ส่องร่าง กม.มั่นคง-ความลับราชการฯ มรดก'รบ.ประยุทธ์'ใครเปิดเผยข้อมูลคุก 5 ปี

                 หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ พ.ศ. …. ให้กับคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว
 
                พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการ สมช. แถลงถึงร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่า ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 59 ระบุว่า รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ แต่จะเว้นข้อมูลที่เป็นความลับที่เกี่ยวกับทางราชการ จึงต้องออก พ.ร.บ.ฉบับนี้มาเพื่อชี้ให้เห็นว่า อะไรที่เป็นความลับ ความมั่นคงของราชการจะสามารถปกปิดได้ อย่างไรก็ดีเมื่อนึกถึงสิทธิประชาชนยังสามารถร้องเรียนตามระบบยุติธรรมได้ ตามหลักการของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ 
นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ถึงการ ‘ปิดหู-ปิดตา’ ไม่ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารการกระทำใด ๆ ของราชการ โดยอ้างเป็นเรื่องความลับของทางราชการ และเรื่องความมั่นคง โดยอาศัย พ.ร.บ.ฉบับนี้ ? ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ พ.ศ. …. อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ 

                หากบังคับใช้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ (ต่อไปนี้จะใช้คำว่า คณะกรรมการฯ) ประกอบด้วย เลขาธิการ สมช. เป็นประธาน รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นรองประธานฯ ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการ ให้เลขาธิการ สมช. แต่งตั้งข้าราชการของ สมช. คนหนึ่งเป็นเลขานุการ อีกสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯชุดนี้คือ พิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์ในการเปิดเผยข้อมูล 

                  หากโดนหน่วยงานรัฐปฏิเสธจะให้ โดยใช้ดุลพินิจในการพิจารณาไปตามเห็นสมควร เพื่อให้การพิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นไปโดยรวดเร็วและเที่ยงธรรม และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการฯกำหนด ซึ่งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯชุดนี้ให้ถือว่าเป็นที่สุด โดยจะมีข้อสังเกตของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ 

                    คำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯชุดนี้ ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ ให้คณะกรรมการฯมีอำนาจในการออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐส่งข้อมูลหรือเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา หรืออาจเรียกให้บุคคลใด ๆ มาชี้แจงด้วยก็ได้

                     สำหรับบทลงโทษ หากผู้ใดฝ่าฝืนให้ข้อมูลที่เป็นความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ โดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ผู้ใดที่ไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯชุดนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

                     หมายความว่า หากหน่วยงานของรัฐไม่ให้ข้อมูล เมื่ออุทธรณ์แก่คณะกรรมการฯชุดนี้แล้ว ถูกปฏิเสธ แต่ผู้ร้องขอยังคงดึงดันอยากได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าว หรือใช้วิธีการอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวอีก อาจมีความผิดไปด้วยนั่นเอง ?

                      ขณะเดียวกันผู้ใดไม่ส่งข้อมูลหรือเอกสารใด ๆ ตามคำสั่งของคณะกรรมการฯชุดนี้ หรือไม่มาชี้แจงแก่คณะกรรมการฯ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

                       นี่คือโฉมหน้าของร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ พ.ศ. .... ที่ยังคงนิยามคำว่า ‘ข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ’ อย่างคลุมเครือ ไม่มีหลักเกณฑ์ชัดเจนว่า ข้อมูลแบบใดเข้าข่ายดังกล่าวบ้างยกตัวอย่าง 

                         หากสื่อมวลชนหรือภาคประชาชนเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ที่ส่อหรืออาจจะมีการทุจริต อาจถูกอ้างว่า เป็นการเปิดเผยข้อมูลความมั่นคงของรัฐหรือความลับของราชการ อาจถูกดำเนินคดี ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี
ที่สำคัญตามร่างกฎหมายฉบับนี้ยังปฏิเสธอำนาจของศาลปกครองให้คณะกรรมการฯมีอำนาจเบ็ดเสร็จไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลในการวินิจฉัยว่า ข้อมูลข่าวสารใดเป็นเรื่องความมั่นคงหรือความลับของทางราชการ

                         อย่างไรก็ดีร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังคงอยู่ในการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา คงต้องรอการพิจารณาแล้วเสร็จ ก่อนตีกลับให้รัฐบาล และชงเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป 

                         หลังจากนี้ต้องจับตาดูว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะมีการแก้ไขรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมบ้าง หรือจะเป็นแค่เครื่องมือ ‘ปิดหู-ปิดตา’ ประชาชนเท่านั้น ?

https://www.isranews.org/isranews/74889-isranews878-74889.html
อ้างอิงจาก สำนักข่าวอิศรา
                                                                     มีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ?กับ กม.ฉบับนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่