Jeffrey Dahmer เกย์โหดโครตคลั่งศพ!!
รับชมคำบรรยายพร้อมภาพประกอบ

วันจันทร์ที่
22 ก.ค. ปี 1991 วันเริ่มต้นการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย
ตำรวจสายตรวจสองนายแห่งเมืองมิลวอกี้ ขับรถลาดตะเวนรอบ ๆ มหาวิทยาลัยมาร์เควตต์
พื้นที่ละแวกนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเขตอาญากรรมสูงที่สุดแห่งหนึ่ง วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว
ความร้อนสูงและมีความชื้นในอากาศสูงมาก จนแทบทนไม่ไหว
แถมผสมกับกลิ่นจากกองขยะและของเสียพวกฉี่ที่พวกจรจัดราดจนส่งกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนอบอวลไปหมด
เวลานั้นเป็นเวลาราว
ๆ เที่ยงคืน ขณะที่ตำรวจสองนายยังคงนั่งอยู่ในรถสายตรวจ ตะเวนสอดส่ายไปมา หาสิ่งผิดปกติหรือบุคคลน่าสงสัยนั้น
พลันก็มองเห็นชายผิวดำคนหนึ่งวิ่งกระหืบ กระหอบ ที่ข้อมือมีกุญแจมือห้อยต่องแต่งไปมา
สองนายตำรวจคิดว่าอาจเป็นคนร้ายหนีจากการจับกุม จึงรีบขับรถดักหน้า ควักเครื่องหมายตำตรวจมาให้ดู
"เฮ้ย
หยุด นี่ตำรวจ ทำผิดแล้วหนีมาเรอะ ?"
เมื่อชายผิวดำเห็นตำรวจ
แทนที่จะแสดงความตกใจกลับแสดงความดีใจเหมือนเห็นนักบุญมาโปรดสัตว์ เขายักไหล่และพูดอย่างรวดเร็ว
"ปะ เปล่า ครับ ผมชื่อ การ์ซี่ เอ็ดเวิร์ด คือผมเป็นอย่างนี้เพราะมี**บ้าคนหนึ่งจับผมใส่กุญแจไว้ในอพาร์ตเมนต์ของมัน"
เรื่องราวของเอ็ดเวิร์ดค่อยพรั่นพูดออกมา...มันส่อเค้ากระเดือดไปทางรักร่วมเพศ
"อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า"
"ไปดูซักนิดก็แล้วกัน
จะได้ไปจุดอื่นต่อ" ตำรวจคู่หูออกความเห็น
"ไปเลยครับคุณตำรวจ ออกซ์ฟอร์ดอพาร์ดเมนต์นี้เอง
ห้อง 213"
และตำรวจสองนายก็ได้เห็นภาพที่ลืมไม่ลงตลอดชั่วชีวิต
อ๊อกฟอร์ด
อพาร์ทเมนต์ เลขที่ 924 เหนือ ถนน 25

ก๊อก ก๊อก.......
"ช่วยเปิดประตูด้วย
นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ"
ผู้เปิดประตู เป็นชายผมบลอน์อายุราว 30
ต้น ๆ แต่งกายสะอาดเรียบร้อย
"อ้าวสวัสดีครับ......
คุณตำรวจ"
ชายผู้นั้นดูดี มาดนิ่ง
พูดจาเป็นเรื่องเป็นราว น้ำเสียงก็เป็นปกติ
"มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับคุณตำรวจ"
"เราเจอเพื่อนคุณ ไม่ทราบว่าคุณกรุณาไขกุญแจมือให้ชายคนนี้ด้วยครับ"
ชายผิวดำเป็นอิสระ
แล้วรีบร้องบอกตำรวจทันที
"มันจะฆ่าผมมันเอามีดเล่มโน้นแหละมาขู่ผม
คุณตำรวจเชิญไปดูห้องนอนมันสิครับ"
"เชิญครับ"
ชายผมบลอน์เชิญตำรวจ "อ๋อ........ผม เจฟฟรีย์
ดาห์เมอร์ ครับ เข้าไปข้างในก่อนสิครับ"
สองสายตรวจก้าวเขาไปในห้อง
สายตากวาดไปรอบ ๆ อย่างที่ถูกฝึกมา ห้องเล็กๆนั้นสะเอี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อย
จนไม่อยากเชื่อว่าเป็นห้องชายโสด ปลาในตู้อ้วนแสดงถึงความเอาใจใส่
แต่เมื่อก้าวลึก ๆ เข้าไปด้านใน
กลิ่นเหม็นเน่าประหลาดผสมปนเปเตะเข้าจมูก
พลันหนึ่งในสองได้เห็นกับรูปโพลารอยด์หลายใบที่หล่นบนพื้นห้องถึงกับซ็อค ชั่วขณะ
มันเป็นภาพร่างคนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ และภาพกะโหลกแช่อยู่ในตู้เย็น
เงียบไปอึดใจหนึ่ง
แต่สำหรับตำรวจสายตรวจผู้เห็นภาพวิปริต มันช่างนานแสนนาน หลังจากรวบรวมสติอย่างเต็มกำลัง
สายตรวจตะโกนบอกเพื่อนคู่หูทันที
"เฮ้ยจับ
จับ.........จับมันใส่กุญแจมือเดี๋ยวนี้เร็วเข้า"
ชายผมบลอน์ผู้สงบเสงี่ยมสะบัดมือเต็มแรงหนีกุญแจมือที่กำลังสับลงมา
เขาสู้สุดชีวิต แต่ไม่นานก็จนมุมเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกฝึกมาชำนาญกว่า จากนั้นตำรวจนายหนึ่งก็รี่เข้าไปกระชากบานตู้เย็นออก
แล้วเขาก็ร้องออกมาสุดเสียงต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เขาเปิดตู้เย็นเต็มแรงพลางตะโกนลั่น
"เฮ้ยมันมีแต่หัวคนเต็มตู้เลย** เรียกกำลังสมทบด่วน"
ไม่กี่อึดใจอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ
ก็คลาคล่ำไปด้วยรถต่าง ๆ ทั้งไฟสัญญาณไซเรน
บนหลังคาตำรวจตัดกับสีฟ้าวาววับบนหลังคารถพยาบาล
"ดิฉัน แอนน์ อี ชว๊าทซ์
ผู้สื่อข่าว รายงานสดจากออกซ์ฟอร์ด อพาร์ตเมนต์ ห้อง 213 มิลวอกี ขอย่ำว่าดิฉันมาถึงที่นี้เป็นคนแรก
ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่กั้นเป็นพื้นที่เขตห้ามเข้า จากที่ได้เดินไปยังห้องหมายเลข
213 ดิฉันพบว่าภายในห้องเล็ก ๆ สะอาดเรียบร้อยมาก
ตั้งแต่พื้นเตียงนอนเลยที่เดียว แม้แต่ตู้ปลาก็ใสสะอาดตัด
แต่ห้องที่สะอาดนี้กลับกลิ่นเหม็นเน่าที่ตลบอบอวลไปหมด ที่มาของกลิ่นนี้
เราพบว่าเป็นตู้เย็นที่ใส่ศีรษะมนุษย์ไว้ถึง 3 หัว
ผลึกไว้ในถุงพลาสติกกับกล่องเบ็คกิ้งโซดาอย่างแน่นหนา
เจ้าของห้องพยายามพยายามดับกลิ่นนี้ด้วยการใส่โซดาปิ้งขนมปังเอาไว้หลาย ๆ
กล่องด้วยกัน"
"นอกจากนี้เมื่อเปิดเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนที่มีสายยูปิดไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อพังเข้าไปพบว่ามีหม้อใบใหญ่วางไว้ที่มุมด้านในห้องน้ำ
และเมื่อเปิดฝาดูในหม้อทำกับข้าวก็พบมือเท้าและอวัยวะเพศชายที่ถูกสับเป็นท่อนๆ
เป็นชิ้น ๆ และเริ่มเน่าเปลือยแล้วด้วย"
"ที่ชั้นวางเราพบว่ามีกะโหลกศีรษะ
2 หัววางไว้บนชั้น มีเหยือกแก้ว
ขวดใส่เอธิล แอลกอฮอล คลอโรฟอร์ม กับฟอร์มาลดีไฮด์ดองใส่อวัยวะเพศชาย
มีภาพจากภาพโพลารอยด์จำนวนมากในท่วงท่าต่าง ๆ ของเหยื่อที่เสียชีวิต
มีทั้งภาพหัวคนตัดสด ๆ วางอยู่ในอ่างล้างจาน
ภาพลำตัวที่ถูกตัดตั้งแต่คอลงไปถึงต้นขา รูปกระดูกเชิงกราน
บางภาพเป็นรูปเหยื่อที่พันธนาการเอาไว้ก่อนเสียชีวิต ร่างที่โยนไว้ในอ่างอาบน้ำ
ดิฉันได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนพูดว่า
นี้เป็นคืนนรกแตกโดยแท้"
เกริ่นไปซะตั้งนาน และนี้เป็นหัวข้อข่าวของ
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกย์กินคน และเป็นคดีที่โด่งดัง และเป็นฆาตกรที่นักจิตวิทยาอาญาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
และสาเหตุของความผิดปกติของการกินคน
เพราะจากการสืบประวัติแทบไม่มีจุดบกพร่องให้เห็นเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นฆาตกรไปได้
มันน่าสนใจจริง ๆ
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ถูกนำตัวไปโรงพัก
เขาสารภาพเรื่องราวในการสังหารเหยื่อตลอด 13 ปี
อย่างหมดเปลือก.........
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์เกิดเมื่อ 21 พฤษภาคม 1960 ในครอบครัวที่ร่ำรวยเเละการศึกษาสูง

เป็นบุตรชายคนโตของ
ไลโอเนลและจอยส์ ดาห์เมอร์ ซึ่งในขณะนั้น
ไลโอเนลผู้เป็นพ่อยังเป็นนักศึกษาในมหาลัยอยู่
ซึ่งภายหลังไลโอเนลได้กล่าวในหนังสือของเขาว่า "ในตอนนั้น
พวกผมคงยังไม่พร้อมจะมีลูก" จอยส์แพ้ท้องอย่างรุนแรงและกินยาต่างๆ
วันหนึ่งถึง 26 เม็ด หลังจากที่เจฟฟรีย์เกิดมา ไลโอเนลก็ทุ่มตัวให้กับการเรียนจนได้ปริญญาบัตรดอกเตอร์ด้านการวิจัยเคมีในปี
1966 ทางด้านจอยส์นั้น
จากเดิมที่มีอาการประสาทอ่อนๆ สภาพจิตใจของเธอก็ไม่ปกตินักมาตลอด
เนื่องจากความเครียดจากการเลี้ยงบุตร และมีการทะเลาะกับไลโอเนลบ่อยครั้ง
เมื่อเธอท้องลูกคนที่สองก็ทานยาจำนวนมากอีก
และมันทำให้เธอต้องนอนอยู่เกือบตลอดเวลา
วัยเด็กของเจฟฟรีย์จึงเติบโตมาพร้อมกับมารดาซึ่งมี อาการฮิสทีเรีย
กับบิดาซึ่งยุ่งอยู่กับการวิจัยจนไม่ค่อยได้ใส่ใจครอบครัว
เจฟฟรีย์ในวัยเด็กเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวและชอบอยู่คนเดียวในป่าใกล้บ้านมากกว่าการออกไปเล่นกับเด็กคนอื่น
เขาติดใจในชุดทดลองวิทยาศาสตร์ที่พ่อซื้อให้ และเจฟฟรีเขามักจะมีงานอดิเรก
คือการเอาศพของสัตว์ตัวเล็กๆ
มาละลายด้วยกรดหรือดองฟอร์มาลีนอยู่บ่อยครั้ง
เมื่ออายุได้ 4
ปี ครอบครัวมีสาเหตุต้องย้ายไปที่อื่น
เพราะพ่อเขาได้รับตำแหน่งใหม่ที่มหาวิทยาลัยไอโอวา เสตท ในรัฐโอไฮโอ
เพื่อทำปริญญาเอก
เจฟฟรีย์ เริ่มสนใจในงานอดิเรกของพ่อเป็นพิเศษ
นั่นคือการสะสมกระดูกและชิ้นส่วนของสัตว์สตาฟ สำหรับเด็ก 4 ขวบในวัยเดียวกัน
ส่วนใหญ่ก็คงจะหนีไม่พ้นกับการเล่นของเล่น หรือตัวต่อพลาสติก แต่กลับกัน เจฟฟี่ เขาชอบเล่น
โครงกระดูกแทนการเล่นตัวต่อพลาสติก สะมากกว่า
แต่พ่อเขาเห็นกลับคิดว่านั้นเป็นเพียงสัญชาติญาณการเรียนรู้ของเด็กเท่านั้นไม่มีอะไรมากหรอกน่า
ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ณ์ในครั้งนั้นได้ทำให้
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ จดจำฝั่งใจไปจนโต
และแล้วเงาหฤโหดได้ฝั่งเข้าไปในจิตวิญญาณของเจฟฟรีย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
พอถึงปี 1966 เจฟเขาอายุได้ 6 ปี
เจฟฟรีย์ต้องเข้าผ่าตัดด้วยโรคอัณฑะไม่และช่วงเวลานี้เองที่เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับหนูน้อย เจฟที่ร่าเริง แจ่มใสอยู่เสมอ กลับค่อย ๆ
กลายเป็นเด็กผอม เงียบขรึม ใจลอย ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
และเริ่มปรับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ไม่ได้ และเก็บตัว มีความเครียดทางอารมณ์ จนบางครั้งก็เหมือนหุ่นที่ปราศจากวิญญาณ
ถึงแม้ว่าในช่วงนี้เจฟฟรีย์จะเป็นทุกข์
แต่ตรงกันข้างกับสมาชิกในครอบครัวที่มีความสุขมากในช่วงนี้ไลออนเนลสำเร็จปริญญาเอกไอโอวา
ได้รับงานนักวิจัยทางเคมี และตอนนั้นจอยซ์แม่ของเขาตั้งท้องลูกคนที่สองชื่อเดวิด

จนกระทั่งอายุได้ 15 ปี
เขาเริ่มมีงานอดิเรกแปลกๆ คือ
ชอบสะสมอวัยวะของสัตว์ที่ตายแล้วโดยดองไว้ในถังพลาสติก บางครั้งก็เดินไปหาเก็บซากสัตว์มาฝังไว้ในสุสานส่วนตัว
หรือตัดหัวสุนัขมาเสียบไม้เล่น
เมื่อเจฟเข้าชั้นมัธยม
เจฟก็พอมีกิจกรรมที่จะสังสรรค์กับคนอื่น ๆ บ้าง เช่นตีเทนนิส และเข้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียน
เพื่อนร่วมชั้นสังเกตว่าเขามักปลีกตัวอยู่คนเดียวเสมอและมีท่าทางติดเหล้า
บางครั้งก็แอบมากรึ๊บในห้องเรียนด้วย
เจฟฟรีย์ถูกจับตามองว่า เป็นคนที่มีไอคิวสูง
แต่เนื่องจากสภาพจิตใจที่ไม่ปกตินักและการขาดสมาธิ ทำให้ผลการเรียนของเขาจึงไม่ดีเท่าที่ควร
หนำซ้ำเขายังก่อเรื่องมากมายจนถูกตีตราว่าเป็นเด็กมีปัญหา และในขณะเดียวกัน
ความสัมพันธ์ของบิดามารดาก็แย่ลงเรื่อยๆ จนมีการใช้เชือกแบ่งอาณาเขตในบ้าน
ในปี1978 เมื่อเจฟอายุได้ 18 พ่อแม่ของเขาอย่าขาดกัน
นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอ้างว้างสับสนและโดดเดี่ยวมากขึ้น
อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญก็ว่าได้ นั้นเป็นสาเหตุทำให้
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กลายเป็นคนต่อต้านสังคมหนักยิ่งขึ้น
เขาเริ่มออกเที่ยว ดื่มเหล้า ติดยาเสพติด
และต้องถูกพักการเรียน ซึ่งมันสร้างความเป็นทุกข์ให้กับผู้เป็นพ่ออย่างมาก
จนพ่อของเขาถึงขั้นจับเขาไปเกณฑ์ทหารเพื่อหวังว่าจะบำบัดอาการขี้เมาของเขาได้บ้าง แต่ถึงกระนั้น เข้าก็อยู่ได้เพียงไม่นาน
ก็ถูกเตะออกมาจากกองทัพเนื่องจากเขาติดสุรามาก และในปีเดียวกันนี้เองเคสแรกของเขาก็เริ่มต้นขึ้น
ในขณะที่พ่อของเขาต้องเดินทางไปทำธุระ เขาบังเอิญไปเจอคนที่โบกรถ
ขออาศัยไปด้วยที่ข้างทาง ชื่อ Steven Hicks และเจฟ
เลยเสนอตัวไปส่งแต่ก็ได้ชวนนาย Steven ไปดื่มเบียร์ที่บ้านตัวเองก่อน
แต่พอนาย Steven จะขอกลับบ้าน
เจฟ ไม่ต้องการให้กลับจึงเอาดัมเบลตีนาย
Steven จนถึงแก่ความตาย
แล้วเอาศพไปฝั่งที่สนามหลังบ้าน
เปิดประวัติ : Jeffrey Dahmer ‘เกย์ - กิน - คน’
รับชมคำบรรยายพร้อมภาพประกอบ
วันจันทร์ที่
22 ก.ค. ปี 1991 วันเริ่มต้นการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย
ตำรวจสายตรวจสองนายแห่งเมืองมิลวอกี้ ขับรถลาดตะเวนรอบ ๆ มหาวิทยาลัยมาร์เควตต์
พื้นที่ละแวกนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเขตอาญากรรมสูงที่สุดแห่งหนึ่ง วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว
ความร้อนสูงและมีความชื้นในอากาศสูงมาก จนแทบทนไม่ไหว
แถมผสมกับกลิ่นจากกองขยะและของเสียพวกฉี่ที่พวกจรจัดราดจนส่งกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนอบอวลไปหมด
เวลานั้นเป็นเวลาราว
ๆ เที่ยงคืน ขณะที่ตำรวจสองนายยังคงนั่งอยู่ในรถสายตรวจ ตะเวนสอดส่ายไปมา หาสิ่งผิดปกติหรือบุคคลน่าสงสัยนั้น
พลันก็มองเห็นชายผิวดำคนหนึ่งวิ่งกระหืบ กระหอบ ที่ข้อมือมีกุญแจมือห้อยต่องแต่งไปมา
สองนายตำรวจคิดว่าอาจเป็นคนร้ายหนีจากการจับกุม จึงรีบขับรถดักหน้า ควักเครื่องหมายตำตรวจมาให้ดู
"เฮ้ย
หยุด นี่ตำรวจ ทำผิดแล้วหนีมาเรอะ ?"
เมื่อชายผิวดำเห็นตำรวจ
แทนที่จะแสดงความตกใจกลับแสดงความดีใจเหมือนเห็นนักบุญมาโปรดสัตว์ เขายักไหล่และพูดอย่างรวดเร็ว
"ปะ เปล่า ครับ ผมชื่อ การ์ซี่ เอ็ดเวิร์ด คือผมเป็นอย่างนี้เพราะมี**บ้าคนหนึ่งจับผมใส่กุญแจไว้ในอพาร์ตเมนต์ของมัน"
เรื่องราวของเอ็ดเวิร์ดค่อยพรั่นพูดออกมา...มันส่อเค้ากระเดือดไปทางรักร่วมเพศ
"อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า"
"ไปดูซักนิดก็แล้วกัน
จะได้ไปจุดอื่นต่อ" ตำรวจคู่หูออกความเห็น
"ไปเลยครับคุณตำรวจ ออกซ์ฟอร์ดอพาร์ดเมนต์นี้เอง
ห้อง 213"
และตำรวจสองนายก็ได้เห็นภาพที่ลืมไม่ลงตลอดชั่วชีวิต
อ๊อกฟอร์ด
อพาร์ทเมนต์ เลขที่ 924 เหนือ ถนน 25
"ช่วยเปิดประตูด้วย
นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ"
ผู้เปิดประตู เป็นชายผมบลอน์อายุราว 30
ต้น ๆ แต่งกายสะอาดเรียบร้อย
"อ้าวสวัสดีครับ......
คุณตำรวจ"
ชายผู้นั้นดูดี มาดนิ่ง
พูดจาเป็นเรื่องเป็นราว น้ำเสียงก็เป็นปกติ
"มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับคุณตำรวจ"
"เราเจอเพื่อนคุณ ไม่ทราบว่าคุณกรุณาไขกุญแจมือให้ชายคนนี้ด้วยครับ"
ชายผิวดำเป็นอิสระ
แล้วรีบร้องบอกตำรวจทันที
"มันจะฆ่าผมมันเอามีดเล่มโน้นแหละมาขู่ผม
คุณตำรวจเชิญไปดูห้องนอนมันสิครับ"
"เชิญครับ"
ชายผมบลอน์เชิญตำรวจ "อ๋อ........ผม เจฟฟรีย์
ดาห์เมอร์ ครับ เข้าไปข้างในก่อนสิครับ"
สองสายตรวจก้าวเขาไปในห้อง
สายตากวาดไปรอบ ๆ อย่างที่ถูกฝึกมา ห้องเล็กๆนั้นสะเอี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อย
จนไม่อยากเชื่อว่าเป็นห้องชายโสด ปลาในตู้อ้วนแสดงถึงความเอาใจใส่
แต่เมื่อก้าวลึก ๆ เข้าไปด้านใน
กลิ่นเหม็นเน่าประหลาดผสมปนเปเตะเข้าจมูก
พลันหนึ่งในสองได้เห็นกับรูปโพลารอยด์หลายใบที่หล่นบนพื้นห้องถึงกับซ็อค ชั่วขณะ
มันเป็นภาพร่างคนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ และภาพกะโหลกแช่อยู่ในตู้เย็น
เงียบไปอึดใจหนึ่ง
แต่สำหรับตำรวจสายตรวจผู้เห็นภาพวิปริต มันช่างนานแสนนาน หลังจากรวบรวมสติอย่างเต็มกำลัง
สายตรวจตะโกนบอกเพื่อนคู่หูทันที
"เฮ้ยจับ
จับ.........จับมันใส่กุญแจมือเดี๋ยวนี้เร็วเข้า"
ชายผมบลอน์ผู้สงบเสงี่ยมสะบัดมือเต็มแรงหนีกุญแจมือที่กำลังสับลงมา
เขาสู้สุดชีวิต แต่ไม่นานก็จนมุมเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกฝึกมาชำนาญกว่า จากนั้นตำรวจนายหนึ่งก็รี่เข้าไปกระชากบานตู้เย็นออก
แล้วเขาก็ร้องออกมาสุดเสียงต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เขาเปิดตู้เย็นเต็มแรงพลางตะโกนลั่น
"เฮ้ยมันมีแต่หัวคนเต็มตู้เลย** เรียกกำลังสมทบด่วน"
ไม่กี่อึดใจอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ
ก็คลาคล่ำไปด้วยรถต่าง ๆ ทั้งไฟสัญญาณไซเรน
บนหลังคาตำรวจตัดกับสีฟ้าวาววับบนหลังคารถพยาบาล
"ดิฉัน แอนน์ อี ชว๊าทซ์
ผู้สื่อข่าว รายงานสดจากออกซ์ฟอร์ด อพาร์ตเมนต์ ห้อง 213 มิลวอกี ขอย่ำว่าดิฉันมาถึงที่นี้เป็นคนแรก
ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่กั้นเป็นพื้นที่เขตห้ามเข้า จากที่ได้เดินไปยังห้องหมายเลข
213 ดิฉันพบว่าภายในห้องเล็ก ๆ สะอาดเรียบร้อยมาก
ตั้งแต่พื้นเตียงนอนเลยที่เดียว แม้แต่ตู้ปลาก็ใสสะอาดตัด
แต่ห้องที่สะอาดนี้กลับกลิ่นเหม็นเน่าที่ตลบอบอวลไปหมด ที่มาของกลิ่นนี้
เราพบว่าเป็นตู้เย็นที่ใส่ศีรษะมนุษย์ไว้ถึง 3 หัว
ผลึกไว้ในถุงพลาสติกกับกล่องเบ็คกิ้งโซดาอย่างแน่นหนา
เจ้าของห้องพยายามพยายามดับกลิ่นนี้ด้วยการใส่โซดาปิ้งขนมปังเอาไว้หลาย ๆ
กล่องด้วยกัน"
"นอกจากนี้เมื่อเปิดเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนที่มีสายยูปิดไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อพังเข้าไปพบว่ามีหม้อใบใหญ่วางไว้ที่มุมด้านในห้องน้ำ
และเมื่อเปิดฝาดูในหม้อทำกับข้าวก็พบมือเท้าและอวัยวะเพศชายที่ถูกสับเป็นท่อนๆ
เป็นชิ้น ๆ และเริ่มเน่าเปลือยแล้วด้วย"
"ที่ชั้นวางเราพบว่ามีกะโหลกศีรษะ
2 หัววางไว้บนชั้น มีเหยือกแก้ว
ขวดใส่เอธิล แอลกอฮอล คลอโรฟอร์ม กับฟอร์มาลดีไฮด์ดองใส่อวัยวะเพศชาย
มีภาพจากภาพโพลารอยด์จำนวนมากในท่วงท่าต่าง ๆ ของเหยื่อที่เสียชีวิต
มีทั้งภาพหัวคนตัดสด ๆ วางอยู่ในอ่างล้างจาน
ภาพลำตัวที่ถูกตัดตั้งแต่คอลงไปถึงต้นขา รูปกระดูกเชิงกราน
บางภาพเป็นรูปเหยื่อที่พันธนาการเอาไว้ก่อนเสียชีวิต ร่างที่โยนไว้ในอ่างอาบน้ำ
ดิฉันได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนพูดว่า
นี้เป็นคืนนรกแตกโดยแท้"
เกริ่นไปซะตั้งนาน และนี้เป็นหัวข้อข่าวของ
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกย์กินคน และเป็นคดีที่โด่งดัง และเป็นฆาตกรที่นักจิตวิทยาอาญาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
และสาเหตุของความผิดปกติของการกินคน
เพราะจากการสืบประวัติแทบไม่มีจุดบกพร่องให้เห็นเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นฆาตกรไปได้
มันน่าสนใจจริง ๆ
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ถูกนำตัวไปโรงพัก
เขาสารภาพเรื่องราวในการสังหารเหยื่อตลอด 13 ปี
อย่างหมดเปลือก.........
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์เกิดเมื่อ 21 พฤษภาคม 1960 ในครอบครัวที่ร่ำรวยเเละการศึกษาสูง
ไลโอเนลและจอยส์ ดาห์เมอร์ ซึ่งในขณะนั้น
ไลโอเนลผู้เป็นพ่อยังเป็นนักศึกษาในมหาลัยอยู่
ซึ่งภายหลังไลโอเนลได้กล่าวในหนังสือของเขาว่า "ในตอนนั้น
พวกผมคงยังไม่พร้อมจะมีลูก" จอยส์แพ้ท้องอย่างรุนแรงและกินยาต่างๆ
วันหนึ่งถึง 26 เม็ด หลังจากที่เจฟฟรีย์เกิดมา ไลโอเนลก็ทุ่มตัวให้กับการเรียนจนได้ปริญญาบัตรดอกเตอร์ด้านการวิจัยเคมีในปี
1966 ทางด้านจอยส์นั้น
จากเดิมที่มีอาการประสาทอ่อนๆ สภาพจิตใจของเธอก็ไม่ปกตินักมาตลอด
เนื่องจากความเครียดจากการเลี้ยงบุตร และมีการทะเลาะกับไลโอเนลบ่อยครั้ง
เมื่อเธอท้องลูกคนที่สองก็ทานยาจำนวนมากอีก
และมันทำให้เธอต้องนอนอยู่เกือบตลอดเวลา
วัยเด็กของเจฟฟรีย์จึงเติบโตมาพร้อมกับมารดาซึ่งมี อาการฮิสทีเรีย
กับบิดาซึ่งยุ่งอยู่กับการวิจัยจนไม่ค่อยได้ใส่ใจครอบครัว
เจฟฟรีย์ในวัยเด็กเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวและชอบอยู่คนเดียวในป่าใกล้บ้านมากกว่าการออกไปเล่นกับเด็กคนอื่น
เขาติดใจในชุดทดลองวิทยาศาสตร์ที่พ่อซื้อให้ และเจฟฟรีเขามักจะมีงานอดิเรก
คือการเอาศพของสัตว์ตัวเล็กๆ
มาละลายด้วยกรดหรือดองฟอร์มาลีนอยู่บ่อยครั้ง
เมื่ออายุได้ 4
ปี ครอบครัวมีสาเหตุต้องย้ายไปที่อื่น
เพราะพ่อเขาได้รับตำแหน่งใหม่ที่มหาวิทยาลัยไอโอวา เสตท ในรัฐโอไฮโอ
เพื่อทำปริญญาเอก
เจฟฟรีย์ เริ่มสนใจในงานอดิเรกของพ่อเป็นพิเศษ
นั่นคือการสะสมกระดูกและชิ้นส่วนของสัตว์สตาฟ สำหรับเด็ก 4 ขวบในวัยเดียวกัน
ส่วนใหญ่ก็คงจะหนีไม่พ้นกับการเล่นของเล่น หรือตัวต่อพลาสติก แต่กลับกัน เจฟฟี่ เขาชอบเล่น
โครงกระดูกแทนการเล่นตัวต่อพลาสติก สะมากกว่า
แต่พ่อเขาเห็นกลับคิดว่านั้นเป็นเพียงสัญชาติญาณการเรียนรู้ของเด็กเท่านั้นไม่มีอะไรมากหรอกน่า
ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ณ์ในครั้งนั้นได้ทำให้
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ จดจำฝั่งใจไปจนโต
และแล้วเงาหฤโหดได้ฝั่งเข้าไปในจิตวิญญาณของเจฟฟรีย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
พอถึงปี 1966 เจฟเขาอายุได้ 6 ปี
เจฟฟรีย์ต้องเข้าผ่าตัดด้วยโรคอัณฑะไม่และช่วงเวลานี้เองที่เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับหนูน้อย เจฟที่ร่าเริง แจ่มใสอยู่เสมอ กลับค่อย ๆ
กลายเป็นเด็กผอม เงียบขรึม ใจลอย ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
และเริ่มปรับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ไม่ได้ และเก็บตัว มีความเครียดทางอารมณ์ จนบางครั้งก็เหมือนหุ่นที่ปราศจากวิญญาณ
ถึงแม้ว่าในช่วงนี้เจฟฟรีย์จะเป็นทุกข์
แต่ตรงกันข้างกับสมาชิกในครอบครัวที่มีความสุขมากในช่วงนี้ไลออนเนลสำเร็จปริญญาเอกไอโอวา
ได้รับงานนักวิจัยทางเคมี และตอนนั้นจอยซ์แม่ของเขาตั้งท้องลูกคนที่สองชื่อเดวิด
เขาเริ่มมีงานอดิเรกแปลกๆ คือ
ชอบสะสมอวัยวะของสัตว์ที่ตายแล้วโดยดองไว้ในถังพลาสติก บางครั้งก็เดินไปหาเก็บซากสัตว์มาฝังไว้ในสุสานส่วนตัว
หรือตัดหัวสุนัขมาเสียบไม้เล่น
เมื่อเจฟเข้าชั้นมัธยม
เจฟก็พอมีกิจกรรมที่จะสังสรรค์กับคนอื่น ๆ บ้าง เช่นตีเทนนิส และเข้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียน
เพื่อนร่วมชั้นสังเกตว่าเขามักปลีกตัวอยู่คนเดียวเสมอและมีท่าทางติดเหล้า
บางครั้งก็แอบมากรึ๊บในห้องเรียนด้วย
เจฟฟรีย์ถูกจับตามองว่า เป็นคนที่มีไอคิวสูง
แต่เนื่องจากสภาพจิตใจที่ไม่ปกตินักและการขาดสมาธิ ทำให้ผลการเรียนของเขาจึงไม่ดีเท่าที่ควร
หนำซ้ำเขายังก่อเรื่องมากมายจนถูกตีตราว่าเป็นเด็กมีปัญหา และในขณะเดียวกัน
ความสัมพันธ์ของบิดามารดาก็แย่ลงเรื่อยๆ จนมีการใช้เชือกแบ่งอาณาเขตในบ้าน
ในปี1978 เมื่อเจฟอายุได้ 18 พ่อแม่ของเขาอย่าขาดกัน
นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอ้างว้างสับสนและโดดเดี่ยวมากขึ้น
อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญก็ว่าได้ นั้นเป็นสาเหตุทำให้
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กลายเป็นคนต่อต้านสังคมหนักยิ่งขึ้น
เขาเริ่มออกเที่ยว ดื่มเหล้า ติดยาเสพติด
และต้องถูกพักการเรียน ซึ่งมันสร้างความเป็นทุกข์ให้กับผู้เป็นพ่ออย่างมาก
จนพ่อของเขาถึงขั้นจับเขาไปเกณฑ์ทหารเพื่อหวังว่าจะบำบัดอาการขี้เมาของเขาได้บ้าง แต่ถึงกระนั้น เข้าก็อยู่ได้เพียงไม่นาน
ก็ถูกเตะออกมาจากกองทัพเนื่องจากเขาติดสุรามาก และในปีเดียวกันนี้เองเคสแรกของเขาก็เริ่มต้นขึ้น
ในขณะที่พ่อของเขาต้องเดินทางไปทำธุระ เขาบังเอิญไปเจอคนที่โบกรถ
ขออาศัยไปด้วยที่ข้างทาง ชื่อ Steven Hicks และเจฟ
เลยเสนอตัวไปส่งแต่ก็ได้ชวนนาย Steven ไปดื่มเบียร์ที่บ้านตัวเองก่อน
แต่พอนาย Steven จะขอกลับบ้าน
เจฟ ไม่ต้องการให้กลับจึงเอาดัมเบลตีนาย
Steven จนถึงแก่ความตาย
แล้วเอาศพไปฝั่งที่สนามหลังบ้าน