มาแล้วจ้า ฝรั่งพาเที่ยว ตอนที่ 2 มาแล้วจ้า
วันนี้เราจะเป็นสาย Social Detox นะคะ โยนโทรศัพท์ทิ้งไป แล้วไปพายคายัคดูลิง เดินป่า เข้าถ้ำ นั่งดูดาว ท่ามกลางธรรมชาติกันดีกว่าค่ะ
งานนี้จะไปเป็นคู่ เป็นคี่ เป็นหมู่คณะก็สนุกเพลิดเพลินได้สุดๆเลยค่ะ เริ่มจาก ไปรับชมวีดีโอกันก่อนเลยนะคะ ตามธรรมเนียมค่ะ พี่เบนเท็น
แกทำวีดีโอ ตัวนี้ขึ้นมา ถ้าชอบกดไลค์ ถ้าใช่กดแชร์ ให้กำลังใจฝรั่งตาเขียวๆเทาๆปนฟ้า กันหน่อยนะคะ ให้แกมีพลังในการ ถ่ายทอดมุมสวยๆ
ของเมืองไทยสู่สายตาชาวโลก ไกลไปจนถึงจักรวาล DC เลยจ้าา (งานนี้ออกตังค์เอง ไม่มีสปอนเซอร์ใดๆ เช่นเคยค่ะ)
ปล. ที่พักสวยๆที่อยู่ในวีดีโอไม่ใช่ที่ ที่เราไปพักนะคะ นั้นเป็นแพที่ Henry เพื่อนของพี่เบนซินแกไปพักค่ะ ซึ่งราคาสูงกว่าที่เราไป ฮิฮิ


ทำไมต้องเขาสก?? เหตุเกิดจากพี่เบนซินแกอยากจะไปค่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง แกจองตั๋ว กทม-สุราษฎร์ธานี เรียบร้อย และหน้าที่ดิฉันคือ
หาที่พักจ้าาา ปรากฏว่า ทุกอย่างล้วนแพงจ้าาา เราไปกัน ๒ คน และแพลนคือ ๔ วัน ๓ คืน ราคา น่าขนลุกสุด เราเลยบอกพี่เบนด้า
เรา "เบนไอว่ามันแพงมากเลยอ่ะ ขนลุกเลย"
เบน "มานี่ไอจัดการเอง"
พี่เบนแกนั่งเคาะคีย์บอร์ด 2-3 ที ก็ค้นพบว่า ที่พัก+ทัวร์ราคาถูกที่เขาสกนั้นมีอยู่จริงงง เป็นที่พักที่มีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมารีวิว
คนไทยไม่ค่อยมาพักที่นี่ เพราะ สถานที่เป็นแบบพออยู่ได้ ไม่เน้นที่พักที่สวยหรู เป็นสไตล์ลูกทุ่งๆ พวกเราเป็นคนติดดินจึงไม่มีปัญหาอะไร

มาสรุปค่าใช้จ่ายกันก่อนจ้า
แพคเกจ ๓ วัน ๒ คืน คนละ 2,770฿
คืนที่ ๑ พักที่เขาสก Jungle Hut Resort ไม่รวมค่าอาหาร
คืนที่ ๒ พักที่เขื่อนเชี่ยวหลาน Smiley rafthouse (รวม รถตู้ไปท่าเรือ, เรือไป-กลับ, อาหาร, ทัวร์ในเขื่อนเชี่ยวหลาน, ที่พัก)
และพี่เบนด้าแกต้องการพักที่เขื่อนเชี่ยวหลานเพิ่มอีก ๑ คืน จ่าย เพิ่มอีก คนละ 1,500฿
รวม ๓ วัน ๔ คืน ตกคนละ 4,270฿ (ถูกกว่าเจ้าดังๆ เป็นเท่าตัวเลยค่ะ)

เอาล่ะเดินทางได้

วันที่ ๑
ขึ้นเครื่องจาก ดอนเมือง ไฟล์ท ตี ๕ ไปถึง สุราษฎร์ธานี ตอนประมาณ ๗ โมงเช้า ยังเมาขี้ตากันอยู่เลย ไอ่เราก็หาข้อมูลมาว่าจาก
Airport ไปเขาสกต้องนั่งรถไปตัวเมืองสุราษฎร์ธานี จากนั้น ก็ไปเขาสกต่อ แต่ด้วยความที่พี่เบนแกขายาว ก็ไม่ค่อยอยากนั่ง
รถตู้เท่าไหร่ แกเลยไปถามราคา Taxi เค้าเหมาไปเขาสกด้วยราคา 1,800฿ (แต่หลังจากนั้นเราขอต่อราคา
พี่เค้าเลยลดให้เหลือ 1,600฿) แต่ไปแค่ ๒ คนก็ถือว่าแพง สักพักพี่เบนนี่แกยืนหันซ้ายหันขวา ไปๆมาๆ แกได้เพื่อนฝรั่งกับคนไทย
มาแชร์ Taxi กับเรา ตกคนละ ๔๐๐ บาท (เก่งมากเจ้าเบน)

นั่งรถไปประมาณ ๒ ชั่วโมงก็ถึงเขาสก พี่เค้าส่งลงหน้าทางเข้ารีสอร์ทแแล้วเราก็เดินเข้าไปอีกนิดหน่อย ประมาณ ๙ โมงเช้าเราถึงที่พัก 
ที่นี่ดีอย่างนึงคือ มาถึงปุ๊บ check in แล้วเราได้ห้องเลย ด้วยความที่ง่วงจากภายในสู่ภายนอก ถึงห้องปุ๊บหลับเลยจ้าาา
มาดูที่พักกัน 


ข้างหลังที่พัก เป็นธารน้ำแบบนี้เลยจ้า มองไปฝั่งตรงข้ามเห็นลิงอยู่ไกลๆ


ที่พักแบบห้องแอร์ ที่เราไม่ได้พัก คนรวยๆอย่างดิฉันนอนห้องพัดลมสิค่ะ


นี่จ้าห้องพัก เก๋ไก๋ มีโชว์ศิลปะการพับผ้าเช็ดตัว จะบอกว่า มาพักที่เขาสกไม่จำเป็นต้องเลือกห้องแอร์เลยนะคะ เพราะอากาศตอน
กลางคืนเย็นมากก นอนตัวงอเป็นกุ้งกุลาดำเลยค่ะ

หลังจากนอนเต็มอิ่มแล้ว ไม่มีอะไรมากค่ะ เดินหาของกินนั้นเอง เสียดายมาก ที่เราไม่มีเวลาพอที่จะขึ้นอุทยาน ก็ได้แต่เดินไปเดินมา
ชมนกชมไม้สำรวจความงานตามธรรมชาติกันไป หมดไป ๑ วัน พักผ่อนตามอัธยาศัย พรุ่งนี้เดินทางไปเขื่อนเชี่ยวหลานจ้า

วันที่ ๒
มีรถตู้มารับที่รีสอร์ทไปที่ท่าเรือ ประมาณ ๗,๘ โมงเช้าไม่แน่ใจ มาถึงเขาสกเราต้องเสียค่าเข้าอุทยาน (อันนี้ขอโทษจริงๆค่ะจำราคาไม่ได้ ><)
จากนั้นก็นั่งเรือไปที่แพกันเล้ยยยย ต้องใส่เสื้อชูชีพทุกคนและนั่งกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยนะคะเพื่อความปลอดภัย ระหว่างทาง
ก็สวยงามตามท้องเรื่องค่ะ น้ำสีฟ้าอมเขียว ตัดกับสีเขียวชะอุ่มของต้นไม้ และ ท้องฟ้าที่แสนจะฟ๊าาาฟ้า ชีวิตนี้ยังต้องการอะไรอีกหรือ


ถึงจะฟันใหญ่ไปหน่อย แต่ก็สวยสูสีกับธรรมชาติเลยค่ะ ๕๕

พอเรามาถึงที่พัก จัดแจงแบ่งห้องพักเรียบร้อย ทานข้าวเที่ยง และไกด์ก็จะนัดเวลา มารวมตัวกัน และ ไปเดินป่า ดูน้ำตก เข้าถ้ำ ลุยโคลนกันจ้า
ที่นี่มีคนไทยมาพัก ๑ คน ถ้วน คือ ดิฉันเองจ้าาาา ที่พักเป็นแบบฟูก ห้องนึงที่จริงนอนได้ถึง ๔ คน แต่ถ้ามาแค่ ๒ คนก็จ่ายราคา ๔ คนไปจ๊ะ
มีห้องน้ำในตัว ไฟฟ้าใช้ได้หลัง ๖ โมงเย็น โทรศัพท์นี่โยนทิ้งได้ได้เลยจ้า ไม่มีสัญญาณเลยค่า ซึ่งนั่นแหละคือข้อดี เงยหน้าจากมือถือ
เเล้วคุยกับคนที่อยู่ตรงหน้าเราดีกว่า เราได้คุยกับคนรอบตัวมากขึ้น ตัดโลก Social สักพัก มันดีมากๆเลยนะ เหมือนเราได้กลับคืนสู่ธรรมชาติกันจริงๆ


เอาล่ะได้เวลาเดินป่าแล้ว 
เรานั่งเรือไปจ้า แต่ละเกาะแก่งที่นี่มีความสวยงามแตกต่างกันไป และมีความสมบรูณ์ มากๆๆๆๆ ได้ยินเสียงสัตว์ป่าตลอดเวลา
เดินป่าก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เดินตามไกด์ไปเรื่อยๆ อย่าให้หลงจากไกด์เป็นพอ เค้าจะแจกไฟฉายให้เราคนละดวง และน้ำดื่มให้เราด้วยค่ะ
มาดูป่ากัน


เดินป่าจ้า เริ่ดไหมคะซิส (รูปแคนดิดจริงๆนะ พี่เบนตาดีนแกถ่ายตอนกำลังเดิน รูปจะเบลอๆหน่อย แต่ความสวยชัดเจนค่ะ)
ในป่าเราจะได้เห็นความสมบรูณ์ของธรรมแบบสุดๆ และเห็นสัตว์ เล็กๆน้อยๆเยอะเลยค่ะ มี ปู มีผีเสื้อ มีปลา มีนก จินตนาการว่าตัวเอง
เป็นสโนวไวท์คุยกับมดกับแมง รักน้ำ รักปลา รักฉันสิค่ะ การเดินป่าครั้งนี้ เตรียมรองเท้ามาดีๆค่ะ เอาแบบลงน้ำลุยโคลนได้แบบไม่เสียดาย
สมบุกสมบันจริงๆค่ะ มีลงน้ำ ลอดถ้ำน้ำ อูยตื่นเต้น เหมือนอยู่ในหนังเรื่องอังกอร์ สนุกดีจริงๆค่ะ 

กิจกรรมเดินป่าเสร็จก็กลับที่พัก อาบน้ำชำระล้างคราบโคลน ถ้าใครอยากประหยัดเวลาก็โดดน้ำเล่นหน้าที่พักไปเลยจ้าาา


เช่นพี่เบนโตะ (เซนเซอร์หัวนมให้พี่แกหน่อย) ส่วนดิฉันเหรอค่ะ ว่ายน้ำไม่เป็นจ้าาาา ใส่ชูชีพไซส์ M โดดลงน้ำปุบ ชูชีพลอยเด้งขึ้นมา
แต่ตัวจมอยู่ข้างล่างจ้า ๕๕๕
พักผ่อนตามอัธยาศัยเรียบร้อยก็ได้เวลากินข้าวจ้า ตอนนี้เค้าเริ่มปั่นไฟให้ใช้แล้ว ก็ชาร์จแบตโทรศัพท์ให้เรียบร้อย
(เอาไว้ถ่ายรูปเฉยๆ) อาหารที่นี่ก็เป็นอาหารง่ายๆ ข้าวผัด ผัดเปรี้ยวหวาน มัสมัน ไข่เจียว แกงเขียวหวาน และผลไม้ตามฤดูกาล น้ำ ชา กาแฟ โอวัลติน ฟรีจ้า
กินข้าวเสร็จมืดเเล้ว จะนอนก็เร็วไป เลยมานั่งฟังพวกวัยรุ่นฝรั่งมาร้องเพลงดีดกีต้าร์ พูดคุยกัน เพลินๆกันไป ที่นี่ถ้าท้องฟ้าแจ่มใสจะเห็นดาวชัดมาก
นั่งๆนอนๆฟังเสียงธรรมชาติ บ้างก็มีเสียงนกเสียงลิงดังมาเป็นระยะๆ เงียบจน ไม่กล้าผายลมเลยค่ะ แต่มันชิวมา ดีมาก รู้สึกว่าเป็นการพักผ่อน
ที่เราได้พักผ่อนกันจริงๆ เอาล่ะ นอนเถิด

วันที่ ๓
เช้านี้ไกด์นัดให้มาขึ้นเรือโดยพร้อมเพรียงกันตอนประมาณ ไม่เกิน ๗ โมง เราจะไปส่องสัตว์กันจ้าาาา ไปจ้า แต่เช้านี้ท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจ
มีฝนตกรอยๆ ทำให้นกเงือก ไม่ออกมาให้เราดูเลย ล่องเรือไปเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็เจอฝูงลิงจ้าาา กำลังกินลูกมะเดื่ออยู่ จากเรือมองไป เราเห็นอยู่ไกลๆ 
กล้องโทรศัพท์เราค่อนข้างกระโหลก ถ่ายไม่เห็นเลยจ้า แต่อย่างน้อยเรารู้ว่าฝูงลิงอยู่ตรงไหนกัน เสร็จกิจกรรมส่องสัตว์ ก็กลับมากินข้าว
ประมาณ ๑๐ โมงเช้าคนที่มากับเราทั้งหมด ก็ต้องนั่งเรือกลับบ้าน แต่เรากับพี่เบนจา อยู่ต่อจ้า เราเลยได้มีเวลาทั้งวันไปพายคายัคหาลิงกัน
และเราก็เจอจ้า เจอทั้งลิงทั้งนกเงือกเลย และเจอนกฮูกด้วย แบบ Private สุดๆ กว่าจะเจอนี่ไม่ใช่ง่ายๆ(สามารถดูได้จากในวีดีโอเลยค่ะ) พี่แกทั้งแกล้งทำเสียงลิง(แต่ฟังดูแล้วเหมือนลิงเป็นหวัด) เพื่อหลอกล่อให้ลิงออกมา พายไปตามเกาะแก่งต่างๆ ไกลจากที่พักพอสมควร 


นั่นคือลิงค่ะท่านผู้ชม นางออกมาอาบแดด


สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น


ท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์นะจ๊ะ พี่เบนแกเจอขยะที่ไหนแกก็พายไปเก็บกลับมาทิ้งให้หมด


เราเป็น Uber boat จ้าพี่แกอยากได้รูปลิงมุมไหนจะสั่งให้เราพาย พาย พาย ไปตรงนั้นสิ เอียงขวา เอียงซ้าย ถอยหลังไป เอ้าเดินหน้า
ดิฉันเหนื่อยนะคะ

เอาล่ะหมดวัน กินข้าวอาบน้ำพักผ่อนจ๊ะ

วันที่ ๔
จะกลับบ้านแล้ว ฮือ วันนี้เรารีบกินข้าวแต่เช้าตรู่ แล้วออกไปพายคายัคกันอีกแล้วจ้า ไปถ่ายซ่อมจากเมื่อวานที่พี่เบนโล แกยังไม่ได้รูปลิงที่ถูกใจ
รีบพายๆๆๆ ถ่ายๆๆๆ กลับมาแพคของเตรียมขึ้นเรือจ้า ไปดูเขาสามเกลอ และถ้ำระหว่างทางกลับบ้าน


พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง 


เขาสามเกลอจ้า


มีเข้าถถ้ำอีกแล้วจ้า


ในถ้ำนี้มีแมงมุม


ตัวนี้เค้าน่ารักค่ะไม่ทำร้ายมนุษย์ (แต่ก็อย่าจับเล่นเองนะคะ ต้องอยู่ในความดูแลของไกด์นะจ๊ะ) อ่ะ จับนางมาโชว์ให้ป้าแกกถ่ายรูปกลับ
ไปอวดลูกหลานแกสักหน่อย


ที่จริงจะถ่ายเดี่ยว แกเดินมาโฟโต้บอมบ์ฉันทำไม เกร็งสุดค่ะแยกไม่ออกว่าจิกหรือเท้าเป็นตระคริว


อ่ะถ่ายเดี่ยวให้พี่เค้าหน่อย อาาาซิเพ่นยาาาาาาา(ฉากที่บาบูนออกมาอุ้มซีบราที่เชิงเขา ใน Lion King)


และสุดท้ายนี่คือความงามที่หาที่สุดมิได้ ๕๕๕๕ โอะลืมเล่าไปค่ะ ตอนไปเที่ยว ก็ประสาผู้หญิงอ่ะเน๊าะ เตรียมเครื่องสำอางค์ไปจ้า 
ก็กะว่าฉันนี่แหละต้องสวยที่สุดในเขื่อนแห่งนี้ แต่ปรากฏว่า ที่แพไม่มีกกระจกกให้จ้าาาา เครื่องสำอางค์ที่เตรียมไปไร้ความหมาย
หน้าสดไปเลยจ้า ลิงค่างกลางป่าจะได้คิดว่าพวกเดียวกัน ๕๕๕

พอกลับมาถึงฝั่งแล้วนั้น เราก็ใช้บริการรถตู้ค่ะ เค้าจะจอดเรียงรายมากมาย จากท่าเรือไป Airport 250฿ ต่อคนละ และก็กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ฉะนี้แล

หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านทั้งหลายไม่มากก็อาจจะน้อยมาก นะคะ 
และสุดท้ายแล้ว ใครอยากเห็นว่า พี่เบนจิต้า และ Henry ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างแล้ว  ติดตามใน 
facebook https://www.facebook.com/itsbetterinth ได้นะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้เค้าได้ทำวีดีโอสวยๆของเมืองไทยออกมาเยอะๆจ้า

ขอบคุณค่ะ