเรียนใกล้จบแล้ว ซึ่งเรายังเหลือตัวที่ค้างอยู่ ก็คงทำได้แค่อวยพรในใจว่าขอให้นายโชคดี เพื่อนรัก
โดนแย่งแฟนไม่เจ็บเท่าโดนแย่งเพื่อนสนิท
จนวันนึงค่ะ วันรับรุ่นของม. แต่นายก.บวชเป็นพระอยู่ ด้วยความที่เรารู้สึกว่าไม่อยากทิ้งเพื่อน เลยคิดว่าถ้าเพื่อนไม่ไปเราก็ไม่ไป นายก.เลยบอกกับเราว่า พระจะไม่ทิ้งโยม ตอนนั้นเราเชื่อนะคะว่าเขาจะไม่ทิ้งเรา เพราะให้ใจเขาไปเต็ม100เลยค่ะ พอเขาศึกออกมาทุกอย่างเหมือนเดิมค่ะ คงสนิทกันเหมือนเดิม
จนวันนึงขึ้นปี2เขาย้ายบ้านค่ะ เขาบอกว่าบ้านเขาไกล ขี่รถไม่ไหว เขาอยากเช่าหอแถวม. ตอนนั้นเราก็เข้าใจค่ะ เราจึงจะกลับบ้านพร้อมเขาทุกวันศุกร์ ส่วนวันจ.-พฤ.กลับเองค่ะ เป็นแบบนี้สักพักจนวันนึงเรารู้สึกว่าเหมือนเขาเริ่มออกห่างเราไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน เขาไปอยู่กับเพื่อนผช.อีกคนนึงค่ะ สมมุติว่าชื่อนายข. แต่ตอนนั้นเราก็พยายามไม่คิดมากค่ะ คิดเราอาจจะต้องปรับตัวเพื่อให้เขากับเพื่อน อาจจะเป็นเพราะเรานิสัยไม่ดี เลยพยายามแก้ที่ตัวเองก่อนค่ะ ตอนนั้นมันอึดอัดมากค่ะ ไม่เป็นตัวเองเลย เหมือนกำลังทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา
วันนึงอาจารย์สั่งงานกลุ่ม ซึ่งเรากับนายก.ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้วเหมือนรู้กันอ่ะค่ะ ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่านายก.ชวนนายข.มาอยู่ด้วย ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร
เราด้วยความที่ชอบวิชานี้เลยบอกว่าเดี๋ยวทำเอง จนวันใกล้ส่งงานแล้วงานเสร็จไม่ทัน นายก.ก็ไม่สนใจเราเลย อยู่แต่กับนายข.เริ่มออกห่างเราไปทุกที จนนายข.มาว่าเราว่างานไม่เสร็จทำไมไม่เอามาให้ช่วยทำ ตอนนั้นคือโมโหมากค่ะ เพราะงานอยู่ในคอมนายก.แต่นายก.ไม่ได้เอาคอมมาทั้งๆที่รู้ว่างานต้องส่ง เราเลยถามนายข.ว่า นายก.ให้มาพูดใช่ไหม นายข.ก็บอกว่าไม่ใช่แล้วก็ว่าเรา ไม่ยอมเอางานมาให้ช่วยทำ (ยอมรับว่าก็ผิดนะคะที่ไม่ยอมแบ่งงานกับเพื่อนเอามาทำคนเดียว)ตอนนั้นโมโหมาก เลยเดินไปถามนายก.ว่า เป็น** อะไร นายก.ก็ตอบกลับมาว่าแค่อะไร นายข.เดินมาว่าซ้ำ ตอนนั้นไม่ได้สนใยนายข.เลยค่ะ ตอนนั้นคือมองหน้านายก.แล้วน้ำตาจะไหลเลยเดินออกมา หลังจากนั้นพอเราสงบอารมณ์ได้ จึงโทรไปบอกให้นายก.เอาคอมมา เราก็นั่งทำต่อจนเสร็จ โดยที่นายก.ก็นั่งข้างๆแต่ไม่คุยอะไรกัน หลัฃจากนั้นก็ไม่คุยกันสักพักเลยค่ะ
จนวันนึงเราไปบ้านเพื่อนสนิทเราคนนึงสมมุติว่าชื่อนายค. เราเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง นายค.ก็โทรไปหานายก.เพื่อให้เราคุยกันดีๆ แต่สุดท้ายทะเลาะกันค่ะ ด่ากัน หนักมาก ซึ่งนายก.ไม่เคยด่าเราแบบนี้ก็ด่า เหมือนเขาคงถึงจุดที่ไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นไม่มองหน้ากันอีกเลยค่ะ ไปม.เจอกันก็ไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน อึดอัดมากค่ะ จนวันนึงเราตัดสินใจทักไปถามนายก. กะว่าจะคุยกันดีๆ เพราะอยากกลับมาเป็นเพื่อนกันอีก เขาก็คุยดีค่ะ เขาบอกว่าเขาเป็นอะไรไม่รู้ แต่คำพูดนึงของเขาที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บมากๆ ก็คือ "เวลาอยูากับเราแล้วเขารู้สึกอึดอัด" มันทำให้รู้คำตอบทุกอย่างที่เราถามเขา ตอนนั้นคือหมดคำถามหมดคำพูดทุกอย่าง นั่งรถเมล์กลับบ้านแล้วน้ำตาไหลบนรถเลยค่ะ น้ำตามันไหลเอง มันเหมือนว่ากลั้นไม่อยู่แล้ว ไม่อยู่แล้วจริงๆ หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย
อีกใจนึงก็เจ็บนะคะ กับสิ่งที่เขาพูดกับเรา เหมือนมันจำไปตลอดเวลาเห็นหน้าเขาเหตุการณ์คำพูดของเขาก็ลอยเข้ามาทุกที
ทั้งๆที่ในใจก็อยากคุยอยากกลับไปเหมือนเดิม ได้แค่แอบมองเขาอยู่ห่างๆค่ะ
เพื่อนหลายคนก็ถามนะคะว่าถ้าเขามาคุยด้วยจะคุยไหม เอาตรงๆคือกลัวค่ะ กลัวใจตัวเอง ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน กลัวร้องไห้ต่อหน้าเขาค่ะ
ตอนนี้เขาเรียนใกล้จบแล้ว ซึ่งเรายังเหลือตัวที่ค้างอยู่ ก็คงทำได้แค่อวยพรในใจว่าขอให้นายโชคดี เพื่อนรัก